บทที่ 43 มอบหัวใจของเจ้าให้กับกษัตริย์องค์นี้
เฟิ่งหยินซวงไม่ได้ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่มากนัก สิ่งที่นางกังวลตอนนี้คืออาการบาดเจ็บของจุนโมเชนมากกว่า
แผลบนฝ่ามือของเขาค่อนข้างลึกและยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด มันจึงทำให้นางรู้สึกไม่ดี
เขาปกป้องนางโดยไม่คำนึงถึงตัวเองเลยสักนิด เพราะเขาเอามือไปรับมีดแทนนาง มันเลยทำให้เขาบาดเจ็บเช่นนี้ ดังนั้นนางก็ควรจะขอบคุณเขาที่ช่วยชีวิตนาง
เมื่อเห็นว่าเฟิ่งหยินซวงง่วนอยู่กับการทำแผล ดวงตาของจุนโมเชนก็ฉายแววเอ็นดูเล็กน้อย
เขามองไปมือตัวเองแล้วเห็นว่าผ้าพันแผลนั้นรัดกุมและเรียบร้อยดี ซึ่งมันทำให้เขาประหลาดใจ
“ไม่น่าเชื่อว่าหลานสาวคนเดียวของตระกูลเฟิ่ง ผู้ได้รับการปรนนิบัติมาตั้งแต่เด็กจะทำสิ่งนี้ได้ ดูเหมือนข้าจะได้แต่งงานกับหญิงสาวที่มีเจ้าธรรมและความสามารถเข้าเสียแล้ว”
ได้ยินแบบนั้นเฟิ่งหยินซวงก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เขา
“ท่านจะตายไหม ถ้าข้าจะขอให้ท่านเลิกถากถางข้า”
จุนโมเชนยกยิ้มมุมปากให้กับคำพูดรุนแรงจากนาง ที่เขาพูดแบบนั้นเพราะอยากให้บรรยากาศตึงเครียดและหนักอึ้งในตอนแรกบรรเทาลง และดูเหมือนเขาจะทำมันสำเร็จ
“ข้าชื่นชมเจ้าอย่างชัดเจนว่าเจ้าทั้งมีเจ้าธรรมและมีความสามารถ เช่นนั้นมันจะเป็นคำถากถางไปได้อย่างไร? เจ้าทำให้สามีของเจ้าเสียใจมาก ซวงเอ๋อร์ เจ้าไม่คิดจะทำอะไรเพื่อข้าบ้างหรือ”
“หมายความว่าอย่างไร?”
เฟิ่งหยินซวงขมวดคิ้วในทันที แม้วันนี้นางจะมาเพื่อขอร้องเขา แต่นางก็ไม่ได้จะยอมเขาทุกอย่าง
“อย่าลืมว่าข้าได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเหลือเจ้า เจ้าก็ควรจะรับผิดชอบ”
“คนของท่านเป็นคนแทงท่านเอง มันเป็นเพราะความหละหลวมของท่านที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า แม้ดูเหมือนข้าจะต้องรับผิดชอบ แต่ความจริงข้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย นอกจากนี้ ในฐานะกษัตริย์ผู้สง่างามแห่งชิงผิง ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม ศิลปะการต่อสู้ของท่านไม่ควรเป็นสองรองใคร แต่การที่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สามารถแทงท่านได้อย่างง่ายดายแบบนี้ มันจะไม่ดูผิดปกติเกินไปหรือ?”
ใช่ นางไม่ได้โง่ขนาดนั้น แม้จะรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ แต่นางก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาจงใจจะเจ็บตัวหรือเปล่า คนอย่างเขาไม่น่าพลาดท่าโดนทำร้ายได้ง่าย ๆ แบบนี้ นี่คงไม่ใช่ ‘แผนลวง’ ของเขากระมัง?
“โอ๊ย!” จู่ ๆ เขาก็ยกมือกุมหน้าอกตัว แล้วทำสีหน้าเจ็บปวด
“ท่าน…เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เฟิ่งหยินซวงยังคงไม่วางใจ เมื่อครู่เขายังปกติดีอยู่เลย เขาจะป่วยได้อย่างไร?
ไม่ทันตั้งตัว เขาก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ มือของเขาสั่นอย่างรุนแรง แม้แต่ถ้วยชาบนโต๊ะเขาก็ทำมันหล่นลงกับพื้นโดยไม่ตั้งใจ
นางรีบคว้ามือเขามาจับไว้แน่น มันเย็นเฉียบจนนางเริ่มใจเสีย
“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า” เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “เมื่อเช้านี้ ข้าตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่เพราะข้ารู้ว่าเจ้าจะมาหา ข้าจึงลุกมารอเจ้า ส่วนเรื่องเยวอิ้ง นางเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองจริง ๆ ถึงกล้าทำเรื่องแบบนี้ ข้าสั่งลงโทษนางแล้ว ข้าสัญญาว่านางจะไม่สามารถทำร้ายเจ้าได้อีก”
ได้ยินแบบนั้น เฟิ่งหยินซวงก็ยิ่งรู้สึกผิดอยู่ในใจ เขายังคงยืนกรานที่จะได้พบนางทั้งที่กำลังไม่สบาย ทั้งยังลุกขึ้นมาปกป้องนางทั้งที่ร่างกายของเขาไม่ปกติ นางมองเขาแง่ร้ายเกินไปจริง ๆ
“ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังป่วย เพื่อไม่เป็นการรบกวนท่าน ข้าจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย”
พูดจบนางก็ทำท่าจะวิ่งไปที่ประตู แต่ก็ถูกเขาจับแขนไว้เสียก่อน
“เจ้าช่วยหยิบยาให้ข้าที ในลิ้นชักที่สามข้าง ๆ ตู้ตรงนั้น ถ้าได้กินยาอาการข้าจะดีขึ้น”
เฟิ่งหยินซวงวิ่งหยิบยามาให้ตามที่เขาบอก ตอนนี้นางกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด หลังส่งตลับยาให้เขากินแล้ว นางก็รีบเทน้ำให้เขาดื่ม ไม่นานมือสั่น ๆ ของเขาก็ค่อย ๆ หยุดลง
“อาการป่วยของท่านร้ายแรงมากเลยหรือ?” นางถามอย่างระมัดระวังเพราะไม่รู้ว่าเขาเต็มใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้กับนางหรือเปล่า
“เจ้ารังเกียจข้าหรือ?”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
นางได้ยินมานานแล้วว่าเขาเป็นโรคเรื้อรังอะไรสักอย่าง และเวลาอาการกำเริบ เขาจะอยากกินเนื้อและดื่มเลือดมนุษย์ นางเพียงอยากรู้ว่าข่าวลือนี้เป็นจริงหรือไม่
“แล้วทำไมเจ้าถามข้าแบบนี้”
“ข้าถามเพราะเป็นห่วงท่านไง”
เฟิ่งหยินซวงเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเข้าใจคำพูดของนางผิด
“หรือเจ้ากำลังสนใจในตัวข้า?”
“ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจข้าผิด ข้าเป็นห่วงเพียงเพราะเป็นห่วง ท่านก็เห็นว่าเราแต่งงานกันแล้ว ถ้าท่านตาย ข้าคงต้องเป็นม่ายไปตลอดชีวิต ดังนั้นข้าจึงอยากให้ท่านมีชีวิตอยู่ ถึงร้อยปีได้ยิ่งดี”
อันที่จริงความคิดนี้ก็ไม่เลว นางไม่เคยรู้สึกอะไรกับเขาและนางก็ไม่ต้องการการผูกมัดด้วย ถึงอย่างไรตอนนี้เราสองคนก็มีผลประโยชน์ร่วมกันแล้ว แม้ว่านางจะยังไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องการเก็บนางไว้เพื่ออะไร แต่นางแน่ใจว่าเขาไม่ได้ช่วยเหลือโดยไม่หวังผลแน่ ๆ
“ดูเหมือนเจ้าจะมีความห่วงใยที่ลึกซึ้งกับข้าเหลือเกิน หมายความว่าตอนนี้เจ้ามีใจให้กับกษัตริย์ชิงผิงคนนี้แล้วใช่หรือไม่?”
ในวันนั้นเขาบอกกับนางว่าสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่รวมถึงหัวใจของนางด้วย หากนางยอมรับว่านางมีใจให้เขาแล้ว ก็หมายความว่าการแต่งงานของเราจะสมบูรณ์ และนางต้องติดอยู่กับเขาไปจนตาย แน่นอนว่าเฟิ่งหยินซวงไม่ต้องการให้มันเป็นไปในทางนั้น
“ในตอนนี้ ข้ารู้สึกนับถือและชื่นชมท่าน ท่านเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ในสนามรบ ทั้งยังมีความเป็นสุภาพบุรุษ แต่ในเรื่องความรู้สึกอื่น ๆ นั้น ข้าคงต้องใช้เวลามากกว่านี้”
เฟิ่งหยินซวงพูดด้วยน้ำเสียงสดใสและใบหน้ายิ้มแย้ม แน่นอนว่าเขาไม่หลงกลนางง่าย ๆ เขาแน่ใจว่านางกำลังเลี่ยงที่จะตอบคำถามเขา
“หมายความว่าเจ้าไม่รู้สึกอะไรกับข้าเลยหรือ?”
“ท่านเป็นคนฉลาดและเป็นนักสู้อันดับหนึ่งของหนานฉู่ คงไม่มีใครไม่รู้สึกเคารพท่าน ข้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นข้าจึง...เอ่อ…” ไม่ทันได้พูดจบ มือของเขาก็เลื่อนมาบีบเอวนางไว้แน่น
“อย่างนั้นเจ้าก็ควรรู้ว่าข้าไม่ชอบคำพูดอ้อมค้อม หากเจ้ายังไม่ตอบคำถามข้า เรื่องที่เจ้ามาร้องขอวันนี้ก็ถือเป็นโมฆะ”
“ไม่!” เฟิ่งหยินซวงหน้าเสียในทันที “ท่านสัญญากับข้าแล้วว่าจะช่วย กษัตริย์ชิงผิง เรื่องนี้สำคัญมากนะ ฉะนั้นท่านอย่า…”
“ทั้งหมดที่เจ้าบอกไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าและข้าก็ไม่คิดว่าคนอย่างหนานหยูเทียนจะเป็นภัยคุกคามต่อชิงผิงได้ แต่ว่า…ถ้าหากเจ้าตอบคำถามได้ถูกใจข้า ข้าก็อาจจะทำตามที่เจ้าร้องขอ”
ได้ยินแบบนั้นนางก็ได้แต่กำหมัด เมื่อครู่นี้พวกเรายังตกลงกันได้ด้วยดีอยู่เลย แต่จู่ ๆ เขาก็กลับคำพูด เพียงเพราะว่านางไม่ยอมตอบในสิ่งที่เขาต้องการ
“สำหรับเรื่องนั้น ท่านสัญญากับข้าแล้วว่าจะให้เวลาข้าตัดสินใจสามเดือน”
ใช่ เขาสัญญากับนางและหนานหยูเทียนต่อหน้าฮ่องเต้แล้วว่าจะให้เวลาสามเดือนสำหรับการตัดสินใจ ทั้งเรื่องที่นางขอร้องเขายังเป็นเรื่องร้ายแรงมาก เขาไม่ควรยกเรื่องนี้มาต่อรองนางจริง ๆ
“ใช่ ข้าสัญญากับเจ้าแล้ว แต่เจ้าควรรู้ไว้ด้วยว่าข้าไม่ได้มีความอดทนมากนัก หากเจ้าต้องการหลอกใช้ข้า เจ้าก็ควรคำนึงถึงผลลัพธ์ของมันด้วย”
เฟิ่งหยินซวงเม้มปาก นางรู้ดีว่าการดึงเขาเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้นางจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง
แต่เพื่อตระกูลเฟิ่งของนาง ไม่ว่าอะไรนางก็ยอมแลกทั้งนั้น
“ตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน ท่านก็น่าจะรู้ว่าหัวใจของข้ามันตายไปแล้ว สิ่งที่ท่านต้องการข้าคงไม่สามารถให้ท่านได้ในตอนนี้”
“อย่างนั้นหรือ? แล้วถ้าข้าทำให้หัวใจของเจ้าคืนชีพขึ้นมาได้ล่ะ?”
นางมองเขาด้วยสายตาสับสน แต่แววตาของเขากำลังบอกนางว่าเขาจริงจัง
เฟิ่งหยินซวงก้มหน้าหลบตาเขาในทันที แต่ก็ถูกเขาช้อนคางให้เงยขึ้นมาสบตากันอีกครั้ง
“ถ้าข้าสามารถคลายปมในใจของเจ้าได้ เจ้าจะมีใจให้ข้าหรือไม่?”
ริมฝีปากบางเม้มแน่น นางสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะสบตาเขาอีกครั้งด้วยสายตาแน่วแน่
“ถ้าท่านทำได้ ไม่ว่าท่านต้องการสิ่งใด ข้าก็จะมอบให้ท่านทุกอย่าง”