บทที่ 42 คู่รักเจอกันเพราะหึงหวง
ในช่วงสามวันของการพักฟื้น เฟิ่งหยินซวงใช้เวลานี้คิดแผนการที่จะแก้แค้นสองแม่ลูกนั่น
สิ่งที่นางได้รู้มาจากในชีวิตที่แล้วคือหนานหยูเทียนซุ่มตั้งกองกำลังทหารกลุ่มหนึ่งของตัวเองไว้ในที่ที่ไม่มีใครรู้
ในตอนนั้น การที่เขาสามารถก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ได้สำเร็จ ไม่ใช่เพียงพึ่งพาการสนับสนุนจากตระกูลเฟิ่ง แต่เขายังมีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งอยู่ในมือด้วย
องค์ชายสามที่เป็นคนเข้าถึงได้ง่าย เจ้าเสน่ห์ และสง่างาม
ใครเลยจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว เขาเป็นคนน่ากลัวเพียงใด
เฟิ่งหยินซวงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรอบคอบ การซ่องสุมกองกำลังเป็นเรื่องใหญ่มาก และนางต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างระมัดระวังที่สุด
นางไม่อยากให้ตระกูลเฟิ่งเป็นผู้เปิดโปงเรื่องนี้เพราะมันอาจส่งผลที่คาดไม่ถึงให้กับครอบครัวนางได้ หากฮ่องเต้เกิดปกป้องหนานหยูเทียนขึ้นมา ตระกูลเฟิ่งจะตกเป็นเหยื่อของเรื่องนี้แทน
แล้วใครจะเป็นคนที่นางสามารถบอกเรื่องนี้ได้มากที่สุด?
ฉับพลันนางก็นึกถึงเจ้าของร่างกายสูงโปร่งและสวมหน้ากากหมาป่าปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ
ดวงตาของเฟิ่งหยินซวงเป็นประกายวาววับ
อย่างไรเสีย เขาก็รู้แล้วว่านางไม่ได้ชอบหนานหยูเทียน ทั้งเขาเคยช่วยเหลือนางไว้เสียหลายครั้ง ที่สำคัญที่สุดคือเขามีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ ซึ่งหากเกิดอะไรขึ้นมา อย่างน้อยนางก็มีกองกำลังที่พอจะปกป้องนางและตระกูลเฟิ่งได้
ยิ่งไปกว่านั้นหนานหยูเทียนยังเป็นคนทะเยอทะยานและไร้ความปรานี ถ้าเขาขึ้นครองบัลลังก์ได้จริง ๆ โอกาสที่เขาจะกำจัดคนที่ไม่ชอบก็มีสูงมาก ต่อให้เป็นกษัตริย์ชิงผิงที่น่าเกรงขาม เขาก็อาจถูกสังหารได้อย่างแน่นอน
จุนโมเชนเป็นคนฉลาด ตราบใดที่เขาเข้าใจในสิ่งที่นางต้องการบอก ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยดี
คิดได้เช่นนั้นเฟิ่งหยินซวงก็ลุกขึ้นแล้วค่อย ๆ เดินออกจากห้องไป
“เตรียมเกี้ยวที ข้าจะออกไปข้างนอก!”
ณ ชายป่าด้านหลังของวังชิงผิง ปรากฏเด็กสาวในชุดสีฟ้าคนหนึ่ง กำลังวิ่งเอามือระยอดหญ้าด้วยความสดใส
นางคนนั้นดูกระปรี้กระเปร่า งดงาม และเต็มไปด้วยพลัง ดวงตากลมโตของนางเปล่งประกาย สะท้อนความคล่องแคล่วว่องไวและมั่นใจในตนเองที่สุด
นางกึ่งวิ่งกึ่งกระโดดไปเรื่อย ๆ จนไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้บานเล็กที่จะพาเข้าไปยังเขตรั้ววังชิงผิง มือบางเอื้อมขึ้นหมายจะดันมันให้เปิดออก แต่ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกมือใหญ่อีกข้างหนึ่งพุ่งเข้ามาคว้าข้อมือของนางไว้แน่น
“ท่านพี่!” นางโวยลั่นอย่างไม่พอใจ “ท่านพี่ให้ข้าเข้าไปหาท่านชายเถิด ข้าไม่เจอเขามาหนึ่งเดือนได้แล้ว ข้าอยากพบเขาจะแย่”
“เยวอิ้ง เจ้ากำลังเอาแต่ใจตัวเอง! ท่านชายกำลังคุยเรื่องสำคัญอยู่ เจ้าไม่ควรรบกวนท่าน”
ได้ยินแบบนั้น นางทำหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจทันที
“ข้าไม่สน”
“เยวอิ้ง!”
“หลีกไปท่านพี่ ข้าจะเข้าไปหาท่านชาย!”
สุดท้ายก็นางก็ผลักมือของเขาออกอย่างแรงแล้วบุกเข้าไปในสวนด้านหลัง ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ตำหนักส่วนตัวของจุนโมเชน
“เยวอิ้ง! หยุดเดี๋ยวนี้!”
เยวฉีที่วิ่งตามนางมาติด ๆ รู้สึกหมดหนทางเป็นอย่างมาก นี่เป็นคำสั่งของท่านชายที่ห้ามใครรบกวนโดยเด็ดขาด แม้เยวอิ้งจะเป็นน้องสาวที่เขาเอ็นดูมาก แต่นางก็ไม่ควรขัดคำสั่งเจ้านาย
สองพี่น้องวิ่งไล่กันมาจนถึงหน้าห้องรับแขกในตำหนักส่วนตัวของจุนโมเชน
และเพราะเกิดเสียงความเคลื่อนไหวที่ด้านนอก ทำให้คนที่อยู่ด้านในตกใจเป็นอย่างมาก ฉับพลันประตูห้องโถงก็ถูกเปิดออกอย่าแรง
“ท่านชาย!”
ทันทีที่เห็นหน้าจุนโมเชน ดวงตาของเยวอิ้งก็เป็นประกายวาววับ นางทำท่าจะเดินเข้าไปในห้อง แต่เมื่อหันไปเห็นหญิงสาวในชุดสีแดงที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา ดวงตาที่เป็นประกายสดใสก็แข็งกร้าวขึ้นมาในทันที
เยวอิ้งหยิบมีดพกที่เหน็บอยู่ตรงเอวขึ้นมา แล้วปามันใส่ผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเฟิ่งหยินซวงไม่ทันได้ตั้งตัว นางรู้เพียงว่าความตายกำลังพุ่งตรงเข้ามาหา
ทันใดนั้นนางก็ถูกใครบางคนดึงไปกอด เขาคว้าตัวนางมาแนบอกแล้วหันกลับไปอีกทางได้ทันเวลา ทำให้ปลายมีดเฉียดหน้านางไปเพียงเล็กน้อยแล้วฝังเข้ากับผนังห้อง
เยวอิ้งเมื่อเห็นพวกเขากอดกันนางก็โมโหยิ่งกว่าเดิม นางล้วงเอามีดอีกเล่มหนึ่งขึ้นมาถือไว้ แล้วพุ่งเข้าไปหาเฟิ่งหยินซวงอย่างจงใจ
ในเวลานี้จุนโมเชนโกรธจัดอย่างเห็นได้ชัด เขากอดเฟิ่งหยินซวงเอาไว้แน่น แล้วเอื้อมมือไปปัดมีดในมือของเยวอิ้งอย่างแรงจนมันกระเด็นลงบนพื้น พร้อมเลือดสีแดงสดไหลหยดตามลงไป
“ท่านชาย!”
เยวอิ้งตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าเขาบาดเจ็บ
“ข้าขอโทษ! ท่านเจ็บมากหรือไม่!”
เฟิ่งหยินซวงเองก็ตกใจไม่แพ้กัน นางไม่คิดว่าเขาจะยอมเจ็บตัวเพื่อปกป้องนางแบบนี้ ยิ่งเห็นว่าเลือดของเขาไหลออกมาไม่หยุด นางเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้
มือสั่น ๆ เอื้อมไปจับมือเขาหมายจะดูแผลให้ แต่ก็ถูกใครอีกคนผลักตัวนางออกอย่างแรง ทำให้นางที่บาดเจ็บจากอาการขาแพลงอยู่แล้ว ล้มลงไปแขนกระแทกพื้นเสียงดังลั่น
เพราะเยวอิ้งได้รับการฝึกร่างกายมาตั้งแต่เด็ก ทำให้นางแรงเยอะมาก ความเจ็บครั้งนี้สำหรับหยินซวงจึงไม่น้อยเลย นางดันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วบิดแขนของตัวเองดู ก่อนจะเห็นว่าศอกของนางขึ้นเป็นสีแดงจัด
แผลเก่ายังทันไม่หายดี นางก็ได้แผลใหม่มาอีกแล้ว
จุนโมเชนเมื่อเห็นนางล้มลงแรงแบบนั้น เขาก็รีบเข้าไปประคองนางขึ้นมาในทันที แม้จะเลือดจะยังไหลอยู่เต็มมือ เขาก็ไม่ได้นึกสนใจเลย
“แพศยา!”
เยวอิ้งทำท่าจะเข้ามาหยุดการกระทำนี้อีกรอบ แต่ครั้งนี้จุนโมเชนไม่ใจเย็นกับนางแล้ว
“ถอยไป!!”
เขาตวาดลั่นอย่างเหลืออด เฟิ่งหยินซวงไม่เคยเห็นเขาโกรธจัดขนาดนี้มาก่อน แม้แต่เยวฉีที่อยู่กับเขามาทั้งชีวิตยังรู้สึกหวาดกลัวจนต้องรีบเข้ามาดึงน้องสาวให้นั่งคุกเข่าลงกับพื้นด้วยกัน
“ท่านชาย โปรดให้อภัยข้าและน้องสาวด้วย นางทำไปเพราะขาดสติ ได้โปรดท่านใจเย็น ๆ”
เยวอิ้งไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเขา นางโกรธ รู้สึกผิด และหวาดกลัว เขาไม่เคยทำกับนางแบบนี้มาก่อน ให้ตายเถอะ มันเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว!
“มากับข้า ข้าจะใส่ยาให้เจ้า” จุนโมเชนทำท่าจะดึงนางไปอีกทางแต่นางก็รีบรั้งเข้าไว้ก่อน
“ข้าแค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ได้มีอะไรร้ายแรง ท่านห่วงตัวท่านก่อนเถิด เลือดไหลเยอะขนาดนี้ ข้าว่าเราควรตามหมอ”
“อย่างนั้นเจ้าก็มาทำแผลให้ข้า”
“อะไรนะ!?”
“ในห้องข้ามียารักษาและผ้าพันแผล ในฐานะภรรยา เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะดูแลสามี”
ภรรยาหรือ!? คำ ๆ นี้กระตุ้นเยวอิ้งให้ร้อนใจขึ้นมากอีกครั้ง
“หมายความว่าอย่างไร? ท่านชาย ผู้หญิงคนนี้คือใคร!? นางเป็นภรรยาของท่านได้อย่างไร!?”
ให้ตายเถอะ นางไม่อยู่ที่นี่แค่เดือนเดียว ทำไมถึงมีผู้หญิงแปลกหน้ามาปรากฏตัวในฐานะภรรยาของเขาได้ นางไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยจริง ๆ
เยวอิ้งถูกส่งตัวไปสืบข่าวที่อาณาจักรอื่นเป็นเวลาหนึ่งเดือน ทำให้นางไม่รู้ข่าวของฝั่งหนานฉู่ นางจึงไม่รู้ว่าเจ้านายของนางได้รับฎีกาจากฮ่องเต้ให้แต่งงานกับหญิงสาวคนไหนอีก
“เฟิ่งหยินซวงเป็นภรรยาของข้า เป็นคนที่ข้าแต่งงานด้วย และนางจะเป็นนายหญิงของเจ้าในอนาคต เยวอิ้ง เจ้าจะกล้าไม่เคารพต่อเจ้านายของเจ้าหรือ?” จุนโมเชนพูดด้วยน้ำเสียงกดดัน
แน่นอนว่าเยวอิ้งไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ นางส่ายหัวไปมาอย่างไม่ยินยอม
กษัตริย์ชิงผิงเคยแต่งงานกับผู้หญิงมาแล้วเจ็ดคน แต่ก็ไม่มีสักคนที่ยินยอมให้เขาประกาศว่านางเป็นภรรยาเหมือนผู้หญิงคนนี้
แล้วการที่เขาโกรธนางมากเพราะนางทำให้ผู้หญิงคนนี้บาดเจ็บ มันก็เห็นได้ชัดว่านางแตกต่างกับคนอื่น ๆ อย่างไร ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน แน่นอนว่านางไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เฟิ่งหยินซวงเป็นคนฉลาด นางรับรู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้รู้สึกอย่างไรกับกษัตริย์ชิงผิง นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่ายังมีผู้หญิงที่ ‘กล้า’ จะชอบคนแบบเขา ทั้งที่มีข่าวลือน่ากลัวมากมายเกี่ยวกับตัวเขา แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังไม่นึกเกรงกลัว
“ไม่ต้องถึงกระนั้นดอก นี่เป็นครั้งแรกที่นางเจอข้า ไม่ผิดเลยที่นางจะไม่รู้ ท่านอย่าโกรธนางเลย”
นางไม่ใช่คนใจกว้าง แต่เพราะนางต้องรับมือกับคนที่ชอบยั่วอารมณ์อยู่เสมอ การที่นางแสดงออกมาอย่างชัดเจนแบบนี้ นางจึงเลือกที่จะไม่สนใจมัน
เยวฉีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับทัศนคติของเฟิ่งหยินซวง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่หลานสาวผู้เย่อหยิ่งและจองหองของตระกูลเฟิ่งหรือ? ทำไมนางไม่ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อลงโทษน้องสาวของเขา?
ถ้านางไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเฟิ่ง บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อนางก็ได้
อย่างไรก็ตาม จากคำพูดไม่ใส่ใจของเฟิ่งหยินซวง ก็ทำให้เยวอิ้งเริ่มโกรธขึ้นมาอีกครั้ง
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง! คิดว่าข้าจะขอบคุณเจ้าที่เมตตาหรือ!?”
“เยวอิ้ง เจ้าทั้งไม่เคารพองค์หญิง ทั้งยังทำให้ข้าบาดเจ็บ แล้วเจ้าจะยังไม่สำนึกผิดอีกหรือ? ทหาร…ลากนางไปโบยยี่สิบครั้งเดี๋ยวนี้” จุนโมเชนสั่งอย่างเย็นชา
เยวอิ้งเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง นี่ท่านชายสั่งลงโทษนางเพราะเฟิ่งหยินซวงหรือ?
แม้การถูกโบยเพียงยี่สิบครั้งจะไม่ทำให้นางรู้สึกอะไร แต่คำพูดของเขาก็ฟาดเข้าที่ใบหน้านางอย่างจัง และมันก็ทำให้นางเจ็บปวดไปตั้งแต่หัวจรดเท้า
นางหายไปเป็นเดือนเพื่อทำงานให้เขา แต่เขากลับสั่งลงโทษนางแบบนี้น่ะหรือ?
แม้ว่าเยวฉีอยากขอความเมตตาให้น้องสาวขนาดไหน แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นแค่ผู้ใต้บังคับบัญชา การที่เยวอิ้งทำให้เจ้านายเลือดตกยางออกแบบนี้ นางก็สมควรได้รับการลงโทษแล้ว
เยวอิ้งถูกลากผ่านหน้าเฟิ่งหยินซวงไป ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธและคับแค้น
นางจะจำหน้าผู้หญิงคนนี้ไว้ อีกไม่นาน นางจะกลายเป็นศพหญิงสาวคนที่แปดที่ตายในวังชิงผิง!