บทที่ 23: [ด่าน 1] บอสจู่โจม
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 23: [ด่าน 1] บอสจู่โจม
- ครืนนน!
ปีศาจขนาดยักษ์ที่สวมชุดเกราะขนาดมหึมา
บอส ’อัศวินเงา’ ได้ตะโกนคำรามอย่างบ้าคลั่ง
- กรร-!
ตัวตนที่ลอยอยู่เหนืออากาศตกลงสู่พื้น สั่นสะเทือนทั่วทั้งบริเวณใกล้เคียงราวกับเกิดแผ่นดินไหว เราทุกคนต่างส่ายไปมาพร้อมกัน
'บัดซบ!'
เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตตรงหน้า ตัวข้าก็สั่นเป็นอย่างมาก
มันใหญ่มหึมาเกินไปแล้ว
รูปร่างที่สูงตระหง่านของมันสูงประมาณอาคารสามชั้น ซึ่งเตี้ยกว่ากำแพงป้อมปราการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จากตำแหน่งของเราบนกำแพง เราเกือบจะสบตากับไอ้สัตว์ประหลาดนี้ด้วยซ้ำ
“เตรียมปืนใหญ่ให้พร้อม! คันศรยักษ์เล็ง!”
ข้าตะโกนใส่ทหารที่ตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบอสสัตว์ประหลาด
“เราต้องจัดการมันลงมาก่อนที่มันจะมาถึงกำแพง! รีบเตรียมตัวได้แล้ว-!”
ทหารที่สะดุ้งตกใจก็เริ่มบรรจุปืนใหญ่และลูกศร
ทว่าเมื่อพวกเขาบรรจุกระสุนและใส่อย่างใหม่ อัศวินเงาก็ได้อยู่เบื้องหน้าเราแล้ว
เปลวไฟสีฟ้าได้ร่ายรำอย่างเป็นลางร้ายภายในหมวกเกราะที่สูงตระหง่านของมัน
’เวรแล้ว!'
ข้าเกือบจะถอยกลับเพราะความกลัว แทบจะไม่สามารถพยุงตนเองไว้ได้
อย่าตกใจกับรูปลักษณ์ของมันสิ! มันก็แค่บอสด่านที่หนึ่ง แม้ว่ามันจะเป็นบอส แต่มันก็แค่ระดับ 25 เท่านั้น!
"ยิงได้! ยิงมันด้วยทุกอย่างที่มี-!”
ตามคำสั่งของข้า ทหารที่แข็งค้างกลายเป็นหินก็ได้จุดชนวนปืนใหญ่และเหนี่ยวไกคันศรยักษ์
-ตู้ม! ฟูมม!
- ฟูม-ฟูม-ฟูม …!
ปืนใหญ่ได้พ่นไฟออกมาและลูกธนูก็ลอยออกมาจากคันศรยักษ์
- ฟิ้วว! ฟิ้วว ฟิ้วว ฟิ้วว!
เนื่องจากขนาดของสิ่งมีชีวิต อัตราการโจมตีของเราจึงแม่นยำมากขึ้น กระสุนและลูกศรของคันศรยักษ์ได้พุ่งทะลวงเข้าใส่ร่างอัศวินเงา
เปลวไฟและควันได้ล้อมรอบชุดเกราะขนาดใหญ่ของมันเอาไว้
ทว่าชุดเกราะของมันแข็งแกร่งมาก มันไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย
ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!
แม้จะมีการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง แต่อัศวินเงาก็ยังคงเดินหน้าต่อไป
’มันถึกมากเกินไปแล้ว!'
ทว่าวัตถุประสงค์หลักของปืนใหญ่และคันศรยักษ์คือการขัดขวางมันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ข้าเหลือบมองไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
“ลิลลี่!”
"คะ คะ?"
ลิลลี่ดูหมดแรงจากการร่ายเวทย์ไฟเมื่อครู่ไปแล้ว แต่นางมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้สำเร็จ
“สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ชิ้นที่สาม? มันพร้อมหรือยัง?”
“เพิ่งปรับแต่งเสร็จไปค่ะ!”
“เปิดใช้งานมันเดี๋ยวนี้!”
ลิลลี่ส่งสัญญาณให้นักเล่นแร่แปรธาตุทันที พวกเขาเปิดใช้งานสิ่งประดิษฐ์ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการปรับแต่งครั้งสุดท้าย
- วู้มมมม -!
แสงอันบางเบาที่รั่วไหลออกมาจากชิ้นส่วนเทคโนโลยีเวทย์มนตร์คือแสงสีน้ำเงิน
วัตถุชิ้นที่สามที่ได้ถูกปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว
สิ่งประดิษฐ์ระดับ R เครื่องขยายเวทมนตร์!
ความสามารถของมันก็เป็นตามชื่อ มันเพิ่มผลเวทย์มนตร์ของตัวละครตัวเดียวขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น
มันเป็นเพียงการเพิ่มพลังเวทย์มนตร์แบบใช้ครั้งเดียว แต่ศักยภาพของมันนั้นยิ่งใหญ่มาก ซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งาน
"จูปิเตอร์!"
ข้าหันมองไปรอบๆ จูปิเตอร์กำลังหรี่ตาข้างเดียวของนางและพินิจพิเคราะห์อัศวินเงาเบื้องหน้าอยู่
“เจ้าฟักพอแล้วหรือยัง?”
“มากพอแล้ว องค์ชาย”
-ฟู้มม!
ประกายไฟพวยพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของแม่มดสายฟ้า
“ข้ายังไม่พร้อม แต่ข้าก็มีพลังพอแล้ว”
จูปิเตอร์นั้นพร้อม ข้าจึงหันกลับไปมองอัศวินเงาเบื้องหน้า
“เพ่งความสนใจไปที่แผ่นหน้าอกของมัน ปลดปล่อยการโจมตีที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้”
-ฟูมมม!
เครื่องขยายเวทมนตร์ได้ปลดปล่อยพลังงานขึ้นสูงสุด เป้าหมายคือใคร? จูปิเตอร์!
แสงสีฟ้าอ่อนๆ ได้ห่อหุ้มร่างของจูปิเตอร์ นางกะพริบตาครั้งหนึ่ง
"....นี่แหละ รู้สึกเหมือนได้กลับไปยุคทองของข้าเลย”
เมื่อได้รับพลังของสิ่งประดิษฐ์ จูปิเตอร์ก็กำหมัดแน่น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แสนเกรี้ยวกราด ข้าพยักหน้ายืนยัน
“ข้าคงต้องพึ่งเจ้าแล้ว”
“โปรดระวังสายฟ้าด้วยล่ะ องค์ชาย”
เมื่อจูปิเตอร์เคลื่อนไปข้างหน้า เสียงฟ้าร้องอันเป็นลางร้ายก็ดังก้องมาแต่ระยะไกล ครืน...
“หากท่านถูกโจมตี ข้าไม่รับผิดชอบหรอกนะ!”
จูปิเตอร์ยื่นมือออกไป มีสายฟ้าสีเหลืองสดใสไหลลงมาจากฟากฟ้า
ตู้ม!
ทักษะแรกของดาวพฤหัสบดี [พื้นที่แห่งการชำระ] ได้ถูกอัศวินเงาแล้ว
เดิมทีมันเป็นทักษะวงกว้าง ทว่าด้วยความที่มันมีขนาดที่ใหญ่โต จึงมีสายฟ้านับสิบฟาดลงไปที่มัน
-กรรร!
ยามนี้อัศวินเงาได้กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
สายฟ้าพุ่งเป้าไปที่แผ่นอกของมันอย่างแม่นยำ
ส่วนของแผ่นอกขนาดใหญ่ของมันเริ่มพังทลาย
ในขณะที่ชุดเกราะร่วงหล่นหายไป มันก็เผยให้เห็นร่างภูติวิญญาณที่ซ่อนอยู่ภายใน มันคือจุดอ่อน แกนวิญญาณของมันได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว
ซึ่งแกนวิญญาณจะไม่สามารถจัดการโดยทหารทั่วไปได้ ต้องเป็นเวทมนตร์หรือ...
“เดเมี่ยน ยิง!”
ทักษะอย่าง [ดวงตาพันลี้]
เดเมี่ยนประจำการอยู่ที่คันศรยักษ์แล้ว
ประกายสีขาวริบหรี่ในดวงตาสีน้ำตาลขนาดใหญ่ของเดเมี่ยนได้ปรากฏขึ้น นิ้วเรียวของเขาปล่อยไกของคันศรยักษ์ทันที
- ฟิ้ววว!
ลูกศรที่ปล่อยออกมาแทงทะลุแกนวิญญาณของอัศวินเงา
-แคร่ก...
แกนวิญญาณแยกส่วนออก รู้สึกราวกับว่าได้ยินเสียงหน้าต่างกระจกที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ อัศวินเงาตัวสั่นเทาด้วยความทรมาน
- กรรรร!
เสียงตะโกนที่เจ็บปวดของมันดังก้องไปทั่วสนามรบ
’เราจัดการมันได้แล้วเหรอ?!'
ไม่สิ มันยังคงเดินหน้ามาต่อ
ภายในหมวกของอัศวินเงา เปลวไฟในหมวกยังคงลุกโชน มันดูโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
“บ้าจริง เราแค่ทำให้มันชะงักเท่านั้น!”
- กรรร!
เสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวได้ดังขึ้น อัศวินเงายกดาบขนาดใหญ่ของมันขึ้นเหนือศีรษะ
ข้าจ้องไปที่เงาของดาบที่กำลังพุ่งเข้ามายังป้อมปราการ หากมันฟันลงมา ทั้งป้อมปราการต้องพังแน่!
"จูปิเตอร์! โจมตีอีกครั้ง!”
ข้าตะโกนออกมาอย่างเร่งรีบ และจูปิเตอร์เองเมื่อได้รับคำสั่งก็ยกมือขึ้นมาทันที
“ยกอาวุธของแกขึ้นไปบนท้องฟ้าท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนอง…แกคงต้องการอยากจะตายสินะเจ้าโง่!”
-ตู้ม!
ทักษะที่สอง [ชะล้างมลายหาย]
แม้จะไม่มีสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ แต่เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว
สายฟ้านับสิบได้แทงทะลุร่างของอัศวินเงา แกนวิญญาณที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักถูกขจัดไปทั้งหมด
- อ่า…อ๊าาาา…
ถึงแม้จะตายลงไปแล้ว แต่อัศวินเงาก็รวบรวมความแข็งแกร่งเพื่อการโจมตีครั้งสุดท้าย ฟันดาบของมันลงด้วยพลังที่เหลืออยู่ทั้งหมด
ดาบขนาดมหึมาพุ่งชนกำแพงป้อมปราการ
ข้ากัดฟันแน่น ไม่มีทางที่จะป้องกันได้แล้ว!
“ทุกคน หนี! ออกจากเส้นทางของดาบ-!”
ทหารต่างพากันตะโกนกรีดร้องออกมา กระจัดกระจายออกไปทั่วบริเวณใกล้เคียงของกำแพง
"เหวออ!"
“หลบไป-!”
เดเมี่ยนและจูปิเตอร์จับเก้าอี้รถเข็นของลิลลี่พร้อมกับรีบหนีออกไป
ลูคัสวิ่งเข้ามาหาข้าที่ยังคงเกาะอยู่บนกำแพงป้อมปราการ
“องค์ชาย! ท่านต้องรีบ…!”
- ครืนน!
ทันใดนั้นดาบมหึมาของอัศวินเงาก็ทุบเข้าไปในกำแพงป้อมปราการ
ลูคัสปกป้องข้าตามสัญชาตญาณ แต่โชคดีที่มีช่องว่างระหว่างจุดที่ดาบโดนกับจุดที่ข้ายืนอยู่ ข้าจึงสามารถหลบเลี่ยงมาได้
ทว่าแรงสั่นสะเทือนจากดาบที่เจาะกำแพงป้อมปราการก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งลูคัสและข้าล้มลง โอ๊ย!
“โอ๊ย หลังข้า…”
“ท่านไม่ได้รับอันตรายไหนใช่ไหมองค์ชาย?”
"ข้าไม่เป็นไร! แต่กำแพงป้อมปราการล่ะ?”
ครืนน…
เมื่อฝุ่นได้เลือนหายไป ตัวดาบของอัศวินเงาก็ฝังอยู่ตรงครึ่งกำแพงป้อมปราการ
ส่วนอัศวินเงายามนี้กำลังคุกเข่าอยู่นอกกำแพงป้อมปราการ
แกนกลางของมันถูกทำลายทั้งหมด แสงอันน่าขนลุกที่เคยปรากฏจากหมวกอัศวินของมันก็ได้หายไปแล้ว
ในที่สุดบอสประจำด่านก็ถูกพิชิตลง
- เอี๊ยด...
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ชิ้นส่วนของชุดเกราะอัศวินเงาเริ่มสั่นสะเทือน ชุดเกราะของมันกำลังสลายตัวอย่างรวดเร็ว
-แคร๊ง!
หลังจากที่ชิ้นส่วนชุดเกราะทั้งหมดตกลงสู่พื้น วิญญาณที่อยู่ภายในชุดเกราะก็ระเบิดออกมาพร้อมกัน
วิญญาณนับร้อยได้แผ่ตัวออกไปราวกับหมอกพิษหนาทึบ จากนั้นพวกมันก็มุ่งเป้าไปที่มนุษย์ที่ใกล้ที่สุดทันที
มนุษย์ที่ยืนอยู่ใกล้พวกมันที่สุดคือมนุษย์บนกำแพงป้อมปราการ
พวกมันกำลังพุ่งมาทางข้า
- กรรร-!
สายตาของภูติวิญญาณนับร้อยนับพันที่พุ่งเข้าใส่ข้าทำให้ข้ารู้สึกหนาวสั่นถึงกระดูกสันหลัง
ใบหน้าที่บิดเบี้ยวหลายร้อยใบหน้า แขนขาที่บิดเป็นเกลียวนับพันกำลังค้นหาเหยื่อของพวกมัน
แต่ข้ายังคงนิ่งเฉย เพราะข้ารู้ดีว่ามันคืออะไร
เมื่ออัศวินเงาตายไป มันจะปล่อยความกลัวและความสับสนออกมาเป็นวงกว้าง เป็นความพยายามที่สิ้นหวังครั้งสุดท้ายของมัน
มันไม่ใช่การโจมตีที่สร้างความเสียหาย
มันเป็นเพียงการสร้างความทุกข์ทางสถานะ ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้กำลังใจของกองทัพสั่นคลอนลง หากปล่อยให้มันกลืนกิน จิตใจอาจแตกสลายไปได้
“องค์ชาย! อันตราย!”
“ไม่เป็นไร ลูคัส”
แต่สถานะทางจิตใจไม่ส่งผลกับข้า
ลูคัสพยายามปกป้องข้า แต่ข้าก็ยักไหล่ให้เขาไป
จากนั้นข้าก็ยืนขึ้นมาและมองไปที่พวกภูติวิญญาณ
“ที่นี่คืออาณาเขตของมนุษย์”
ขณะที่พวกวิญญาณทั้งหมดได้พุ่งเข้าใส่ข้า
-กรรร-!
ทักษะติดตัวของข้า [ผู้บัญชาการผู้ไม่ย่อท้อ] ก็ปรากฏขึ้น มันเปล่งแสงสีขาวและแก้คำสาปของพวกมันทั้งหมด
พวกวิญญาณได้แตกสลายไปจากตัวข้าที่ขวางอยู่
เมื่อรับการโจมตีจากพวกวิญญษณ ข้าก็ตะโกนขึ้นมาสุดเสียง
“จงหายไปซะ เจ้าปีศาจ!”
- กรร...
วิญญาณตนสุดท้ายพุ่งเข้ามาหาข้าและสลายไป
เมื่อวิญญาณได้หายไป ความเงียบก็ปรากฏ
“…”
“…”
ทหารที่หลบอยู่รอบๆ ป้อมปราการเริ่มเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ผู้ที่หลบหนีอยู่ใต้กำแพงก็เริ่มโผล่ออกมา
“สัตว์ประหลาดล่ะ…”
“วิญญาณพวกมันไปไหน?”
“องค์ชาย…เอาชนะพวกมันได้…”
“จ…จบแล้วหรือ?”
เมื่อวิญญาณสูญสลายไป จูปิเตอร์ก็ถอนเวทสายฟ้าของนาง เมฆทะมึนบนท้องฟ้าก็เริ่มเลือนหายไป
แสงดวงตะวันได้สาดส่องผ่านเมฆออกมา
ราวกับว่าความมืดจากห่าฝูงสัตว์ประหลาดที่กลืนกินเราคล้ายเป็นเรื่องโกหก แสงแดดเจิดจ้าได้อาบกำแพงป้อมปราการที่เพิ่งถูกโจมตี
“…”
ข้ามองลงไปบนกำแพงที่แตกร้าวและมองลงไปยังทหารที่กำลังพยายามฝืนลุกขึ้นมา
จากนั้นข้าก็เลื่อนสายตาไปมองดาบของอัศวินวิญญาณที่ฝังอยู่ครึ่งกำแพง
ในหัวของข้า เอาแต่คิดว่าราคาที่ต้องใช้เพื่อซ่อมแซมกำแพงที่แตกกับค่าชดเชยทหารที่ตายไปเต็มไปหมด
แต่หากคิดแต่ปัญหาพวกนี้คงไม่ได้การ เช่นนั้นข้าจึงยกมือสูงขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา
“เราได้รับชัยชนะแล้ว!”
ข้าตะโกนออกมาสุดเสียง
“เรายื้อไว้ได้!”
แสงแดดสาดส่องลงมาจากก้อนเมฆที่ คล้ายกับกำลังส่องมาที่ตัวข้า
“เราจะมีชัยชนะต่อไป! และเราจะยืนยงต่อไป!”
ความหวาดกลัวในสายตาของทหารค่อยๆ ลดลงไป
ความสุขใจในชนะพลันปรากฏขึ้นมาแทน
ไม่ว่าจะเป็นเพราะทักษะหรือคำพูดโน้มน้าวใจของข้า ข้าก็ไม่สนใจสักนิดเดียว
“เราได้ขับไล่พวกสัตว์ประหลาดไปแล้ว!”
ข้าเพียงตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงที่สุด ใช้พลังทั้งหมดที่ข้ามี
“มีชีวิตรอดไปด้วยกัน!”
***
[ด่าน 1 – เคลียร์!]
[MVP ของด่าน – จูปิเตอร์ (SR)]
[ตัวละครที่เพิ่มระดับ]
– แอช (EX) ระดับ 8 (↑3)
– ลูคัส (SSR) ระดับ 29 (↑2)
– จูปิเตอร์ (SR) ระดับ 36 (↑1)
– ลิลลี่ (R) ระดับ 19 (↑2)
– เดเมี่ยน (N) ระดับ 20 (↑5) (สามารถเลื่อนระดับได้!)
[ตัวละครบาดเจ็บหรือถูกฆ่า]
[จูปิเตอร์ (SR)] ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
– เทน(N): ตาย
– รอน (N): ตาย
– เจีย(N): ตาย
– เป๊ก(N): ตาย
[ไอเท็มที่ได้รับ]
– หินเวทมนตร์ชุดเกราะมีชีวิต: 172
– แกนเวทย์มนตร์อัศวินเงา (SR): 1
[รางวัลการเคลียร์ด่านได้ถูกแจกจ่ายแล้ว โปรดตรวจสอบกระเป๋าเก็บของของท่าน]
– กล่องรางวัลระดับ R: 2
– กล่องรางวัลระดับ N: 3
>> เตรียมพร้อมสำหรับด่านต่อไป
>> [ด่านที่ 2: อัศวินเหล็กกล้า]