ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 279 - แค่เตือน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 281 - โมโหหิว?

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 280 - ขวานโลหิต


การเดินทางไปยังดินแดนรกร้างทางทิศเหนือนั้นไร้อุปสรรคและเงียบสงบ สิ่งที่น่าหงุดหงิดมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มันเป็นการเดินทางที่ใช้ระยะเวลานานมาก

เมื่อเดินทางออกจากสถาบันมาได้ 1 อาทิตย์ เรือเหาะที่เดวิดโดยสารมาด้วยก็ต้องลงจอดเพื่อเติมพลังงาน

ประตูห้องโดยสารเปิดออก เดวิดและนักเรียนอีกหลายคนที่โดยสารมาพร้อมกันก็ทยอยเดินออกมา ตามกำหนดการแล้ว เรือเหาะจะจอดพักอยู่ที่นี่ทั้งวัน นั่นหมายถึงผู้โดยสารทั้งหมดจะได้รับอนุญาตให้ลงจากเรือเหาะไปยืดเส้นยืดสาย หาอะไรทำก็ได้ตามที่ต้องการ ไม่ไกลจากจุดจอดเติมพลังงาน จะมีเมืองขนาดเล็กตั้งอยู่ และมันกลายเป็นจุดหมายที่เดวิดจะมุ่งไปในตอนนี้ หลังจากทนนั่งอุดอู้อยู่ในเรือเหาะมาทั้งอาทิตย์ เขาต้องหาอะไรทำเพื่อยืดเส้นยืดสายและแก้เบื่อจริง ๆ

หลังจากเข้ามาในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ เดวิดที่สะพายกระเป๋าเป้ติดหลังมาก็เลือกที่จะนั่งลงในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขาทั้งหิวและต้องการจะเปลี่ยนรสชาติจากอาหารบนเรือเหาะบ้าง

“ลูกค้าจะสั่งอะไรดีคะ?” บริกรสาวหน้าตาดีเดินเข้ามาให้บริการเดวิดที่โต๊ะ

“อืม? ที่นี่มีอาหารอะไรขึ้นชื่อบ้าง?” เดวิดถามกลับอย่างไม่รู้จะสั่งอะไร เขาไม่คุ้นเคยกับพื้นที่แถบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เดวิดเดินทางออกมาจากสถาบันด้วยระยะทางที่ต้องใช้เวลาเดินทางทั้งอาทิตย์

“ร้านเรามี ‘ปลาหิมะบิน’ ‘เนื้อกวางสีน้ำเงิน’ แล้วก็เนื้อสัตว์อีกหลายชนิดเลยค่ะ”

เดวิดพึมพำกับตัวเองอยู่เล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจได้ ต่อให้บอกรายการอาหารมาทั้งหมดร้าน เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าแต่ละอย่างรสชาติเป็นอย่างไร

“เอาเป็นเมนูแรกที่บอกมาก็แล้วกัน” เดวิดเลือกสุ่ม ๆ ไป

“ลูกค้าหมายถึงปลาหิมะบินใช่มั้ยคะ?” บริกรสาวถามยืนยัน

“อา! ใช่! จานนั้นแหละ”

“ได้เลยค่ะ แล้วเครื่องดื่มล่ะคะ? จะสั่งอะไรมาดื่มระหว่างที่รออาหารมั้ย?”

“อืม? ที่นี่มีเครื่องดื่มอะไรบ้าง?” เดวิดพลาดไปแล้ว

“เรามี ‘น้ำผึ้งราตรี’ ‘น้ำอัลมอนด์’ หรือว่าถ้าคุณลูกค้าอย่างได้อะไรแรง ๆ ก็น่าจะเป็น ‘น้ำตาไคเมรา’ เปลวเพลิงอีลันด์’ หรือไม่ก็....” บริกรสาวไล่รายการออกมายาวเหยียด มันทำให้เดวิดรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง

“พอเถอะ! ไม่ต้องบอกแล้ว เอาน้ำเปล่ามาให้ผมก็พอ” เดวิดขัดออกมาก่อนที่เธอจะได้ไล่รายการเครื่องดื่มที่มีอยู่ในร้านออกมาจนหมด แต่ละชื่อที่เอ่ยขึ้นมา เขาเดารสชาติของมันไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว

“ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ”

เดวิดพยักหน้าให้เธอ ก่อนจะบิดตัวไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยขบออกจากร่างกาย แล้วเปิดหน้าต่างโฮโลแกรมเพื่อหยิบเอาหนังสือเล่มใหญ่ออกมาเปิดอ่านฆ่าเวลา นี่เป็นหนังสือชุดที่ 3 ที่ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์มอบให้ตอนที่พบกันครั้งล่าสุด และเขาใช้มันเป็นสิ่งแก้เบื่อระหว่างการเดินทางที่ยาวนาน

บางทีเดวิดอาจจะเข้ามาในช่วงที่ผู้คนในร้านอาหารพลุกพล่านเกินไป กว่าที่น้ำเปล่าจะมาวางอยู่ตรงหน้าเขาก็ต้องใช้เวลาไปเกือบ 10 นาที เดวิดเริ่มขมวดคิ้วคิดแล้วว่าเขาจะได้อาหารที่สั่งมาตอนไหน? ก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไป จำนวนลูกค้าที่เต็มแน่นเกือบทุกโต๊ะแบบนี้ การบริการจะช้าไปบ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องที่พอรับได้อยู่

ปึง!!

ไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปอีกนานแค่ไหน แต่เสียงประตูร้านถูกเปิดออกอย่างแรงทำให้เสียงพูดคุยในร้านอาหารแห่งนี้เงียบลง ทุกสายตาพุ่งเป้าไปมองยังต้นเสียง ชายหัวโล้นที่ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นผู้เปิดประตูเดินเข้ามา รอยแผลเป็นที่พาดยาวตั้งแต่หน้าผากลงมาจนถึงแก้มทำให้ใบหน้าของชายผู้นี้ดูโหดเหี้ยมดุร้ายเป็นอย่างมาก และทำให้บรรยากาศภายในร้านเงียบลงยิ่งกว่าเดิมอีก

เดวิดเงยหน้าขึ้นมองเพียงแวบเดียวเท่านั้น เขาก้มหน้ากลับมาอ่านหนังสืออย่างไม่สนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าสถานการณ์น่าจะดูรุกลามใหญ่โตกว่าที่คิดก็ตาม

ชายหัวล้านไม่ได้มาคนเดียว ที่ด้านหลังยังมีลูกสมุนชายฉกรรจ์อาวุธครบมืออีก 14 คนตามเข้ามาด้วย ดาบ มีดสั้น ขวาน อาวุธทุกอย่างถูกกวัดแกว่งชี้ไปมาอย่างน่ากลัว

หลังจากที่เดินเข้ามาในร้านเพียงไม่กี่ก้าว ชายหัวล้านก็หยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตากวาดมองไปทั่วร้าน ลักษณะท่าทางเหมือนกับเจ้าหนี้ผู้ดุร้ายกำลังตามหาลูกหนี้อยู่ ไม่สิ! มันเป็นสายตาที่มองว่าทุกคนในร้านเป็นลูกหนี้ของเขาเสียมากกว่า ลูกสมุนทั้ง 14 คนก็ช่วยกันใช้สายตาแบบเดียวกันออกมา ถ้านี่เป็นแกงค์ทวงหนี้ คนที่ไปยืมเงินมาจากพวกเขาถือว่าโชคร้ายหนักแล้ว

“ป-ปีกโลหิต! นี่มันแกงค์ปีกโลหิต!” เสียงอันสั่นเทิ้มอุทานออกมาเบา ๆ อย่างควบคุมความกลัวของตัวเองไม่ได้

“ให้ตายสิ! ทำไมฉันถึงต้องเลือกมากินที่ร้านนี้ด้วยนะ? โชคร้ายจริง ๆ เลย!” เสียงอีกคนบ่นพึมพำออกมา

“เจ้าพวกนี้ไม่เคยออกไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มใหญ่ยกเว้นจะออกไปฆ่าคน น่าสงสัยจริง ๆ ว่าวันนี้เหยื่อจะเป็นใคร แล้วมันจะมีกี่คนกันแน่?”

‘แกงค์ปีกโลหิต’ กลุ่มอาชญากรที่มีอิทธิพลสูงสุด ตั้งตัวเองเป็นเหมือนผู้ปกครองของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ แน่นอน! นายกเทศมนตรีคนก่อนพยายามอย่างเต็มที่ เขาต้องการกำจัดกวาดล้างแกงค์ที่ก่อนอาชญากรรมอย่างโหดร้ายแกงค์นี้ให้สิ้นซากไป แต่ผลลัพธ์ที่ได้ นายกเทศมนตรีเสียชีวิตไปอย่างไม่มีใครรู้สาเหตุ

ไม่มีใครยืดหน้าออกมารับผิดชอบว่าเป็นฝีมือของตัวเอง แต่ชาวเมืองทุกคนรู้ว่าน่าจะเป็นฝีมือของแกงค์ปีกโลหิตอย่างแน่นอน

หลังจากนั้น อิทธิพลของแกงค์ปีกโลหิตก็พุ่งขึ้นทะยานฟ้า นายกเทศมนตรีคนใหม่ไม่กล้าที่จะทำอะไรมากนัก เขาไม่กล้าเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงเหมือนกับนายกเทศมนตรีคนก่อน และมันเป็นเหตุผลที่ทำให้เมืองนี้แทบจะอยู่ภายใต้อำนาจของแกงค์ปีกโลหิตไปทุกภาคส่วนแล้ว

“หยางซู่! ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!” เสียงของ ‘คลินน์’ ดังก้องขึ้นราวกับเสียงฟ้าผ่า เขาเป็นบุคคลระดับรองหัวหน้าของแกงค์นี้ ชายหัวล้านที่เป็นคนถีบเปิดประตูเข้ามา ชายผู้ที่มีฉายาว่า ‘ขวานโลหิต’

ภายในร้านอาหารแห่งนี้เงียบกริบ แม้แต่เสียงขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็ไม่มี เสียงตวาดครั้งนี้เต็มไปด้วยแรงกดดันที่ปล่อยออกมาไม่ยั้ง

“หึหึ! โผล่หน้าออกมาดูเสียดี ๆ ดูให้ชัด ๆ ว่าข้าเอาอะไรมาด้วย”

คำพูดที่เย็นเยียบถูกเอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงดีดนิ้วที่ดังขึ้น

ประตูร้านถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ชายฉกรรจ์ 2 คนโผล่เข้ามาพร้อมกับร่างที่โซมไปด้วยเลือดของผู้หญิงคนหนึ่ง เธอถูกลากเข้ามาตามพื้นอย่างโหดเหี้ยม ไม่มีใครแน่ใจด้วยซ้ำว่าเธอยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่

“ตู้หลิงเอ๋อร์!” เสียงอุทานอย่างตกใจดังขึ้น ร่างของชายหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลาก้าวออกมาจากด้านในร้าน ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธและตกใจ

“ขวานโลหิต! นี่แกหมายความว่ายังไง? ทำไมถึงต้องทำร้ายคนไม่เกี่ยวข้องด้วย?” สายตาของเขาที่มองไปยังคลิน์ มันเป็นสายตาที่ดุดันเหี้ยมเกรียม ถ้ามันเป็นมีด ชายหัวล้านคงตกตายไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ก็เพื่อลากหัวแกออกมาจากกระดองเต่ายังไงล่ะ? ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะสะเทือนเลื่อนลั่นดังออกมา ขวานสีเลือดในมือกวัดแกว่งไปมา

“หยางซู่เอ้ยหยางซู่! แกไม่เคยคิดมาก่อนหรือยังไงว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น?” สีหน้าท่าทางของคลินน์กลายเป็นเย็นชาอย่างฉับพลัย

“แกกล้าคิดที่จะต่อต้านแกงค์ปีกโลหิต แล้วไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเลยเนี่ยนะ ปัญญาอ่อนจริง ๆ” เขาแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากตัวเองอย่างพึงพอใจ

“อันที่จริง! ผู้หญิงคนนี้ก็รสชาติไม่เลวเลย รสนิยมของแกนี่ดีไม่ใช่เล่นเลยนะ ฮ่าฮ่า”

ประโยคสุดท้ายที่ถูกกล่าวออกมา มันทำให้ความอดทนอดกลั้นของหยางซู่หมดลงอย่างฉับพลัน เสียงตะโกนดังลั่นสวนออกมาจากปากของเขาทันที

“ข้าจะฆ่าแก!!”

ประกายแสงวาบจากมือของหยางซู่พุ่งตรงออกไปหาคลินน์อย่างรวดเร็ว จิตสังหารที่ทำให้หนาวเย็นจนถึงกระดูกถูกปลดปล่อยออกมาจนท่วมท้น

ติงง!!

เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่นออกมา ประกายลำแสงถูกขวานสีเลือดป้องกันเอาไว้ได้ ดาบยาวเล่มหนึ่งถูกเผยโฉมออกมา ร่างของหยางซู่พุ่งออกจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ดาบในมือเขาถูกแทงจู่โจมออกไปอย่างดุร้าย แต่มันก็ถูกขัดขวางด้วยขวานเล่มใหญ่ในมือของชายหัวล้านอย่างง่ายดาย ดูเหมือนว่ามันจะมีการเตรียมระวังเอาไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี

“ยอดเยี่ยม! ไม่เสียแรงที่ได้ฉายาว่าดาบสายฟ้า” เสียงชมดังออกมาจากปากของคลินน์ แต่รอยยิ้มบนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย

“แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่พอสำหรับการช่วยชีวิตตัวเองหรอก เกล็ดโลหิต!” พอสิ้นเสียงที่เย็นชาของเขา ร่างของชายหัวล้านก็ปรากฏเส้นสายสีเลือดขึ้น เกล็ดสีแดงเข้มเหมือนเลือดปกคลุมร่างกายในพริบตา

“เจ็ดหมัดโลหิต!” แขนที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีแดงกลายเป็นภาพเบลอ การจู่โจมที่รวดเร็วดุดันถูกปล่อยสวนออกมาแล้ว เป้าหมายของมันคือใบหน้าอันหล่อเหลาของฝ่ายตรงข้าม

หยางซู่ดีดตัวถอยออกมาอย่างไม่รีรอ เขากระตุ้นใช้พลังพันธุกรรมของตัวเองออกมาแล้วเช่นกัน ขาทั้งสองข้างหักกลับไปด้านหลังจนคล้ายกับขาของสัตว์สี่เท้า มันทำให้ความเร็วนั้นเพิ่มขึ้นจนหยางซู่หลบพ้นออกมานอกระยะการโจมตีได้ทัน

แต่ใบหน้าของเขานั้นยังมืดมนเป็นอย่างยิ่ง สายตานั้นถูกมองไปยังร่างของหญิงสาวที่นอนหมดสติอยู่อย่างห่วงใย หยางซู่รู้ดีว่าวันนี้ตัวเองไม่มีทางช่วยเธอให้หนีรอดออกไปพร้อมกันได้ และการทำอย่างนั้นจะทำให้เขาหนีออกไปจากที่นี่ไม่พ้นอย่างแน่นอน แต่! เรื่องบางอย่าง แม้จะต้องตายก็ต้องทำ!

“ดาบสายฟ้า!”

ร่างของหยางซู่กระพริบหายไปทันทีที่เท้าของเขาแตะพื้น ประกายดาบวาบยาวขึ้นมาที่หน้าของชายหัวล้านแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างกายอันกำยำใหญ่โตถูกผลักให้เซถอยหลังออกไปจากแรงปะทะ คลินน์แทบจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าการโจมตีนี้พุ่งเข้ามาตอนไหน

มันเป็นทั้งการโจมตีที่รวดเร็วและรุนแรง สีหน้าของนักเรียนจากสถาบันที่นั่งอยู่ในร้านแห่งนี้ด้วยเริ่มเปลี่ยนแปลงไปแล้ว การโจมตีนี้แม้แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะรับมือได้อย่างง่าย ๆ แน่

แต่หยางซู่ก็ต้องอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น “เป็นไปไม่ได้!!”

เหล่า ‘ผู้ชม’ ทั้งหลายก็อ้าปากค้างไม่ต่างกัน

รอยสีขาวตื้น ๆ ปรากฏยาวตั้งแต่หน้าผากลากลงมาจนถึงทรวงอกของชายหัวล้าน แต่ดาบนี้ไม่สามารถเรียกเลือดออกมาจากเขาได้แม้แต่หยดเดียว

“อั๊กก!!”

ก่อนที่หยางซู่จะคืนสติจากความตกตะลึง ท้องของเขาก็โดนอัดเข้าไปอย่างแรงด้วยหมัดของคลินน์ที่อาศัยจังหวะนี้พุ่งเข้ามาโจมตีอย่างดุร้าย ร่างของหยางซู่ร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้นอย่างหมดสภาพ เสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดรอดออกมาจากฟันที่กัดแน่นให้ได้ยินอย่างชัดเจน

“ยอดเยี่ยม! คงต้องบอกอีกครั้งว่ายอดเยี่ยม! เป็นดาบที่รวดเร็วจริง ๆ แต่รู้มั้ยว่าทำไมข้าถึงถูกส่งออกมาตามล่าแก ฮ่าฮ่า! ก็เพราะว่าไม่มีใครสามารถทะลวงการป้องกันของเกล็ดโลหิตได้อย่างไรล่ะ ฮ่าฮ่า”

คลินน์ยืนหัวเราะค้ำอยู่เหนือร่างของหยางซู่ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง เขาก้มตัวลงไปกระซิบถามด้วยเสียงที่เยือกเย็น

“แก่นพันธุกรรมของพยัคฆ์ปีกดำอยู่ที่ไหน?”

“ปล่อยตัวเธอก่อน แล้วข้าถึงจะบอกแก...” หยางซู่ต้องใช้ความพยายามไม่น้อยกว่าที่จะหลุดคำพูดออกมาจากปากได้...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด