ตอนที่ 617 มูฟวิงสตาร์
ตอนที่ 617 มูฟวิงสตาร์
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังวาดรูปคลื่นขึ้นมาเพื่อแก้ไขปริศนา เฝิงซินเหนียนก็จ้องมองไปยังอีกฝ่ายด้วยความสับสน
ฝูงชนที่ยังคงทนรออยู่ในบริเวณนั้นต่างก็มองไปยังคลื่นของเซี่ยเฟยด้วยความสับสนเช่นเดียวกัน เพราะมันไม่มีใครเข้าใจว่าตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังพยายามทำอะไร
แต่ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่เข้าใจพวกเขาก็รู้ดีว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เซี่ยเฟยสร้างรูปแบบคลื่นขึ้นมาจนเสร็จ ผลลัพธ์ของการรอคอยครั้งนี้ก็จะสิ้นสุดไม่ว่าชายหนุ่มคนนี้จะสามารถแก้ไขปริศนาได้หรือไม่ก็ตาม
เซี่ยเฟยยกมือขึ้นมาจับคางอย่างครุ่นคิดพร้อมกับดูขั้นตอนการคำนวณของโปรแกรมคลื่นที่เขาวางรูปแบบเอาไว้อย่างระมัดระวัง ก่อนที่เขาจะกดเริ่มให้โปรแกรมทำการคำนวณ ซึ่งคำตอบของปริศนาจะถูกเฉลยออกมาภายในเวลา 30 นาที
เฝิงซินเหนียนถอนตัวออกไปจากฝูงชนอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มติดต่อไปหาพ่อของเขา
“มีอะไร?” เฝิงคูชานกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เฝิงคูชานเลี้ยงลูก ๆ ขึ้นมาอย่างเข้มขวดมาก และถึงแม้ว่าเฝิงซินเหนียนจะเป็นลูกชายคนโปรดของเขา แต่ชายหนุ่มคนนี้ก็ยังคงถูกเลี้ยงดูขึ้นมาอย่างเข้มงวดมากกว่าเด็กหนุ่มจากตระกูลอื่น ๆ อยู่ดี
“ผมมีเรื่องจะรายงานครับ” เฝิงซินเหนียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เหมือนลูกชายคุยกับพ่อ แต่เหมือนลูกน้องที่กำลังคุยกับหัวหน้ามากกว่า
“มีอะไร?”
“เซี่ยเฟยที่ได้รับอันดับ 1 ของการประเมินเผ่าพันธุ์มนุษย์รอบแรกมีอะไรบางอย่างแปลก ๆ”
“บรูซบอกเรื่องที่เขาอาจจะมีความสัมพันธ์กับตระกูลสกายวิงแล้ว นอกจากเรื่องนี้มันยังมีเรื่องอื่นอีกไหม?”
“ผมไม่ได้จะรายงานเรื่องนั้น แต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเรขาคณิต”
“เรขาคณิต?”
“ใช่ครับ ย้อนกลับไปในการประเมินวันแรกเซี่ยเฟยเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวที่ส่งกระดาษเปล่าทั้ง ๆ ที่คนอื่น ๆ พยายามจะตอบคำถาม แต่เขากลับแค่มองดูคำถามและจากไปโดยไม่เขียนอะไร” เฝิงซินเหนียนกล่าว
“มันก็เป็นเรื่องปกตินี่ที่นักรบจะไม่รู้เรื่องเรขาคณิตและฉันก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมีใครตอบคำถามพวกนั้นได้อยู่แล้วนะ” เฝิงคูชานกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ผมว่ามันไม่ใช่เพราะเซี่ยเฟยไม่รู้เรื่องเรขาคณิตหรอกครับ แต่เขามีความเชี่ยวชาญเรื่องเรขาคณิตอย่างมากเลยต่างหาก พ่อลองดูตรงนั้นสิ” เฝิงซินเหนียนกล่าวพร้อมกับหันกล้องไปทางเซี่ยเฟยที่กำลังพยายามครุ่นคิดหาคำตอบ
“ตอนนี้เซี่ยเฟยกำลังพยายามแก้ไขปริศนาเรขาคณิตที่ซับซ้อนมาก ซึ่งมันเป็นปัญหาที่สมาชิกของสมาคมผู้คุมกฎไม่สามารถที่จะแก้ปริศนานั้นได้ด้วยซ้ำ ผมเชื่อว่าถึงแม้ผลลัพธ์สุดท้ายจะไม่ถูกต้องแต่ความเข้าใจในเรื่องคณิตศาสตร์และเรขาคณิตของเซี่ยเฟยจะต้องอยู่ในระดับที่น่าทึ่งมากแน่นอน”
เฝิงคูชานพยักหน้ารับและส่งสัญญาณให้ลูกชายพูดต่อ
“คำถามคือถ้าเขามีความรู้เรื่องคณิตศาสตร์มากขนาดนั้น แล้วทำไมเขาถึงส่งกระดาษเปล่า?”
“นั่นสินะ... แล้วลูกคิดว่าทำไมล่ะ?” เฝิงคูชานถาม
“ผมคิดว่ามันมีความเป็นไปได้อยู่ 2 อย่างครับ อย่างแรกคือเซี่ยเฟยรู้ดีว่าเขาไม่สามารถแก้ไขปริศนาในการประเมินได้ เขาจึงไม่อยากเสียเวลาแก้ปัญหา”
“มันก็สมเหตุสมผลดี ซึ่งถ้าหากมันเป็นแบบนี้มันก็หมายความว่าเซี่ยเฟยรู้จักตัวเองดีมาก และสามารถจัดสรรเวลาของตัวเองได้เป็นอย่างดีหลังจากใช้เวลาตัดสินใจเพียงแค่เล็กน้อย แล้วความเป็นไปได้อย่างที่ 2 ล่ะ?”
“ความเป็นไปได้อย่างที่ 2 น่าตกใจกว่าความเป็นไปได้ในข้อแรกมากครับ พวกเราทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่แล้วว่าคำถามนั้นสร้างปัญหาให้กับพวกเรามานานแล้ว และถ้าหากว่าเซี่ยเฟยเห็นคำถามและรู้คำตอบล่ะ…”
ข้อสันนิษฐานของลูกชายทำให้เฝิงคูชานชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แต่การเคลื่อนไหวเพียงแค่เล็กน้อยนี้มันก็แสดงให้เห็นว่าชายผู้นิ่งสงบมาโดยตลอดกำลังรู้สึกตกใจมากแค่ไหน
“สมมุติว่าเซี่ยเฟยรู้คำตอบแต่เลือกที่จะไม่ตอบ มันก็สามารถสรุปได้เพียงแค่อย่างเดียวว่าเขาไม่ต้องการที่จะตอบคำถาม”
“ไม่ต้องการตอบคำถาม!?”
ตอบไม่ได้กับไม่ตอบเป็น 2 เรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และผู้ที่เติบโตขึ้นมาจากตระกูลเฝิงย่อมรู้ถึงความแตกต่างของเรื่องนี้เป็นอย่างนี้
“ผมคิดว่าเซี่ยเฟยจงใจไม่ตอบคำถามเพื่อเก็บงำความลับของตัวเองเอาไว้ ซึ่งไม่ว่าสาเหตุที่เขาไม่ตอบคำถามจะคืออะไร แต่มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าเขาคนนี้เป็นคนที่ฉลาดมาก” เฝิงซินเหนียนกล่าว
เฝิงคูชานในหน้าจอเงียบไปครู่หนึ่ง เพราะเรื่องนี้มีความสำคัญมาก เขาจึงจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการพิจารณาอย่างรอบคอบ
“หลังจากนี้ห้ามไม่ให้ใครพูดเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด แล้วสั่งให้คนคอยจับตาดูเซี่ยเฟยอย่างเงียบ ๆ เอาไว้ด้วย” เฝิงคูชานกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
หลังจากวางสายเฝิงซินเหนียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่เขาพูดคุยกับพ่อเขาจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเพราะเขาต้องการให้พ่อรู้สึกยอมรับเขามากกว่าคนอื่น ๆ จนทำให้เขารู้สึกเกร็งโดยไม่รู้ตัว
“ผลลัพธ์ออกมาแล้ว!”
“ผลลัพธ์นั่นมันจะไม่แปลกเกินไปหน่อยเหรอ?”
“มันคืออะไรกันแน่?”
“รูปคลื่น? ผลลัพธ์ออกมาเป็นรูปคลื่นเนี่ยนะ!”
ฝูงชนต่างก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เฝิงซินเหนียนจึงรีบกลับเข้ามาร่วมกลุ่มกับคนอื่น ๆ ในทันที
ภาพที่เขาเห็นคือเซี่ยเฟยกำลังคัดลอกผลลัพธ์จากเครื่องคำนวณเก็บใส่ไว้ในอุปกรณ์เก็บข้อมูล จากนั้นเขาก็นำมันไปวางเอาไว้บนแท่นหินและกำลังจะเอื้อมมือออกไปเพื่อรับรางวัล
“เดี๋ยวก่อน! มันยังไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์นั้นถูกต้องตรงตามปริศนาหรือเปล่า พวกเราจะต้องรอจนกว่าผู้เกี่ยวข้องจะมาตัดสินใจ” ชายชราคนหนึ่งก้าวเท้าออกไปหยุดการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยเอาไว้
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามันจะถูกตีความออกมาจริง ๆ ภาพแฟร็กทัลนั่นซับซ้อนมากแล้วมันจะถูกตีความออกมาเป็นคลื่นแบบนั้นได้ยังไง?”
“ไอ้หนุ่มนั่นคิดจะฉวยโอกาสคว้าของรางวัลแล้วหนีไปงั้นเหรอ?”
“เขาจะสามารถถอดรหัสได้ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยแบบนั้นได้ยังไง? แม้แต่เอ็ดดี้ที่เชี่ยวชาญด้านเรขาคณิตมากที่สุดภายในสมาคมของเราก็ยังถอดรหัสจากภาพรูปนั้นไม่ได้เลย แล้วเขาเป็นใครมาจากไหนถึงคิดว่าตัวเองสามารถถอดรหัสได้แบบนี้?”
แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคำพูดจาถากถางทุกประการ แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงนั่งรออยู่เฉย ๆ อย่างสงบ
“ถ้าพวกคุณมีคุณสมบัติมากพอแล้วทำไมพวกคุณถึงไม่ลองถอดรหัสภาพนี้ดูล่ะ?” เซี่ยเฟยตอบกลับด้วยสีหน้าอันเมินเฉย จนทำให้ใบหน้าของเหล่าบรรดาชายชรารู้สึกโกรธจนเปลี่ยนเป็นสีเขียว
ถ้าพวกเขาถอดรหัสภาพนี้ได้แล้ว ทำไมพวกเขาถึงจะต้องรอมาจนถึงวันนี้ด้วย!?
ท่าทางของเซี่ยเฟยทำให้หลางซุนเย่รีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงว่าคนอื่นจะรู้ว่าเซี่ยเฟยเดินทางเข้ามาพร้อมกับเขา
‘เจ้าบ้านี่มันหาเรื่องเก่งกว่าตาแก่เซี่ยจงไห่ซะอีก นี่เขาลืมไปแล้วหรือยังไงว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน?’ เฝิงซินเหนียนคิดในใจพร้อมกับยกมือขึ้นมากุมขมับอย่างปวดหัว
“นายมีคุณสมบัติอะไรถึงมาพูดแบบนี้?! ตาเฒ่าวูดอยู่ไหนรีบไปตามเขามาเดี๋ยวนี้!”
ผู้ที่พูดประโยคนี้ขึ้นมาไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากมู่เฉียงหลิง ซึ่งเป็น 1 ใน 6 รองประธานสมาคมผู้คุมกฎและเขาก็ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสของตระกูลวิทเทอร์อีกด้วย
ก่อนหน้านี้มู่เฉียงหลิงได้ยินเรื่องระหว่างเซี่ยเฟยกับมู่ฟู่ผิงมาก่อนแล้ว เขาจึงรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเซี่ยเฟยมากนัก ซึ่งในความจริงคนส่วนใหญ่ในตระกูลวิทเทอร์ก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าชายหนุ่มด้วยเช่นกัน และในวันนี้ที่เขาได้รีบเดินทางมานั่นก็เพราะว่าเขาได้ยินว่าเซี่ยเฟยเดินทางเข้ามาในสมาคม
แต่ใครจะไปคิดว่าเซี่ยเฟยที่เขาไม่ชอบขี้หน้าจะกล้าทำตัวหยาบคายต่อหน้าผู้อาวุโสในสมาคมแบบนี้ แล้วถ้าหากว่าเซี่ยเฟยไม่สามารถที่จะแก้ไขปริศนาได้จริง ๆ เขาก็คิดวิธีจัดการกับชายหนุ่มได้หลายพันวิธี
ในเวลาเดียวกันเฝิงซินเหนียนก็เริ่มรู้สึกเสียใจที่เขาได้นำเซี่ยเฟยเข้ามาภายในงานแลกเปลี่ยนภายในของสมาคมผู้คุมกฎแบบนี้ ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็ไม่คิดอยู่เหมือนกันว่าเซี่ยเฟยจะกล้ายั่วโมโหเหล่าบรรดาผู้อาวุโสภายในสมาคมผู้คุมกฎจริง ๆ
หลังจากนั้นไม่นานฝูงชนก็เริ่มแตกออกพร้อมกับชายชราที่มีใบหน้าอันซีดเผือดกำลังเดินเข้ามา
สภาพของชายชราคนนี้มีผมเผ้าและหนวดเคราอันยุ่งเหยิง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยคล้ำคล้ายกับว่าเขาไม่ได้ดูแลตัวเองมาเป็นเวลานานแล้ว
“ตาเฒ่าวูด”
“ไม่ได้เจอกันนานเลย ตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณโอเคไหม? ทำไมคุณถึงปล่อยให้ตัวเองโทรมได้ถึงขนาดนี้”
เหล่าบรรดาฝูงชนเริ่มทักทายคนที่ชื่อตาเฒ่าวูดทีละคนอย่างสุภาพ คล้ายกับว่าเขาจะเป็นผู้มีชื่อเสียงในสมาคมมากพอสมควร
ตาเฒ่าวูดทำได้เพียงแต่ยิ้มเบา ๆ ตอบกลับคำทักทายของทุกคนกลับไป ก่อนที่เขาจะรีบมุ่งหน้าเข้าหาเซี่ยเฟยอย่างร้อนใจ
“ใครเป็นคนแก้ปริศนารูปนี้ได้?” ตาเฒ่าวูดถาม
“ผมเองครับ” เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นพร้อมกับแสดงความเคารพ
“คำตอบคืออะไร?” ตาเฒ่าวูดถามอย่างตื่นเต้น
ทุกคนต่างก็ตั้งใจฟังคำตอบของปริศนานี้อย่างตั้งใจ เพราะรูปภาพปริศนาของผู้อาวุโสวูดสร้างความสงสัยให้ทุกคนมานานแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงอยากจะรู้ว่าคำตอบของเซี่ยเฟยเป็นคำตอบที่ถูกหรือผิดกันแน่
“ผมขอพูดคุยเป็นการส่วนตัวได้ไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะเหล่สายตามองไปยังเหล่าฝูงชนที่กำลังรอฟังคำตอบจากปากของเขาอยู่
“ได้สิ ได้ ๆ ๆ” ตาเฒ่าวูดตอบกลับอย่างรวดเร็ว
คำตอบนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกผิดหวังอย่างแท้จริงและพวกเขาก็รู้ด้วยว่าเซี่ยเฟยจงใจที่จะไม่ให้พวกเขาได้ยินคำตอบ แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้นั่นก็เพราะว่าพวกเขาต้องเห็นแก่หน้าผู้อาวุโสวูดที่ยืนอยู่ตรงนี้
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยกับชายชราก็เดินเข้าไปในห้องที่เงียบสงบ โดยมีผู้คนมากมายมารออยู่บริเวณด้านนอก แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าพวกเขาจะอยากรู้มากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปยืนแอบฟังใกล้ ๆ ได้ ไม่อย่างนั้นมันก็จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพวกเขาอย่างมาก
“คนเริ่มสนใจเรื่องนี้มากขึ้นแล้วสิ หวังว่าเรื่องนี้คงจะยังไม่ไปถึงหูของตาเฒ่าตระกูลเซี่ยนะ” เฝิงซินเหนียนคิดภายในใจพร้อมกับมองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง
—
หลังจากปิดประตูเซี่ยเฟยก็ตรวจสอบสภาพแวดล้อมทั่วทั้งห้องอย่างรอบคอบ เพื่อยืนยันว่าไม่มีอุปกรณ์ดักฟังใด ๆ ถูกติดตั้งเอาไว้ จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งลงข้าง ๆ ตาเฒ่าวูดอย่างสบายใจ ซึ่งในความเป็นจริงเขาแค่ทำเป็นตรวจสอบพอเป็นพิธีไปเท่านั้นเอง เพราะในดินแดนกฎมีพลังของกฎอีกมากมายที่เขายังไม่รู้จัก ดังนั้นถ้าหากว่ามันมีใครคิดจะเข้ามาแอบฟังจริง ๆ เขาก็ไม่สามารถที่จะตรวจพบคนที่เข้ามาแอบฟังเหล่านั้นได้
“คำตอบของผมค่อนข้างจะแปลกนิดหน่อย แต่ผมอยากจะให้ผู้อาวุโสลองฟังดูก่อนครับ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น
“ลองฟังงั้นเหรอ?!” ตาเฒ่าวูดอุทานอย่างแปลกใจ ก่อนที่เขาจะหยิบหูฟังที่เซี่ยเฟยยืนให้ไปเสียบในรูหู
หลังจากนั้นท่วงทำนองของดนตรีอันไพเราะก็ดังขึ้นพร้อม ๆ กับหยดน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากใบหน้าอันแก่ชราอย่างไม่อาจจะหักห้ามได้
ตาเฒ่าวูดจับมือเซี่ยเฟยแน่นพร้อมกับส่งเสียงสะอื้นขึ้นมาเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะพยายามรวบรวมสติและกล่าวไปว่า
“เพลงนี้ชื่อเพลงมูฟวิงสตาร์ เป็นเพลงที่ลูกสาวของฉันแต่งขึ้นมาเอง”
“ฉัน... ฉันไม่คิดเลยว่ารูปที่ลูกสาวฉันทิ้งเอาไว้ให้ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตจะเป็นบทเพลงที่เธอได้แต่งเอาไว้แบบนี้…”
ตาเฒ่าวูดกล่าวพร้อมกับเว้นช่วงสะอื้นไห้เป็นระยะ โดยเขาได้เล่าให้เซี่ยเฟยฟังว่ารูปภาพปริศนารูปนั้นคือของขวัญที่ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาได้ทิ้งเอาไว้ให้ แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้วจู่ ๆ ลูกสาวของเขาก็หายตัวไปก่อนที่ร่างอันไร้ชีวิตของเธอจะถูกพบในอีกหนึ่งเดือนต่อมา
เหตุการณ์ปริศนาทำให้ตาเฒ่าวูดคิดเอาเองว่า รูปที่ลูกสาวของเขามอบเอาไว้ให้ก่อนที่เธอจะจากไปจะต้องเป็นเบาะแสอะไรบางอย่างที่ชี้นำไปยังตัวคนร้ายอย่างแน่นอน เขาจึงพยายามติดต่อหาทุกคนเพื่อให้มาตีความปริศนาในรูปภาพรูปนี้ แต่ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านพ้นมานานเกือบ 2 ปีแต่มันก็ยังไม่มีใครสามารถถอดรหัสจากภาพได้เลยแม้แต่คนเดียว
แต่ในที่สุดเซี่ยเฟยก็สามารถตีความปริศนาที่ซ่อนอยู่ในรูปภาพได้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มคนนี้ยังสามารถนำคลื่นที่ตีความออกมาได้มาสร้างเป็นท่วงทำนองอันไพเราะ จนทำให้ตาเฒ่าวูดสามารถจดจำเพลง ๆ นี้ได้ในพริบตา
“ผู้อาวุโส คุณช่วยนึกดี ๆ ได้ไหมว่าลูกสาวของคุณให้รูปภาพรูปนี้เป็นของขวัญคุณเมื่อไหร่ และท่วงทำนองของมันมีจุดไหนที่แตกต่างจากเดิมบ้าง?”
“ถ้าหากว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ในภาพเป็นเพียงแค่เพลง ๆ หนึ่งจริง ๆ ลูกสาวของคุณคงจะไม่ได้ซ่อนมันเอาไว้ในปริศนาที่ซับซ้อนมากขนาดนี้ แล้วถ้าหากว่าคุณต้องการที่จะหาคำตอบว่าลูกสาวของคุณหายตัวไปได้ยังไง คุณก็คงจะต้องเริ่มต้นจากการหาความแตกต่างของบทเพลงนี้กับบทเพลงที่คุณเคยฟังในอดีตให้ได้ซะก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยท่าทางอันเคร่งขรึม
***************
ปริศนาซับซ้อนไปอี๊ก! ขอยกธงขาวยอมแพ้อีกคน (/ω\)