1134 - หยวนกู่
1134 - หยวนกู่
การชุมนุมจะเริ่มในอีกสองสามวันและทุกกลุ่มกำลังพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ดังนั้นสถานการณ์ในทะเลสาบหยกจึงค่อนข้างสงบ
ในบรรดาอัจฉริยะฝั่งมนุษย์มีทายาทของจักรวรรดิผู้ยิ่งใหญ่เข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้สองคนเท่านั้น แต่ทั้งสองคนไม่ว่าจะเป็นหวงซูเต๋าหรือฮั่วฉีจื่อพวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะแห่งยุคที่แม้แต่ทายาทสิ่งมีชีวิตโบราณก็ยังยากที่จะเปรียบเทียบได้
คนเหล่านี้นอนหลับอยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์มานานนับแสนปี และเมื่อยุคแห่งความรุ่งโรจน์ปรากฏขึ้นอีกครั้งพวกเขาก็ตื่นขึ้นจากการหลับไหล
เย่ฟ่านและต้วนเต๋อนั่งอยู่ใต้ต้นไม้โบราณและดื่มกินอย่างมีความสุข ไม่นานหลังจากนั้นหลี่เทียนและหลี่เหอซุยก็ตามมาสมทบและร่วมสนุกสนานด้วย
“พี่วานรศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งมาก”
“พี่วานรศักดิ์สิทธิ์ครอบงำเหลือเกิน”
ทุกคนต่างรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลี่เหอสุ่ย ในอดีตบริวารของเทียนหวงจื่อไล่ล่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นเวลาหลายปี ถ้าวานรศักดิ์สิทธิ์ไม่เสียสละชีวิตตัวเองช่วยเหลือป่านนี้เขาคงตายไปตั้งแต่แรกแล้ว
“องค์ชายศักดิ์สิทธิ์ เผ่าพันธุ์ของเจ้ามีสมาชิกอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น พวกเจ้าดำรงชีวิตมาจนถึงปัจจุบันได้อย่างไร?”
หลี่เทียนแม้จะทำตัวบ้าๆบอๆ แต่กลับเป็นผู้ที่ลุ่มหลงในประวัติศาสตร์อย่างมาก ดังนั้นนับตั้งแต่ได้ยินเรื่องราวของวานรศักดิ์สิทธิ์เขาก็ให้ความสนใจกับเรื่องนี้เสมอ
วานรศักดิ์สิทธิ์พูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำถามนี้ แต่ในที่สุดก็ยอมรับว่าสายเลือดของพวกเขามีความศักดิ์สิทธิ์และแปลกประหลาด ไม่ว่าพวกเขาจะแต่งงานกับเผ่าพันธุ์ใดบุตรที่เกิดมาก็จะเป็นวานรศักดิ์สิทธิ์เสมอ
ต้วนเต๋อยิ้มและกล่าวว่า “พี่วานรภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลของเจ้าอยู่ที่ไหน? เจ้าจะพาเราไปเยี่ยมชมเมื่อใด ข้ามีความเลื่อมใสในจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ข้าอยากจะกราบหลุมศพเขาสักครั้ง”
วานรศักดิ์สิทธิ์เป็นคนที่คำนึงถึงน้ำใจของพี่น้องมากที่สุด เมื่อได้ยินคำพูดนี้เขาก็ตบไหล่ของต้วนเต๋อด้วยความซาบซึ้งและกล่าวว่า “มีโอกาส ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นทีหลัง”
“พี่วานรเจ้าอ้วนคนนี้คือโจรปล้นสุสานที่ชั่วช้าที่สุด อย่าหลงกลเขาเด็ดขาด” เย่ฟ่านรีบหยุดวานรศักดิ์สิทธิ์เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหลงกลเจ้าอ้วนต้วน
“เจ้าสงสัยในตัวข้าได้อย่างไร? ข้าแค่อยากจะสักการะความสง่างามของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นอมตะเท่านั้น!” ต้วนเต๋อกล่าวด้วยใบหน้าที่ตรงไปตรงมา
วานรศักดิ์สิทธิ์ดูไม่พอใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้มาก แต่สุดท้ายเขาก็เทสุราให้กับต้วนเต๋อแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องกังวลเมื่อถึงเวลาข้าจะพาเจ้าเข้าไปในเหมืองโบราณต้นกำเนิดอย่างแน่นอน และเจ้าต้องช่วยข้าค้นหาของบางอย่างด้วย”
“ไม่มีทาง” ต้วนเต๋อส่ายหน้าอย่างเร่งรีบ “ยกโทษให้ข้าด้วย...ข้าไม่มีวันเข้าไปในเหมืองโบราณต้นกำเนิด ต่อให้เจ้าทุบตีข้าจนตายก็ตาม”
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้าสู่ทะเลสาบหยก พวกเขาล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณที่มีฐานะโดดเด่นและทุกครั้งที่ปรากฏตัวขึ้นก็จะมีเสียงระฆังดังกึกก้อง
เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังคงรู้สึกอับอายอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นเทพสงครามคนเถื่อนที่มาถึงตั้งแต่แรกแล้ว ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตอมตะของเผ่าพันธุ์มนุษย์คนใดปรากฏอีกเลย
ในวันนี้ เกิดความวุ่นวายอีกครั้งนอกทะเลสาบหยก หยวนกู่ทายาทของจักรพรรดิจากเผ่าพันธุ์โบราณแห่งทะเลสาบหลิงหูได้ปรากฏตัวขึ้น
หยวนกู่และเทียนหวงจื่อเดินอยู่เคียงข้างกันราวกับเป็นสหายเก่า พวกเขาสนทนากันด้วยรอยยิ้มและเดินเข้าหากลุ่มของเย่ฟ่านจากระยะไกล
“นั่นคือหยวนกู่!” เย่ฟ่านมองอย่างเฉยเมย
มีผู้คนเล่าขานว่าหยวนกู่คือสิ่งมีชีวิตโบราณที่มีพรสวรรค์สูงสุด ความแข็งแกร่งของเขายากที่จะหาใครในรุ่นเดียวกันเปรียบเทียบได้
นี่คือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่มีร่างกายล่ำสัน เส้นผมสีดำของเขายาวถึงเอว ผิวพรรณเป็นสีทองแดง และมีหมอกวิเศษโอบล้อมทั่วทั้งตัวทำให้ยากจะเห็นใบหน้าอย่างชัดเจนได้
ดวงตาของเขาพิเศษมาก มีดวงอาทิตย์สีดำอยู่ในดวงตาด้านซ้ายและมีพระจันทร์สีเลือดอยู่ในดวงตาด้านขวา หากผู้บ่มเพาะระดับต่ำมองดวงตาของเขาด้วยความประมาทวิญญาณของคนผู้นั้นก็อาจจะถูกดูดกลืนเป็นเครื่องบำรุงของหยวนกู่ได้เลย
เขายืนมองกลุ่มของเย่ฟ่านด้วยสีหน้าเย็นชา เห็นได้ชัดว่าได้รับการบอกเล่าข้อมูลบางอย่างจากเทียนหวงจื่อที่อยู่ด้านข้างและทำให้เขาไม่พอใจวานรศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก
หลังจากที่ก้าวเข้าสู่ทะเลสาบหยกสถานที่แรกที่เขาไปก็คือบริเวณที่กลุ่มของวานรศักดิ์สิทธิ์นั่งอยู่ แน่นอนว่าการกระทำนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากเกิดความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
“นี่คือเรื่องไร้สาระอย่างแท้จริง ในงานชุมนุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้ทุบเผ่าพันธุ์สถาปนาความสามัคคีขึ้น แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีจำนวนมากที่สุดกลับมีเพียงเทพสงครามคนเถื่อนที่เป็นสิ่งมีชีวิตอมตะเพียงคนเดียว!”
หยวนกู่เยาะเย้ยเสียงดัง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่แยแสในขณะที่กล่าวต่อไปว่า “ดูตอนนี้สิแม้กระทั่งราชาของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ยังแทบไม่มีสักคน เห็นทีการชุมนุมครั้งนี้คงไม่มีที่นั่งสำหรับมนุษย์แล้ว!”
ผู้บ่มเพาะจำนวนมากรู้สึกโกรธแค้นในคำพูดของเขา แต่นี่ก็เป็นความจริงเช่นกัน ในเผ่าพันธุ์มนุษย์ดูเหมือนจะไม่มีราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถคุกคามความปลอดภัยของเผ่าพันธุ์โบราณได้เลย
“เจ้าคือหยวนกู่ที่ถูกผ่าออกมาจากแตงโมลูกนั้น? หากข้ารู้ว่าเจ้าจะเติบโตมาเป็นไอ้สารเลวแบบนี้ข้าคงบีบคอเจ้าตายตั้งแต่แรกแล้ว? อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังคงไม่สายเกินไป เข้ามาเถอะข้าจะส่งเจ้าออกเดินทางไปพบกับบิดาซึ่งรอเจ้าอยู่ในนรก”
ต้วนเต๋อตะโกนและชี้ไปที่จมูกของหยวนกู่ด้วยท่าทางหยิ่งผยอง การกระทำของเขาทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก
หลี่เทียนและหลี่เหอซุยต่างก็รู้ว่าต้วนเต๋อเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณตัวปลอม แต่ในเมื่อเย่ฟ่านไม่มีท่าทีอย่างไรพวกเขาก็ทำได้เพียงนั่งรอดูความเปลี่ยนแปลงเท่านั้น
ดวงตาข้างซ้ายของหยวนกู่เป็นดวงอาทิตย์สีดำ ดวงตาข้างขวาเป็นพระจันทร์สีเลือด เขามีท่าทางที่งามสง่า และเมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มโหดร้ายขึ้นทันที
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย?”
“เจ้าแตงโมอย่าคุยโวหน่อยเลย เข้ามาเถอะบิดาคนนี้จะบดขยี้เจ้าในสิบกระบวนท่า!” ต้วนเต๋อกล่าวอย่างกล้าหาญ
ผู้คนรอบตัวเขาไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวปลอม และทุกคนต่างหวาดกลัวอย่างยิ่งที่เห็นทัศนคติอันเย่อหยิ่งของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ
“นี่คือร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ ข้าได้ยินชื่อของเขามานานแล้ว ความหยิ่งผยองของเขายังมากกว่าที่ข้าเคยได้ยินจากข่าวลือด้วยซ้ำ”
“ครั้งหนึ่งเขาเคยนำกองทหารม้าเถื่อนไปถล่มราชวงศ์เป่ยหยวนจนสิ้นซาก ความแข็งแกร่งระดับนี้เขาคู่ควรที่จะต่อสู้กับหยวนกู่อย่างแน่นอน”
ผู้บ่มเพาะมากมายกวาดตาไปมองที่หยวนกู่ พวกเขาอยากรู้ว่าทายาทเผ่าพันธุ์โบราณที่แข็งแกร่งที่สุดคนนี้จะตอบโต้กลับมาอย่างไร
ต้วนเต๋อยังคงร่ำร้องเสียงดัง เขาชี้หน้าหยวนกู่และตะโกนขึ้นอีกครั้ง
“แตงโมหยวนกู่ เข้ามาเลยบิดาคนนี้จะฆ่าเจ้าในสามกระบวนท่า!”
เย่ฟ่านอยากจะเตะเจ้าอ้วนสักครั้ง ไม่ต้องพูดถึงสามกระบวนท่า ต่อให้เป็นสามร้อยกระบวนท่าต้วนเต๋อก็ไม่สามารถเอาชนะชายผู้นี้ได้ มิหนำซ้ำต้วนเต๋อต่างหากที่จะเป็นฝ่ายถูกหยวนกู่ฆ่าตาย
เพียงมองจากภายนอกเย่ฟ่านก็รู้ว่านี่เป็นคนที่ไม่สามารถตอแยได้ง่ายๆ ความแข็งแกร่งของเขาดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากกว่าหวังเถิงด้วยซ้ำ
“เจ้าพูดถูกอยู่เรื่องเดียว การต่อสู้ของเราจะจบลงในสามกระบวนท่าและเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่”
หยวนกู่วางมือไว้ด้านหลัง ร่างกายของเขาปลดปล่อยกงล้อศักดิ์สิทธิ์หลากสีสันให้หมุนวนไปมา กงล้อเหล่านี้เปล่งประกายด้วยแสงสว่างราวกับจะฟาดฟันโลกทั้งใบให้แหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ
ผู้บ่มเพาะจำนวนมากถอยกลับอย่างรวดเร็ว ชายทั้งสองคนนี้คือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละเผ่าพันธุ์ การต่อสู้ของพวกเขาจะเป็นหนึ่งในการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอัจฉริยะรุ่นเยาว์ในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
หนึ่งคือร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณซึ่งได้ชื่อว่าเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ในขณะที่อีกฝ่ายค่อนข้างมีตัวตนลึกลับ แต่กลับได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์โบราณ
“อย่าพยายามสร้างปัญหา ถ้าเรื่องเลยเถิดเกินไปเกรงว่ามันจะต้องจบลงด้วยความตายของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเท่านั้น” เย่ฟ่านเตือนต้วนเต๋อ
“ไม่เป็นไร กฎข้อแรกของการชุมนุมใหญ่ในทะเลสาบหยกคือเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ยั่วยุการต่อสู้ที่นี่ หากเขาลงมือเจดีย์น้ำตาเซียนจะสังหารเขาทันที” ต้วนเต๋อกล่าว
ในอีกด้านหนึ่ง เทียนหวงจื่อก็กระซิบกับหยวนกู่เบาๆ
“เจ้าไม่อาจเริ่มการต่อสู้ที่นี่ได้เพราะเจดีย์ของจักรพรรดินีตะวันตกยังคงปกป้องทะเลสาบหยกอยู่ ถ้าเราเริ่มลงมืออาวุธเต๋าสุดขั้วชิ้นนี้จะฆ่าเราทันที”
หยวนกู่มีสีหน้ามืดมนและตะโกนออกไปว่า “ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณเจ้ากล้าต่อสู้กับข้าหรือไม่ เราสองคนออกไปสู้กันด้านนอก ไม่ตายไม่เลิกรา?”
“เจ้าหนูน้อยช่างขี้ขลาดเหลือเกิน ข้าท้าทายให้เจ้าต่อสู้ที่นี่แต่เจ้ากลับบ่ายเบี่ยงและเลือกที่จะวางกำลังเผ่าพันธุ์โบราณของเจ้าไว้ด้านนอกเพื่อรุมสังหารข้าแทน ไสหัวไปซะ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง ในอนาคตข้าจะตามล่าเจ้าถึงทะเลสาบหลิงหูอย่างแน่นอน!”
ต้วนเต๋อมองไปข้างหน้าอย่างเย่อหยิ่ง ท่าทางของเขาเห็นได้ชัดว่าไม่เคยมองเห็นหยวนกู่อยู่ในสายตาเลย
……..