ตอนที่แล้วบทที่ 37 ยาพิษในไวน์  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39 บทลงโทษของสามี  

บทที่ 38 เกลี้ยกล่อมองค์ชาย  


ในเวลานั้นเอง ท่าทีของสนมหลี่ก็ดูแตกต่างกับคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด นางรีบพูดอย่างกระตือรือร้นว่าให้เติมไวน์ให้องค์ชายใหญ่ใหม่อีกครั้ง แล้วส่งสายตาให้สาวใช้ที่ทำหน้าที่รินไวน์ให้รีบทำตามคำสั่ง

น่ากลัวเหลือเกิน ดูเหมือนฆาตกรที่สั่งสังหารองค์ชายใหญ่และใส่ร้ายสนมซีอานในชาติที่แล้วคือนางสนมหลี่คนนี้

เฟิ่งหยินซวงกัดฟันกรอด นางจะไม่ยอมให้เรื่องเลวร้ายนี้เกิดขึ้นอีกครั้งแน่นอน!

เมื่อเห็นหนานหยูชิงกำลังยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้ง เฟิ่งหยินซวงก็รีบเข้าไปประชิดตัวเขาแล้วทำซ้ำอุบายเดิมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เพียงทำให้แก้วไวน์คว่ำลงเท่านั้น แต่เสื้อผ้าของเขายังถูกไวน์ราดเปียกไปทั้งตัวอีกด้วย

หนานหยูชิงมีท่าทีเปลี่ยนไปทันที เขารู้สึกว่าเฟิ่งหยินซวงจงใจทำให้เขาขายหน้า

ก่อนหน้านี้เขาเคยรู้สึกดีต่อนาง ไม่เพียงเพราะนางเป็นบุตรสาวจากตระกูลเฟิ่งเท่านั้น แต่นางยังเป็นคนที่สวยมากด้วย และฮ่องเต้เองก็ตั้งใจจะให้เขาได้แต่งงานกับนาง

แต่เพราะหนานหยูชิงไม่ใช่คนมีเสน่ห์ ทั้งทักษะการสนทนาของเขาก็ติดลบ เฟิ่งหยินซวงจึงไม่ให้ความสนใจในตัวเขาเลย และสุดท้ายนางก็เลือกที่จะสานสัมพันธ์กับหนานหยูเทียน

ต่อมา เมื่อเขารู้ว่าเฟิ่งหยินซวงไม่ได้ไร้เดียงสาอีกต่อไป ทั้งนางยังพัวพันกับทั้งองค์ชายสามและกษัตริย์ชิงผิง ความรู้สึกของเขาก็กลายเป็นความรังเกียจ ก่อนหน้านี้เขาเคยรู้สึกดีกับนาง แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าโชคดีจริง ๆ ที่เราไม่ได้แต่งงานกัน เขาทนอยู่กับผู้หญิงแบบนี้ไม่ได้แน่

คิดได้แบบนั้นหนานหยูชิงก็ผลักนางออกอย่างแรง เฟิ่งหยินซวงล้มลงไปกับพื้นทำให้ข้อศอกและหัวเข่าของนางขึ้นเป็นรอยฟกช้ำ นางเงยกลับขึ้นไปมองหน้าเขา ก่อนจะเห็นแววตารังเกียจฉายชัดออกจากดวงตา และมันก็ทำให้นางพูดอะไรไม่ออก

ผู้ชายคนนี้รู้หรือไม่ว่านางกำลังช่วยชีวิตเขาอยู่

แน่นอนว่านางจะถือโทษโกรธองค์ชายที่เข้าใจนางผิดไม่ได้ ในสถานการณ์แปลกประหลาดแบบนี้ เป็นใครก็คงไม่สามารถมองนางในแง่ดีได้เลย

แม้แต่ฮ่องเต้เองก็รู้สึกแปลกไปด้วยเช่นกัน สนมซีอานก็เริ่มรู้สึกกังวลใจ และไม่เข้าใจว่าเฟิ่งหยินซวงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่นางไม่ใช่คนเลินเล่อที่จะทำพลาดถึงสองครั้งติดกันได้เลยจริง ๆ

เฟิ่งหยินซวงพยายามที่จะยันตัวลุกขึ้น แต่เพราะนางล้มแรงเกินไป ทำให้ข้อเท้าของนางพลิก และมันก็ปวดมากจนไม่สามารถยืนได้เลย

แน่นอนว่าหนานหยูเทียนไม่ออกตัวแทนนางในเวลานี้ เขารู้สึกว่าเฟิ่งหยินซวงจงใจเรียกร้องความสนใจจากองค์ชายใหญ่ และมันก็น่าละอายใจเกินไป

มีเพียงเฉินหยิงเท่านั้นที่สังเกตเห็นว่าพี่สาวของนางไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ นางจึงรีบปรี่เข้าไปจับแขนของเฟิ่งหยินซวงไว้แล้วทำท่าจะพยุงนางให้ยืนขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ออกแรง ก็มีมือใหญ่ของใครอีกคนแทรกเข้ามา แล้วโอบเอาพี่สาวนางเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา

…คน ๆ นั้นคือกษัตริย์ชิงผิง

“หยินซวงฝึกซ้อมการแสดงอย่างหนักทำให้นางไม่ค่อยสบาย เพราะนางอยากทำให้ของขวัญวันเกิดของสนมซีอานสมบูรณ์แบบที่สุด นางจึงไม่ได้คำนึงถึงกำลังของตัวเองเลย ที่นางล้มอาจเป็นเพราะนางหน้ามืดขอรับฝ่าบาท” จุนโมเชนมองไปที่ฮ่องเต้และอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

ได้ยินแบบนั้นท่านก็โบกพระหัตถ์เป็นนัยว่าไม่เป็นไร

ในเวลานั้นเอง ดวงตาไม่แยแสของจุนโมเชนมองไปทางหนานหยูชิง ก่อนเขาจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้คนทั้งงานตกตะลึง

“ที่หยินซวงชนองค์ชายเป็นเพราะความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ โปรดองค์ชายอย่าถือสา กระหม่อมเข้าใจว่าตอนนี้ท่านกำลังโกรธ ไว้ท่านใจเย็นขึ้นเมื่อไร ท่านค่อยพิจารณาอีกครั้งว่าควรจะยกโทษให้นางหรือไม่”

ต่อหน้าฮ่องเต้และเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ใครกันจะกล้าตอกหน้าองค์ชายรัชทายาทแบบนี้ได้ถ้าไม่ใช่กษัตริย์ชิงผิง

สิ่งที่เขาพูดชี้ให้เห็นว่าหนานหยูชิงไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ แม้แต่หญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่กำลังไม่สบายก็ยังทำให้นางเจ็บตัวได้อีก สุดท้ายองค์ชายใหญ่ก็ทำได้เพียงลุกขึ้นปัดเสื้อคลุม แล้วเดินออกจากงานเลี้ยงไป

เมื่อเห็นว่าองค์ชายใหญ่จากไปแล้ว เฟิ่งหยินซวงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตราบใดที่เขายังไม่ดื่มยาพิษเข้าไปและนอนตายอยู่ที่นี่ แปลว่าวิกฤตของสนมซีอานคลี่คลายไปแล้ว ดังนั้นหากองค์ชายใหญ่จะเป็นอะไรหลังจากนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องของนางอีกต่อไป

“เนื่องจากหยินซวงไม่สบาย ข้าจึงจะพานางกลับก่อน กระหม่อมขอตัวกลับก่อนขอรับฝ่าบาท” หลังจากพูดแบบนั้น เขาก็อุ้มนางเดินออกจากงานไปหน้าตาเฉย

เฉินหยิงรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นแบบนั้น แต่เมื่อนางเห็นว่าเฟิ่งไท่ซือยังอยู่ที่นี่และเขาไม่ได้ห้ามปรามการกระทำนี้ของกษัตริย์ชิงผิง มันก็คงไม่น่ามีอะไรเกิดขึ้น

มีบางคนแอบมองไปที่ใบหน้าของหนานหยูเทียนและเห็นสีหน้าเศร้าหมองของเขา เขายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มแบบรวดเดียวหมด ราวกับกำลังระบายอะไรบางอย่าง เขาดูหัวเสียมากจริง ๆ

ในเวลานี้ งานเลี้ยงกำลังจะจบลงแล้ว ในไม่ช้าคนอื่น ๆ ก็จะทยอยออกจากงานกันไป

เฉินหยิงเองก็กำลังจะลุกขึ้นและเดินออกไปด้วยเช่นกัน แต่นางก็ต้องหยุดกะทันหันเมื่อมีใครบางเดินเข้ามาขวางหน้านางไว้

“นี่ก็เริ่มมืดแล้ว มันอันตรายเกินไปหากเจ้าจะเดินทางกลับคนเดียว แม่นางเฉิน เจ้าจะรังเกียจหรือไม่หากข้าเป็นคนไปส่งเจ้า”

หนานหยูเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแดงระเรื่อเหมือนกับเขากำลังเมานิด ๆ

เฉินหยิงส่ายหน้าเบา ๆ แล้วปฏิเสธเขาอย่างมีมารยาท

“หม่อมข้าไม่กล้ารบกวนองค์ชายสองดอกเพคะ เกี้ยวของหม่อมข้ายังรออยู่ด้านนอก หม่อมข้าสามารถกลับเองได้เพคะ”

“ข้าเองก็กำลังจะกลับวังแล้วเช่นกัน และบังเอิญว่าวังก็อยู่ทางเดียวกับเจ้า คิดเสียว่าบ้านเราอยู่ใกล้กันก็ได้ ไปกันเถิด”

พอเขาพูดมาแบบนั้น เฉินหยิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลงและเดินออกไปพร้อมกัน

ภาพของหนุ่มสาวทั้งสองอยู่ในสายตาของผู้ร่วมงานคนอื่น ๆ และสร้างความประหลาดใจให้พวกเขาอยู่ไม่น้อย

องค์ชายสองไม่เคยมีท่าทีสนใจหญิงสาวคนไหนมาก่อน แต่กับเฉินหยิงคนนี้ ผู้ซึ่งมีเจ้าธรรมและความสามารถ แม้ชาติตระกูลของนางจะไม่สูงส่งเท่าใคร แต่ดูเหมือนนางจะถูกใจหนานหยูเฉินไม่น้อยเลยทีเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด