บทที่ 36 เต้นรำ วาดรูป บรรเลงพิณ
หญิงสาวคนนั้นร่ายรำไปตามเพลงด้วยท่วงท่าที่ชดช้อยและงดงาม
เสียงบรรเลงพิณเองก็เช่นเดียวกัน แม้ในตอนแรกจะบรรเลงเหมือนกับสายน้ำที่ไหลมาจากน้ำพุ แต่ทันใดนั้น จังหวะการบรรเลงก็เปลี่ยนเป็นเสียงสูงราวกับสายลมกำลังพัดผ่านยอดเขา และการเคลื่อนไหวของหญิงชุดขาวก็เร่งจังหวะขึ้นด้วยเช่นกัน
ทุกคนในงานต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฟิ่งหยินซวงจะมีทักษะการเล่นพิณที่เก่งกาจและลึกซึ้งเช่นนี้ การบรรเลงของนางทำให้ผู้ฟังรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในบทเพลงและสามารถจินตนาการภาพตามได้เป็นฉาก ๆ
เมื่อดื่มด่ำเสียงพิณและการร่ายรำที่งดงามจนเต็มที่แล้ว ก็ดูเหมือนจะยังไม่มีอะไรแปลกใหม่
ทันใดนั้น หญิงสาวชุดขาวก็ชี้นิ้วชี้ของนางขึ้นแล้วดึงชายแขนเสื้อที่ใส่อยู่ให้ตลบคลุมปลายนิ้วไว้ กลายเป็นปลายพู่กันสีขาวจุ่มลงในถังหมึกสีที่วางอยู่ด้านหน้า
ในตอนนั้นเอง ทุกคนก็ได้รู้ว่านี่ไม่ใช่แค่การเต้นรำประกอบเพลงธรรมดา แต่คือการเต้นรำประกอบเพลงเพื่อวาดภาพ
เสียงพิณของเฟิ่งหยินซวงยังคงไพเราะ และทำให้ผู้คนเพลิดเพลินอย่างไร้ขีดจำกัด จากนั้นหญิงชุดขาวก็เริ่มร่ายรำไปตามเสียงเพลง พร้อมตวัดปลายนิ้วไปบนผืนผ้าอย่างพริ้วไหว
สีหน้าของทุกคนในงานเริ่มประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ บางคนถึงขั้นหลุดอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ แม้แต่องค์ชายสองก็ยังจับตาดูการแสดงนี้อย่างจดจ่อ
ผู้คนส่วนใหญ่ต่างจดจ้องอยู่กับความงามของนักเต้นระบำในชุดขาวและภาพวาดบนผืนผ้า มีเพียงคนเดียวเท่านั้นยังคงวางสายตาไว้ที่ผู้หญิงในชุดแดงที่กำลังบรรเลงพิณอย่างสง่างาม
ในเวลานี้ ภาพวาดบนผืนผ้าก็กำลังถูกรังสรรค์ขึ้น ผลงานนี้นับเป็นผลงานชิ้นเอก ไม่ต้องพูดถึงการวาดภาพขณะเต้นรำ แม้ว่าจะวาดด้วยพู่กันธรรมดาก็เป็นการยากที่จะออกมาสวยงามเช่นนี้
ในที่สุด การบรรเลงพิณของเฟิ่งหยินซวงก็หยุดลงพร้อมภาพวาดบนผืนผ้าที่เสร็จสมบูรณ์พอดี
ภาพที่ออกมาคือ ‘ภาพวิวภูเขาที่มีธารน้ำไหลผ่านตอนพระอาทิตย์ขึ้น’
เฟิ่งหยินซวงลุกขึ้นเดินไปด้านหน้าเวทีพร้อมกับผู้หญิงชุดขาว พวกนางพากันคุกเข่าลงบนพื้นก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกัน
“การแสดงนี้พวกข้าขอมอบให้กับสนมซีอานเป็นของขวัญวันเกิด มีความสุขมาก ๆ นะเพคะ”
สนมซีอานรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก นางทึ่งกับความสวยงามจนพูดอะไรไม่ออก
เฉินชูเซียนได้แต่กัดริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ แม้ตอนแรกนางจะมั่นใจว่านางต้องได้รางวัลที่หนึ่ง แต่ตอนนี้นางกลับไม่สามารถคิดแบบนั้นได้อีกแล้ว
นางเตรียมตัวอย่างหนักเพื่อชิงตำแหน่งผู้ชนะ และได้รับรางวัลเป็นการแต่งงานกับองค์ชายสอง แต่ตอนนี้นางถูกเฟิ่งหยินซวงและเฉินหยิงทำลายความตั้งใจนั้นลงจนไม่เหลือซาก หากฮ่องเต้ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย นางคงได้พุ่งไปฉีกอกเฟิ่งหยินซวงจนแหกไปข้างแล้ว
ตอนนี้สายตาของหนานหยูเทียนไม่ได้วางอยู่ที่เฟิ่งหยินซวงแต่อย่างใด แต่กลับจดจ้องไปที่หญิงสาวชุดขาวผู้เป็นเจ้าของภาพวาดอันน่าอัศจรรย์นั่น
นางเป็นใครกัน? เหตุใดจึงสามารถร่ายรำได้งดงามมากขนาดนี้ ทั้งทักษะการวาดภาพของนางก็สวยงามเป็นอย่างมาก ยิ่งนางปกปิดตัวตนไม่ให้ใครเห็นหน้า ก็ยิ่งทำให้น่าค้นหามากขึ้นไปอีก
“ช่างเป็นภาพวาดที่สวยงามอย่างมาก ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าบอกว่าเป็น ‘ของขวัญชิ้นใหญ่’ ที่จะมอบให้สนมซีอาน หยินซวง ข้าประทับใจเหลือเกิน ในบรรดาการแสดงของวันนี้ เจ้าคือผู้ชนะที่คู่ควร ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างเหมาะสมแน่นอน”
ฮ่องเต้ลุกขึ้นปรบมืออย่างชื่นชม ทำให้ทุกคนพากันลุกขึ้นปรบมือไปด้วย
“ฝ่าบาท หยินซวงไม่กล้ารับคำชมไว้ดอกเพคะ การแสดงนี้เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่หม่อมข้าตั้งใจมอบให้ และมันจะลุล่วงด้วยดีไม่ได้แน่หากหม่อมข้าไม่มีเพื่อนคนนี้”
“จริงสิ แม่นางชุดขาวผู้นี้รีบถอดผ้าคลุมออกเถิด เจ้าและหยินซวงทำให้ข้าและสนมซีอานมีความสุขอย่างมาก ข้าจะตบรางวัลให้แก่เจ้าอย่างงามเชียว”
ภายใต้ความคาดหวังของสายตาทุกคู่ ในที่สุดหญิงสาวชุดขาวก็ค่อย ๆ ถอดผ้าคลุมหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงามของนาง
“เฉินหยิง!?” องค์ชายสองถึงกับตาเบิกโพลง ก่อนรอยยิ้มถูกใจจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ปรากฏว่าหญิงสาวชุดขาวที่ร่ายรำอย่างอ่อนช้อยและวาดภาพได้อย่างอัศจรรย์คือเฉินหยิง
หนานหยูเทียนที่หมกมุ่นอยู่กับความงามของหญิงสาวชุดขาวในตอนแรกก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน ความรู้สึกเสียดายผุดขึ้นในใจของเขาอย่างเงียบเชียบ หากเขารู้ว่านางจะสวยงามและยอดเยี่ยมมากขนาดนี้ ในตอนนั้นเขาคงไม่ขับไล่นางไป อย่างน้อยนางก็ควรได้เป็นหนึ่งในนางสนมของเขา
“การที่เจ้ามีความสามารถรอบด้านแบบนี้ได้ พ่อของเจ้าต้องไม่ธรรมดาแน่ หากข้ามีเวลาว่างจากงานราชการ ข้าจะเรียกให้พ่อของเจ้าเข้าวัง ข้าเองก็ไม่ได้เจอเฉินเส้าเจียนมานานมากแล้ว”
หมายความว่าพ่อของเฉินหยิงกำลังจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือ?
มิฉะนั้น ข้าราชการระดับสี่จะมีเจ้าสมบัติอะไรที่จะได้เข้าวังและได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้
ความประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เฉินหยิงรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก หัวใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างหาที่เปรียบมิได้ต่อเฟิ่งหยินซวง
เดิมทีนางรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าเฉินชูเซียนในทุกทางนางจึงไม่กล้าที่จะตอบโต้ตอนที่ถูกเยาะเย้ย แต่เพราะเฟิ่งหยินซวงอยู่เคียงข้างนางเสมอ นางจึงรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และรู้สึกขอบคุณนางจากใจจริง
แน่นอนว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นไปตามความตั้งใจของเฟิ่งหยินซวง หนทางที่จะชนะการเดิมพันของเฉินชูเซียนอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้น
ที่นางบอกว่านางต้องการหาผู้ชายดี ๆ ให้กับเฉินหยิงนั้น นางจะทำมันได้อย่างแน่นอน