นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 278 - คนคุ้นหน้า
วันนี้ภายในสถาบันนั้นคึกคักมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก นักเรียนชั้นปี 1 ส่วนใหญ่เดินทางกลับมาจากการทำภารกิจ และเริ่มเตรียมตัวสำหรับการทดสอบที่สถาบันจัดให้แล้ว
ในปัจจุบัน จำนวนนักเรียนชั้นปี 1 ที่เหลืออยู่ทั้งหมดจะมีประมาณ 800 คน ทางสถาบันได้แบ่งพวกเขาออกเป็น 8 กลุ่ม ๆ ละ 100 คน และจัดให้ทำภารกิจทดสอบแข่งขันกันภายในกลุ่ม
พวกเขาสามารถเลือกที่จะออกไปปฏิบัติภารกิจทดสอบครั้งนี้แบบทีมได้ โดยในทีมนั้นจะมีสมาชิกได้ไม่เกิน 15 คนเท่านั้น และนักเรียนแต่ละคนจะสามารถออกไปภารกิจได้ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้ามีใครฝ่าฝืนกฎออกไปปฏิบัติภารกิจซ้ำ จะถูกปรับให้ไม่ผ่านการทดสอบอย่างอัตโนมัติ
ส่วนการประเมินคะแนนอย่างเป็นทางการ จะวัดจากการมีส่วนร่วมและความสำคัญในภารกิจ ระบบส่วนตัวของนักเรียนแต่ละคนจะได้รับการติดตั้งโปรแกรมเฉพาะเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่พวกเขารับภารกิจแล้ว
ถึงแม้ว่าจะเป็นภารกิจที่ได้รับคำแนะนำให้ปฏิบัติเป็นกลุ่ม แต่เดวิดไม่มีความคิดที่จะหาเพื่อนร่วมทีมเลยแม้แต่นิดเดียว เขาไม่คิดว่าภารกิจในครั้งนี้จะเกินความสามารถของตัวเองคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ในหัวของเดวิดตอนนี้ไม่มีเรื่องภารกิจหรือการทดสอบอะไรอยู่เลย หลังจากที่เขาออกจากห้องทำงานของศาสตราจารย์อาวุโสไวท์ได้ ก็รีบมุ่งหน้ากลับที่พักของตัวเองทันที ความต้องการที่จะศึกษาทักษะ ‘กลั่นร่างเงิน’ ที่เพิ่งได้มานั้นท่วมท้นราวกับว่าจะทะลักออกมาจากอกก็ไม่ปาน
เดวิดยังจำนิ้วมือที่ค้างอยู่กลางอากาศ และสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลังเลของชายผมขาวได้ เขารู้ถึงมูลค่าของคู่มือเล่มนี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยถาม และที่สำคัญกว่านั้น แม้จะไม่มีร่างเงินอยู่ ทักษะนี้ก็สามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของร่างกายได้มหาศาลแล้ว เดวิดต้องการรู้ว่ามันจะช่วยให้ตัวเองที่มีร่างเงินที่แท้จริงอยู่แข็งแกร่งไปมาขึ้นได้ถึงขนาดไหน
สิ่งที่สะกิดค้างอยู่ในใจแต่ยังไม่กล้าถามออกไป ในเมื่อมีทักษะกลั่นร่างเงินอยู่ แล้วทักษะกลั่นร่างทอง และทักษะกลั่นร่างเพชรล่ะ? เดวิดไม่กล้าถามออกไป เขาคิดว่าการจัดการกับสิ่งที่มีอยู่ในมือไปแต่ละขั้นจะเป็นวิธีที่ฉลาดกว่า ต่อให้มันมีทักษะกลั่นร่างทองอยู่จริง มันก็คงแพงจนไม่มีปัญญาซื้อมาฝึกฝนได้แน่
“เฮ้! เดวิด! นั่นใช่นายมั้ย?” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้เดวิดสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันไปมองอย่างสงสัย นอกจากไนฮุนจะมีใครเรียกเขาอีกอย่างนั้นหรือ?
แล้วเดวิดก็ต้องหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด ตรงจุดที่เสียงนั้นดังออกมา มันมีนักเรียนยืนอยู่ทั้งหมด 13 คน หลังจากที่กวาดตามองดูอย่างละเอียด เขาก็สามารถจำกลุ่มคนที่ยืนปะปนอยู่ในนั้นได้ ทำให้รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏออกมา
“เฟอร์กัส โคลเวอร์ ดากริน โอลาไมด์ และ... เอ่อ เอพริล” เดวิดส่งเสียงเรียกชื่อที่เขาจำได้ออกไป
“ฮ่าฮ่า! ใช่นายจริง ๆ ด้วย ฮ่าฮ่า!” โคลเวอร์ส่งเสียงหัวเราะลั่น ก่อนจะก้าวยาว ๆ เข้ามาหาพร้อมกับตบไหล่เดวิดอย่างแรง
นี่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กล่าวบ่นอะไรที่ไม่จำเป็นต่อไป ในความทรงจำ โคลเวอร์เป็นคนโผงผางร่าเริงที่สุดในหมู่พวกเขาทั้ง 5 คนอยู่แล้ว เดวิดรู้สึกประหลาดใจที่ได้เจอกับพวกเขาอีกครั้งมากกว่า
“นายหายหัวไปอยู่ที่ไหนมา? พวกเราพยายามตามหานายไปทุกที่ แต่ก็ไม่เคยเจอนายเลย นายไม่ได้พักอยู่ที่หอหรือยังไง?” ก่อนที่คนอื่น ๆ จะได้กล่าวทักทายออกมาบ้าง โคลเวอร์ก็ระดมตั้งคำถามเข้าใส่เดวิดอย่างไม่หยุดหายใจ
“พอก่อนเถอะโคลเวอร์” เสียงของเฟอร์กัสขัดจังหวะขึ้นมา เขาเอื้อมมือมาดึงให้โคลเวอร์ถอยหลังกลับไป ก่อนจะมายืนจ้องเดวิดอยู่อย่างสังเกต
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” หลังจากนั้นสักครู่ เขาก็ยื่นมือออกมาจับมือกับเดวิด
“ใช่! ไม่ได้เจอกันนานเลย พอดีช่วงหลังฉันยุ่ง ๆ อยู่นะ อันที่จริงแล้ว ฉันแทบจะไม่ได้อยู่ในสถาบันเลยด้วยซ้ำ ไม่แปลกหรอกที่พวกนายจะหาฉันไม่เจอ”
“อืม? พวกเราก็คิดอย่างว่าเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก พวกเราแค่อยากจะแสดงความดีใจกับนายที่ได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันเท่านั้น มันแค่แปลกใจเล็กน้อยที่หาตัวนายไม่เจอน่ะ” เฟอร์กัสกล่าวพร้อมกับยักไหล่เบา ๆ
“โอ้ อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบใจพวกนายด้วยก็แล้วกัน” เดวิดหัวเราะออกมา ก่อนที่จะหันหน้ามองไปยังเอพริลที่จ้องมายังเขาด้วยสายตาที่ดุร้ายเล็กน้อย
“ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ค่อยชอบหน้าฉันเหมือนเดิมเลยนะ” เดวิดหันไปเลิกคิ้วใส่เฟอร์กัส
“เอาน่า! ไม่ใช่เพราะนายหรอก เธอก็ไม่ชอบหน้าคนอื่นไปหมดนั่นแหละ เธอไม่ค่อยชอบเข้าสังคมหรือสุงสิงกับคนอื่นน่ะ”
เดวิดได้ฟังก็หัวเราะออกมา แล้วหันไปพยักหน้าทักทายดากรินกับโอลาไมด์ที่ยืนอยู่เยื้องไปทางด้านหลัง ซึ่งก็ได้รับการพยักหน้าทักทายตอบกลับมาเบา ๆ
เขาหันกลับมามองเฟอร์กัสอีกครั้ง เตรียมที่จะเอ่ยปากถามว่านี่เป็นการมาตามหาเขา หรือว่าแค่เจอกันโดยบังเอิญ แต่เสียงอันแหบห้าวดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
“เฟอร์กัส! นายกำลังพูดอยู่กับใคร?”
เดวิดหรี่ตามองข้ามไหล่ของเฟอร์กัสไป พบว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินตามเข้ามา เป็นผู้ชายร่างสูงที่มีใบหน้าที่หล่อเหลา ทั้งผมและดวงตาเป็นสีแดงเข้ม มันทำให้เขานั้นดูโดดเด่นเมื่อยืนอยู่ในกลุ่มคนอยู่พอสมควร
แต่ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเด็กหนุ่มที่มั่นใจในตัวเองมากจนกลายเป็นหยิ่งยโส สายตาที่มองมายังเดวิดนั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม เป็นสายตาที่เอาไว้ใช้มองคนที่ต่ำต้อยกว่าอย่างเทียบไม่ติด ด้านหลังของเขายังมีเด็กนักเรียนอีก 7 คนเดินตามติดเข้ามาด้วย
“อ้อ! ฉันลืมแนะนำไปเลย ‘ซิลเวอร์ตัน’ คนนี้เป็นเพื่อนของฉันเอง ‘เดวิด’ พวกเรารู้จักกันระหว่างการแข่งขันของสถาบัน เดวิด! นี่คือซิลเวอร์ตัน เป็นหัวหน้าทีมของพวกเรา” เฟอร์กัสกล่าวแนะนำออกมาด้วยรอยยิ้ม
“โอ้!” ซิลเวอร์ตันพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทาย หลังจากกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าครั้งหนึ่ง ก็ดูเหมือนว่าจะหมดความสนใจในตัวของเดวิดทันที หันหลังกลับแบบพร้อมจะเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากนั้นอีกเลย
เดวิดเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาพยักหน้าทักทายกลับไปเบา ๆ เป็นการไว้หน้าเฟอร์กัส คนหยิ่งยโสอย่างนี้ เดวิดเห็นมาเยอะแล้ว และส่วนใหญ่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อทั้งนั้น
แต่เฟอร์กัสรีบกล่าวเสริมออกมาอย่างรวดเร็ว “แล้วเดวิดนี่แหละที่เป็นคนได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันครั้งนั้น”
เท้าที่กำลังจะก้าวจากไปของซิลเวอร์ตันชะงักลง เขาหันกลับมามองที่เดวิดใหม่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป มันมีความสนใจทอประกายออกมาเล็กน้อย
“หือ? ที่ 1 อย่างนั้นหรือ”
และเป็นครั้งที่ 2 สายตาของซิลเวอร์ตันมองเดวิดตั้งแต่หัวจรดเท้า คราวนี้เขาพยักหน้าน้อย ๆ ออกมา
สีหน้าของเดวิดเรียบเฉยไร้ความรู้สึก ไม่ได้สนใจกับการกระทำที่เสียมารยาทของอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว
“ถ้าอย่างนั้น! นายก็มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมทีมของฉันได้ แม้ว่ามันจะผ่านแค่หวุดหวิดก็เถอะ แต่ก็น่าจะพอพาออกไปทำภารกิจทดสอบด้วยกันได้” หลังจากที่กล่าวจบ ซิลเวอร์ตันก็เอื้อมมือไปปลดกระเป๋าเป้ของตัวเองออกมาโยนลงที่เบื้องหน้าของเดวิดอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
เดวิดถอยหลังออกมาเล็กน้อยเพื่อหลบกระเป๋าที่ตกลงพื้น สีหน้าของเขาเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงแล้วตอนที่เอ่ยถามออกไป “นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
ยังไม่มีใครเอ่ยตอบอะไรออกมา แต่นักเรียนอีก 7 คนที่เคยอยู่หลังสุดเดินล้ำออกมายืนอยู่เบื้องหน้าของเดวิดแล้ว สายตาและรอยยิ้มของพวกเขานั้นดูดุร้ายไม่น้อยเลยทีเดียว
“แกโง่ หรือว่าแค่หัวช้ากันแน่?” เสียงหนึ่งเอ่ยออกมา และมันเรียกเสียงหัวเราะอันกึกก้องออกมาจากคนที่เหลือ
“การที่แกได้ร่วมทีมกับพวกเรานั้นถือเป็นเกียรติที่น่าจะภาคภูมิใจแล้ว ถึงแม้ว่าจะอยู่ในตำแหน่งคนรับใช้ แต่รับรองได้เลยว่าจะได้คะแนนมากพอที่จะผ่านการทดสอบครั้งนี้แน่” อีกเสียงเอ่ยออกมา
“หรือว่าแกคิดว่าเป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันแล้วจะหยิ่งได้? คิดจริง ๆ หรือว่าตัวเองมีความสามารถมากพอ” เสียงที่เหยียดหยามดังออกมาไม่หยุด
“ถ้าไม่โง่จนไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรร้าย แกก็ควรรีบเก็บกระเป๋าของหัวหน้าซิลเวอร์ตันไปถือเอาไว้แต่โดยดี อ้อ! แล้วไอ้รางวัลที่ได้มาจากการแข่งขันน่ะ มอบมันให้หัวหน้าซิลเวอร์ตันเป็นการขอโทษเสียด้วย” คนสุดท้ายให้คำแนะนำออกมาอย่างหวังดี แต่ด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยันเป็นอย่างยิ่ง
ดวงตาของเดวิดเปลี่ยนเป็นสีทองและสีแดงในพริบตาด้วยความโกรธที่เอ่อล้น กลิ่นอายที่เกรี้ยวกราดเต็มไปด้วยจิตสังหารพุ่งออกมาอย่างรุนแรง มันทำให้อากาศรอบ ๆ ตัวบิดเบี้ยวจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่หลังจากที่เขาสูดหายใจเข้าไปลึก ๆ ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เดวิดนึกขึ้นมาได้เสียก่อนว่าตัวเองนั่นอยู่ในสถาบัน เขาไม่สามารถฆ่าสังหารได้อย่างเป็นอิสระที่นี่
แต่ดูเหมือนว่าการออกไปทำภารกิจอย่างต่อเนื่องมา 3 เดือนจะไม่ใช่เรื่องที่เสียเปล่าเลย นอกจากดวงตาสีทองของมนุษย์หมาป่าจะถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว ท่วงท่ากลิ่นอายของเขานั้นยังทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวขึ้นอย่างมหาศาล เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ที่มันถูกปลดปล่อยออกมา นักเรียนทั้ง 7 คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเดวิดตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ทันที...