นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 276 - ป้องปราม
ทันทีที่เดวิดเดินผ่านประตูเข้ามาในห้องทำงานได้ สายตาของเขาก็เห็นชายหญิงวัยกลางคน 3 คนนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานไม้สุดหรูของอาจารย์ตัวเอง เป็นผู้ชาย 2 คนและผู้หญิงอีก 1 คน
และสายตาทั้ง 4 คู่นั้นจ้องมาที่เดวิดอย่างพร้อมเพรียง
มันเป็นสายตาที่ทำให้เขารู้สึกขนหัวลุก สายตา 3 ใน 4 คู่นั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารที่เปล่งออกมาอย่างไม่ปิดบัง กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเดวิดสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันจนตั้งรับเอาไว้ไม่ทัน
“พอได้แล้ว!” เสียงอันแข็งกร้าวถูกตวาดออกมา และมันเป็นเหมือนกับคมดาบที่ตัดผ่านทำลายจิตสังหารเหล่านั้นให้สลายไปในพริบตา
เสียงคำรามอย่างไม่พอใจดังออกมาจากพวกเขาทั้ง 3 คน แต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไรออกมามากกว่านั้น พวกเขาถึงขนาดถอนสายตาอันดุร้ายออกจากตัวของดวิดไปด้วยซ้ำ หลงเหลือแต่สีหน้าที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่ยินยอมเอาไว้
สับสน! เดวิดเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน เขาตั้งสติได้แล้ว และกำลังมองสำรวจชายหญิงทั้ง 3 คนนั้นอย่างพิจารณา เดวิดแน่ใจว่าไม่เคยเจอกับคนทั้ง 3 มาก่อน แล้วสายตานั่นมันคืออะไร?
แต่ในฐานะลูกศิษย์ที่ดี เรียบร้อย และมารยาทงาม เขาเลือกที่จะไม่กล่าวอะไรออกมา ขยับตัวอย่างเงียบ ๆ ไปยืนก้มหัวประสานมือกันไว้ข้างหน้าอย่างเรียบร้อยอยู่ที่มุมห้อง
ท่าทางของเดวิดเรียกรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมาที่มุมปากของศาสตราจารย์อาวุโสได้ ‘เจ้าเด็กตัวแสบ แกคิดว่ากำลังแสดงละครให้ใครดูกันอยู่ หา!’ เขาส่ายหัวออกมาเบา ๆ ก่อนจะเริ่มกล่าวแนะนำออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นักเรียนคนนี้คือเดวิด ลูกศิษย์ส่วนตัวของผมอย่างที่พวกคุณทั้งหมดรู้กันอยู่แล้ว เดวิด! ทั้ง 3 ท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้คือศาสตราจารย์ที่เธอไปทำเรื่องล่วงเกินเอาไว้”
คำแนะนำของเขาทำให้เดวิดสะดุ้งสุดตัว ใบหน้าที่ก้มมองพื้นเงยขึ้นมาพร้อมกับสายตาที่เบิกกว้าง
เขารู้แล้วว่าจิตสังหารนั้นมีที่มาอย่างไร แต่จะให้ยอมรับง่าย ๆ ไม่มีทาง!
ดวงตาที่เบิกกว้างกลายเป็นกระพริบถี่ สีหน้าแสดงอาการเหรอหราสับสนไม่เข้าใจออกมาอย่างรวดเร็ว เดวิดไม่รู้ว่าตาแก่ผมขาวคิดจะทำอะไร? แต่เขารู้ว่าการเงียบเอาไว้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เอาไว้ น่าจะดีกว่าเปิดปากพูดอะไรให้เรื่องมันแย่ลง
โจทก์คนที่หนึ่งแสดงตัวออกมาแล้ว หญิงวัยกลางคนหันกลับมาจ้องเขาด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด ปากเอ่ยข้อหาออกมาพร้อมกับคำขู่ที่ดุดัน
“แก กล้าฆ่าลูกชายของฉัน! กล้าฆ่าคลีออนระหว่างการทำกิจกรรมของสถาบัน ไม่คิดหรือว่าโทษที่แกจะได้รับคือความตายเท่านั้น!” เสียงแปดหลอดของเธอดังสนั่นไปทั่วห้อง
เดวิดย่นคิ้วเพื่อป้องกันเสียงที่ดังแสบแก้วหู เขาไม่กล้ายกมือขึ้นมาปิดหูของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ได้แต่ก้มหน้าลงพื้นเพื่อหลบสายตาที่จ้องมาอย่างอาฆาตแค้น ในหัวเริ่มประมวลความทรงจำว่าคลีออนคือใคร เขานึกไม่ออก! เดวิดจำไม่ได้จริง ๆ ว่าคลีออนคือคนไหน อันที่จริง เขาไม่รู้จักชื่อคนที่ตัวเองสังหารไปในกิจกรรมการล่าและเอาตัวรอดเลยแม้แต่คนเดียว
เสียงฝ่ามือกระทบกับพนักวางแขนดังสนั่นออกมา ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์หญิงคนนี้แทบจะระงับอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่แล้ว
เสียงของโจทย์รายต่อไปดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน ศาสตราจารย์ชาย 1 ใน 2 คนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบน่าขนลุก “ช่างเป็นคนที่ชั่วช้าอย่างไม่น่าให้อภัย ทั้งที่เพิ่งมีอายุเพียงเท่านี้ ก็มีนิสัยโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนเป็นผักปลา แม้แต่ชื่อของคนที่ฆ่าไปก็จำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ!” ทุกคำที่เขาพูดออกมา มันเหมือนกับรู้ว่าเดวิดนั้นคิดอะไรอยู่
และนั่นทำให้เดวิดต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างประหลาดใจ ดวงตาเบิกกว้างอย่างสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปาก ในหัวของเขาเริ่มประมวลอีกครั้ง ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์ทั้ง 3 คนที่มาอย่างพร้อมหน้าในวันนี้ ต้องมีคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวตายด้วยน้ำมือเขาอย่างแน่นอน
“ถูกต้องแล้ว! ในหมู่นักเรียนร่วมรุ่นจำนวนมากที่แกสังหารลงไปอย่างทารุณ มีคนใกล้ชิดของพวกเราทั้งหมดอยู่จริง ๆ”
ครั้งนี้ เดวิดไม่สามารถควบคุมอาการประหลาดใจของตัวเองได้อีกแล้ว อ่านใจได้อย่างนั้นหรือ? “บ้าอะไร...”
“หืมม?” ศาสตราจารย์คนที่สามคำรามในลำคอออกมา มันเสียงดังพอที่จะขัดจังหวะคำอุทานของเดวิดเอาไว้ แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากกล่าวหาอะไรเพิ่มเติมออกมา เสียงคำรามที่ดังราวกับสายฟ้าฟาดก็ดังขัดจังหวะซ้ำขึ้นมาเสียก่อน มันทำให้ทุกคนในห้องต้องหน้าซีดเผือด แววตานั้นเลื่อนลอยมึนงง
“ผมไม่ได้เชิญพวกคุณมาในวันนี้เพื่อให้ตะคอกใส่ลูกศิษย์ของตัวเองนะ!!” เสียงที่ดังออกมานั้นเคร่งขรึมและแข็งกระด้าง กลิ่นอายที่ปล่อยออกมาอย่างเจตนานั้นเต็มไปด้วยความกดขี่ที่น่าสะพรึงกลัว มันทำให้ศาสตราจารย์ทั้ง 3 คนนิ่งเงียบและก้มหน้าลงเล็กน้อยทันที
พวกเขาโกรธจัด แต่ทางเลือกเดียวที่ทำได้คือก้มหน้าลงเพื่ออดกลั้น พวกเขาเป็นเพียงแค่ศาสตราจารย์ธรรมดาของสถาบันแห่งนี้เท่านั้น ความแตกต่างระหว่างพวกเขากับศาสตราจารย์อาวุโสนั้นมหาศาล ช่องว่างของความแข็งแกร่งนี้ พวกเขาไม่กล้าไม่ให้ความเคารพเลยแม้แต่นิดเดียว
“ผมต้องขออภัยด้วยครับ” “นี่เป็นเพียงโทสะชั่ววูบ ฉันรับรองว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกค่ะ” “พวกเราต้องโทษที่เสียมารยาทไปด้วยครับ” คำกล่าวขอโทษหลุดออกมาจากปากของพวกเขาเกือบจะในเวลาเดียวกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ดวงตาของเดวิดเบิกกว้างมากกว่าทุกคราว เขาไม่เคยคิดเลยว่าอาจารย์สุดที่รักของตัวเองจะมีอำนาจมากถึงเพียงนี้
“เอาล่ะ! มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร ทุกคนต่างต้องการที่จะทวงถามความยุติธรรม และแก้แค้นให้กับคนที่รักหรือคนใกล้ชิดที่เสียชีวิตไปอยู่แล้ว” ศาสตราจารย์อาวุโสหยุดคำพูดของตัวเองลง และกวาดสายตามองไปยังศาสตราจารย์ทั้ง 3 คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“และแน่นอน! ผมจะไม่ห้ามพวกคุณในเรื่องนั้น”
ทั้ง 4 คนที่ได้ยินคำพูดนี้ต่างตกอยู่ในอาการตกตะลึง ศาสตราจารย์ทั้ง 3 คนเบิกตากว้าง แต่ในนั้นมีความพึงพอใจกับคำพูดนี้ซ่อนอยู่ นี่เป็นคำพูดที่พวกเขาต้องการจะได้ยิน
ส่วนเดวิด! ไม่เพียงแค่ดวงตาเท่านั้นที่เบิกกว้าง ปากของเขาก็อ้าค้างอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน อาจารย์บ้าอะไรกันเนี่ย? ทำไมถึงจะยอมให้ลูกศิษย์ของตัวเองถูกคนอื่นแล่เนื้อเถือหนังง่าย ๆ แบบนี้
แต่คำพูดนั้นยังไม่จบ ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์กล่าวต่อออกมาอีก “แต่! ในเมื่อนี่เป็นเหตุที่เกิดจากการต่อสู้ของรุ่นเยาว์ มันก็ควรจะเป็นหน้าที่ของรุ่นเยาว์ที่จะทำให้เรื่องนี้จบลง
ผมไม่สนใจว่าพวกคุณจะส่งคนจำนวนเท่าไรมาจัดการกับเขา ขอเพียงให้เป็นคนรุ่นเดียวกันเท่านั้น รับรองได้ว่าผมจะไม่สอดมือเข้าไปยุ่งอย่างแน่นอน”
เสียงของเขานั่นเริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ รอยยิ้มที่ส่งให้กับศาสตราจารย์ทั้ง 3 คน ดูอย่างไรก็เป็นรอยยิ้มที่แฝงเอาไว้ด้วยการข่มขู่อย่างชัดเจน
และมันทำให้บรรยากาศภายในห้องนั้นเย็นเยียบ กลิ่นอายที่ส่งออกมาทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที
“ถ้าผมรู้ว่าคุณคนไหนยื่นมือเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ รับรองได้เลยว่า ความตายจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของคน ๆ นั้นแล้ว” มันเป็นคำพูดที่ทำให้อุณหภูมิในห้องเหมือนจะลดลงอย่างฉับพลัน กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวกระจายออกปกคลุมไปทั่วทั้งห้องทำงาน
เดวิดต้องเพิ่มอัตราการหมุนเวียนเลือดในร่างกายเพื่อทำให้ตัวเองสามารถต้านทานกลิ่นอายที่กดขี่นี้ได้ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เป้าหมายโดยตรง แต่มันก็ทำให้เลือดเหมือนจะแข็งตัว ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้แม้แต่นิดเดียว
“ถ้าเข้าใจกันแล้ว พวกคุณก็ไปได้” ราวกับเป็นเพียงเรื่องลวงตา เมื่อประโยคสุดท้ายจบลง ทุกอย่างในห้องก็กลับคืนสู่สภาพปกติในพริบตา ความหนาวเย็นหายไปอย่างไร้ร่องรอย แรงกดดันอันมหาศาลเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
และทุกอย่างก็จบลงแบบนั้น ศาสตราจารย์วัยกลางคนทั้งหมดเดินออกจากห้องไปด้วยสภาพที่ร่างกายยังสั่นเทา สายตาที่พวกเขาจ้องมองมายังเดวิดก่อนที่จะเดินผ่านประตูออกไปนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น และแน่นอน มันแฝงไปด้วยความขมขื่นและไม่ยินยอมด้วย พวกเขาต้องการที่จะฆ่าเดวิดเพื่อระบายความแค้นด้วยมือของตัวเอง แต่มันทำไม่ได้เสียแล้ว
ห้องทำงานเหลืออยู่แค่เพียงความเงียบงัน ผ่านไปเกือบ 1 นาทีหลังจากนั้น เสียงของศาสตราจารย์อาวุโสไวท์ก็ดังทำลายความเงียบขึ้นมา
“เป็นไง? ทีนี้รู้หรือยังว่าฉันน่าเกรงขามแค่ไหน?”
เดวิดคำรามในลำคอสวนออกมาทันที ก่อนที่จะพาตัวเองเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้อย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับเด็ดขาดว่าเมื่อสักครู่นี้ตัวเองกลัวจนขยับตัวไม่ได้ แม้ว่าจนถึงตอนนี้เดวิดจะยังพูดอะไรไม่ออก แต่เขาไม่มีทางยอมรับอย่างเด็ดขาด!
ศาสตราจารย์อาวุโส! แข็งแกร่งและน่าเกรงขามถึงเพียงนี้ เดวิดไม่สามารถประเมินระดับความแข็งแกร่งของตาแก่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าตัวเองในตอนนี้ได้เลย แม้ว่าเขาจะสามารถประเมินความแข็งแกร่งของศาสตราจารย์ทั้ง 3 คนที่เพิ่งจากไปได้ก็ตาม...