ตอนที่ 35+36
ตอนที่ 35 สามอาณาจักรล้อมอาณาจักรโม่
ทันทีที่ได้ยินคำว่าอาณาจักรเซี่ย เขาก็นึกถึงใบหน้าของหลินเป่ยฟานและแทบขาดสติ
“ไอหลินเป่ยฟาน!สักวัน ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะต้องส่งกองทัพข้าลงใต้ พิชิตอาณาจักรเซี่ย จับเจ้ามาทรมานเล่น ระบายความแค้นทั้งหมดของข้า!’
จักรพรรดิโม่ต้องสูดหายใจลึกหลายทีกว่าจะสงบความโกรธในใจลงได้ เพราะเขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธ
แก้ปัญหาเรื่องอาหารก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องอื่น
“ไม่มีอาหารในอาณาจักร และถ้าไม่มีอาหาร ทุกสิ่งก็จะหยุด พวกเจ้ามีแผนอะไรกันบ้าง?”จักรพรรดิโม่ถาม
“ฝ่าบาท ตอนนี้อาณาจักรเราขาดอาหราและยังมีเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะถึงฤดูเก็บเกี่ยว เราได้แต่ซื้อจากภายนอก!แต่ ตระกูลใหญ่เหล่านั้นโลภมาก เราอาจต้องจ่ายราคาสูงมาก!’ขุนนางเฒ่าพูด
จักรพรรดิโม่พยักหน้า พูดด้วยความเจ็บปวดใจ“ไม่ว่าต้องจ่ายแค่ไหน เราก็ต้องจ่ายเพื่อซื้ออาหาร ไม่งั้น บ้านเมืองเราจะตกอยู่ในอันตราย!เรื่องนี้ข้าขอฝากให้เจ้าด้วย!”
“ข้าน้อยรับบัญชา ฝ่าบาท!”
เวลานี้ จักรพรรดิโม่อดคิดถึงอาณาจักรเซี่ยอีกครั้งไม่ได้
พวกเขาดูเหมือนจะซื้ออาหารจำนวนมากจากภายนอกและก็สามารถเลี้ยงคนนับล้านได้เป็นเดือน!
ตระกูลใหญ่ทั่วไปไม่มีทางมีอาหารมากขนาดนั้น!
มันแสดงให้เห็นว่าเบื้องหลังราชาโง่ มีขุมอำนาจใหญ่สนับสนุนเขา!
จักรพรรดิโม่อิจฉา“ราชาโง่นั่นโง่มาก เขาจะไปได้รับการสนับสนุนได้ไง?นี่ไม่ยุติธรรม!”
จากนั้น ทหารก็รีบวิ่งมาจากด้านนอก
“ฝ่าบาท!เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”
ใบหน้าของจักรพรรดิโม่เปลี่ยนไป“มีอะไร?”
“เรียนฝ่าบาท อาณาจักรเผิงส่งกองทัพสองแสนนายมารุกรานดินแดนเราจากทางเหนือขอรับ!”
จักรพรรดิโม่หน้าซีด“ว่าไงนะ อาณาจักรเผิงรึ?”
“ขอรับ ฝ่าบาท มันเป็นความจริง!’
จักรพรรดิโม่หน้าตาบิดเบี้ยว
อาณาจักรเผิงแค่อาณาจักรเล็กทางใต้ของอาณาจักรโม่ ไม่แข็งแกร่งเท่าอาณาจักรเซี่ย ตลอดมานี้ อีกฝ่ายมักเคารพเขา เหมือนสุนัขที่คอยประจับ
อย่างไม่คาดคิด ครั้งนี้ พออาณาจักรเขาอ่อนแอ อีกฝ่ายจะส่งทัพมา
แต่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขากังวลสุด
สุดที่เขากังวลสุดคือ….
วินาทีต่อมา ทหารอีกนายรีบพุ่งเข้ามา
“รายงาน!รายงานด่วน!”
ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดในใจจักรพรรดิโม่“มีเรื่องอะไร รีบบอกข้ามาเร็ว!”
“เรียนฝ่าบาท อาณาจักรชางนำทัพสองแสนนายมาจากทางตะวันตกขอรับ!”
จักรพรรดิโม่หน้าดำ สิ่งที่เขากังวลสุดได้เกิดขึ้นแล้ว
อาณาจักรซางคืออาณาจักรเล็กทางตะวันตกของอาณาจักรโม่ พลังชาติโดยรวมเทียบได้กับอาณาจักรโม่ สองฝ่ายมักขัดแย้งกัน การยกทัพครั้งนี้จึงแสดงว่าพวกเขาอยากเอาเปรียบเขา
ครั้งนี้ ทหารอีกคนเข้ามา
“รายงาน!รายงานด่วนขอรับ!”
จักรพรรดิโม่กลัวจนนั่งก้นไม่ติด “เจ้าคงไม่ได้จะบอกข้าว่าอาณาจักรอีกแห่งกำลังมาใช่ไหม?”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง!อาณาจักรอันนำทัพสองแสนนายมาจากทางตะวันออกขอรับ!”
จักรพรรดิโม่กลัวจนหน้าซีดปากสั่น
ตอนนี้สามอาณาจักรกำลังยกทัพมา รวมทั้งหมดหกแสนนาย!
ที่จุดสูงสุดของอาณาจักรโม่ การต่อต้านสามอาณาจักรยังถือว่ายาก
ตอนนี้ที่เขาเหลือทหารแค่สองแสน เขาจะไปสู้ได้ยังไง?
“อาณาจักรเซี่ยละ?ส่งกองทัพมาไหม?”จักรพรรดิโม่ถาม
“ฝ่าบาท อาณาจักรเซี่ยกำลังบุกเบิกที่ดินเพื่อเชื่อมต่อกับแม่น้ำ ไม่มีสัญญาณของการส่งทัพ!”
“ไม่เป็นไร ดี..”จักรพรรดิโม่ถอนหายใจโล่งอก และสั่งการ“ตอนนี้ อาณาจักรเผิง อาณาจักรชางและอาณาจักรอันส่งกองทัพมาสู้ที่นี่แล้ว!”
“ถ่ายทอดคำสั่งออกไป สั่งให้แม่ทัพพิทักษ์เมืองรั้งพวกมันไว้!ในเวลานี้ ก็ให้รับสมัครชาวบ้านมาร่วมทัพและฝึกฝนพวกเขา!พอถึงเวลา เราจะโต้ลกับและผลักดันพวกมันออกจากพรมแดน!”
“ขอรับ ฝ่าบาท!แต่ อาหาร..”
จักรพรรดิโม่ขมวดคิ้ว รู้สึกปวดหัวมาก“ต้านพวกมันไว้ก่อน ข้าจะคิดหาทางทีหลัง!”
‘ขอรับ ฝ่าบาท!”
สงครามในอาณาจักรโม่เริ่มขึ้นอีกครั้ง!
แต่ครั้งนี้ มันไม่ใช่อาณาจักรโม่ปะทะอาณาจักรเซี่ย แต่เป็นอาณาจักรโม่ปะทะอาณาจักรเผิง ชางและอัน
สามอาณาจักรเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอกว่าเซี่ยเลย
ตอนแรก แค่สู้กับอาณาจักรเซี่ย อาณาจักรโม่ก็เสียหายหนักอยู่แล้ว ตอนนี้ที่ต้องเจอกับสามอาณาจักรซึ่งไม่อ่อนแอกว่าอาณาจักรเซี่ย เขาจึงปวดหัว
“สามอาณาจักรนี้ฉวยโอกาสตอนที่อาณาจักรโม่อ่อนแอ ครั้งนี้อาณาจักรโม่คงจบสิ้นแล้วจริงๆ!”
“ถูกต้อง กองทัพหกแสน แม้ทหารอาณาจักรโม่จะแข็งแกร่ง พวกเขาก็ไร้อำนาจต่อต้าน!ตอนนี้ พวกเขาเหลือทหารแค่สองแสน เหมือนเสือที่โดนถอดเขี้ยวเล็บ มันยากจะชนะ!”
“ต่อให้รอด มันก็จะเสียกำลังทหารไปหมด!”
“สิ่งที่ข้าอยากรู้กว่าคือ อาณาจักรเซี่ยจะส่งกองทัพมาตอนไหน?”
“ข้าเดาว่าคงในไม่ช้า เหนือสิ่งอื่นใด ราชาโง่นั่นคือคนที่อยู่เฉยไม่เป็น!”
ตอนที่ 36 จักรพรรดิน้อยเอาอีกแล้ว
ในราชสำนักของอาณาจักรเซี่ย อันลู่ซานพูดอย่างตื่นเต้น“ฝ่าบาท ตอนนี้อาณาจักรโม่โดนล้อมจากสามด้าน มันถึงเวลาที่เราจะระดมทัพอีกครั้ง!โปรดสั่งให้ข้านำทัพไปบุกยึดดินแดนอีกครั้งด้วยเถิด!”
อันลู่ซานรู้สึกเสียใจมากที่เขาโจมตีดินแดนอาณาจักรโม่ถึงสองครั้งติด แต่ไม่ได้ที่ดินมาสักผืน
ตอนนี้ที่เขามีโอกาส เขารู้สึกว่าเขาไม่อาจพลาดมันได้
แถมอัตราชนะยังสูงและแม่ทัพคนอื่นก็ประสานเสียงกัน“ผู้น้อยเต็มใจขยายดินแดนให้ฝ่าบาท!”
แต่หลินเป่ยฟานสงบมากและส่ายหัว“อ้ายชิงของข้า ข้าเข้าใจถึงเจตนาของพวกเจ้า แต่อาณาจักรโม่ไม่ใช่จะสู้ง่ายๆ เราต้องคิดให้ถี่ถ้วน!”
ทุกคนตกตะลึง
เจ้าบอกว่าไม่ใช่จะสู้ง่ายๆ แต่เจ้ากระทืบไปสองครั้งแล้วนะ!
ครั้งสองเจ้ายังไล่ฆ่าจักรพรรดิโม่หนีหางจุกตูดกลับรัง ทำให้ทั้งแผ่นดินโม่ล่มจม!
แต่ตอนนี้เจ้ากำลังบอกข้าว่าอาณาจักรโม่นั้นหิน?
“ฝ่าบาท ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เรามีทหารถึงหกแสน ทหารเหล่านี้แข็งแกร่งมาก!ไม่เพียงเราจะยึดอาณาจักรโม่ได้ แต่เรายังปกป้องมันได้ด้วย!’อันลู่ซานโน้มน้าวอีกครั้ง
หลินเป่ยฟานลอบยิ้ม แล้วไง?
ของดีภายใต้ดินแดนเหล่านั้นโดนเขาย้ายมาหมดแล้ว มันกลายเป็นดินแดนแห้งแล้ง
จะมีประโยชน์อะไรถ้าได้ที่ดินไม่มีประโยชน์มา?
ถ้าแพ้ มันจะเสียกำลังทหารไปเปล่าๆ แถมยังทำให้ขัดแย้งกับอาณาจักรอื่น ซึ่งไม่ฉลาด
ดังนั้น หลินเป่ยฟานจึงส่ายหัว“ไม่ต้องสู้ ปล่อยให้พวกมันสู้กันไป!เราจะปกป้องดินแดนเราเท่านั้น!”
“ข้าน้อยน้อมรับบัญช่า!’อันลู่ซานและแม่ทัพคนอื่นหดหู่ใจมาก
เจ้าสู้สองครั้งติดตอนไม่ควรสู้ และไม่สู้ตอนที่ควรสู้!
ราชาโง่นี่เอาอีกแล้ว!
แต่ไม่ว่าเขาจะหงุดหงิดแค่ไหน เขาก็ได้แต่ทำตามคำสั่ง
ครั้งนี้ หลินเป่ยฟานตบหัวตัวเอง“ว่าแต่ เราดูเหมือนจะเพิ่งรับสมัครทหารมาใหม่สามแสนนายใช่ไหม?”
พอเห็นโอกาส อันลู่ซานก็โน้มน้าวอีก“ขอรับ ฝ่าบาท เราเพิ่งรับสมัครทหารใหม่สามแสนนาย!หลังฝึกฝนมาหนึ่งเดือน พวกเขาก็สามัคคีกันแล้ว!แต่ยังไม่มีประสบการณ์ ข้าน้อยเลยอยากใช้โอกาสนี้ ในด้านหนึ่งเพื่อให้พวกเขาได้เห็นเลือด อีกด้าน มันเพื่อขยายดินแดนให้ฝ่าบาท!”
หลินเป่ยฟานพยักหน้า“อ้ายชิง ที่เจ้าพูดมีเหตุผล ทหารที่ยังไม่เคยเห็นเลือดไม่ใช่ทหาร และไม่สามารถปกป้องบ้านเมืองได้!”
“ขอรับ ฝ่าบาท!”อันลู่ซานเห็นความหวัง
“ดี!”หลินเป่ยฟานพูดด้วยเสียงไม่พอใจ“ปัจจุบัน อาณาจักรอันกำลังระส่ำระส่าย เขาชอบเยาะเย้ยข้า บอกว่าข้าเป็นราชาโง่ ข้าไม่ชอบหน้าพวกมันมานานแล้ว!อันอ้ายชิง เจ้าจะนำทหารใหม่ไปขุดหน้าพวกมันที่ชายแดน อย่างแรกเพื่อฝึกทหาร อย่างสอง เพื่อให้พวกมันรู้ว่าข้ามีอำนาจมากแค่ไหน!”
‘นี่มันบ้าอะไร!’ขุนนางและแม่ทัพทั้งหมดตาเหลือก
อาณาจักรอันคืออาณาจักรที่ไม่ด้อยกว่าอาณาจักรเซี่ยเลย มันแค่อ่อนแอกว่าอาณาจักรโม่นิดเดียว อาณาเขตมันกว้างถึงสี่แสนตารางกิโลเมตร ประชากรมากกว่าห้าล้านและพลังทหารโดยรอบก็แตะห้าแสน
เจ้าไม่โจมตีอาณาจักรโม่ ซึ่งกำลังอ่อนแอ แต่ดันไปยั่วโมโหอาณาจักรอันซึ่งแข็งแกร่งกว่าเรา นี่มันเรื่องบ้าอะไร?
ถ้าเจ้าอยากตาย ก็อย่าตายแบบนี้สิวะ!
“ฝ่าบาท นี่เป็นไปไม่ได้..”ขุนนางทั้งหมดตื่นตระหนก
หลินเป่ยฟานโบกมือ“พวกเจ้าไม่ต้องมาโน้มน้าวข้า ข้าตัดสินใจไปแล้ว!”
ทุกคน“…”
ภายใต้คำสั่งของหลินเป่ยฟาน อันลู่ซานไม่มีทางเลือกนอกจากนำทัพสามแสนนายไปชายแดนอาณาจักรโม่เพื่อฝึกฝน
ทุกคนที่ดูการต่อสู้นี้ตะลึง
“อาณาจักรเซี่ยส่งกองทัพออกมาจริงๆ แต่ไม่ใช่เพื่อสู้กับอาณาจักรโม่ แต่สู้กับอาณาจักรอัน?”
“ราชาโง่นี่คิดบ้าอะไร?ครั้งนี้ อาณาจักรโม่โดนล้อมจากทุกทิศและการล่มสลายก็คือเรื่องตายตัว อาณาจักรเซี่ยสามารถแบ่งชิ้นเนื้อและขยายดินแดนได้แท้ๆ!แต่เจ้ากลับไปยั่วยุอาณาจักรอันเนี่ยนะ?”
“ใช่ มันน่าเหลือเชื่อมาก สมองของข้าคิดไม่ถึงเลย!”
“ก็เขามันโง่ นี่ก็เรื่องปกตินี่?”
“สิ่งที่เจ้าพูด…ทำให้ข้าพูดไม่ออกเลย!”
…
ทุกคนมึนนงง ได้แต่โทษความโง่ของหลินเป่ยฟานอีกครั้ง
เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือราชาโง่และชอบทำตัวโง่ๆ ครั้งนี้พวกเขาเริ่มชินแล้ว
ในอาณาจักรโม่
หลังรู้เรื่องทั้งหมดนี้ จักรพรรดิโม่ก็หัวเราะลั่น“หลินเป่ยฟาน ครานี้ เจ้าส่งกองทัพมาช่วยข้าแบ่งเบาแรงกดดัน ข้าซาบซึ้งใจเจ้ายิ่งนัก!หลังข้าฟื้นฟูกำลังทหารได้ ข้าจะต้องตอบแทนเจ้าแน่ เป็นการเหลือศพให้เจ้าแบบครบส่วน!”
ในราชสำนักอาณาจักรอัน
จักรพรรดิอันโกรธจนก่นด่า.“ราชาโง่นี่!สมองมันทำด้วยอะไรวะ!แทนที่จะโจมตีอาณาจักรโม่ มันกลับมาโจมตีข้า!นี่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำหรือยังไง?ราชาโง่!โง่!”
หลังก่นด่าอย่นาน เขาก็หยุด
แต่ หัวใจยังร้อนลุ่ม
“ฝ่าบาท เราควรทำยังไงดีขอรับ?”ขุนนางเฒ่าถาม
จักรพรรดิอันโกรธอีกครั้ง“ทำอะไรละ?เราก็ต้องแบ่งกองทัพมาจัดการกับอาณาจักรเซี่ยนะสิ หลังข้าเอาชนะอาณาจักรโม่ได้ ข้าจะระบายความโกรธของข้าใส่ราชาดง่นี่!”
“ขอรับ ฝ่าบาท!”