ตอนที่ 33+34
ตอนที่ 33 สร้างคลอง
หลินเป่ยฟานมองเหอเซินแ ละเหอเซินก็ยิ้มแห้ง“ฝ่าบาท คลังกับอาหารของเราไม่มีทางเลี้ยงดูคนเยอะขนาดนี้ได้!”
หลินเป่ยฟานยิ้ม“ไม่ใช่ว่าเหยาเหยานำอาหารชุดใหม่มาแล้วเหรอ?”
“ฝ่าบาท แม้มันจะส่งมาแล้ว อาหารนี้ก็คือของทางยุทธศาสตร์ เราต้องเก็บไว้ในกรณีฉุกเฉิน!ไม่งั้น ถ้ามีภัยพิบัติธรรมชาติหรือฝีมือคน เราจะขาดอาหารได้!’
เหอเซินมองผู้ลี้ภัยใต้กำแพงเมืองและกระซิบ”ฝ่าบาท แผนปัจจุบันคือไล่คนพวกนี้และให้พวกเขาหาทางกันเอง ไม่งั้น มันคงลำบากถ้ามีคนมากกว่านี้!’
หลินเป่ยฟานโบกมือ“ไม่ได้!พวกเขามาถึงที่นี่เพราะพวกเขาฝากความหวังไว้กับข้า ข้าไม่สามารถทำให้พวกเขาผิดหวังได้!ส่งพวกเขาไปขุดคลองกันเป็นไง?”
“ขุดคลอง?”เหอเซินตะลึง
หลินเป่ยฟานพูด“หลังมังกรดินพลิกตัว พื้นดินก็ปริแตก และรอยแยกก็คือแนวตั้งและแนวนอน เราสามารถใช้สิ่งนี้เป็นช่องทางไหลแม่น้ำเพื่อสร้างลำคลองที่ไหลไปทุกทิศทางได้!”
“แบบนี้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อทุ่งนาของเรา แถมยังเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้คนของเรา ช่วยเสริมพลังของชาติ นี่ไม่ใช่เรื่องดีหรือ?”
เหอเซินสับสนอีกครั้ง!
การใช้รอยแยกในพื้นดินเพื่อสร้างลำคลองไปทุกทาง ส่งเสริมทุ่งนาและการค้า นี่เป็นความคิดที่หลุดโลกมาก!
เมื่อทำสำเร็จ งั้นอาณาจักรเซี่ยก็จะเจริญมาก
พูดตรงๆ เขาเองก็เกิดความประทับใจ
แต่..
“ฝ่าบาท ความคิดนี้ดี แต่มันต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรมากเกินไป!สิ่งสำคัญสุดคือเราไม่มีอาหาร เราไม่อาจเลี้ยงดูคนเยอะขนาดนั้นได้หมด!ข้าคิดว่าเรื่องนี้จะต้องหารือภายหลัง!’เหอเซินพูด
หลินเป่ยฟานโบกมือ“ไม่ต้องทำทีหลัง ทำตอนนี้เลย!เรื่องนี้ควรเสร็จแต่เร็ววัน ยิ่งคลองเปิดเร็ว ผลประโยชน์ที่นำมาจะยิ่งสูง มันจะเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นนี้และรุ่นหลัง!”
“แต่อาหาร…”
“เอาเสบียงชุดนั้นมา ไม่ได้หรือไง?”
“แต่ฝ่าบาท..”
“ไม่ต้องห่วง ถ้าอันเก่าไม่หมด อันใหม่จะไม่มา!’หลินเป่ยฟานยิ้ม”ข้าได้สร้างความสัมพันธ์แบบร่วมมือกับเหยาเหยาแล้ว จะไม่มีการขาดอาหารอีก!”
“ขอรับ ฝ่าบาท!ข้าน้อยจะทำสุดความสามารถ!’เหอเซินประสานมือ
แม้เขาจะยังรู้สึกไม่สบายใจ แต่จักรพรรดิก็ได้พูดไปแล้ว
“นอกจากนี้ จ่ายเงินให้สองร้อยตำลึงต่อคนด้วย!’หลินเป่ยฟานพูด
เหอเซินดีดตัว“อะไรนะ?ยังจ่ายเงินอีก?”
ในหัวเขา การจ่ายอาหารก็ดีพอแล้ว ทำไมยังต้องให้เงินอีก?
จักรพรรดิน้อยคิดอะไร?
“แน่นอน พวกเขามาช่วยข้าทำงาน ข้าจะไปทำผิดต่อพวกเขาได้ไง?”
เหอเซินรู้สึกอยากร้องไห้ ท่านไม่อยากผิดใจกับพวกเขา แต่อยากผิดใจกับข้า?
“ถ้าเจ้าเจอผู้ลี้ภัยอีรกในอนาคต ก็รับมาให้หมด พวกเขาจะไปขุดเหมือง บุกเบิกที่ดิน หรือขุดคลอง เจ้าจัดการเองเลย เจ้าต้องให้อาหารกับเงินพวกเขาด้วย เข้าใจไหม?”หลินเป่ยฟานย้ำ
เหอเซินสะดุ้งอีกครั้ง“รับผู้ลี้ภัยทั้งหมด?ฝ่าบาท นี่รับไม่ได้..”
“มันจะได้ผล ข้าเชื่อในตัวเจ้า!”หลินเป่ยฟานหัวเราะ
เหอเซินกำลังจะร้องไห้“ฝ่าบาท ท่านเชื่อในตัวข้า แต่ข้าไม่เชื่อในตัวเอง!”
“อย่าท้อ!ตบหน้าอกตัวเอง แล้วเรี่ยวแรงเจ้าจะมา!”หลินเป่ยฟานให้กำลังใจ
เหอเซิน“..”
หนังศีรษะเขาชาไปแล้ว หัวของเขากำลังจะล้าน!
ข้าเพิ่งกลายเป็นเสนาบดีฝ่ายครัวเรือน แต่ยังไม่ทันได้เก็บเงินเลย เขากลับต้องจ่ายเงิน!
ถ้าคลังว่าง เขาคือคนที่ต้องรับผิดชอบ!
ฝ่าบาท ท่านคิดจะฆ่าข้าหรือยังไง?
“ฝ่าบาท มาคุย…”
หลินเป่ยฟานหาว“ข้าง่วงแล้ว ข้าต้องกลับไปนอนพัก ข้าฝากให้เจ้าจัดการด้วย บาย!”
จากนั้นเขาก็รีบไป
เหอเซินตะโกนไล่ตาม“ฝ่าบาท!อย่าเพิ่งไป ฝ่าบาท กลับมาคุยกัน…”
แต่เขาไม่อาจตามหลินเป่ยฟานได้ทัน
เหอเซินมองผู้ลี้ภัยกว่าแสนที่รออยู่ และอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เขาอยากตาย
จากนั้น ตามคำสั่งของหลินเป่ยฟาน เหอเซินประกาศว่าเขาจะนำทุกคนไปขุดคลอง นอกจากอาหาร เขาจะจ่ายเงินเดือนสองร้อยตำลึง ซึ่งดึงดูดเสียงโห่ร้องของผู้ลี้ภัย
เรื่องนี้กระจายไปทั่วโลกและทุกคนก็ตกตะลึง
“แค่ไม่กี่วัน จักรพรรดิโง่นั่นก็เอาอีกแล้ว!”
“รับผู้ลี้ภัยทั้งหมดไปขุดคลอง ไม่ใช่แค่อาหาร แต่ยังให้เงิน?”
“เขาจ่ายไหวเหรอ?”
“ข้าไม่เคยเห็นจักรพรรดิเช่นนี้มาก่อน!”
“แม้กระทั่งกับราชวงศ์ จักรพรรดิของจักรวรรดิก็ยังไม่กล้าทำเช่นนี้!”
“มันเสียทั้งเวลาและเงิน เขากำลังเล่นกับความตาย!”
..
ทุกคนหัวเราะ แต่หลินเป่ยฟานกลับยิ้มเบิกบาน
ตอนที่ 34 คนของอาณาจักรโม่หนีมาอาณาจักรเซี่ย
หนึ่งเดือนผ่านไวเหมือนโกหก
ด้วยการสนับสนุนของหลินเป่ยฟาน คนทั้งอาณาจักรเริ่มทำงานเต็มกำลัง ขุดเหมือง ทำไร่ ขุดแม่น้ำลำคลอง และฝึกทหารให้เข้าที่เข้าทาง แสดงถึงความเจริญ
แต่สถานการณ์ในอาณาจักรเพื่อนบ้านอย่างโม่กลับไม่สู้ดี
พวกเขาไม่มีทางรู้ว่าหลินเป่ยฟานได้ย้ายดินดีไปหมดแล้ว และเมล็ดพันธุ์ข้าวที่โรยไปนานก็ค่อยๆเหี่ยวเฉา กลายเป็นสีเหลือง
แม้กระทั่งหญ้ารอบเมล็ดขาวก็ยังไม่โต
ชาวนาและสามัญชนเริ่มกังวล
“นี่มันอะไร?ทำไมเมล็ดข้าวถึงเหี่ยว?”
“ใช่ ข้าก็สงสัยเหมือนกัน!ดูที่ดินผืนนี้สิ มันเหลือน้ำไม่มาก และมีแมลงน้อยเดียว ในปีก่อน อาหารมากมายยังเติบโตได้!แต่ตอนนี้..ทั้งหมดแห้งตาย!”
“ข้าไปทุ่งข้าวในหมู่บ้านใกล้เคียงมา พวกเขาก็เป็นเหมือนกัน การเก็บเกี่ยวข้าวปีนี้ต้องขาดแน่!’
“นี่มันอะไร ใครคิดหาทางได้บ้าง?ถ้าเก็บเกี่ยวข้าวไม่ได้ แล้วเราจะเอาอะไรกิน?”
…
ทุกคนดูเศร้ามาก
หลังทำงานหนักมาครึ่งปี พวกเขาก็กำลังจะขายข้าวเพื่อเอาเงิน
แต่ถ้าเก็บเกี่ยวไม่ได้ ไม่เพียงจะไม่มีกิน แต่พวกเขายังไม่มีเงินมาประทังชีวิตด้วย
ครั้งนี้ ชาวนาที่ฉลาดเสนอ
“ข้าได้ยินว่าอาณาจักรเซี่ยรวบรวมคนนับล้านเพื่อทำการผลิตครั้งใหญ่ ขุดเหมือง บุกเบิกที่ดินเพื่อสร้างทุ่งนา และสร้างแม่น้ำ ลำคลอง พวกเขากำลังทำงานหนัก!ขอแค่พวกเจ้าทำงานหนัก พวกเจ้าจะได้ทั้งอาหารและเงิน หนีไปอาณาจักรเซี่ยกันเถอะ!”
“นี่…”หลายคนหวั่นไหว
ถ้าเป็นก่อนหน้า พวกเขาคงไม่คิดหนีไปอาณาจักรเซี่ย
เหนือสิ่งอื่นใด ตอนนั้นอาณาจักรโม่แกร่งกว่าอาณาจักรเซี่ย ด้วยดินที่อุดมสมบูรณ์กว่า หรือเศรษฐกิจและกำลังทหารที่เหนือกว่า
แม้จะไม่ถือว่าเป็นผู้ปกครองที่ดีมาก แต่ก็ถือเป็นคนที่พอใช้ได้
อย่างน้อย มันก็ดีกว่าราชาโง่ของอาณาจักรเซี่ย
แต่ตอนนี้ ข้าไม่มีข้าวจะกิน และกำลังจะอดตาย จะยังต้องคิดไปทำไมอีก?
แน่นอน ไม่ว่าจะมีอาหารให้กินไหม พวกเขาก็จะหนีไปที่นั่น
“เรามาจากอาณาจักรโม่ อาณาจักรเซี่ยจะรับเราเหรอ?”บางคนถาม
“มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่!’คนฉลาดมองรอบๆและกระซิบ”ข้าได้ยินว่ามีคนกว่าแสนจากอาณาจักรโดยรอบไปอาณาจักรเซี่ย และราชาโง่นั่นก็ใจกว้างมาก เขาจะไม่ปฏิเสธใคร!ถ้าเจ้าทำงาน เจ้าจะได้เงินและอาหาร!ตอนนี้เราไม่มีทางรอด ทำไมเราไม่ลองดูหน่อยละ?”
“ใช่ อย่างน้อยเพื่อเอาชีวิตรอด ไม่งั้นเจ้าจะได้แต่รอความตาย!’
“ไปลองกันสักสองสามเดือนเถอะ!”
“ข้าจะเก็บข้าวของแล้วออกเดินทางพรุ่งนี้เลย!”
…
ชาวโม่หลายคนเก็บข้าวของทันทีและหนีไปอาณาจักรเซี่ย
อาณาจักรเซี่ยไม่ปฏิเสธใคร ขอแค่ไม่พิการ ไม่กลัวการทำงาน เชื่อฟังคำสั่ง ก็จะมีอาหารและเงิน
สุดท้ายพวกเขาก็ได้เริ่มงาน
ครั้งนี้ สุดท้ายเมืองหลวงของอาณาจักรโม่ก็เปิดประตู อนุญาตให้ประชาชนออกไป
เหตุผลว่าทำไมมันต้องใช้เวลาเป็นเดือนเพื่อเปิดประตูเพราะจักรพรรดิโม่กลัวจะโดนหลินเป่ยฟานกระทืบ เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะฆ่าเขา เขาจึงอดทนอยู่นานขนาดนี้
หลังยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่มา เขาจึงเปิดประตูเมือง
สิ่งแรกที่ทำตอนเปิดประตูเมืองคือรับสมัครทหาร
เพราะเขามีทหารแค่สองแสนนายในมือ กำลังน้อยไปและไม่มีทางปกป้องอาณาจักรใหญ่โตนี้ได้
สองคือการเก็บเกี่ยวอาหาร
พวกเขาไม่คิดว่าหลินเป่ยฟานจะมาเมืองหลวงพวกเขา เสบียงสำรองจึงไม่พอ พวกเขาขาดแคลน มันถึงเวลาต้องเติมเสบียง
แต่ จักรพรรดิโม่กลับได้รับข่าวร้ายทีละอย่าง
“ว่าไงนะ รับสมัครทหารไม่ได้?คนหนุ่มกับวัยกลางคนส่วนใหญ่หนีไปอาณาจักรเซี่ยแล้ว?”จักรพรรดิโม่หน้าซีด
“ขอรับ ฝ่าบาท!เพราะเมล็ดข้าวที่หว่านไปเหี่ยวเฉาเพราะอะไรก็ไม่รู้ ข้าวเก็บเกี่ยวไม่ได้ พวกเขากัลวว่าจะอดตายและโดนลงโทษ พวกเขาจึงหนีไปอาณาจักรเซี่ยเพื่อทำไร่และขุดแม่น้ำลำคลองกัน!”
จักรพรรดิโม่หน้าดำ
มันเป็นอาณาจักรเซี่ยอีกแล้ว!
ทันทีที่เขาได้ยิน เขาก็โกรธและกลัว
“ฮึ่ม!ไม่ต้องสนใจพวกมัน!ในเมื่อพวกมันอยากหนี ก็ปล่อยให้หนีไป”จักรพรรดิโม่พูดด้วยใบหน้าไม่พอใจ“แล้วเรื่องอาหารละ?สิ่งสำคัญสุดคืออาหาร!”
“อาหาร..ฝ่าบาท ไม่มีทางรวบรวมอาหารได้เลย!’
จักรพรรดิโม่ตกใจ“ว่าไงนะ?เก็บเกี่ยวอาหารไม่ได้?ทำไม?”
“ฝ่าบาท ตอนกองทัพเซี่ยถอย พวกเขาเอาอาหารไปหมด!ตอนนี้ คนหนุ่มและวัยกลางคนยังหนีไปอาณาจักรเซี่ย และเอาอาหารไปด้วย เราจึงไม่เหลืออาหารเลย!’
ใบหน้าของจักรพรรดิโม่ดำมืด
มันเป็นอาณาจักรเซี่ยอีกแล้ว!
ทำไมถึงคอยหลอกหลอนข้าไม่หยุด?