ตอนที่ 19 กระสุนวงจักร
ตอนที่ 19 กระสุนวงจักร
ภายในถ้ำนั้น ชินหยูกําลังนั่งไขว่ห้างอยู่เพื่อฟื้นฟูจักระในร่างกายของเขา
ในขณะเดียวกัน เขาก็กําลังคํานวณวิธีแก้ปัญหาการขาดจักระหลังจากที่ใช้คาถาใหญ่ๆด้วย
หลังจากการต่อสู้สองครั้งนี้ เขาได้ใช้จักระส่วนใหญ่ของเขาไปจนเกือบหมด ถ้าไม่ใช่เพราะเขายังมีพลังของระบบที่มอบให้ร่างกายของเขาเล็กน้อยนั้น…
เขาจะไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งได้เป็นเวลานาน…..
หลังจากที่พยายามคิดดูแล้ว ในที่สุดชินหยูคิดได้เพียงแค่สองวิธีเท่านั้น
หนึ่ง เขาจะทำสัญญากับภูเขาเมียวโบคุแล้วเรียนรู้โหมดเซียนเพื่อดูดซับพลังงานธรรมชาติซึ่งจะเขาจะสามารถฟื้นฟูจักระของเขาได้อย่างรวดเร็ว
อย่างที่สอง เขาจะตามหาสัตว์แล้วทำให้ตัวเองเป็นพลังสถิตร่าง
นี่เป็นสองวิธีที่ง่ายที่สุดที่ชินหยูคิดได้ในตอนนี้
แต่การทำสัญญากับภูเขาเมียวโบคุนั้นถูกคควบคุมไว้โดยจิไรยะมาโดยตลอด
นับตั้งแต่โอรโรจิมารุทรยศและออกจากโคโนฮะไป จิไรยะก็เริ่มออกตามหาโอโรจิมารุทันที
ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากในการตามหาจิไรยะได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
ส่วนการตามหาสัตว์หางเพื่อเป็นพลังสถิตร่างนั้น นอกจากสามหางแล้ว สัตว์หางอีกแปดตัวยังคงอยู่ในร่างของพลังสถิตร่างในปัจจุบันอยู่
ในช่วงสงครามตอนนี้ หมู่บ้านนินจาทุกแห่งจะระมัดระวังตัวอย่างมากในการคุ้มครองของพลังสถิตร่าง
ในช่วงเวลาสั้นๆ การพยายามใช้วิธีนี้เพื่อแก้ปัญหาเรื่องจักระนั้นยากกว่าวิธีแรกมาก
เมื่อคิดได้แบบนี้ชินหยูจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ
"จะทำยังไงดีนะ!"
"ชินหยู ถ้านายมีปัญหาอะไรนายสามารถบอกฉันได้ทุกเรื่องเลยนะ" จู่ๆเสียงของมินาโตะก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ดวงตาของชินหยูเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นมินาโตะกำลังเดินเข้ามา
คาถาของมินาโตะเองก็น่าสนใจเช่นกัน
แต่นอกจากเทพสายฟ้าเหินและกระสุนวงจักร เขาก็ต้องตายเพราะคาถาปิดผนึกซากอสูร
นอกจากคาถาทั้งสามนี้แล้ว มินาโตะก็ไม่ค่อยได้ใช้คาถาอื่นๆมากนัก
แต่ในบรรดาคาถานินจาทั้งสามนี้ สิ่งที่ชินหยูให้ความสนใจมากที่สุดคือคาถาเทพสายฟ้าเหิน
โหมดจักระสายฟ้านั้นก็สามารถเพิ่มความเร็วของชินหยูได้อย่างมาก
แต่ในแง่ของการหลบหนีและฆ่าศัตรูนั้น ไม่มีคาถาใดที่เทียบได้กับคาถาเทพสายฟ้าเหินแล้ว
"ชินหยู นายกังวลไหมว่าดันโซจะลอบทําร้ายนายน่ะ?" มินาโตะถามด้วยความสงสัย
ชินหยูเลิกคิ้วของเขาขึ้น เขาไม่คิดว่ามินาโตะ จะถามเขาแบบนี้
เขากำลังคิดอยู่ว่าจะหลอกมินาโตะให้สอนหรือถ่ายทอดคาถาเทพสายฟ้าเหินมาให้เขาได้อย่างไรเท่านั้น
แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรต่อแล้วตอบกลับมินาโตะ "ถ้าหากดันโซจะลอบทำร้ายฉันจริงๆ ฉันก็จะไม่กลับไปที่โคโนฮะ"
"โลกใบนี้ใหญ่มันยิ่งใหญ่มาก ยังไงซะก็คงจะมีที่ให้ฉันซ่อนตัวอยู่สักแห่งนึงอยู่แล้ว"
การแสดงออกของมินาโตะเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินแบบนี้
ตามที่อุซึกิและคนอื่นๆได้บอกไว้ ความแข็งแกร่งของชินหยูนั้นเทียบเท่าได้กับเงาของโฮคาเงะไปแล้ว
บางที่เขาอาจจะอยู่เหนือกว่าด้วยซ้ำ
ถ้าเขาถูกฝึกฝนคาถาที่เหมาะกับเขาได้ล่ะก็…
แต่ถ้าหากชินหยูออกจากโคโนฮะไปมันจะเท่ากับการสูญเสียครั้งใหญ่ของโคโนฮะทันที
"ชินหยู อย่าคิดมากเลยน่ะ ฉันน่ะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฟุงาคุและฉันจะไม่ปล่อยให้ดันโซทำอะไรนายได้ง่ายๆอยู่แล้ว" มินาโตะ พยายามเกลี้ยกล่อมเขา "และฉันจะรายงานเรื่องนี้ต่อท่านรุ่นที่สามเอไว้ล่วงหน้า ด้วยสติปัญญาของเขา เขาจะจัดการเรื่องนี้อย่างยุติธรรมแน่นอน"
"นายแค่ตามฉันกลับไปที่โคโนฮะเท่านั้น ไม่ต้องกังวลไปนะ"
ชินหยูนั้นไม่ได้สงสัยอะไรในความตั้งใจของมินาโตะ แต่เป้าหมายของเขาคือคาถาเทพสายฟ้าเหินเท่านั้น
“ฉันเองก็อยากกลับไปเหมือนกัน แต่ฉันไม่มีคาถาที่เอาไว้ช่วยเหลือตัวเองมากนัก ถ้านายยินดีที่จะสอนวิชาเทพสายฟ้าเหินให้ฉัน ฉันอาจจะลองคิดดูใหม่ก็ได้” ชินหยูพูดด้วยรอยยิ้ม
มินาโตะตกใจก่อนที่เขาจะยิ้มอย่างขมขื่น "นั่นคือสิ่งที่นายต้องการสินะ"
"ดูเหมือนว่านายจะไม่ได้สนใจดันโซเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นวิชาเทพสายฟ้าเหินนี้เป็นคาถาต้องห้ามที่ถูกคิดค้นโดยโฮคาเงะรุ่นที่สอง แม้ว่าฉันอยากจะสอนให้กับคุณ ฉันก็จะต้องได้รับการอนุมัติจากโฮคาเงะรุ่นที่สามก่อน" มินาโตะพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
"ถ้านายอยากจะเรียนรู้คาถาใหม่จริงๆ ฉันสามารถสอนคาถาที่ฉันพัฒนาเองได้แทนนะ"
"นายกําลังพูดถึงกระสุนวงจักรใช่ไหม?” ชินหยูถาม
"นี่นายรู้เรื่องกระสุนวงจักรด้วยเหรอ?" สีหน้าของมินาโตะเผยให้เห็นถึงความตกใจเล็กน้อย "กระสุนวงจักรน่ะไม่จําเป็นต้องประสานอิน จํานวนจักระที่ใช้ก็ไม่ได้มาก นอกจากนี้ฉันยังได้คิดค้นวิธีการใช้มันอย่างง่ายดายอีกด้วย ฉันจะแสดงให้นายดูเดี๋ยวนี้แหละ"
"กระสุนวงจักร!" ขณะที่มินาโตะพูดนั้น นิ้วทั้งห้าของมือขวาของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย
จักระสีฟ้าอ่อนเริ่มก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและกลายเป็นลูกบอลจักระในพริบตา
มันดูเหมือนสีฟ้าของท้องฟ้าที่สดใสมาก
แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ที่ได้เห็นกระสุนวงจักรเป็นครั้งแรกนั้นจะประเมิณว่าเป็นคาถาธรรมดาทั่วไปเท่านั้น
แต่อันที่จริงแล้วไม่มีศัตรูคนไหนที่สามารถรับมือกับกระสุนวงจักรได้เลย
"เป็นยังไงบ้าง?" มินาโตะสลายกระสุนวงจักรในมือของเขาไปและพูดต่อ "ฉันจะแสดงให้นายดูอีกรอบ ด้วยความสามารถของนาย ตราบใดที่นายฝึกฝนมันและควบคุมการไหลเวียนของจักระได้อย่างเหมาะสม นายจะสามารถใช้มันได้ภายในหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น"
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของมินาโตะ ชินหยูจึงไม่สามารถปฏิเสธได้
ยิ่งไปกว่านั้นกระสุนวงจักรในผลงานต้นฉบับนั้นก็ทรงพลังไม่น้อย
เมื่อเทียบกับคาถากิเลนแล้วมันซับซ้อนน้อยกว่ามาก
เมื่อรู้สึกว่าจักระในร่างกายของมินาโตะเริ่มหมุนเวียนอีกครั้ง เนตรวงแหวนของชินหยูจึงเริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน
มินาโตะที่กำลังสร้างกระสุนวงจักรอยู่นั้นไม่ได้สนใจชินหยูในตอนนี้เลย
และทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาที่มองไปที่เนตรวงแหวนของชินหยูนั้นก็เบิกกว้างเล็กน้อย
จักระในมือของเขาสลายตัวไปอย่างกะทันหันด้วยเช่นกัน
"เนี่ยน่ะเหรอ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา?" มินาโตะอดไม่ได้ที่จะถาม
ชินหยูไม่แปลกใจกับคำถามของมินาโตะเลย
เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานั้นถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของโคโนฮะ
อย่างน้อย จากข้อมูลทั้งหมดของอุจิวะมาดาราที่ถูกบันทึกไว้โดยโฮคาเงะรุ่นที่สองก็บันทึกเอาไว้ว่ามาดาระนั้นสามารถใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาได้
สําหรับมินาโตะแล้ว เขาอยู่ในฐานะที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะกลายเป็นโฮคาเงะรุ่นที่สี่
และเพื่อแก้ไขปัญหาของตระกูลอุจิวะ เขาจึงกังวลเรื่องนี้เป็นพิเศษ
การได้รู้ถึงการมีอยู่ของเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาควรประหลาดใจเลยด้วยซ้ำ
"ใช่ นี่น่ะเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาของแท้เลยล่ะ" ชินหยูไม่ได้คิดจะปกปิดเรื่องนี้เลย
เมื่อได้ยินแบบนี้ มินาโตะก็สูดหายใจเข้าลึกๆและพยักหน้าเบาๆ "ในที่สุดฉันก็รู้ว่าทําไมพวกเขาถึงบอกว่านายสามารถเรียนรู้คาถานินจาได้ไวมาก"