ตอนที่แล้วบทที่ 83 มหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 85 ก่อนจากไป

บทที่ 84 บักกี้ผงาด


หลังจากวางสายแล้ว ซืออวี๋ก็นอนหลับจนถึงบ่ายสี่โมงครึ่ง

เขาตระหนักว่ากิจวัตรประจำวันของเขาก็ยุ่งเหยิงเล็กน้อย

โครกคราก

ซืออวี๋จับท้องของเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

“หิวมาก…”

เขากินข้าวเย็นของเมื่อวานนี้ ทว่าเขายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงหรือข้าวเช้าของวันนี้เลย

บูม! บูม! บูม!

ซืออวี๋ผู้ที่หิวโหยได้เคาะหน้าต่างและตะโกนบอกอีเลฟเว่นกับหนอนไหมเขียวที่ยังคงต่อสู้กันอยู่ด้านล่าง “หยุด!”

อีเลฟเว่นและหนอนไหมเขียวเงยหน้าขึ้นมอง

อ่าา ในที่สุดซืออวี๋ก็ตื่น

“เดือนหน้าเราจะไปเที่ยวกัน”

“เจ้าสองคนไปที่โรงเก็บของและเตรียมอาหารที่เจ้าต้องการล่วงหน้าสำหรับหนึ่งสัปดาห์… ไม่สิ สำหรับครึ่งเดือน”

“อู๋!!”

“จิ๋!”

เมื่อสัตว์อสูรทั้งสองตัวได้ยินเกี่ยวกับการเที่ยว พวกมันก็ตกตะลึงและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

พวกมันไม่รู้ว่าการเที่ยวคืออะไร ทว่าพวกมันรู้ว่าการเตรียมอาหารหมายถึงอะไร นั่นก็เพียงพอแล้ว

ซืออวี๋หยิบลูกปัดซากปรักหักพังออกมา เขาได้เก็บกวาดมันมาสักพักหนึ่งและการค้นคว้าเบื้องต้นของเขาก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

มิติภายในนั้นกว้างมาก ทว่านอกเหนือจากกองหินไร้ตันตนและกองคริสตัลพลังงานธาตุน้ำแข็ง มันก็ถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิง

เนื่องจากพวกเขากำลังจะเดินทางไกล สัมภาระทั้งหมดของพวกเขาจึงจะถูกเก็บไว้ที่นี่

อันที่จริง หลังจากไปถึงเมืองหลวงโบราณ เขาไม่จำเป็นต้องหาโรงแรมเลย เขาแค่ต้องหาสถานที่อันว่างเปล่าและเข้าไปในซากปรักหักพัง

อย่างไรก็ตาม ถ้าเช่นนี้… เขาต้องสร้างบ้านข้างใน ซืออวี๋เลือกซื้อเต๊นพกพาก่อนที่เขาจะจากไป

นอกเหนือจากนั้น พื้นที่แห่งอื่นในมิติลูกปัดซากปรักหักพังก็รกร้างชั่วคราว เมื่อถึงเวลา เขาจะไม่นำอีเลฟเว่นกลับเข้าไปในมิติฝึกสัตว์อสูร เขาจะปล่อยให้มันและหนอนไหมเขียวเข้าไปในลูกปัดซากปรักหักพังโดยตรง

แม้ว่ามันจะถูกทิ้งร้างนานเกินไป แต่มันก็ยังเป็นมิติฝึกสัตว์อสูรของนักฝึกสัตว์อสูรตำนาน มีประโยชน์มหาศาลสำหรับการฝึกฝนสัตว์อสูรข้างใน

“หาอะไรกินกันก่อนเถอะ” ซืออวี๋หันกลับมาและลุกจากเตียงก่อนที่จะเข้าไปในห้องครัว

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ออกจากห้องครัวและเปิดตู้เย็น

หลังจากเงียบไปสักสองสามวินาที เขาก็ปิดตู้เย็นและพึมพำกับตัวเอง

“บางทีข้าอาจจะต้องออกไปกินข้าวข้างนอกเพื่อให้รางวัลตัวเอง”

“ไม่ใช่สิ ข้าแค่ออกไปช่วยหนอนไหมเขียวปริ้นภาพมังกรน้ำแข็งจากมุมต่างๆ!”

“หากมีร้านขายของเล่นที่ขายโมเดลมังกรน้ำแข็งจะดีมาก…”

หากเขาจำไม่ผิด เนื่องจากตำนานในเมืองทุ่งน้ำแข็งจึงมีของเล่นมังกรน้ำแข็งค่อนข้างมากที่นี่!

“เฮ้อ เป็นไปได้ที่คาดไว้ ซืออวี๋ ตอนนี้เริ่มเย็นแล้วแต่เจ้าก็ออกไปข้างนอก ทั้งหมดก็เพื่อสัตว์อสูรของเจ้า นั่นลำบากเจ้ามาก!” ซืออวี๋สวมหน้ากากแห่งความยุติธรรม

หลังจากตัดสินใจที่จะออกจาไปข้างนอกเพื่อกินข้าว ซืออวี๋ก็วิ่งไปดูความคืบหน้าของอีเลฟเว่นและหนอนไหมเขียว

พวกมันฝึกเสร็จแล้ว และค่อนข้างมีประสิทธิภาพมาก

ในโรงเก็บของของบ้านฝึกฝน อีเลฟเว่นหยิบกองไผ่ขนาดใหญ่ ไม้หัวใจเหล็ก และคริสตัลพลังงานใส่กระเป๋า หนอนไหมเขียวก็เตรียมถุงหญ้าหนวดมังกรสำหรับตัวมันเอง

ซืออวี๋เงียบสงบมาก ไม่เลยเลย สัตว์อสูรทั้งสองตัวรู้ว่าพวกมันกินเยอะมากเพียงใด พวกมันจึงเตรียมอาหารมหาศาล

“พวกเจ้าต้องการอะไรอีกไหม?”

“อู๋!” อีเลฟเว่นส่ายหัวของมัน

“จิ๋!” หนอนไหมเขียวส่ายหัวของมัน

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะเก็บของพวกนี้ไว้เมื่อเราจากไป” เรื่องนี้ช่วยให้ข้าไม่ต้องลำบากซื้ออาหารในภายหลัง

“พวกเจ้าจะฝึกฝนต่อไหม?” ซืออวี๋หยิบลูกปัดซากปรักหักพังออกมาและกล่าวว่า “ต่อสู้กันที่นี่ ข้าจะออกไปกินข้าว”

อีเลฟเว่นและหนอนไหมเขียวตกตะลึง

ในขณะนี้ ซืออวี๋ไม่รู้ว่าลูกปัดซากปรักหักพังในมือของเขาดูเหมือนโปเกบอลไหม

ตอนกลางคืนวันที่ 28 เดือนสิงหาคม

ซืออวี๋เดินออกจากพื้นที่บ้านฝึกฝนขนาดใหญ่และนั่งแท็กซี่ไปยังถนนธุรกิจที่เจริญรุ่งเรือง

แสงในเมืองนั้นสว่างไสวในตอนกลางคืน แมลงนับไม่ถ้วนบินอยู่บนท้องฟ้า ทำให้ค่ำคืนที่นี่ดูงดงามมาก

[ชื่อ] : หิ่งห้อย

[ระดับเผ่าพันธุ์] : เหนือธรรมชาติชั้นต่ำ

[ทักษะเผ่าพันธุ์] : การเปล่งแสง

[หมายเหตุ] : สัตว์อสูรที่ออกหากินในตอนกลางคืน พวกมันชอบใช้ความสามารถของพวกมันในการมอบแสงสว่างให้กับสิ่งมีชีวิตอื่น

นี่เป็นสัตว์อสูรที่ค่อนข้างไร้อันตราย และมันไม่มีศัตรูตามธรรมชาติเลย หิ่งห้อยที่อ่อนแอคล้ายกับหลอดไฟอย่างแท้จริง เฉพาะหิ่งห้อยที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะเปล่งแสงซึ่งสามารถสร้างความเสียหายให้แก่สัตว์อสูรอื่นได้ อย่างไรก็ตาม การเปล่งแสงเป็นทักษะไร้ระดับ หากใช้ไหมหนอนของหนอนไหมเขียวเป็นตัวอ้างอิง หากเขาต้องการใช้มันในการต่อสู้ อย่างน้อยมันก็ต้องอยู่ในขั้นสมบูรณ์

เป็นเพราะพวกมันไม่เป็นอันตราย หิ่งห้อยจึงสามารถปรากฎตัวได้อย่างอิสระในสถานที่ต่างๆ ในเมือง

สิ่งต่างๆ ที่ปรากฎบนถนนย่านการค้า จัตุรัส และสวนสาธารณะมักเป็นที่ชื่นชอบของหิ่งห้อย

ซืออวี๋ใช้เงินฟุ่มเฟือยถึง 288 หยวนเพื่อกินราเมนที่ทำจากพืชจิตวิญญาณ จากนั้นเขาก็เริ่มเดินบนถนนย่านการค้านี้และค้นหาร้านค้าที่เขาต้องการ

เขาพบร้านค้าที่เชี่ยวชาญด้านโมเดลทางชีววิทยาและจ่ายเงิน 1,500 หยวนเพื่อซื้อโมเดลมังกรน้ำแข็งที่งดงาม

จากนั้นเขาก็วางแผนที่จะหาร้านที่สามารถปริ้นภาพได้… ทว่าในขณะนี้เอง ซืออวี๋ก็ถูกดึงดูดโดยชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งข้างถนนใต้แสงไฟจากหิ่งห้อยนับไม่ถ้วน

ชายหนุ่มในชุดนักเรียนที่ดูเหมือนจะเป็นนักเรียนมัยธมปลายกำลังนั่งถือพู่กันอยู่ริมถนน เขาวาดภาพอย่างใจเย็นในโลกของเขาท่ามกลางฝูงชนที่หนาแน่น บนกระดานวาดภาพตรงหน้าเขาคือภาพหิ่งห้อยบินอยู่บนท้องฟ้า ซืออวี๋เดินผ่านไปและมองดู มันสวยมาก

หิ่งห้อยในภาพวาดเปล่งประกาย พวกมันมีชีวิตชีวาและเหมือนจริงมากราวกับสัตว์อสูรอย่างแท้จริง

ข้างนักเรียนที่กำลังวาดภาพ มีสัตว์อสูรประเภทพืชซึ่งคือเห็ดแสงรุ้งที่สวมหมวกเห็ดหลากสีใบใหญ่ ชายหนุ่มดูเหมือนจะใช้สีต่างๆ ของหมวกเห็ดใบใหญ่เป็นเสมือนกับสีย้อม และเขาก็จุ่มพู่กันลงไปเมื่อต้องการ

[ชื่อ] : เห็ดแสงรุ้ง

[ระดับเผ่าพันธุ์] : เหนือธรรมชาติชั้นต่ำ

[ทักษะเผ่าพันธุ์] : สปอร์หลากสี การเปล่งแสง

[หมายเหตุ] : พืชที่สามารถเปล่งแสงได้ สปอร์ต่างสีก็จะมีผลที่ต่างกัน ในเวลาเดียวกัน มีสารพิเศษในร่างกายของมันที่สามารถใช้เป็นสีย้อมเรืองแสงชั้นยอดได้

เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ค่อนข้างธรรมดา ซืออวี๋ก็ไม่จำเป็นต้องแสกนมันด้วยโทรศัพท์ของเขาเพื่อหาข้อมูลเฉพาะของมัน

บางทีอาจเป็นเพราะซืออวี๋ยืนอยู่ที่นั่นนานเกินไป นักเรียนผู้นี้จึงเงยหน้าขึ้นและมองซืออวี๋

ซืออวี๋ชี้ไปที่กล่องข้างเขาซึ่งมีคำว่า ‘ราคาสำหรับภาพวาด 100-1,000 หยวน’

“เจ้าช่วยข้าวาดภาพไดได้ไหม?”

“เจ้าต้องการภาพอะไร?” นักเรียนผู้นี้ได้เอ่ยถามด้วยเสียงอันอ่อนเยาว์

“ภาพมังกรน้ำแข็งจากสี่มุม” เดิมทีซืออวี๋วางแผนที่จะปริ้นพวกมันโดยตรง ทว่าเขาก็เปลี่ยนใจ ทักษะการวาดภาพของนักเรียนผู้นี้ไม่เลวเลยซึ่งดียิ่งกว่าศิลปิน ภาพวาดนี้ดูเหมือนจริงมาก หรือมันอาจจะเป็นเพราะพลังของเห็ดแสงรุ้ง ไม่ว่ายังไง มันก็ดูสมจริงยิ่งกว่ารูปภาพเสียอีก

ถ้าเช่นนั้นทำไมข้าถึงไม่หาคนมาวาดมังกรน้ำแข็งให้หนอนไหมเขียวล่ะ? ภาพวาดนี้มีผลพิเศษ ดังนั้นมันจึงไม่มากเกินไปที่จะขอให้หนอนไหมเขียวสร้างมังกรน้ำแข็ง

“มังกรน้ำแข็งเหรอ? ข้าวาดมันได้ ทว่าอาจใช้เวลาสักเล็กน้อย…”

“เจ้าจะใช้เวลานานเพียงใด?”

“สามวัน”

“ตกลง เจ้ามีโทรศัพท์ไหม?” ซืออวี๋เอ่ยถาม

นักเรียนส่ายหัวของเขา

ซืออวี๋ :“…”

เขายากจนเช่นเดียวกับซืออวี๋ก่อนหน้านี้! จากลักษณะแล้ว เฉินไคและคนอื่นยังคงค่อนข้างร่ำรวย มิฉะนั้น พวกเขาคงไม่ทำให้เกิดความปั่นป่วนในอุตสาหกรรมอาหารเสริมของเขตผิงเฉิง

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะมอบเงินให้เจ้าก่อน ข้าจะกลับมาที่นี่ในสามวันเพื่อเอาภาพวาด” ซืออวี๋กล่าวออกมา

“ไม่ ไม่เป็นไร ข้าจะวาดภาพก่อน” นักเรียนผู้นี้กล่าวเสริมว่า “หลังจากข้าวาดเสร็จ เจ้าก็ตัดสินราคา”

“เจ้าต้องการให้ข้าตัดสินราคางั้นเหรอ?” ซืออวี๋ยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมั่นใจในภาพวาดของเขามาก

จิตรกรน้ยยังคงยิ้มและพยักหน้า จากนั้นซืออวี๋ก็พูดคุยอีกสักพักหนึ่งและเข้าใจตัวตนของอีกฝ่าย อีกฝ่ายได้เรียนสาขาที่เกี่ยวข้องการกับวาดภาพและดูเหมือนจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมาก ความฝันของเขาคือการกลายเป็นจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเขาจึงทำสัญญากับเห็ดแสงรุ้ง โดยวางแผนที่จะใช้มันเพื่อช่วยในการวาดภาพของเขา

ไม่ใช่นักฝึกสัตว์อสูรทุกคนที่จะทำสัญญาสัตว์อสูรของพวกเขาเพื่อการต่อสู้ ในโลกนี้ สัตว์อสูรได้หลอมรวมเข้ากับทุกวิถีชีวิตมาอย่างยาวนาน

ซืออวี๋ตัดสินใจซื้อ อย่างไรก็ตาม เนื่องจกาอีกฝ่ายไม่มีโทรศัพท์ ซืออวี๋จึงทำได้เพียงแค่ไปปริ้นรูปถ่ายมาให้อีกฝ่าย ในเวลาเดียวกัน เขาก็บังคับวางเงินมัดจำให้อีกฝ่าย 1,000 หยวน

ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักเรียนน้อยผู้นี้ที่จะออกมาหาเลี้ยงชีพตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยเลย เขาควรค่าแก่การสนับสนุน หากซืออวี๋ไม่พบหญิงสาวที่ร่ำรวยเช่นหลู่ชิงอี้ ซืออวี๋อาจจะเป็นเช่นเดียวกับเขาในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เขาหาเงินจากการขายภาพวาด และซืออวี๋จะหาเงินจากการขายไหม…

หลังจากมอบรูปถ่ายมังกรน้ำแข็งทั้งสี่เสร็จ ซืออวี๋ก็รู้สึกเหนื่อยล้า

“ข้าเหนื่อยอีกแล้ว”

“เห็นได้ชัดว่าข้านอนไปหนึ่งวันและไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมข้าถึงเหนื่อยอีกล่ะ?”

ซืออวี๋รู้สึกว่านี่ไร้สาระมาก

เอาล่ะ กลับบ้านและเลิกเดินเที่ยวไปมาได้แล้ว

หลังจากที่ซืออวี๋กลับมาถึงบ้าน อีเลฟเว่นและหนอนไหมเขียวในซากปรักหักพังก็ยังคงมีพลังงานอย่างมาก

ซืออวี๋รู้สึกอิจฉา

ด้วยอาหารที่มีสารอาหารสูงและการสนับสนุนจากซากปรักหักพัง การฟื้นฟูอันรวดเร็วจากการหลับลึก แม้ว่าพวกมันทั้งสองตัวจะเหนื่อยล้า แต่พวกมันก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วหลังจากงีบหลับ นั่นน่าอิจฉาอย่างแท้จริง

“หากสารบัญทักษะใช้ได้กับตัวข้า”

“การรักษาความเร็วสูง การหลับลึก ต้องจัดการทักษะพวกนี้ก่อน”

ซืออวี๋รู้ว่าพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรของเขาอาจจะดีขึ้นเมื่อระดับนักฝึกสัตว์อสูรของเขาเพิ่มขึ้น แม้กระทั่งความสามารถของพรสวรรค์พิเศษบางอย่างก็ยังได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ

ซืออวี๋จึงสงสัยมาก นอกจากการเพิ่มจำนวนหน้าแล้ว มีความเป็นไปได้ไหมที่จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านอื่น?

กล่าวตามหลักเหตุผลแล้ว เนื่องจากมีพรสวรรค์เช่น ‘การแบ่งปัน’ และ ‘การหลอมรวม’ มนุษย์จึงยังคงมีศักยภาพที่ไม่รู้จักมากมาย…

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนที่คาดเดาว่ามนุษย์ที่มีพรสวรรค์พิเศษอันแปลกประหลาดนี้อาจเกิดจากการเลือดที่ผสมระหว่างมนุษย์และสัตว์อสูรอื่น…

“เมื่อข้าเข้าร่วมการประเมินมืออาชีพ ข้าควรจะสามารถเห็นพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรทุกประเภท ข้าสงสัยว่าข้าจะสามารถพบสาวหูสัตว์ไหม” ซืออวี๋ยังไม่ลืมเรื่องนี้และสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เขาไม่เคยเจออย่างมาก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการเลี้ยงอีเลฟเว่นและหนอนไหมเขียวต่อไป

[ชื่อ] : อสูรกินเหล็ก

[ระดับการเติบโต] : ปลุกตื่นขั้นเก้า

[ทักษะ] : การเคลือบแข็ง (ขั้นสมบูรณ์) ฝ่ามือสายฟ้า (ขั้นชำนาญ) การรักษาความเร็วสูง (ขั้นชำนาญ) สุดยอดการมองเห็น (ขั้นชำนาญ) การปราบปราม (ขั้นชำนาญ) การหลับลึก (ขั้นชำนาญ) การทวีคูณ (ขั้นชำนาญ)

[ชื่อ] : หนอนไหมเขียว

[ระดับการเติบโต] : ปลุกตื่นขั้นสิบ

[ทักษะ] :ไหมหนอน (ขั้นเหนือธรรมชาติ) การหลับลึก (ขั้นเริ่มต้า) ภูติมายา (ขั้นเริ่มต้น)

ในด้านของอีเลฟเว่น ทักษะต่างๆ ก็เพียงพอแล้วสำหรับในตอนนี้ และความเชี่ยวชาญของมันก็ผ่านเกณฑ์แล้ว ซืออวี๋วางแผนที่จะเพิกเฉยต่อมันในเวลานี้และปล่อยให้มันฝึกฝนด้วยตัวเอง จากนั้นก็ใช้อาหารจำนวนมากและการฝึกฝนอันหนักหน่วงเพื่อเพิ่มระดับการเติบโตของมัน

สำหรับหนอนไหมเขียวแล้ว เมื่อพิจารณาว่ามันขยันขันแข็งมากเช่นกัน ซืออวี๋จึงวางแผนที่จะมอบการหลับลึกให้แก่มันจนกว่าจะถึงขั้นช่ำชองและเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกฝนของมัน

ในขณะเดียวกัน เขาต้องการเพิ่มแต้มให้แก่ทักษะภูติมายาให้ถึงขั้นชำนาญ ด้วยวิธีนี้ เขารู้สึกว่าพลังต่อสู้ของหนอนไหมเขียวเริ่มเพิ่มขึ้นแล้ว

อาจเป็นเรื่องยากสำหรับมันในการต่อสู้กับสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ระดับผู้บัญชาการซึ่งมีการเติบโตระดับปลุกตื่นขั้นสิบ ทว่าเขารู้สึกว่ามันสามารถต่อสู้กับคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันในเผ่าพันธุ์ระดับเหนือธรรมชาติได้แล้ว

นอกเหนือจากนั้น รากฐานสำหรับการวิวัฒนาการก็เสร็จสมบูรณ์แล้วเช่นกัน

ในเวลานั้น หนอนไหมเขียวหลังจากการเปลี่ยนเป็นรังไหมก็จะอยู่ในสถานะหลับไหล หนอนไหมเขียวตัวอื่นจะหลับแบบปกติ ทว่าหนอนไหมเขียวตัวนี้จะใช้การหลับลึก ประโยชน์ที่มันได้รับจึงมากยิ่งกว่า เนื่องจากมันสามารถดูดซับสารอาหารได้มากยิ่งขึ้น จากนั้นเมื่อจะทะลวงออกมาจากรังไหม หนอนไหมเขียวที่มีภูติมายาอาจเพียงแค่ต้องฉายภาพจากความฝันของมันบนตัวมันเอง และรังไหมก็สามารถทะลวงออกมาได้ตามที่มันต้องการ

ไม่ว่ามันต้องการเป็นผีเสื้อหรือหนอนที่กระโดดข้ามผ่านประตูมังกรหรือฟินิกซ์ที่เข้าสู่นิพพาน นั่นก็ขึ้นอยู่กับตัวมันเอง

แน่นอน เพื่อความปลอดภัย ซืออวี๋จึงสอนอีกสองสามทักษะให้แก่มันก่อนที่มันจะกลายเป็นรังไหม ตัวอย่างเช่น การรักษาความเร็วสูง การปราบปราม และการทวีคูณสามารถสอนได้เช่นกัน

ไหมหนอนขั้นเหนือธรรมชาติยังคงสามารถพัฒนาได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าซืออวี๋มีพลังงานหรือไม่

หลังจากตัดสินใจไปที่เมืองหลวงโบราณในเดือนกรกฎาคม ซืออวี๋ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ของเขาเพียงชั่วคราวเพื่อพัฒนาการหลับลึกและภูติมายาเป็นขั้นชำนาญก่อนที่จะออกเดินทาง เขาจะทิ้งแผนอื่นไปก่อน

“บักกี้ นี่สำหรับเจ้า”

ในซากปรักหักพัง อีเลฟเว่นและหนอนไหมเขียวค้นพบซืออวี๋ที่เดินเข้ามาแล้ว

ซืออวี๋เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับโมเดลมักรน้ำแข็งและกระเป๋ารูป

“อู๋!!!” อีเลฟเว่นมองอย่างละเอียดและไม่สนใจเมื่อมันตระหนักได้ว่านั่นไม่ใช่มังกรน้ำแข็งตัวจริง

สำหรับหนอนไหมเขียว ดวงตาของมันเปล่งประกาย

“จิ๋!!!!”

เท่ห์มาก!!

มันมองไปที่โมเดลมังกรน้ำแข็งที่งดงามและนึกถึงมังกรน้ำแข็งในความฝันของมัน เมื่อเทียบกับสิ่งนี้แล้ว มันรู้สึกได้ทันทีว่ามังกรน้ำแข็งที่สร้างขึ้นในความฝันของมันค่อนข้างโง่เขลาเลย…

“สังเกตและจินตนาการอย่างรอบคอบ” ซืออวี๋หัวเราะ เหตุผลที่เขาปล่อยให้บักกี้ใช้มังกรน้ำแข็งเป็นรูปแบบการแปลงร่างครั้งแรกส่วนใหญ่เป็นเพราะเขามีคริสตัลพลังงานน้ำแข็งจำนวนมากและหนวดของมังกรน้ำแข็งที่ไม่รู้จัก สิ่งเหล่านี้อาจเป็นอุปกรณ์ที่ดีมากในการเพิ่มคุณภาพของภูติมายา

“และนี่” ซืออวี๋ก็ส่งภาพที่ปริ้นมาให้แก่หนอนไหมเขียวเช่นกัน เขาปริ้นสำเนามาสองชุด ชุดหนึ่งให้แก่ศิลปินน้ยเพื่อใช้เป็นแบบ และอีกชุดหนึ่งให้บักกี้ดู สิ่งนี้ถูกมากและราคาเพียงไม่กี่หยวน

“และภาพของพวกเจ้า”

นอกเหนือจากนั้น ซืออวี๋ยังหยิบรูปถ่ายออกมากองหนึ่ง ในครั้งนี้ ภาพในรูปก็คืออีเลฟเว่นที่กำลังฝึกฝนและหนอนไหมเขียวที่กำลังหนอนหลับ

ซืออวี๋แจกรูปถ่ายให้แก่อีเลฟเว่นและหนอนไหมเขียว หนอนไหมเขียวไม่เป็นไร เมื่อเห็นรูปถ่ายมันก็แสดงความประหลาดใจตามปกติเท่านั้น สำหรับอีเลฟเว่น มันดูรูปของมันและตกตะลึงอย่างมาก

“หือ?”

“ข้าแอบถ่ายรูปพวกนี้ไว้ในระหว่างที่พวกเจ้าฝึกฝน มันถือว่าเป็นความทรงจำ” ซืออวี๋หัวเราะออกมา

“อู๋!!!” อีเลฟเว่นดูรูปและรู้สึกประทับใจมาก

ฉากการฝึกฝนอย่างหนักของมันก็ยังสามารถถ่ายเก็บไว้ได้ด้วยเหรอ?

มันต้องเก็บรักษารูปถ่ายเหล่านี้ราวกับสมบัติ!

อีเลฟเว่นต้องการเก็บรูปภาพ ทว่าน่าเสียดายที่มันไม่มีกระเป๋า มันทำได้เพียงแค่บีบรูปถ่ายไว้ระหว่างแขนและลำบตัวที่มีขนปุกปุยของมันเท่านั้น

ในขณะนี้ อีเลฟเว่นก็มองไปที่ซืออวี๋อย่างกะทันหัน

เนื่องจากฉากระหว่างการฝึกฝนอย่างหนักสามารถถ่ายเก็บไว้ได้…

ถ้าเช่นนั้นฉากวีรบุรุษหมีในระหว่างการต่อสู้ล่ะ?!

อสูรกินเหล็กเบิกตากว้างอย่างกระตือรือร้นและมองไปที่ซืออวี๋อย่างจริงจัง

“อู๋!!!”

เขาได้ถ่ายมันไว้ไหม? ในเวลานั้น มันคงจะหล่อและเท่ห์อย่างมากแน่นอน

ช่วงเวลาแห่งชัยชนะควรจะถูกถ่ายเก็บไว้มากกว่ากว่าช่วงเวลาแห่งการฝึกฝน

ช่วงเวลาหนึ่งเป็นตัวแทนของความพยายาม ในขณะที่อีกช่วงเวลาหนึ่งเป็นตัวแทนของผลลัพธ์ อีเลฟเว่นรู้สึกว่ารูปนี้ดีอย่างแท้จริง ด้วยรูปถ่ายนี้ มันรู้สึกว่าผลประโยชน์จากการฝึกฝนอย่างหนักจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

อีเลฟเว่นรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างขาดหายไปหลังจากการฝึฝกนและการต่อสู้ทุกครั้ง ตอนนี้ในที่สุดมันก็พบเหตุผลแล้ว มันขาดรูปถ่าย!

ซืออวี๋ :“…”

บัดซ* ข้าแค่ถ่ายรูปชีวิตของข้า เจ้าต้องการให้ข้าถ่ายรูปการต่อสู้ด้วยเหรอ?

นักฝึกสัตว์อสูรคนอื่นจะออกคำสั่งอย่างจริงจัง และแม้กระทั่งใช้พรสวรรค์ของพวกเขา… ทำไมเขาถึงต้องถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์ของเขาล่ะ? เขาจะถูกทึบตีจนตาย!

ซืออวี๋ตัวสั่น ภายใต้อิทธิพลของเขา อสูรกินเหล็กตัวนี้ดูเหมือนจะเริ่มหลงตัวเองแล้ว…

“ข้าไม่รู้ ข้าไม่แน่ใจ ข้าไม่เข้าใจ ข้าจะไปนอนแล้ว”

ซืออวี๋บอกปัดมันอย่างเด็ดขาดและวิ่งไปนอน ทิ้งอสูรกินเหล็กน้อยที่สับสนไว้เบื้องหลัง

วันที่ 29 เดือนสิงหาคม

ด้วยหลักการที่ดีของการเพิ่มแต้มหนึ่งทักษะระดับสูง ซืออวี๋จึงวางแผนที่จะใช้เวลาหกวันเพื่อสองทักษะระดับสูงของหนอนไหมเขียวไปสู่ขั้นชำนาญ

สำหรับเวลาที่เหลือ เขาต้องใช้เวลาทำสมาธิและศึกษาค้นคว้า

ด้วยหินไร้ตัวตนจำนวนมหาศาล การเพิ่มระดับมิติฝึกสัตว์อสูรภายในสี่เดือนจึงไม่น่าจะเป็นปัญหา ตอนนี้ซืออวี๋ควรกังวลเกี่ยวกับการสอบข้อเขียนในการประเมินมืออาชีพ!

กาประเมินมืออาชีพแบ่งออกเป็นสี่ส่วน : การสอบพื้นฐาน การสอบข้อเขียน การเอาชีวิตรอดในป่า และการต่อสู้จัดอันดับ

การสอบพื้นฐานคือการทดสอบว่าระดับของนักฝึกสัตว์อสูรไม่ถึงมาตรฐานหรือระดับของสัตว์อสูรไม่ถึงมาตรฐานไหม การสอบนี้ทดสอบด้วยเครื่องจักรซึ่งใช้เวลาไม่นาน ดังนั้นมันจึงเป็นการทดสอบแรก

ต่อมาคือการสอบข้อเขียนที่ผู้เข้าร่วมทุกคนรังเกียจ นักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพไม่ใช่คนบ้าที่รู้เพียงแค่การต่อสู้ พวกเขาต้องมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก แม้ว่ารูปร่างหน้าตา ทักษะ และเผ่าพันธุ์ของสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนจะไม่ยากนัก แต่พวกเขาก็ต้องตอบได้อย่างน้อย 95% เพื่อผ่านเกณฑ์

นอกจากนี้ยังมีคำถามที่ครอบคลุมเกี่ยวกับนิสัย จุดอ่อน และการต่อสู้ของสัตว์อสูรธรรมดาอีกเช่นกัน บ้อยครั้งที่ผู้คนจำนวนมากอาจถูกคัดออกในการทดสอบรอบนี้

เพื่อไม่ให้การประเมินนี้ล้มเหลว ซืออวี๋จึงดูราวกับได้กลับไปใช้ชีวิตช่วงมัยธมปลายของเขาอีกครั้ง

โชคดี เขารู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้จำได้ง่ายยิ่งกว่าคำศัพ์ภาษาอังกฤษมาก สิ่งที่สำคัญที่สุด เขาสนใจเรื่องเหล่านี้ นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งทางจิตใจและความทรงจำของเขายังดียิ่งกว่าในชีวิตก่อนของเขาเสียอีก

ในสถานะนี้ ประสิทธิภาพการเรียนรู้จึงสูงมาก ทว่าเขาต้องเพิ่มแต้มน้อยลง มิฉะนั้น ประสิทธิภาพการเรียนรู้จะลดลงอย่างรวดเร็ว…

“ควบคุม… ควบคุม…”

ในขณะที่เขาตะโกนเพื่อควบคุมตัวเอง ซืออวี๋ก็ได้ทำให้การหลับลึกของหนอนไหมเขียวก็เข้าสู่ขั้นช่ำชอง

ด้วยการเข้าสู่ขั้นใหม่ของการหลับลึก พลังจิตวิญญาณและสถานะการหลับของหนอนไหมเขียวจึงเพิ่มขึ้นเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น หลังจากจ้องไปที่รูปถ่ายและโมเดลมังกรน้ำแข็งเป็นเวลานาน มังกรน้ำแข็งที่มันสร้างขึ้นก็ดูดีกว่าเมื่อวายเล็กน้อย

วันที่ 30 เดือนสิงหาคม

ซืออวี๋เริ่มเพิ่มขั้นของทักษะภูติมายา

ภูติมายาขั้นเริ่มต้นสามารถทำให้ภาพมายาจากความฝันกลายเป็นจริงได้

ในทางกลับกัน นอกเหนือจากการเพิ่มคุณภาพของภาพมายาที่ปรากฎขึ้นมาแล้ว ภูติมายาขั้นช่ำชองยังสามารถสร้างภาพมายาที่ซับซ้อนมากขึ้นได้แล้ว ตัวอย่างเช่น หนอนไหมเขียวสามารถสร้างภาพมายาของสัตว์อสูรหลายสิบตัวเช่นเดียวกับด่านที่สี่และห้าของซากปรักหักพัง

อย่างไรก็ตาม จำนวนของภาพมายาไม่ได้มีความหมายต่อหนอนไหมเขียวมากนัก ท้ายที่สุด ซืออวี๋วางแผนที่จะปล่อยให้มันใช้เส้นทางชั้นนำ ภาพมายาจึงต้องการคุณภาพมากยิ่งกว่าปริมาณ

ในด้านของหนอนไหมเขียว มันยังคงพัฒนาอย่างมั่นคง สิ่งที่เปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพของหนอนไหมเขียวก็คือภูติมายาขั้นชำนาญ

ซืออวี๋ได้ตรวจสอบทักษะภูติมายาแล้ว มีสัตว์อสูรน้อยมากที่เชี่ยวชาญทักษะเผ่าพันธุ์นี้ และต้นกำเนิดของพวกมันก็น่าประทับใจมาก

สัตว์อสูรที่ใกล้ชิดกับผู้คนมากที่สุดก็คือจิ้งจอกมายาเก้าหางซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ระดับราชันย์ สัตว์อสูรตัวอื่นเป็นเช่นเดียวกับเปลือกหอยความฝันและจ้าวแห่งความฝันซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ระดับผู้ปกครอง คนธรรมดาไม่สามารถทำสัญญากับพวกมันได้เลย

ซืออวี๋คาดการณ์ว่าเปลือกหอยในซากปรักหักพังก็คือเปลือกหอยความฝัน มันเป็นสัตว์อสูรที่หายากมากซึ่งเคยปรากฎตัวน้อยกว่าสิบครั้งในประเทศต่างๆ

เนื่องจากมีสัตว์อสูรจำนวนน้อยมากที่เชี่ยวชาญทักษะนี้ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องจึงค้นหาได้ยากมาก

ในขั้นช่ำชอง สัตว์อสูรสามารถพึ่งพาสิ่งของภายนอกได้เช่นอุปกรณ์เพื่อทำให้คุณภาพของภาพมายาดียิ่งขึ้น เมื่อถึงตอนนั้น หากมันกลายเป็นมังกรน้ำแข็วอีกครั้ง คริสตัลพลังงานธาตุน้ำแข็งเหล่านั้นอาจมีประโยชน์ และมังกรน้ำแข็งจะยิ่งทรงพลังมากยิ่งขึ้นหากใช้หนวดมังกร

ในเวลาเดียวกัน ในวันนี้ ชัยชนะของการแข่งขันระหว่างอีเลฟเว่นน้อยและหนอนไหมเขียวจึงเอนเอียงไปทางหนอนไหมเขียวอย่างสมบูรณ์…

กล่าวอย่างเรียบง่าย ภูติมายาคือความสามารถในการเสริมพลังในความเป็นจริงผ่านความสามารถจิตวิญญาณและมิติ

ตราบใดที่ความแข็งแกร่งทางจิตใจและความสำเร็จด้านมิติแข็งแกร่งมากพอก็มีความหวังที่จะเขียนความจริงขึ้นมาใหม่ได้

หลังจากเข้าถึงขั้นช่ำของของการหลับลึก และขั้นช่ำชองของภูติมายา ซืออวี๋จึงได้พัฒนาโหมดความฝันสำหรับหนอนไหมเขียว

นี่เป็นทักษผสานของการหลับลึกและภูติมายา เข้าสู่สถานะหลับ จากนั้นก็ฝันถึงตัวเองและฉายภาพมายาใส่ตัวเอง

ด้วยวิธีนี้ หนอนไหมเขียวเทียบเท่ากับการสวมภูติมายาหนอนไหมเขียว เนื่องจากมันได้รับผลกระทบจากพลังมิติและจิตวิญญาณ ในโหมดความฝันนี้ พลังของไหมหนอนล่องหนของหนอนไหมเขียวและร่างกายของมันจึงดีขึ้นมาก

ในขณะเดียวกัน เนื่องจากมันอยู่ในสถานะหลับสนิท ความเร็วในการฟื้นฟูพละกำลังของมันอาจกล่าวได้ว่ารวดเร็วอย่างมาก

ในลูกปักซากปรักหักพัง บักกี้ได้แสดงพลังของมันและไล่ล่าอีเลฟเว่น

“จิ๋!!!”

ในที่สุดบักกี้ก็ผงาด ไม่มีแรงกดดันในการยับยั้งอีเลฟเว่นอีกต่อไป!

“อู๋!!!!” ปอดของอีเลฟเว่นระเบิดออกด้วยความโกรธ มันไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเอาชนะหนอนไหมเขียวไม่ได้

เมื่อเผชิญหน้ากับหนอนแห่งจินตนาการในโหมดความฝัน อีเลฟเว่นขนาดพกพาจึงตกอยู่ในความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้และรู้สึกกดดันอย่างมาก

ดังนั้นมันอาจต้องตัวใหญ่ขึ้นเล็กน้อยและเอาชนะหนอนไหมเขียวในทันที

หนอนไหมเขียว : จิ๋… QAQ???

อีเลฟเว่น : เเพื่อลงโทษตัวมันเอง ปริมาณการฝึกในวันนี้จะเพิ่มเป็นสองเท่า…

Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน

Link : https://www.facebook.com/translatemoth

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด