บทที่ 22: [ด่าน 1] ทีมหลัก
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 22: [ด่านที่ 1] ทีมหลัก
-กึก!
ชุดเกราะที่มีชีวิตได้มาถึงหน้าคูป้อมปราการแล้ว
การเดินทัพของพวกมันชะลอตัวลง เพราะพวกมันต้องเดินผ่านคูเมืองที่เต็มไปด้วยลูกศรที่กำลังพุ่งลงมา
ถึงกระนั้น พวกมันก็ยังคงแข็งแกร่งมากอยู่ดี
พวกมันพุ่งข้ามคูเมืองและมาถึงฐานของกำแพงป้อมปราการ
-ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ
ชุดเกราะมีชีวิตเริ่มการโจมตีด้วยการทุบประตูปราสาทอย่างรุนแรง
แต่ประตูอันแข็งแกร่งยังคงตั้งอย่างมั่นคง
แม้แต่สัตว์ประหลาดพวกนี้ก็ไม่สามารถทำลายมันได้ หากไม่มีอุปกรณ์เจาะทะลวงดีๆ
เมื่อรู้ตัวว่าทำลายประตูไปก็ไร้ประโยชน์ ชุดเกราะมีชีวิตจึงหันไปใช้ยุทธวิธีที่กล้าหาญ พวกมันเข้าเกาะติดกำแพงปราสาท
- ครืด! ครืด! ครืด!
สัตว์ประหลาดหุ้มเกราะพวกนี้ที่เกาะอยู่บนกำแพงกำลังต่อตัวกันขึ้นราวกับเป็นสิ่งที่มาจากภาพยนตร์สยองขวัญ
ฮึก อึก
เมื่อมองไปยังพวกมันที่กำลังเกาะกำแพงปราสาทขึ้นมา ความกลัวของทหารก็พุ่งสูงขึ้นจนพวกเขากลืนน้ำลายด้วยความกังวล
"รั้งไว้"
ข้าเองก็กลืนน้ำลายอย่างแรงเมื่อเห็นภาพด้านล่าง แต่ภายนอกข้ายังพยายามที่จะทำเป็นสงบอยู่
"รั้งไว้ก่อน!"
เราได้ดูอาวุธต่างๆ ที่มีในป้อมปราการ มันยังมีเศษหินและเศษโลหะที่เหลือจากการก่อสร้างป้อมปราการอยู่
ทหารพวกนี้พร้อมที่จะปล่อยเศษซากหินและโลหะลงบนชุดเกราะมีชีวิตที่กำลังปีนขึ้นมา
ชุดเกราะมีชีวิตเกือบถึงจุดสูงสุดของกำแพงปราสาทแล้ว
มันใกล้พอแล้ว ตอนนี้เราสามารถมองเห็นประกายแววตาที่น่าขนลุกในดวงตาของมันเขาผ่านรอยแยกของหมวกเหล็กได้
ข้าจึงออกคำสั่งพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก
"ตอนนี้แหละ! โยนพวกมันลงไป!”
“โยนพวมันลงไป!”
"โยนพวกมันลงไป!”
ทหารรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงกันและโยนพวกเศษหินกับโลหะลงไป
-ฟิ้ว….
-ตู้มม! ปัง!
ชุดเกราะมีชีวิตที่ถูกกระแทกด้วยของพวกนั้นได้กลิ้งกลับลไปงบนพื้น
ถึงแม้จะได้ผล แต่พวกมันก็กลับลุกขึ้นมาอีกครั้งได้อยู่ดี ข้าได้แต่เดาะลิ้นอยู่ในใจ
“ดื้อด้านเกินไปแล้ว!”
เราทำแบบนี้ไปจนหมดเศษโลหะที่ใช้โยนได้แล้ว แต่ศัตรูที่ไม่เคยหยุดยั้งพวกนี้ก็เริ่มปีนกำแพงอีกครั้ง แม้จะมีการโจมตีจากเราโจมตีใส่ก็ตาม
เมื่อไม่มีทางเลือก ข้าจึงเรียกทุกหน่วย
“เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แบบประชิด!”
"ขอรับ! เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แบบประชิด!”
“ทหารทุกนายดาหน้าเขาไป!”
ทหารกว่าร้อยคนจากกองทัพได้รออยู่ในกองหนุน พวกเขานำอาวุธออกมาถือไว้ในมือ
ทหารที่คุมปืนใหญ่และคันศรยักษ์ก็กลับไปพักชั่วครู่
หลังจากพักได้ไม่นาน พวกเขาก็เข้าร่วมกับกองทัพ
ขณะที่กองทหารราบเข้ามาแทนที่แล้ว ข้าก็มองดูหน้าต่างระบบ
’ต้องจัดทีมใหม่’
ทีมของจูปิเตอร์ถูกกวาดล้างจนเหลือสมาชิกเพียงคนเดียว ถึงเวลาสับเปลี่ยนทีมกันแล้ว
ข้ากดไปที่หน้าต่างทีมและเลื่อนจูปิเตอร์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในทีมย่อยเข้าสู่ทีมหลัก
[ทีมหลัก (5/5)]
– ระดับ 5 แอช (EX)
– ระดับ 27 ลูคัส (SSR)
– ระดับ 15 เดเมี่ยน (N)
– ระดับ 17 ลิลลี่ (R)
- ระดับ 35 จูปิเตอร์ (SR)
ตอนนี้ทีมหลักสมบูรณ์แล้ว! เปิดใช้งานองค์ประกอบทีม
[องค์ประกอบทีมถูกเปิดใช้งาน]
> (ผู้บัญชาการ 1) ทัพหน้าแห่งสนามรบ: ขวัญกำลังใจของทีมนี้จะไม่สั่นคลอน
> (นักเวทย์ 2) จอมเวทย์ทวิ: พลังโจมตีเวทย์มนตร์ของสมาชิกทีมทุกคนเพิ่มขึ้น 20%
ได้องค์ประกอบทีมเพิ่มขึ้นสองอย่าง
’ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ !'
ข้าอดใจไม่ไหวที่จะอุทานออกมาด้วยความยินดี
ผลของจอมเวทย์ทวิเองก็น่าทึ่งมาก เพิ่มพลังโจมตีเวทย์มนตร์ 20%
ไม่มีการอะไรที่เหมาะมากในสถานการณ์นี้อีกแล้ว แต่คงต้องรอจูปิเตอร์พักฟื้นเสียก่อน
’ทว่า...’
ข้ามองชุดเกราะมีชีวิตที่เกาะติดและกำลังปีนขึ้นมาบนกำแพงของเรา
ลูคัสชักดาบยาวออกมาที่หน้าอกของเขา ทหารที่ตัวสั่นกำลังจับกระบองของพวกเขาไว้ด้วยมือจนแน่น
’เราต้องยืนหยัดให้มั่น ร่างกายเป็นเพียงปราการเดียวที่เราเหลืออยู่’
จนถึงตอนนี้ แม้เหล่าทหารจะสามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ปรากฏวามกลัวบนใบหน้าของพวกเขา
เพราะที่ทำสำเร็๗ส่วนใหญ่เกิดจากการการป้องกันในระยะไกล
ทว่าตอนนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างใกล้ชิดด้วยร่างกายของพวกเขา
’พวกเขาจะยื้อไหวหรือเปล่านะ?'
ข้ากังวลเรื่องทหารมาก แต่ก็เลิกคิดอย่างรวดเร็ว
’ไม่ ยังไงพวกเขาก็ต้องยื้อให้ได้’
ทหารส่วนใหญ่ล้วนเพิ่งเกณฑ์มาใหม่
การต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่ พวกสัตว์ประหลาดจะไม่หยุดยั้ง
เพื่อความอยู่รอด ทหารทุกคนต้องแข็งแกร่งขึ้น
พวกเขาจะต้องพบเจอกับการรุกรานและต้องได้รับชัยชนะมา
“พวกมันกำลังเกาะกำแพงขึ้นมา-!”
เมื่อชุดเกราะมีชีวิตขึ้นมาที่ด้านบนของกำแพงป้อมปราการ ทหารก็แทงพวกมันด้วยหอกหรืออะไรก็ตามที่พวกเขามีอยู่ในมือ
ตุ้บ! ตุ้บ!
แต่ชุดเกราะที่มีชีวิตก็คว้าอาวุธนั้นมาและฉกไป
"เหวอ?!"
"นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!"
ด้วยความประหลาดใจ ทหารผู้นั้นก้าวถอยกลับมาทันที
ขณะนั้นเอง ชุดเกราะมีชีวิตตนอื่นก็เริ่มเกาะขึ้นมาบนป้อมปราการทีละตัว
- กรรร……
- กรรร!
ตนแรกที่ขึ้นมาได้เปล่งเสียงคำรามเย็นยะเยือกออกมา ทำให้เหล่าทหารที่อยู่แนวหน้ารู้สึกเกรงกลัวยิ่ง
จากนั้น...
-ฟึบ!
ดาบของลูคัสก็แยกหมวกอัศวินของสัตว์ประหลาดเป็นสองส่วน
ทันใดนั้นลูคัสก็เตะมันออกจากกำแพงอย่างรวดเร็ว
“พวกเราต้องจัดการมัน!”
ลูคัสตะโกนใส่ทหารที่กำลังชะงักไป
“ยืนให้มั่นคง อย่าปล่อยให้พวกมันหลุดรอดมาได้!”
“ข-ขอรับ…!”
ลูคัสพุ่งไปตามกำแพง เฉือนผ่านชุดเกราะมีชีวิตที่กำลังปีนป่ายราวกับมันเป็นเนยนุ่มๆ
- ฟึบ! ฟึบ!
ทุกครั้งที่วาดดาบออกไป ประกายไฟสีแดงสดก็ปรากฏขึ้น ดาบของเขาดูคล้ายกับจะบานสะพรั่งด้วยบุปผาที่ลุกเป็นเปลวเพลิง
ขณะที่ทึ่งอยู่กับความแข็งแกร่งของตัวละครระดับ SSR ข้าก็กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ข้าเองก็ต้องช่วยด้วย!
“ลิลลี่ เตรียมสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ชิ้นต่อไปให้พร้อม!”
"เข้าใจแล้วค่ะ!"
เมื่อได้ยินคำสั่งของข้า ลิลลี่ก็เตรียมสิ่งประดิษฐ์ทันที
สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ชิ้นที่สองได้ถูกซ่อมแซมแล้ว
มันเป็นสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์เพิ่มความเร็วระดับเริ่มต้น
นี่คือสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่ให้พลังเวทเพิ่มความเร็วแก่พันธมิตรในระยะหนึ่ง ด้วยความที่มันเป็นของเริ่มต้น ระยะเวลาของมันจึงค่อนข้างสั้น
มันเพิ่มความเร็วแค่ 5% เป็นเวลา 5 นาทีเท่านั้น
แต่แค่ 5 % ก็เพียงพอแล้ว 5 นาทีก็พอใช้แล้ว
การเร่งความเร็วเท่านี้ถือว่าใช้การได้ ก็เพราะมันจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่เหล่าทหาร
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลัง ทหารเหล่านี้ก็เหวี่ยงกระบองและตีกระแทกโล่ของพวกเขาด้วยความมั่นใจ
“ขับไล่พวกสัตว์ประหลาดกลับไป!”
“ไล่พวกมันลงไป-!”
ทหารปะทะกับชุดเกราะมีชีวิตที่ด้านหน้าของป้อมปราการ
ทหารราบจำนวนเตรียมพร้อมรอแล้ว พวกเขาประสานงานกันได้ดีมาก
แม้พวกเขาจะไม่สามารถโค่นล้มชุดเกราะมีชีวิตพวกนี้ได้ แต่พวกเขาก็สามารถสร้างแนวรับและป้องกันไว้ได้
คุณลักษณะตัวละครที่ข้าใช้ในการรบครั้งนี้คือ [คำสั่งหลัก] [รูปสลักโจมตี] และ [รูปสลักป้องกัน]
สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มพลังให้กับทหารราบได้
ในขณะที่ทหารยึดมั่นโดยไม่ขยับสักนิ้วเดียว ลูคัสก็พุ่งไปกวาดดาบทั้งซ้ายและขวา
ฟึบ! ฟึบ!
ทุกครั้งที่ดาบของเขาโดนชุดเกราะมีชีวิต พวกมันก็จะร่วงหล่นลงมากองกับพื้น
แสงที่เป็นเอกลักษณ์ สัญลักษณ์ของการใช้ทักษะของเขาปรากฏขึ้นบนดาว มันเป็นทักษะเริ่มต้นของลูคัส [คร่าวิญญาณ] (ขอแก้จากพุ่งทะลวงครับ)
[คร่าวิญญาณ] เป็นทักษะที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งจากการสังหารศัตรูลงไป
ข้าอยากให้ชุดเกราะมีชีวิตทุกตัวตายด้วยน้ำมือของลูคัส แต่ยามนี้ไม่ใช่เวลา
’เพราะเรากำลังสูญเสียพื้นที่ไป’
ลูคัสยืนคนเดียวอยู่เกือบครึ่งกำแพง แต่เขาก็ไม่สามารถป้องกันทั้งหมดได้
จำนวนของศัตรูที่อยู่บนกำแพงนั้นมากเกินไป จำนวนคนบาดเจ็บของเราก็เพิ่มขึ้นด้วย
"บัดซบ!"
"อ๊ากก...!"
“หากพวกเจ้าได้รับบาดเจ็บให้ถอยกลับทันที! กองหนุนเข้าไปแทนที่!”
ในขณะมีทหารได้รับบาดเจ็บ คนที่รออยู่ด้านหลังก็พุ่งเข้ามารับหน้าแทน
ทว่าถึงจะมีกองหนุนอยู่ แต่สภาพก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
ถึงแม้จะมีคนตายไปไม่กี่คน แต่จำนวนคนที่ได้รับบาดเจ็บก็มากพอสมควร ข้ากัดริมฝีปากของตนด้วยความหงุดหงิด
“องค์ชาย ข้าควรกลับไปที่แนวหน้า…”
เกลียวคลื่นผู้ซึ่งไปพักตามคำสั่งของข้าก็ได้ติดอาวุธหน้าไม้ของเขาขึ้นมา แต่ข้าก็โบกมือบอกปัดไป
ข้าจำเป็นต้องใช้พลังของเขาในการเอาชนะบอส จูปิเตอร์เองก็เช่นเดียวกัน
'ข้าต้องทำยังไงดี?'
ไม่มีวิธีใดที่จะลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารของเราและกวาดล้างชุดเกราะที่เหลืออยู่เลยเหรอ…?
ตอนนั้นเอง
"วู้บบ~ ~ ~"
ทันใดนั้น เปลวเพลิงก็ปะทุออกมา ทำให้ชุดเกราะมีชีวิตกลายเป็นผุยผง
ข้าชะงักไป จากนั้นก็มองไปทางนั้น ลิลลี่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นกำลังเหยียดมือออกด้วยใบหน้าซีดเผือด
“จริงสิ เจ้าสามารถใช้เวทย์มนตร์ได้หรือเปล่า?!”
ลิลลี่ตกใจกับเสียงตะโกนของข้า ลิลลี่ดูไม่อยากจะเชื่อมากกับคำที่ข้าถามออกมา
“เดิมทีข้าก็เป็นนักเวทย์ไฟนะคะองค์ชาย!”
"ข้าขอโทษด้วย พอดีข้าเห็นเจ้าเป็นแค่โล่เท่านั้น"
“นั่นมันไม่หยาบคาบไปหน่อยเหรอคะ?!”
ชุดเกราะมีชีวิตยังคงปีนขึ้นมาบนกำแพง ลิลลี่ตกใจจนปล่อยเวทย์ไฟออกมา
กรร!
กร...
ชุดเกราะมีชีวิตที่เคลื่อนไปยังส่วนกำแพงของลิลลี่ก็กลายเป็นเศษซากทันที
แม้พวกมันจะมีความต้านทานทางกายภาพที่น่าเกรงขาม แต่การป้องกันเวทย์มนตร์ของพวกมันนั้นอ่อนแอมาก ทำให้เวทย์ไฟมีประสิทธิภาพสูง
“แฮ่ก แฮ่ก…”
พลังเวทย์ของลิลลี่ของหมดลงอย่างรวดเร็ว นางได้แต่หอบหายใจออกมา การใช้มานาของนักเวทย์ไฟนั้นมากมายนัก มากจนนางแทบจะไม่สามารถทนได้ต่อไปแล้ว
ข้ารีบวิ่งไปที่ด้านข้างของลิลลี่พร้อมกับกำที่จับรถเข็นของนาง
“เยี่ยมมากลิลลี่! ไว้ข้าจะเลื่อนตำแหน่งให้ข้า!”
“ไม่นะ ได้โปรดให้ข้าเกษียณเถิด…”
“ข้าจะให้เงินก้อนโตเลย! ตอนนี้ก็ปล่อยไฟออกมาเพิ่มเถอะ!”
“ข้าบอกท่านไงว่าข้าต้องการเกษียณ! แถมตอนนี้พลังเวทมนตร์ของข้าก็แทบจะหมดแล้วด้วย!”
"เจ้ายังใช้มันได้อีกครั้ง! พุ่งไปกันเลยย!”
“กรี๊ดดด!”
ข้าเข็นรถเข็นของลิลลี่ไปรอบๆ กระตุ้นให้นางใช้เวทมนตร์ไฟออกมา ความสามารถของนางมีประสิทธิภาพต่อสถานการณ์ยามนี้เป็นอย่างมาก!
ด้วยองค์ประกอบทีมที่เพิ่มพลังโจมตี 20% และอีก 5% จาก [รูปสลักโจมตี] ของข้า
ทั้งหมดรวมกันแล้วก็คือ 25% เวทย์ไฟของลิลลี่จึงสามารถจัดการพวกศัตรูที่ปีนขึ้นมาบนป้อมปราการได้อย่างยอดเยี่ยม
ข้ารีบอัดยามานาให้ลิลลี่ที่กำลังคร่ำครวญอย่างรวดเร็ว
“สู้เขานะเครื่องพ่นไฟ! ขออีกรอบเดียว!”
“ข้าขอร้องท่านเถอะนะ ช่วยปฏิบัติต่อข้าเหมือนคนที!”
วงจรนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ทหารยืนหยัดอย่างกล้าหาญ ลูคัสที่กวาดผ่านศัตรูพร้อมกับวาดดาบ และลิลลี่ผู้กำลังปลดปล่อยเปลวไฟออกมา
[ข้อมูลศัตรู – ด่านที่ 1]
– ระดับ 25 อัศวินเงา: 1 ตน
- ระดับ 5 ชุดเกราะมีชีวิต: 3 (จำนวนการสังหาร: 1449)
ชัยชนะอยู่ในกำมือของเราแล้ว
“ตายซะไอ้เจ้าพวกบัดซบ!”
“ออกไปจากป้อมปราการของเราเดี๋ยวนี้!”
ทหารล้อมเกราะมีชีวิตไว้ ทุบมันอย่างไม่หยุดยั้งด้วยกระบองของพวกเขา
“ข้า…ทนไม่ไหวอีกแล้ว…”
"นั่นไงตัวสุดท้ายแล้ว พยายามเข้า สังหารมันเลย!”
ลิลลี่เผามันโดยที่มียาพลังเวทย์ไหลลงที่ปลายคางของนาง
ฟึบ!
ศัตรูตัวสุดท้ายถูกแบ่งเป็นสองส่วนเรียบร้อยด้วยการโจมตีจากดาบของลูคัส
"...มันจบแล้ว"
ไม่มีชุดเกราะมีชีวิตอีกแล้ว ทหารทุกคนส่งเสียงออกมาด้วยความยินดี
“เราทำสำเร็จแล้ว! ชัยชนะเป็นของเรา!”
"เราทำสำเร็จ! เราเอาชนะมันแล้ว!"
ข้ามองไปที่เหล่าทหารที่กำลังรู้สึกยินดีกัน
“การต่อสู้ยังไม่จบ!”
“หา ว่าอะไรนะขอรับ?”
“ตื่นตัวเข้าไว้! ศัตรูตัวสุดท้ายกำลังมา!”
ข้าจับจ้องไปที่อากาศเบื้องบน พวกทหารต่างมองตาม
- กรรร ….
ร่างเงาร่างหนึ่งได้ลอยอยู่ในอากาศ ชิ้นส่วนของชุดเกราะที่มีชีวิตที่พ่ายแพ้จากรอบๆ สนามรบมาผสานกัน
แคร๊ง! แคร๊ง!
ชุดเกราะจำนวนนับไม่ถ้วนได้ประกอบขึ้น จนสร้างร่างอันยิ่งใหญ่ร่างหนึ่ง
ตั้งแต่ถุงมือ ที่ปลายนิ้วไปจนถึงโล่บนไหล่ของมัน เกราะอก ชุดเกราะขา รองเท้าเกราะ
และสุดท้ายคือหมวกอัศวินของมัน
แคร๊ง!
ร่างยักษ์ที่หุ้มเกราะได้สมบูรณ์แล้ว มันส่งเสียงคำรามออกมาดังสนั่น
- กรรร ….!
อัศวินเงา
ดวงตาขอบอสสัตว์ประหลาดของด่านนี้กะพริบไปมาด้วยเปลวไฟสีฟ้า
ตุ๊บ!
ขณะที่มันลงสู่พื้นดิน อากาศบริเวณโดยรอบคล้ายกับสั่นสะเทือนราวกับถูกแผ่นดินไหว เราทุกคนต่างโซเซไปมาเพราะแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากมัน
ขณะที่ข้าจับกำแพงที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อประคองร่างของตนเอง ข้าก็ได้แต่สบถออกมา
นี่มันเป็นบอสของด่านที่ 1 ได้ยังไงกันวะ!