ตอนที่แล้วบทที่ 21: [ด่าน 1] กฎของทหารรับจ้างในการเอาชีวิตรอด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23: [ด่าน 1] บอสจู่โจม

บทที่ 22: [ด่าน 1] ทีมหลัก


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 22: [ด่านที่ 1] ทีมหลัก

-กึก!

ชุดเกราะที่มีชีวิตได้มาถึงหน้าคูป้อมปราการแล้ว

การเดินทัพของพวกมันชะลอตัวลง เพราะพวกมันต้องเดินผ่านคูเมืองที่เต็มไปด้วยลูกศรที่กำลังพุ่งลงมา

ถึงกระนั้น พวกมันก็ยังคงแข็งแกร่งมากอยู่ดี

พวกมันพุ่งข้ามคูเมืองและมาถึงฐานของกำแพงป้อมปราการ

-ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ

ชุดเกราะมีชีวิตเริ่มการโจมตีด้วยการทุบประตูปราสาทอย่างรุนแรง

แต่ประตูอันแข็งแกร่งยังคงตั้งอย่างมั่นคง

แม้แต่สัตว์ประหลาดพวกนี้ก็ไม่สามารถทำลายมันได้ หากไม่มีอุปกรณ์เจาะทะลวงดีๆ

เมื่อรู้ตัวว่าทำลายประตูไปก็ไร้ประโยชน์ ชุดเกราะมีชีวิตจึงหันไปใช้ยุทธวิธีที่กล้าหาญ พวกมันเข้าเกาะติดกำแพงปราสาท

- ครืด! ครืด! ครืด!

สัตว์ประหลาดหุ้มเกราะพวกนี้ที่เกาะอยู่บนกำแพงกำลังต่อตัวกันขึ้นราวกับเป็นสิ่งที่มาจากภาพยนตร์สยองขวัญ

ฮึก อึก

เมื่อมองไปยังพวกมันที่กำลังเกาะกำแพงปราสาทขึ้นมา ความกลัวของทหารก็พุ่งสูงขึ้นจนพวกเขากลืนน้ำลายด้วยความกังวล

"รั้งไว้"

ข้าเองก็กลืนน้ำลายอย่างแรงเมื่อเห็นภาพด้านล่าง แต่ภายนอกข้ายังพยายามที่จะทำเป็นสงบอยู่

"รั้งไว้ก่อน!"

เราได้ดูอาวุธต่างๆ ที่มีในป้อมปราการ มันยังมีเศษหินและเศษโลหะที่เหลือจากการก่อสร้างป้อมปราการอยู่

ทหารพวกนี้พร้อมที่จะปล่อยเศษซากหินและโลหะลงบนชุดเกราะมีชีวิตที่กำลังปีนขึ้นมา

ชุดเกราะมีชีวิตเกือบถึงจุดสูงสุดของกำแพงปราสาทแล้ว

มันใกล้พอแล้ว ตอนนี้เราสามารถมองเห็นประกายแววตาที่น่าขนลุกในดวงตาของมันเขาผ่านรอยแยกของหมวกเหล็กได้

ข้าจึงออกคำสั่งพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก

"ตอนนี้แหละ! โยนพวกมันลงไป!”

“โยนพวมันลงไป!”

"โยนพวกมันลงไป!”

ทหารรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงกันและโยนพวกเศษหินกับโลหะลงไป

-ฟิ้ว….

-ตู้มม! ปัง!

ชุดเกราะมีชีวิตที่ถูกกระแทกด้วยของพวกนั้นได้กลิ้งกลับลไปงบนพื้น

ถึงแม้จะได้ผล แต่พวกมันก็กลับลุกขึ้นมาอีกครั้งได้อยู่ดี ข้าได้แต่เดาะลิ้นอยู่ในใจ

“ดื้อด้านเกินไปแล้ว!”

เราทำแบบนี้ไปจนหมดเศษโลหะที่ใช้โยนได้แล้ว แต่ศัตรูที่ไม่เคยหยุดยั้งพวกนี้ก็เริ่มปีนกำแพงอีกครั้ง แม้จะมีการโจมตีจากเราโจมตีใส่ก็ตาม

เมื่อไม่มีทางเลือก ข้าจึงเรียกทุกหน่วย

“เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แบบประชิด!”

"ขอรับ! เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แบบประชิด!”

“ทหารทุกนายดาหน้าเขาไป!”

ทหารกว่าร้อยคนจากกองทัพได้รออยู่ในกองหนุน พวกเขานำอาวุธออกมาถือไว้ในมือ

ทหารที่คุมปืนใหญ่และคันศรยักษ์ก็กลับไปพักชั่วครู่

หลังจากพักได้ไม่นาน พวกเขาก็เข้าร่วมกับกองทัพ

ขณะที่กองทหารราบเข้ามาแทนที่แล้ว ข้าก็มองดูหน้าต่างระบบ

’ต้องจัดทีมใหม่’

ทีมของจูปิเตอร์ถูกกวาดล้างจนเหลือสมาชิกเพียงคนเดียว ถึงเวลาสับเปลี่ยนทีมกันแล้ว

ข้ากดไปที่หน้าต่างทีมและเลื่อนจูปิเตอร์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในทีมย่อยเข้าสู่ทีมหลัก

[ทีมหลัก (5/5)]

– ระดับ 5 แอช (EX)

– ระดับ 27 ลูคัส (SSR)

– ระดับ 15 เดเมี่ยน (N)

– ระดับ 17 ลิลลี่ (R)

- ระดับ 35 จูปิเตอร์ (SR)

ตอนนี้ทีมหลักสมบูรณ์แล้ว! เปิดใช้งานองค์ประกอบทีม

[องค์ประกอบทีมถูกเปิดใช้งาน]

> (ผู้บัญชาการ 1) ทัพหน้าแห่งสนามรบ: ขวัญกำลังใจของทีมนี้จะไม่สั่นคลอน

> (นักเวทย์ 2) จอมเวทย์ทวิ: พลังโจมตีเวทย์มนตร์ของสมาชิกทีมทุกคนเพิ่มขึ้น 20%

ได้องค์ประกอบทีมเพิ่มขึ้นสองอย่าง

’ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ !'

ข้าอดใจไม่ไหวที่จะอุทานออกมาด้วยความยินดี

ผลของจอมเวทย์ทวิเองก็น่าทึ่งมาก เพิ่มพลังโจมตีเวทย์มนตร์ 20%

ไม่มีการอะไรที่เหมาะมากในสถานการณ์นี้อีกแล้ว แต่คงต้องรอจูปิเตอร์พักฟื้นเสียก่อน

’ทว่า...’

ข้ามองชุดเกราะมีชีวิตที่เกาะติดและกำลังปีนขึ้นมาบนกำแพงของเรา

ลูคัสชักดาบยาวออกมาที่หน้าอกของเขา ทหารที่ตัวสั่นกำลังจับกระบองของพวกเขาไว้ด้วยมือจนแน่น

’เราต้องยืนหยัดให้มั่น ร่างกายเป็นเพียงปราการเดียวที่เราเหลืออยู่’

จนถึงตอนนี้ แม้เหล่าทหารจะสามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ปรากฏวามกลัวบนใบหน้าของพวกเขา

เพราะที่ทำสำเร็๗ส่วนใหญ่เกิดจากการการป้องกันในระยะไกล

ทว่าตอนนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างใกล้ชิดด้วยร่างกายของพวกเขา

’พวกเขาจะยื้อไหวหรือเปล่านะ?'

ข้ากังวลเรื่องทหารมาก แต่ก็เลิกคิดอย่างรวดเร็ว

’ไม่ ยังไงพวกเขาก็ต้องยื้อให้ได้’

ทหารส่วนใหญ่ล้วนเพิ่งเกณฑ์มาใหม่

การต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่ พวกสัตว์ประหลาดจะไม่หยุดยั้ง

เพื่อความอยู่รอด ทหารทุกคนต้องแข็งแกร่งขึ้น

พวกเขาจะต้องพบเจอกับการรุกรานและต้องได้รับชัยชนะมา

“พวกมันกำลังเกาะกำแพงขึ้นมา-!”

เมื่อชุดเกราะมีชีวิตขึ้นมาที่ด้านบนของกำแพงป้อมปราการ ทหารก็แทงพวกมันด้วยหอกหรืออะไรก็ตามที่พวกเขามีอยู่ในมือ

ตุ้บ! ตุ้บ!

แต่ชุดเกราะที่มีชีวิตก็คว้าอาวุธนั้นมาและฉกไป

"เหวอ?!"

"นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!"

ด้วยความประหลาดใจ ทหารผู้นั้นก้าวถอยกลับมาทันที

ขณะนั้นเอง ชุดเกราะมีชีวิตตนอื่นก็เริ่มเกาะขึ้นมาบนป้อมปราการทีละตัว

- กรรร……

- กรรร!

ตนแรกที่ขึ้นมาได้เปล่งเสียงคำรามเย็นยะเยือกออกมา ทำให้เหล่าทหารที่อยู่แนวหน้ารู้สึกเกรงกลัวยิ่ง

จากนั้น...

-ฟึบ!

ดาบของลูคัสก็แยกหมวกอัศวินของสัตว์ประหลาดเป็นสองส่วน

ทันใดนั้นลูคัสก็เตะมันออกจากกำแพงอย่างรวดเร็ว

“พวกเราต้องจัดการมัน!”

ลูคัสตะโกนใส่ทหารที่กำลังชะงักไป

“ยืนให้มั่นคง อย่าปล่อยให้พวกมันหลุดรอดมาได้!”

“ข-ขอรับ…!”

ลูคัสพุ่งไปตามกำแพง เฉือนผ่านชุดเกราะมีชีวิตที่กำลังปีนป่ายราวกับมันเป็นเนยนุ่มๆ

- ฟึบ! ฟึบ!

ทุกครั้งที่วาดดาบออกไป ประกายไฟสีแดงสดก็ปรากฏขึ้น ดาบของเขาดูคล้ายกับจะบานสะพรั่งด้วยบุปผาที่ลุกเป็นเปลวเพลิง

ขณะที่ทึ่งอยู่กับความแข็งแกร่งของตัวละครระดับ SSR ข้าก็กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ข้าเองก็ต้องช่วยด้วย!

“ลิลลี่ เตรียมสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ชิ้นต่อไปให้พร้อม!”

"เข้าใจแล้วค่ะ!"

เมื่อได้ยินคำสั่งของข้า ลิลลี่ก็เตรียมสิ่งประดิษฐ์ทันที

สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ชิ้นที่สองได้ถูกซ่อมแซมแล้ว

มันเป็นสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์เพิ่มความเร็วระดับเริ่มต้น

นี่คือสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่ให้พลังเวทเพิ่มความเร็วแก่พันธมิตรในระยะหนึ่ง ด้วยความที่มันเป็นของเริ่มต้น ระยะเวลาของมันจึงค่อนข้างสั้น

มันเพิ่มความเร็วแค่ 5% เป็นเวลา 5 นาทีเท่านั้น

แต่แค่ 5 % ก็เพียงพอแล้ว 5 นาทีก็พอใช้แล้ว

การเร่งความเร็วเท่านี้ถือว่าใช้การได้ ก็เพราะมันจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่เหล่าทหาร

เมื่อรู้สึกได้ถึงพลัง ทหารเหล่านี้ก็เหวี่ยงกระบองและตีกระแทกโล่ของพวกเขาด้วยความมั่นใจ

“ขับไล่พวกสัตว์ประหลาดกลับไป!”

“ไล่พวกมันลงไป-!”

ทหารปะทะกับชุดเกราะมีชีวิตที่ด้านหน้าของป้อมปราการ

ทหารราบจำนวนเตรียมพร้อมรอแล้ว พวกเขาประสานงานกันได้ดีมาก

แม้พวกเขาจะไม่สามารถโค่นล้มชุดเกราะมีชีวิตพวกนี้ได้ แต่พวกเขาก็สามารถสร้างแนวรับและป้องกันไว้ได้

คุณลักษณะตัวละครที่ข้าใช้ในการรบครั้งนี้คือ [คำสั่งหลัก] [รูปสลักโจมตี] และ [รูปสลักป้องกัน]

สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มพลังให้กับทหารราบได้

ในขณะที่ทหารยึดมั่นโดยไม่ขยับสักนิ้วเดียว ลูคัสก็พุ่งไปกวาดดาบทั้งซ้ายและขวา

ฟึบ! ฟึบ!

ทุกครั้งที่ดาบของเขาโดนชุดเกราะมีชีวิต พวกมันก็จะร่วงหล่นลงมากองกับพื้น

แสงที่เป็นเอกลักษณ์ สัญลักษณ์ของการใช้ทักษะของเขาปรากฏขึ้นบนดาว มันเป็นทักษะเริ่มต้นของลูคัส [คร่าวิญญาณ] (ขอแก้จากพุ่งทะลวงครับ)

[คร่าวิญญาณ] เป็นทักษะที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งจากการสังหารศัตรูลงไป

ข้าอยากให้ชุดเกราะมีชีวิตทุกตัวตายด้วยน้ำมือของลูคัส แต่ยามนี้ไม่ใช่เวลา

’เพราะเรากำลังสูญเสียพื้นที่ไป’

ลูคัสยืนคนเดียวอยู่เกือบครึ่งกำแพง แต่เขาก็ไม่สามารถป้องกันทั้งหมดได้

จำนวนของศัตรูที่อยู่บนกำแพงนั้นมากเกินไป จำนวนคนบาดเจ็บของเราก็เพิ่มขึ้นด้วย

"บัดซบ!"

"อ๊ากก...!"

“หากพวกเจ้าได้รับบาดเจ็บให้ถอยกลับทันที! กองหนุนเข้าไปแทนที่!”

ในขณะมีทหารได้รับบาดเจ็บ คนที่รออยู่ด้านหลังก็พุ่งเข้ามารับหน้าแทน

ทว่าถึงจะมีกองหนุนอยู่ แต่สภาพก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

ถึงแม้จะมีคนตายไปไม่กี่คน แต่จำนวนคนที่ได้รับบาดเจ็บก็มากพอสมควร ข้ากัดริมฝีปากของตนด้วยความหงุดหงิด

“องค์ชาย ข้าควรกลับไปที่แนวหน้า…”

เกลียวคลื่นผู้ซึ่งไปพักตามคำสั่งของข้าก็ได้ติดอาวุธหน้าไม้ของเขาขึ้นมา แต่ข้าก็โบกมือบอกปัดไป

ข้าจำเป็นต้องใช้พลังของเขาในการเอาชนะบอส จูปิเตอร์เองก็เช่นเดียวกัน

'ข้าต้องทำยังไงดี?'

ไม่มีวิธีใดที่จะลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารของเราและกวาดล้างชุดเกราะที่เหลืออยู่เลยเหรอ…?

ตอนนั้นเอง

"วู้บบ~ ~ ~"

ทันใดนั้น เปลวเพลิงก็ปะทุออกมา ทำให้ชุดเกราะมีชีวิตกลายเป็นผุยผง

ข้าชะงักไป จากนั้นก็มองไปทางนั้น ลิลลี่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นกำลังเหยียดมือออกด้วยใบหน้าซีดเผือด

“จริงสิ เจ้าสามารถใช้เวทย์มนตร์ได้หรือเปล่า?!”

ลิลลี่ตกใจกับเสียงตะโกนของข้า ลิลลี่ดูไม่อยากจะเชื่อมากกับคำที่ข้าถามออกมา

“เดิมทีข้าก็เป็นนักเวทย์ไฟนะคะองค์ชาย!”

"ข้าขอโทษด้วย พอดีข้าเห็นเจ้าเป็นแค่โล่เท่านั้น"

“นั่นมันไม่หยาบคาบไปหน่อยเหรอคะ?!”

ชุดเกราะมีชีวิตยังคงปีนขึ้นมาบนกำแพง ลิลลี่ตกใจจนปล่อยเวทย์ไฟออกมา

กรร!

กร...

ชุดเกราะมีชีวิตที่เคลื่อนไปยังส่วนกำแพงของลิลลี่ก็กลายเป็นเศษซากทันที

แม้พวกมันจะมีความต้านทานทางกายภาพที่น่าเกรงขาม แต่การป้องกันเวทย์มนตร์ของพวกมันนั้นอ่อนแอมาก ทำให้เวทย์ไฟมีประสิทธิภาพสูง

“แฮ่ก แฮ่ก…”

พลังเวทย์ของลิลลี่ของหมดลงอย่างรวดเร็ว นางได้แต่หอบหายใจออกมา การใช้มานาของนักเวทย์ไฟนั้นมากมายนัก มากจนนางแทบจะไม่สามารถทนได้ต่อไปแล้ว

ข้ารีบวิ่งไปที่ด้านข้างของลิลลี่พร้อมกับกำที่จับรถเข็นของนาง

“เยี่ยมมากลิลลี่! ไว้ข้าจะเลื่อนตำแหน่งให้ข้า!”

“ไม่นะ ได้โปรดให้ข้าเกษียณเถิด…”

“ข้าจะให้เงินก้อนโตเลย! ตอนนี้ก็ปล่อยไฟออกมาเพิ่มเถอะ!”

“ข้าบอกท่านไงว่าข้าต้องการเกษียณ! แถมตอนนี้พลังเวทมนตร์ของข้าก็แทบจะหมดแล้วด้วย!”

"เจ้ายังใช้มันได้อีกครั้ง! พุ่งไปกันเลยย!”

“กรี๊ดดด!”

ข้าเข็นรถเข็นของลิลลี่ไปรอบๆ กระตุ้นให้นางใช้เวทมนตร์ไฟออกมา ความสามารถของนางมีประสิทธิภาพต่อสถานการณ์ยามนี้เป็นอย่างมาก!

ด้วยองค์ประกอบทีมที่เพิ่มพลังโจมตี 20% และอีก 5% จาก [รูปสลักโจมตี] ของข้า

ทั้งหมดรวมกันแล้วก็คือ 25% เวทย์ไฟของลิลลี่จึงสามารถจัดการพวกศัตรูที่ปีนขึ้นมาบนป้อมปราการได้อย่างยอดเยี่ยม

ข้ารีบอัดยามานาให้ลิลลี่ที่กำลังคร่ำครวญอย่างรวดเร็ว

“สู้เขานะเครื่องพ่นไฟ! ขออีกรอบเดียว!”

“ข้าขอร้องท่านเถอะนะ ช่วยปฏิบัติต่อข้าเหมือนคนที!”

วงจรนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ทหารยืนหยัดอย่างกล้าหาญ ลูคัสที่กวาดผ่านศัตรูพร้อมกับวาดดาบ และลิลลี่ผู้กำลังปลดปล่อยเปลวไฟออกมา

[ข้อมูลศัตรู – ด่านที่ 1]

– ระดับ 25 อัศวินเงา: 1 ตน

- ระดับ 5 ชุดเกราะมีชีวิต: 3 (จำนวนการสังหาร: 1449)

ชัยชนะอยู่ในกำมือของเราแล้ว

“ตายซะไอ้เจ้าพวกบัดซบ!”

“ออกไปจากป้อมปราการของเราเดี๋ยวนี้!”

ทหารล้อมเกราะมีชีวิตไว้ ทุบมันอย่างไม่หยุดยั้งด้วยกระบองของพวกเขา

“ข้า…ทนไม่ไหวอีกแล้ว…”

"นั่นไงตัวสุดท้ายแล้ว พยายามเข้า สังหารมันเลย!”

ลิลลี่เผามันโดยที่มียาพลังเวทย์ไหลลงที่ปลายคางของนาง

ฟึบ!

ศัตรูตัวสุดท้ายถูกแบ่งเป็นสองส่วนเรียบร้อยด้วยการโจมตีจากดาบของลูคัส

"...มันจบแล้ว"

ไม่มีชุดเกราะมีชีวิตอีกแล้ว ทหารทุกคนส่งเสียงออกมาด้วยความยินดี

“เราทำสำเร็จแล้ว! ชัยชนะเป็นของเรา!”

"เราทำสำเร็จ! เราเอาชนะมันแล้ว!"

ข้ามองไปที่เหล่าทหารที่กำลังรู้สึกยินดีกัน

“การต่อสู้ยังไม่จบ!”

“หา ว่าอะไรนะขอรับ?”

“ตื่นตัวเข้าไว้! ศัตรูตัวสุดท้ายกำลังมา!”

ข้าจับจ้องไปที่อากาศเบื้องบน พวกทหารต่างมองตาม

- กรรร ….

ร่างเงาร่างหนึ่งได้ลอยอยู่ในอากาศ ชิ้นส่วนของชุดเกราะที่มีชีวิตที่พ่ายแพ้จากรอบๆ สนามรบมาผสานกัน

แคร๊ง! แคร๊ง!

ชุดเกราะจำนวนนับไม่ถ้วนได้ประกอบขึ้น จนสร้างร่างอันยิ่งใหญ่ร่างหนึ่ง

ตั้งแต่ถุงมือ ที่ปลายนิ้วไปจนถึงโล่บนไหล่ของมัน เกราะอก ชุดเกราะขา รองเท้าเกราะ

และสุดท้ายคือหมวกอัศวินของมัน

แคร๊ง!

ร่างยักษ์ที่หุ้มเกราะได้สมบูรณ์แล้ว มันส่งเสียงคำรามออกมาดังสนั่น

- กรรร ….!

อัศวินเงา

ดวงตาขอบอสสัตว์ประหลาดของด่านนี้กะพริบไปมาด้วยเปลวไฟสีฟ้า

ตุ๊บ!

ขณะที่มันลงสู่พื้นดิน อากาศบริเวณโดยรอบคล้ายกับสั่นสะเทือนราวกับถูกแผ่นดินไหว เราทุกคนต่างโซเซไปมาเพราะแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากมัน

ขณะที่ข้าจับกำแพงที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อประคองร่างของตนเอง ข้าก็ได้แต่สบถออกมา

นี่มันเป็นบอสของด่านที่ 1 ได้ยังไงกันวะ!

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด