ตอนที่แล้วบทที่ 20: [ด่าน 1] ทุ่งสังหาร (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 22: [ด่าน 1] ทีมหลัก

บทที่ 21: [ด่าน 1] กฎของทหารรับจ้างในการเอาชีวิตรอด


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 21: [ด่านที่ 1] กฎของทหารรับจ้างในการเอาชีวิตรอด

“มีชีวิตไปเล่าเรื่องยังดีกว่าต้องมาพินาศเช่นนี้! จงวิ่งหนีออกไปซะเจ้าหนู!”

จูปิเตอร์ตะโกนบอกเพื่อนร่วมทีมคนสุดท้ายของนาง

“ข้าจะใช้เวทย์มนตร์ของข้าเพื่อยื้อพวกมันเอาไว้ จงใช้โอกาสนั้นเพื่อหนีไปซะ!”

ทหารรับจ้างหนุ่มน้ำตาไหลอาบใบหน้า เขาวางหอกของเขาและตะโกนกลับมา

“มันจะทำแบบนั้นได้ยังไง? ทางออกที่ดีที่สุดของเราคือการยื้อจนกว่ากำลังเสริมจะมาถึงนะครับ!”

"อะไรนะ?"

“นอกจากนี้ท่านยังเป็นแม่มดด้วย!”

ทหารรับจ้างหนุ่มยกหอกของเขาขึ้นมาใหม่ โจมตีเกราะมีชีวิตที่พุ่งมาจากระยะไกล

“กฎข้อที่สองของการเอาชีวิตรอดของทหารรับจ้าง! จงอยู่ใกล้กับนักเวทย์เสมอ!”

“…”

“เมื่อไม่มีม้าศึกให้หลบหนี การพึ่งพาเวทมนตร์ของท่านเพื่อเคลียร์ทางเป็นความหวังเดียวของเรา!”

ทหารรับจ้างหนุ่มยังคงรั้งชุดเกราะไว้และตะโกนออกมา

“เตรียมเวทมนตร์ถัดไปเถอะครับ ข้าจะยื้อพวกมันวไ้ให้เอง!”

ฉึก! ฉึก!

แผนของเขาได้ผล

แทนที่จะฆ่าชุดเกราะมีชีวิต เขากำลังผลักพวกมันออกไป รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยด้วยหอกของเขา

เมื่อล้มลง พวกเกราะมีชีวิตก็จะใช้เวลาในการลุกขึ้นมา

นอกจากนี้ตรงกำแพงเมืองที่อยู่ห่างไกล เดเมียนยังคอยให้การสนับสนุนด้วย

ลูกธนูของเขาสังหารชุดเกราะมีชีวิตออกไปทีละตัว

ถ้าจูปิเตอร์ฟื้นฟูกำลังได้เต็มที่ ก็คงจะซื้อเวลาให้พวกเขาได้พอสมควร

แต่อาการบาดเจ็บของนางกำลังชะลอการสะสมเวทมนตร์ของนางลง

แม้จะได้เวลามา แต่นางก็แทบจะไม่สามารถเรียกสายฟ้าออกมาได้แม้แต่สายฟ้าเดียว

ตุ๊บ! ฉึก ฉึก!

ทหารรับจ้างหนุ่มที่ถ่วงเวลาให้ได้ถูกหอกของสัตว์ประหลาดแทงเข้าแล้ว

"อั๊ก...!"

"บัดซบเอ้ย!"

แคร่ก!

ตู้ม!

จูปิเตอร์ดันแขนของนางไปข้างหน้า สายฟ้าฟาดลงมา ทำให้ชุดเกราะมีชีวิตที่อยู่โดยรอบกลายเป็นซากไป

“แฮ่ก  แฮ่ก …”

จูปิเตอร์หอบหายใจ แขนของนางยังคงเหยียดออกมา

“แค่ก แค่ก”

ทหารรับจ้างหนุ่มกุมบาดแผลที่มีเลือดไหลออกมามากมาย

นางจะช่วยเขาได้ไหมนะถ้าเวทมนตร์ของนางออกมาเร็วกว่านี้ไม่กี่วินาที?

จูปิเตอร์ยักไหล่กับความรู้สึกผิดที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ นางแก่เกินกว่าจะแบกรับภาระของทุกชีวิตที่สูญเสียไปแล้ว

"เฮ้ เจ้าหนู"

“…”

“กฎข้อแรกของการอยู่รอดของทหารรับจ้างคืออะไร?”

ด้วยริมฝีปากที่สั่นเทาและเปื้อนเลือด ทหารรับจ้างหนุ่มพึมพำออกมา

“อย่า…รับ…งานที่จ่าย…ดีเกินไป…”

“…”

"อา ท่านแม่..."

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของเขา ทหารรับจ้างหนุ่มเสียชีวิตพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง

จูปิเตอร์เงยหน้าขึ้นมอง นอกเหนือจากชุดเกราะมีชีวิตที่ไหม้เกรียมไปแล้ว พวกมันก็ยังพุ่งเข้ามาใส่มากขึ้น

รอยยิ้มขมขื่นโค้งได้ปรากฏบนมุมปากของทหารรับจ้างผ่านศึกผู้นี้

“กฎการเอาชีวิตรอดทั้งหมดของเจ้ามันใช้ไม่ได้แล้วล่ะ เจ้าหนู”

- ฟึ่บ ฟึ่บ…!

เวทมนตร์ที่อ่อนแอได้รวมตัวกันที่ปลายนิ้วของจูปิเตอร์

“ด้วยความคิดแบบนั้น เจ้าจะไม่มีทางเป็นทหารรับจ้างที่ยิ่งใหญ่ได้เลย”

เวทย์มนตร์นั้นไม่เพียงพอที่จะร่ายออกมา ทำให้เวทย์มนตร์สุดท้ายของนางกลายเป็นเพียงก้อนสายฟ้า จูปิเตอร์นำมันมารวมกันไว้รอบๆ กำปั้นของนาง

“เพื่อที่จะได้ร่ำรวยในฐานะทหารรับจ้าง! เพื่อที่จะได้มีชื่อเสียงและความเคารพ!”

หมัดของนางพุ่งไปข้างหน้า ร่างที่ว่องไวได้พุ่งเข้าใส่ชุดเกราะมีชีวิต

“จงรับเฉพาะงานที่อันตรายที่สุดที่จ่ายภูเขาทองให้เท่านั้น!”

ปัง!

ชุดเกราะมีชีวิตที่ถูกโจมตีโดยหมัดที่พุ่งออกมาพร้อมสายฟ้าของนางได้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“เช่นนั้นจงต้องออกห่างจากนักเวทย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้! เพราะว่า!”

ปัง! ปัง! ตู้ม!

ด้วยหมัดที่หนักหน่วงอย่างไม่หยุดยั้ง นางได้กวาดชุดเกราะมีชีวิตออกไป สายฟ้าได้ปะทุขึ้นจากการโจมตีแต่ละครั้ง

“เพราะนักเวทย์จะจะเอาเกียรติทั้งหมดไป!”

เสียงหัวเราะของจูปิเตอร์ดังก้อง ประกายสายฟ้าในมือของนางเริ่มมอดลง นางได้ใช้พลังเวททั้งหมดของนางไปแล้ว

“ที่สำคัญที่สุด…หากเจ้าปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ เจ้าไม่ควรเลือกชีวิตเป็นทหารรับจ้างตั้งแต่แรกแล้ว”

ชุดเกราะมีชีวิตที่นางสังหารไปได้กองลงกับพื้นหมดแล้ว ทว่าสัตว์ประหลาดชุดใหม่ก็กำลังพุ่งเข้ามา

จูปิเตอร์ดึงซิการ์ออกจากกระเป๋าของนางและวางไว้บนระหว่างริมฝีปากของนาง นางใช้พลังมากมายจนกระทั่งจะจุดซิการ์ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ นางได้แค่ยิ้มออกมาพร้อมกับคาบซิการ์ที่ไม่ได้ถูกจุด

“อา ~ คิดว่าข้าจะได้ลิ้มรสน้ำผึ้งหวานจากเงินเดือนสูงๆ ซะอีก…”

- กรร!

สัตว์ร้ายได้คำรามออกมาจากทุกทิศทาง จูปิเตอร์หลับตาลง

“นี่สินะคือจุดสิ้นสุดการเดินทางของข้า”

แต่ทันใดนั้นเอง...

- กุบ กุบ กุบ-!

เสียงกีบม้าเป็นจังหวะได้ทำลายความเงียบลงไป

"หือ?"

จูปิเตอร์หันไปมองด้วยความประหลาดใจ

“จับแน่นๆ”

ลูคัสขี่ม้าอยู่ด้านหลังนาง

-ฟึบ!

ลูคัสใช้มือซ้ายจับคอเสื้อของจูปิเตอร์เพื่อยกนางขึ้นมา ในขณะเดียวกัน เขาก็เหวี่ยงมือขวาของเขา ดาบของเขากวาดไปเป็นแนวนอน

แคร๊งง-!

ชุดเกราะมีชีวิตที่ถูกดาบของลูคัสฟาดก็ถูกจุดติดไฟและกลายเป็นกองซากชุดกราะไป

ลูคัสยกตัวจูปิเตอร์ไว้อย่างสบายๆ เขาอุ้มนางไว้บนหลังอานม้า

จูปิเตอร์เพียงจ้องมองไปทางลูคัสที่กล่าวออกมา

“จับให้แน่นไว้”

"ห-หา..."

“ย๊าห์!”

ด้วยการสะบัดอย่างแรง ลูคัสก็บังคับม้าหันเข้าไปทางเมือง

- กรร!

- กรร!

ชุดเกราะมีชีวิตที่อยู่ข้างหลังพวกเขาได้แทงหองตามด้วยความโกรธอย่างบ้าคลั่ง

ลูคัสปัดป้องด้วยดาบของเขาใส่หอกที่พุ่งเข้ามาทีละด้าม

เมื่อมองดูหอกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยการปะทะเพียงครั้งเดียว เสียงของจูปิเตอร์ก็ดังขึ้น

“เฮ้ พ่อหนุ่มอัศวิน”

"มีอะไรหรือ?"

“เจ้าอยากพบหลานสาวของข้าหน่อยไหม? นางเป็นสตรีที่มีเสน่ห์…”

“หากยังมีเวลามาเล่นมุขตลก ก็มุ่งเน้นไปที่การฟื้นพลังเวทย์มนตร์เถอะครับ”

ลูคัสกล่าวตอบกลับไปเย็นชา จากนั้นก็ควบม้าของเขาไปข้างหน้า

“ยังมีฝูงสัตว์ประหลาดที่ต้องจัดการอีก”

"เหอเหอ..."

แม้เมื่ออยู่กับนายท่านของเขา เขาจะดูมีเมตตาและนิสัยดีมาก แต่เมื่อนายท่านของเขาไม่อยู่ ลูคัสจะมีนิสัยเย็นชาปานน้ำแข็ง

ทว่าจูปิเตอร์ก็กล่าวขอบคุณออกมา

“ข้าเป็นหนี้ชีวิตเจ้าแล้ว ขอบคุณ”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ข้าแค่ทำตามคำสั่งขององค์๙าย”

ลูคัสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวออกไป

“แต่ … ข้าขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาเร็วกว่านี้”

สมาชิกคนอื่นๆ ในทีมของจูปิเตอร์ตายหมดแล้ว

ทหารรับจ้างเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงโล่เนื้อเท่านั้น พวกเขาเป็นนักรบที่ตั้งใจจะปกป้องป้อมปราการแห่งนี้ในวันข้างหน้า

แต่เนื่องจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจึงได้พบกับชะตากรรมที่มืดมน

“เวลาที่เอาไว้ใช้เสียใจ เอาเป็นหลังจากที่เรากำจัดสัตว์ประหลาดพวกนี้แล้วเถอะ…”

จูปิเตอร์มองข้ามไหล่ของนางไป

มองพาดผ่านกองทัพชุดเกราะมีชีวิต ไปยังอัศวินเงาตัวมหึมาที่ลอยอยู่กลางอากาศ

ดวงตาข้างเดียวของนาง คล้ายกับมีประกายไฟแห่งความมุ่งมั่นปรากฏขึ้น

“ยังดีที่ปลอดภัยกัน…”

***

ลูคัสกลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับช่วยจูปิเตอร์ขึ้นมาบนหลังอานม้า

"...ฟิ้ว"

ข้าถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเสียใจ

การช่วยเหลือจูปิเตอร์ที่เป็นแม่มดระดับ SR ถือว่าช่วยพลิกสถานการณ์ได้ดี

แต่ในชั่วพริบตา เราก็สูญเสียวีรบุรุษสี่คนที่มีค่ามหาศาลสำหรับเราไปแล้ว

’ข้าใช้ประสบการณ์จากในเกมมากเกินไป’

เพราะว่าที่นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง กฎของเกมใช่ว่าจะนำมาใช้ได้หมด

องค์ประกอบที่คาดเดาไม่ได้ทุกชนิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเกมได้เข้ามามีบทบาทด้วย

’แค่การปรากฏตัวของบอส ก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความหวาดกลัวให้กับทหาร’

แน่นอนว่าในเกม ผู้เล่นจำเป็นต้องจัดการขวัญกำลังใจ สถานะทางลบต่างๆ เช่น ความกลัวและความสับสน แต่ในชีวิตจริง ปฏิกิริยาพวกนี้จะแตกต่างกันเล็กน้อยและอาจหลากหลายกว่ามาก ข้าจึงไม่เคยคาดคิดเลยว่ากระทั่งอาชาสงครามก็ยังยอมจำนนต่อความกลัว

’ข้าต้องพิจารณาตัวแปรในโลกแห่งความเป็นจริงด้วย’

เมื่อกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย ข้าก็เงยหน้าขึ้นมอง

’เพราะกฎแห่งโลกความเป็นจริงมันแตกต่างจากกฎแห่งเกมมากสินะ’

สายตาของข้าพลันจ้องไปที่กำแพงป้อมปราการ

- ตุบตุบตุบ…

กำแพงไม้ด้านนอกค่อยๆ เปิดออก

ไม่ใช่เพราะการโจมตีของชุดเกราะมีชีวิต แต่เป็นเพราะการโจมตีของฝั่งเรา

เมื่อเสียงลมพัดผ่านมา ประกายไฟก็ถูกจุดติด และกำแพงไม้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง

แม้ประกายไฟเพียงนิดเดียว มันก็กระทบกันอย่างต่อเนื่อง

มันทำหน้าที่เผาพวกชุดเกราะมีชีวิตที่อยู่ใกล้เคียง แต่ในที่สุดมันก็ทำให้กำแพงด้านนอกพังทลายไปด้วย

’ถ้ากำแพงด้านนอกหายไป พื้นที่สังหาก็รจะไร้ประโยชน์ในไม่ช้า’

ชุดเกราะมีชีวิตกำลังไหลผ่านช่องว่างบนกำแพง

พวกมันไม่จำเป็นต้องผ่านทุ่งสังหารอีกต่อไป ดังนั้นทุ่งสังหารของเราจึงเริ่มสูญเสียความสามารถของมันไป

-กรร!

-กรร!

เสียงร้องของชุดเกราะมีชีวิตได้ดังกึกก้องไปทั่วสนามรบ

เดเมี่ยนและหน่วยคันศรยักษ์กำลังโค่นสัตว์ประหลาดที่กำลังเคลื่อนทัพมา อีกไม่นานพวกมันก็คงจะใกล้มาถึงกำแพงหลักแล้ว

“ดูเหมือนว่าเราจะต้องต่อสู้บนกำแพงสินะ”

ข้ากัดฟันแน่นด้วยความหงุดหงิด

กลยุทธ์ของข้าคือการโจมตีระยะไกลเพียงอย่างเดียว หลีกเลี่ยงการต่อสู้ระยะประชิดให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เพราะเรามีเพียงประมาณห้าร้อยคน

พวกเขาส่วนใหญ่เป็นทหารผ่านศึกที่ผ่านการเกณฑ์ทหารตั้งแต่อดีตหรือไม่ก็เป็นทหารเกณฑ์ใหม่

การต่อสู้ระยะประชิดนั้นโหดร้าย การบาดเจ็บล้มตายของเราคงจะทวีคูณอย่างรวดเร็ว

นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าหวังว่าจะหลีกเลี่ยงให้ได้ถ้าเป็นไปได้

’ถึงกระนั้น เราก็สามารถจัดการกับพวกมันได้มากพอสมควร’

ดวงตาของข้าหันไปมองหน้าจอระบบ

[ข้อมูลศัตรู – ด่านที่ 1]

– ระดับ25 อัศวินเงา: 1 ตน

- ระดับ 5 ชุดเกราะมีชีวิต: 277 ตน (จำนวนการสังหาร: 775)

ระดับของศัตรูลดลงเหลือต่ำกว่า 300 ตน

ก่อนที่จะเกิดการต่อสู้ระยะประชิดขึ้น เราสามารถลดจำนวนของพวกมันด้วยการโจมตีระยะไกลได้อีก นี่หมายความว่าจำนวนเราต้องเผชิญหน้าในการต่อสู้แบบประชิดก็จะน้อยลงไปอีก

’มันอยู่ในกำมือของเราแล้ว’

สนามรบนี้ ยังคงเป็นของข้าที่จะต้องสั่งการ!

จากนั้นลูคัสและจูปิเตอร์ก็เดินเข้าสู่กำแพงป้อมปราการเข้ามา

“องค์ชาย จูปิเตอร์…ท่านหญิงปลอดภัยดี”

ลูคัสเรียก "ท่านหญิง" แทนชื่อจูปิเตอร์ด้วยความไม่พอใจนัก

หากต้องมาเรียกคนที่ไร้เกียรติเช่นนางว่าท่านหญิง การเรียกเช่นนี้มันก็จึงทำให้เขาดูอึดอัดนัก

“ข้ากลับมาแล้วองค์ชาย”

จูปิเตอร์โค้งเล็กน้อย เลือดจากบาดแผลที่นางได้รับเมื่อนางถูกโยนออกจากม้ากำลังซึมเข้าไปในคิ้วที่ร่วงโรยของนาง

"จูปิเตอร์ ข้าโล่งใจที่เห็นเจ้าปลอดภัย”

“ข้าสำนึกผิดแล้วองค์ชาย เป็นเพราะหญิงชราผู้นี้พลาดเอง”

จูปิเตอร์แตะแผลเบาๆ บนหน้าผากของนาง ทำให้ถุงมือหนังของนางเปื้อนไปด้วยเลือดสดๆ

“ทั้งทีมที่เสียไปเป็นเพราะข้า วิญญาณเยาว์วัยที่น่าสงสารพวกนั้นต่างต้องพบกับจุดจบที่ไร้จุดหมาย ช่างเป็นความจริงที่น่าใจหายนัก”

“เราไม่สามารถคาดการณ์การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของสัตว์ประหลาดพวกนั้นหรือม้าที่ตื่นตระหนกได้อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องรับผิดแทน”

ความจริงที่ว่าทีมของนางประกอบด้วยตัวละครวีรบุรุษ ก็ทำให้เขามั่นใจได้ว่าพวกเขาจะปกป้องจูปิเตอร์ได้

การสูญเสียนั้นน่าเศร้า แต่การเสียสละนั้นเป็นสิ่งจำเป็น มันทำให้พวกเขายังคงมีพลังของนักเวทย์อยู่

“ไม่ ข้าควรเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ เมื่อเทียบกับประสบการณ์ในสนามรบที่ข้าเจอมาหลายปี มันเป็นความผิดเป็นของข้าเอง”

จูปิเตอร์กำถุงมือเปื้อนเลือดของนางไว้แน่น

“ดังนั้น…ข้าจะแก้ไขเรื่องนี้”

ดวงตาของจูปิเตอร์จับจ้องไปบนบอสสัตว์ประหลาดที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

อัศวินเงา

ศัตรูหลักของด่านนี้และผู้นำของชุดเกราะมีชีวิต

“ข้าจะเอาหัวของเจ้าบ้านั่นมาให้ท่านอย่างแน่นอน”

“ก่อนอื่นเจ้าต้องพักผ่อนก่อนจูปิเตอร์”

สายตาของข้ามองไปไกล

“ในไม่ช้าเราจะต้องใช้ความแข็งแกร่งของเจ้า”

ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

ชุดเกราะมีชีวิตกำลังคำรามทั่วทั้งสนามรบ

ข้าจึงเรียกหน่วยปืนใหญ่

“ทุ่งสังหารได้บรรลุวัตถุประสงค์ของมันแล้ว! หยุดยิง!”

"ขอรับองค์ชาย!"

ทหารบางคนที่เหงื่อไหลเต็มทั่วร่างทรุดลงกับพื้นทันที

“เดเมี่ยน เจ้าก็ต้องพักบ้างเหมือนกัน”

ข้าตบไหล่เดเมี่ยนที่ยิงหน้าไม้ของเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

"แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก!"

เดเมี่ยนปล่อยลูกศรและหันหน้ามาทางข้าด้วยใบหน้าซีดเผือด แขนที่ทำงานหนักเกินไปของเขาสั่นเทาอย่างหนัก

“แต่พวกมันยังคงมุ่งเข้ามา…”

“เรามีเหยื่อที่ใหญ่กว่านี้ให้เจ้า”

ข้าที่จับไหล่เขาเบาๆ พยักหน้าเงียบๆ

“พักผ่อนและรวบรวมกำลังของเจ้าเถิด เข้าใจไหม?”

“ขอรับองค์ชาย”

เดเมี่ยนวางหน้าไม้ลง และสายตาของข้าก็กลับไปจับจ้องที่สนามรบ

-กรร!

โดยที่ข้าไม่รู้สึกตัว พวกชุดเกราะมีชีวิตก็ดาหน้าเข้ามาถึงใต้คูกำแพงป้อมปราการกันแล้ว

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด