บทที่ 20: [ด่าน 1] ทุ่งสังหาร (2)
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 20: [ด่าน 1] ทุ่งสังหาร (2)
“เหวอออ!”
“เราจะจัดการสัตว์ประหลาดตัวใหญ่แบบนี้ได้ยังไงกัน…”
การเกิดของบอสทำให้ทหารบนป้อมปราการตกอยู่ในความสับสน
การยิงอย่างไม่หยุดยั้งครั้งหนึ่งของปืนใหญ่และคันศรยักษ์หยุดลง กำแพงเปลวไฟที่ผ่านไม่ได้กลับเริ่มเลือนหายไปแล้ว
- กรร!
- กรรร-!
ชุดเกราะมีชีวิตที่เจาะทะลวงกำแพงเปลวไฟที่อ่อนแอได้พุ่งออกมาจากด้านหน้าและด้านข้างของป้อมปราการไม้
สัตว์อสูรมหึมาพวกนี้พุ่งเข้าหามนุษย์ที่อยู่ใกล้ที่สุด
พวกมันกำลังมุ่งหน้าไปยังจูปิเตอร์ที่นอนหมดสติหลังจากตกจากหลังม้าอย่างรุนแรง
"บัดซบ! เราต้องสร้างแนวรับแล้ว!”
“ปกป้องนักเวทย์!”
สมาชิกสี่คนของทีมจูปิเตอร์วิ่งไปด้านข้างของนาง สร้างรูปแบบป้องกันเบื้องหน้านาง
ทว่าพวกเขาเองก็ทุลักทุเลพอสมควร ม้าของพวกเขานั้นได้วิ่งกระจัดกระจายกันไปหมดแล้ว
สภาพพวกเขาตอนนี้ไม่ต่างกับเศษไม้ที่กำลังถูกเพลิงผลาญ
’นางกำลังจะตาย!'
ข้ากัดฟันกรอด
เราไม่สามารถสูญเสียจูปิเตอร์และทีมของนางที่นี่ได้!
“เดเมี่ยน!”
เดเมี่ยนหันมาหาข้า ข้ารีบชี้ไปทางทีมของจูปิเตอร์
“จัดการชุดเกราะมีชีวิตที่มุ่งหน้าไปยังทีมของจูปิเตอร์!”
"ขอรับ!"
เดเมี่ยนเปลี่ยนทิศทางหน้าไม้ของเขาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ยิงพลาดแม้แต่จังหวะเดียว
- ฟิ้วว! ฟิ้วว! ฟิ้วว-!
เสียงลูกศรแหวกว่ายผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว
-ฉึก! ฉึก!
ลูกศรสังหารโดยการเสียบลงไปบนชุดเกราะมีชีวิตอย่างแม่นยำ
สิ่งเดียวที่ใช้ไม่ได้คือ…แม้เดเมี่ยนจะเป็นพลซุ่มยิงที่แม่นยำที่สุดในโลก แต่อัตราการยิงของเขาไม่ได้เร็วนัก
- กรร-!
จำนวนชุดเกราะมีชีวิตที่ฝ่าทุ่งสังหารเรียกได้ว่ามีมากจนทำให้พื้นโดยรอบสั่นสะเทือน การซุ่มยิงของเดเมี่ยนคนเดียวไม่สามารถหยุดพวกมันได้ทั้งหมด
ลูคัสเรียกข้าทันที
"นายท่าน! เราต้องยิงปืนใหญ่เพื่อสนับสนุนทีมของจูปิเตอร์!”
"ไม่!"
ข้าปัดสิ่งที่เขาเสนอมาทันที
“เราต้องรักษากำแพงเปลวไฟให้ยังคงอยู่! หากเราสูญเสียทุ่งสังหารไป พวกมันก็จะออกมามากกว่านี้แน่!”
"แต่ว่า!"
“มีสมาธิในการสร้างกำแพงเปลวไฟขึ้นมาใหม่ก่อน! ทหารกำลังสูญเสียสับสนกันอยู่!”
ข้าพุ่งไปหาทหารที่กำลังยืนอยู่กับปืนใหญ่บนกำแพงและตบหลังเขา
“ตั้งสติไว้เจ้าพวกโง่! อย่าเสียสติไปเพียงเพราะสัตว์ประหลาดนั้นมีขนาดใหญ่กว่าเท่านั้นสิ!”
ด้วยเหตุนี้ ทหารผู้นั้นสะดุ้งและกลับมารู้สึกตัว
"หา?! ข-ขอโทษขอรับองค์ชาย!”
"เอ๊?"
ข้าข้างประหลาดใจพอสมควร เอาจริงหรือ? การตบไหล่ของข้าส่งผลกระทบขนาดนั้นเลย?
เมื่อเหลือบมองมือของข้า มันก็ทำให้ข้าคิดอะไรขึ้นมาได้
ทักษะติดตัวของข้า [ผู้บัญชาการผู้ไม่ย่อท้อ]!
’ทหารในระยะ 10 เมตรของข้าจึงหายจากอาการผิดปกติทางจิตใจสินะ’
ข้าเริ่มพึ่งไปหาเหล่าทหารที่ตัวสั่นในป้อมปราการ
เป็นไปได้ไหมว่าการฟื้นตัวจากสถานะผิดปกติของสภาพจิตใจไม่เพียงแต่จะต่อต้านสถานะทางลบเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างขวัญกำลังใจอีกด้วย?
’ถ้าข้าพุ่งไปรอบๆ สนามรบเช่นนี้ ข้าก็จะฟื้นฟูจิตใจของทหารได้หรือเปล่านะ’
ทันทีที่คิดได้เช่นนี้ ข้าก็ตัดสินใจทันที ข้ารีบหันไปหาลูคัส
“ลูคัส!”
“รอรับบัญชาองค์ชาย”
“ข้าจะไปช่วยเยียวยาจิตใจพวกทหารและสร้างทุ่งสังหารขึ้นมาใหม่! ลูคัส เจ้า!”
ข้าชะงักไปครู่หนึ่งแล้วในที่สุดก็พูดมันออกมา
“เจ้าจะต้องเป็นผู้นำทีมช่วยเหลือ”
“…!”
“เปิดประตูป้อมปราการออกไปและช่วยทีมของจูปิเตอร์”
เราไม่สามารถเสี่ยงที่จะสูญเสียแม่มดระดับ SR ในความโกลาหลนี้ได้ ต้องไม่เสียอะไรไปทั้งนั้น!
มีเพียงคนเดียวในสนามรบที่มีสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ที่เหลือจูปิเตอร์ได้ นั่นคือลูคัส ตัวเอกของเรา
ลูคัสมองสนามรบอย่างรวดเร็ว
แม้แต่ตอนนี้ชุดเกราะมีชีวิตที่หลุดพ้นจากทุ่งสังหารก็กำลังพุ่งมาด้วยแรงกดดันที่น่าสะพรึง
ชุดเกราะมีชีวิตมากมายขู่คำรามออกมาและมุ่งไปทางทีมของจูปิเตอร์
ภารกิจของเขาคือการดำดิ่งลงไปปะทะกับพวกมันและช่วยหายของเรากลับมา
แม้จะเป็นคำสั่งที่ดูโง่ขเลานัก แต่เขาก็น้อมรับอย่างยินดี
“ขอรับฝ่าบาท!”
ลูคัสมองมาที่ข้า ใบหน้าของเขามุ่งมั่นเป็นอย่างมาก
“ข้าจะรีบกลับมา”
“….หวังพึ่งเจ้าแล้วนะลูคัส”
นี่เป็นการตัดสินใจที่อาจทำให้ข้าต้องเสียแม่มดระดับ SR และแม้แต่อัศวินระดับ SSR
แต่ข้าเลือกที่จะเชื่อใจลูคัส ข้าเลือกที่จะเดิมพันกับโชคของตัวเอกคนนี้
ลูคัสเดินไปตามกำแพงป้อมปราการ ผ่านบันไดยาวลงไป ข้าฝากทุกอย่างไว้กับเจ้าเลยนะ ตัวเอกของเกม!
ข้ารีบวิ่งไปรอบๆ กำแพงป้อมปราการและตบไหล่ของทหาร
“ตั้งสติได้แล้ว ไอ้เจ้าโง่! เจ้าพร้อมที่จะตายแบบนั้นหรือไง!”
- ตุบ! ตุบ!
เหล่าทหารที่ถูกตบไหล่อย่างแรง ก็ได้สติขึ้นมากัน
"อั๊ก...?!"
“แสบมาก!”
“องค์ชาย? อะไรเนี่ย...”
“ตั้งสติของเจ้าและกลับไปยิงปืนใหญ่ได้แล้ว! เจ้าต้องรักษาทุ่งสังหารไว้ไม่ใช่หรือ?!”
ขณะที่ข้าวิ่งอยู่บนกำแพงป้อมปราการ ข้าก็ตบหลัง แก้ม ไหล่ของทหารทุกคนที่ข้าสามารถเอื้อมถึงได้ จากนั้นข้าก็ตะโกนสุดเสียง
“พวกเจ้ากลัวสัตว์ประหลาดพวกนั้นหรือ? เอาจริงเหรอ?!”
ทหารทุกคนมองสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ความกลัวยังฝังอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
ดังนั้นข้าจึงบอกความจริงที่ยากจะเชื่อแก่พวกเขา
“ข้าก็กลัวเหมือนกัน ให้ตายสิ!”
"หา?"
“แน่นอนว่ามันน่ากลัวใช่ไหมล่ะ? ถ้าเจ้าไม่กลัวตัวตนชั่วร้ายเช่นนี้ เจ้าก็คงไม่ใช่มนุษย์แล้ว!”
สัตว์ประหลาดมีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์
สัตว์ประหลาดแข็งแกร่งกว่ามนุษย์
ความรู้สึกกลัวย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องแย่เลยที่จะกลัว
แต่!
“แต่ลองนึกถึงประชาชนทั่วไปที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกสัตว์ประหลาดพวกนี้สิ!”
ขณะที่ข้าวิ่งไปตามกำแพงป้อมปราการ ข้าก็กระแทกหลังทหารแต่ละคน พวกเขาทั้งหมดกลับมามีสติอีกครั้ง
แต่เมื่อรู้ว่าพวกเขาได้สติแล้ว ข้าก็วิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามอีกครั้งเพื่อกระแทกหลังของคนที่ยังไม่ได้สติ
“คิดถึงแม่ของพวกเจ้า! ภรรยาของพวกเจ้า! พี่น้องของพวกเจ้า! ลูกของพวกเจ้า! ลองนึกภาพความหวาดกลัวที่พวกเขาจะรู้สึกยามจ้องมองไปที่สัตว์ประหลาดพวกนั้น!”
คลื่นแห่งความหวาดกลัวได้ถูกแต่งแต้มด้วยความงุนงงเกิดขึ้นบนใบหน้าของทหารที่ถูกข้ากระแทกหลังไป
“นึกภาพเหตุการณ์ยามที่สัตว์ประหลาดพวกนี้บุกเข้ามาในเมืองสิ!”
“…!”
“ลองนึกภาพพลเรือนที่ไร้ทางสู้ถูกสังหารโดสัตว์ประหลาดพวกนี้! ลองนึกภาพเด็กนับไม่ถ้วนที่อาจถูกสังเวยเพราะเจ้าหยุดนิ่งเพียงเพราะความกลัว!”
ข้ารู้สึกเหมือนข้ากำลังจะอาเจียน ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างหายใจไม่ออก ทว่าข้าก็ยังเดินไปตามป้อมปราการต่อไป
“เราต้องรั้งพวกมันไว้ที่นี่”
แม้ว่าข้าจะหอบอย่างหนัก แต่ข้าก็ยังคงตะโกนต่อไป
"พวกเรา! ต้องหยุดสัตว์ประหลาดและปกป้องผู้คน! นี่คือด่านหน้าสุดท้ายของเรา!”
เหล่าทหารแม้ยังหวาดกลัว แต่ด้วยมือที่สั่นเทา พวกเขาก็จับปืนใหญ่และคันศรยักษ์อีกครั้ง
“ถ้าเจ้ากลับมามีสติอีกครั้ง ก็จงยิงเร็วเข้า! ปลดปล่อยกระสุนทุกลูกที่เจ้ามี!”
"ข-ขอรับองค์ชาย!
"ยิงได้! ยิง-!"
ตู้ม! ตู้ม! ปัง!
ปืนใหญ่ได้พวยพ่นไฟออกมาและคันศรยักษ์ก็เริ่มยิงอีกครั้ง ข้าตะโกนออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ยิง ยิง! เผาพวกสัตว์ประหลาดพวกนั้นทั้งหมดให้มันกองลงไปกับพื้น-!”
ทุ่งสังหารกำลังจะได้รับการฟื้นฟู
แกนของกำแพงไม้ได้ถูกไฟจุดติดอีกครั้ง พวกชุดเกราะมีชีวิตเริ่มลดจำนวนลง
แต่สัตว์ประหลาดจำนวนมากที่ได้ทะลุกำแพงด้านนอกก็มีพอสมควร
“เปิดประตู!”
ลูคัสได้ไปยังสนามรบที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด เขาพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“พุ่งทะลวง พุ่งทะลวง-!”
ลูคัสบนหลังม้าได้หายไปเหมือนลูกศรที่ได้ปล่อยออกมา ข้ากำหมัดแน่น
’ได้โปรดเถอะนะลูคัส!'
ชะตากรรมของด่านนี้ ไม่สิ……
ชะตากรรมทั้งหมดของเกมนี้อยู่บนมือของเจ้าแล้ว ลูคัส
***
"อึก?!"
ดวงตาของจูปิเตอร์เบิกกว้าง
'ข้าอยู่ที่ไหนกัน?'
จูปิเตอร์มอบรอบตัวนางอย่างบ้าคลั่ง
นางอยู่ในที่ราบหน้ากำแพงทางตอนใต้ของครอสโรด นางรู้สึกตัวว่านางกำลังนอนราบอยู่
’ข้าจำได้ว่าถูกเหวี่ยงออกไปตอนที่ม้าของข้าจู่ๆ ก็คลั่ง’
เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น?
เกิดอะไรขึ้นกัน?
“ท่านจูปิเตอร์! ท่านฟื้นแล้วเหรอ?!”
เสียงร้องอย่างสิ้นหวังได้ดังขึ้น จูปิเตอร์พยุงร่างกายส่วนบนของนางขึ้นด้วยความเจ็บปวด
นางรู้สึกว่าหน้าผากของนางชื้นเล็กน้อย เมื่อนางสัมผัสมัน เลือดก็เต็มไปทั่วมือของนาง ดูเหมือนว่านางจะได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเมื่อตกลงจากหลังม้า
เอวของนางยังรู้สึกเคล็ดด้วย ทุกการเคลื่อนไหวก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
“มาบาดเจ็บในวัยแบบนี้เนี่ยนะ…”
“ท่านจูปิเตอร์! ใกล้หมดเวลาแล้ว! ท่านจูปิเตอร์!”
เมื่อมองไปที่ต้นตอของเสียง นางก็เห็นสมาชิกในทีมของนางรวมตัวกันปกป้องนาง
- กรรร-!
สิ่งที่พุ่งเข้าหาสมาชิกในทีมของนางคือชุดเกราะมีชีวิตที่กำลังร้องโหยหวน
“…?!”
หัวของนางพลันโล่งในทันใด จูปิเตอร์ฟื้นคืนสติและรู้ถึงสถานการณ์แล้ว
ทีมของจูปิเตอร์ติดชะงัก
ทุกคนได้รับบาดเจ็บเพราะถูกโยนลงจากหลังม้า อีกทั้งจูปิเตอร์ก็หมดสติไป
ก่อนที่พวกเขาจะได้กลับเมือง พวกเขาก็ถูกโอบขนามโจมตีโดยชุดเกราะมีชีวิต
“กำลังเสริมจะมาถึงในไม่ช้า! เราต้องอดทนจนกว่าจะถึงตอนนั้น…!”
ทหารรับจ้างผู้หนึ่งกล่าวบอกจูปิเตอร์ถึงสถานการณ์ จากนั้นก็เหวี่ยงค้อนที่ถือด้วยความสิ้นหวัง
ตุ้บ
หมวกของชุดเกราะมีชีวิตได้พุ่งออกไปเพราะค้อนของเขา
- กรรรร -!
ทว่าชุดเกราะมีชีวิตตนนั้นกลับยังสามารถแทงหอกออกมาได้อยู่ดี
"ไอ้บ้าเอ้ย! พวกมันทนต่อการโจมตีแบบนี้ได้ยังไง?!”
ทหารรับจ้างสบถออกมา
สมาชิกในทีมของเขาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
พวกเขาปะทะกับชุดเกราะมีชีวิตที่พุ่งเข้ามาเหมือนห่าฝน แต่การโจมตีปกติของพวกเขาแทบไม่ได้ทำให้ชุดเกราะเสียหายเลย
การโจมตีด้วยเวทมนตร์อาจทำให้พวกมันชะงักบ้าง แต่ถ้าชุดเกราะทั้งหมดไม่ถูกทำลายด้วยการโจมตีทางกายภาพในคราวเดียว พวกมันก็จะโจมตีต่อไป
นี่คือความท้าทายของการเผชิญหน้ากับชุดเกราะมีชีวิต
ทีมของจูปิเตอร์ประกอบด้วยวีรบุรุษระดับ N
พวกเขาเคยต่อสู้กับสัตว์ประหลาดมาก่อน แต่จำนวนและความเก่งกาจของชุดเกราะมีชีวิตกำลังพิสูจน์ให้เห็นถึงความแตกต่าง
จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้...
"อึก!"
ที่จะมีผู้บาดเจ็บล้มตาย
เป็นทหารรับจ้างที่บอกถึงสถานการณ์แก่จูปิเตอร์
เขาสามารถบดขยี้ชุดเกราะตนที่สี่ด้วยค้อนของเขา ทว่าขาของเขาก็ถูกหอกของชุดเกราะมีชีวิตแทงจนขาดครึ่ง
เขาเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ขณะถูกล้อมรอบด้วยชุดเกราะมีชีวิตอีกหลายตน
เขาเหวี่ยงค้อนสงครามของเขาอย่างเกรี้ยวกราดและทุบชุดเกราะมีชีวิต แต่ว่า...
ฉึก! ฉึก ฉึก!
หน้าอกและหน้าท้องของเขาถูกเสียบด้วยหอกของชุดเกราะมีชีวิตตนอื่นๆ
"อึก...บัดซบเอ้ย..."
เขาดิ้นทุรนทุราย พยายามเหวี่ยงค้อนอีกครั้ง แต่พวกสัตว์ประหลาดนั้นเร็วกว่า
ฉึก! ฉึก!
พวกมันถอนหอกและแทงอีกครั้งราวกับเครื่องจักร
สัตว์ประหลาดเคลื่อนไหวโดยปราศจากอารมณ์ใดๆ พวกมันเพียงทำตามวิถีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการสังหารมนุษย์
จูปิเตอร์มองดูหนึ่งในสมาชิกทีมของนางถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความสยดสยอง
“ไอ้สัตว์ประหลาดบัดซบพวกนี้…!”
จูปิเตอร์รีบพยายามใช้เวทย์มนตร์เพื่อกวาดชุดเกราะมีชีวิตอยู่ใกล้ๆ ออกไป แต่พลังงานเวทย์มนตร์ของนางกลับไม่รวมตัวอยู่บนมือของนาง
เนื่องจากการกระแทกที่หัวของก่อนหน้านี้ จึงทำให้การรวบรวมพลังเวทย์ของนางแปลกไป
จูปิเตอร์จับหน้าผากของนางแน่น ดิ้นรนเพื่อรวบรวมพลังงานเวทย์มนตร์ของนาง
"ให้ตายเถอะ...! ท่านรีบ...!"
ฉึก! ฉึก ฉึก!
"อ๊ากกกก!"
ในระหว่างนั้น สมาชิกทีมคนที่สองก็ล้มลงไป
ทหารรับจ้างที่คอยปัดป้องการโจมตีด้วยโล่ของเขา
แต่ภายใต้การโจมตีอันไม่หยุดหย่อนของชุดเกราะมีชีวิต โล่ของเขาก็แตกเป็นเสี่ยงๆ และทำให้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
“อึก ฮึก! เวร เวรเอ้ย!”
สมาชิกทีมคนที่สามที่ต่อสู้อยู่ก็ได้หมุนตัวออกไป ใช่ เขาพยายามที่จะหนี
แต่ทันทีที่เขาหันหลังไป ชุดเกราะมีชีวิตก็ปล่อยหอกใส่เขา
ฟึบ! พรู้ดดดดด!
ฉึก!
สมาชิกทีมคนที่สามที่ถูกหอกแทงได้ร่วงลงกับพื้นทันที ไม่แม้แต่จะได้พูดอะไรออกมา
เขาชักกระตุกในกองเลือดของตัวเองและในไม่ช้า เขาก็สิ้นลมหายใจไป
แนวป้องกันที่เปราะบางได้ถูกสังหารชั่วพริบตา
จูปิเตอร์ที่พบว่าตัวเองอยู่ใกล้กับชุดเกราะมีชีวิตมากขึ้นก็เริ่มได้กลิ่นเหม็น
กลิ่นของเกราะสนิมและน้ำบึง
กลิ่นของหายนะที่กำลังจะมา
“พวกแกน่าจะยังจมอยู่ในทะเลสาบกันต่อไป…”
ในที่สุดพลังงานเวทย์มนตร์จำนวนมากพอประมาณก็สะสมอยู่ที่ปลายนิ้วของนาง จูปิเตอร์ยื่นมือไปข้างหน้าพร้อมกับตะโกนออกมา
“เจ้าเชื่อจริงๆ หรือว่าหญิงชราคนนี้จะเกษียณอย่างสงบได้!”
-ครืน-!
สายฟ้าสีฟ้าสดใสได้ตัดผ่านท้องฟ้าจนส่องสว่างไปทั่วสนามรบ
ชุดเกราะมีชีวิตที่อยู่ในตำแหน่งแนวหน้าได้ถูกเผาทันที พังทลายกลายเป็นเศษซากกองลงกับพื้น
มันเป็นการโจมตีที่ประสบความสำเร็จ แต่มันก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของพลังปกติของนาง แทนที่จะมันจะสร้างสายฟ้าจำนวนมาก มันมีประกายสายฟ้าแค่ส่วนเดียวเท่านั้นที่ปรากฏออกมา
'นี่มันไม่ดีแล้ว...'
จูปิเตอร์พึมพำ
เมื่อมองชุดเกราะมีชีวิตที่พุ่งออกมาข้างหน้าอีกครั้งจากด้านหลัง จูปิเตอร์ก็ได้แต่เดาะลิ้น
จากนั้นนางก็เรียกสมาชิกทีมคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในทีมของนาง
“วิ่งเอาชีวิตรอดสิ เจ้าเป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่แล้วนะ!”
“เอ๊ะ อะไรนะครับ?!”
สมาชิกทีมคนสุดท้ายเป็นทหารรับจ้างหนุ่มที่ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว จูปิเตอร์ตะโกนอีกครั้ง เสียงของนางดังก้องไปทั่วสนามรบ
“มีชีวิตไปเล่าเรื่องยังดีกว่าต้องมาพินาศเช่นนี้! จงวิ่งหนีออกไปซะเจ้าหนู!”