บทที่ 158 ฝึกทรังคซ์
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 158 ฝึกทรังคซ์
เมื่อหลินเฉินได้พบกับมิสเตอร์โปโป้ครั้งแรกในจักรวาลของตนเอง เขาก็รู้สึกได้เลยว่าตัวตนอีกฝ่ายลึกลับมาก
จนเขาเองก็สงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นเทวดาหรือเปล่า
ซึ่งในจักรวาลที่ 228 แห่งนี้ หลินเฉินก็ได้เห็นความลึกลับในตัวของมิสเตอร์โปโป้อีกครั้ง
แม้ว่าระดับพลังของเขาจะอยู่ที่ 1,000 โดยวัดจากทั้งเครื่องวัดพลังและระบบของหลินเฉิน แต่มิสเตอร์โปโป้กลับสามารถต่อสู้ได้เทียบเท่ากับหลินเฉินที่มีระดับพลังของร่างปกติมากกว่า 8 ล้าน มันน่าเชื่อถือตรงไหนกัน?
นอกจากนี้ตามคำพูดของผู้เฒ่าเต่า มิสเตอร์โปโป้ควรจะตายด้วยน้ำมือของเซลล์ไปแล้ว แต่เขายังมีชีวิตอยู่และดูเหมือนจะซ่อมแซมวังพระเจ้าไปพอสมควรแล้วด้วย
มิสเตอร์โปโป้มีความลึกลับอยู่มากมายที่ไม่อาจรู้ได้
หลินเฉินจึงได้อธิบายภูมิหลังของเขาอย่างช้าๆ เพื่อที่จะให้มิสเตอร์โปโป้ไม่เข้าใจผิด
แน่นอนว่าที่เข้าไปโจมตี หลินเฉินเองก็ตั้งใจที่จะทดสอบมิสเตอร์โปโป้ด้วย
“เจ้ามาจากเส้นเวลาอื่นเหรอ? ไม่แปลกใจเลยที่มิสเตอร์โปโป้ไม่รู้จักเจ้า”
ตามที่คาดไว้ มิสเตอร์โปโป้ไม่ได้ดูสับสนหรือไม่เชื่อหลินเฉิน ซึ่งทำให้หลินเฉินสงสัยในตัวตนของเขามากขึ้น
"ว่าแต่เจ้ามาที่นี่ทำไมเหรอ...?"
“ข้าต้องการยืห้องกาลเวลาของวังพระเจ้าเพื่อฝึกทรังคซ์ ลูกชายของเบจิต้า”
เมื่อได้ยินคำขอของหลินเฉิน มิสเตอร์โปโป้ก็ไม่ได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธในทันที แต่กลับจ้องไปที่หลินเฉินจนทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่โชคดีที่อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “อืม เจ้าสามารถใช้มันได้”
“ขอบคุณ ข้าจะพาเขาขึ้นมาเดี๋ยวนี้” หลินเฉินรีบกลับลงไปที่พื้นเบื้องล่างทันที
"เป็นยังไงบ้าง?" เมื่อเห็นหลินเฉินกลับมา ผู้เฒ่าเต่าและคนอื่นๆ ก็มารวมตัวกัน
หลินเฉินยิ้มและบอกข่าวดีแก่พวกเขา “อย่างที่ข้าคิด วังพระเจ้ายังอยู่ที่นั่น! ห้องกาลเวลายังคงสามารถใช้สำหรับการฝึกได้”
"มันเป็นไปได้ยังไง? ข้าเห็นชัดเลยวว่าวังพระเจ้าถูกทำลายไปแล้ว!” ผู้เฒ่าเต่าทานออกมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“มิสเตอร์โปโป้ยังไม่ตายและเขาก็ฟื้นฟูวังพระเจ้าขึ้นมาใหม่”
"จริงเหรอ? นั่นมันดีเลยสิ"
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมมิสเตอร์โปโป้ถึงไม่ตาย แต่ทุกคนก็มีความสุขมาก นอกจากทรังค์ สหายของมิสเตอร์โปโป้หลายคนก็ต้องการไปดูที่วังพระเจ้าด้วย
“พวกเจ้าไปเถอะ ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อจัดการเรื่องต่างๆ เอง” ทางด้านลาซูลิก็ปฏิเสธ เพราะนางเป็นผู้นำของกองทัพกบฏ หลังจากที่ทรังคซ์ออกไป นางก็จะเป็นคนเดียวที่สามารถปกป้องกองทัพกบฏได้ ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการออกไปด้วย
หลินเฉินมองไปที่นางแล้วพูดกับผู้เฒ่าเต่า บูลม่าและทรังคซ์ที่อยากไปว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ จับมือข้าไว้!”
ช่วงเวลาต่อมา พวกเขาทั้งสี่ปรากฏตัวขึ้นในวังพระเจ้า ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์
“นี่มันวังพระเจ้าจริงๆ ด้วย! ดีเหลือเกินที่มันยังอยู่!”
เมื่อมองไปที่สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย บูลม่าก็รู้สึกเศร้าโศก ราวกับว่านางกำลังรื้อฟื้นความทรงจำที่นำชุดเกราะต่อสู้มาให้เบจิต้าและคนอื่นๆ เมื่อพวกเขามาที่วังพระเจ้าเป็นครั้งแรก
ทรังคซ์ที่มาถึงวังพระเจ้าเป็นครั้งแรกก็หายใจหอบ
“ทรังค์ซ์ วังพระเจ้าอยู่ในมิติที่สูงมาก ดังนั้นอากาศที่นี่จึงบางและการหายใจคงต้องใช้ความพยายามมากขึ้น” หลินเฉินกล่าวบอก
"ครับ!" ทรังค์ซ์พยักหน้า
ในยามนั้นเอง มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านข้างและมิสเตอร์โปโป้ก็เดินเข้ามา
เมื่อเห็นผู้เฒ่าเต่าและบูลม่า เขาก็ทักทายทั้งสองทันที “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะทุกคน”
"มิสเตอร์โปโป้?"
ผู้เฒ่าเต่าและบูลม่าต่างมีความสุขมากที่ได้เห็นมิสเตอร์โปโป้ ซึ่งพวกเขาคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว
“มิสเตอร์โปโป้ เจ้ายังไม่ตายเหรอ?”
“มิสเตอร์โปโป้ ถ้าเจ้ายังไม่ตาย ทำไมเจ้าไม่มาหาเราล่ะ?”
“โปโป้ต้องคอยปกป้องวังพระเจ้า ไม่สามารถออกไปได้ตามต้องการ…” มิสเตอร์โปโป้จ้องมองไปที่ทรังคซ์แล้วกล่าวว่า“เขาคือทรังคซ์ของเส้นเวลานี้หรือ? เขาดูเหมือนพวกทรังคซ์คนก่อนไม่มีผิด”
“คนก่อน?” ทรังคซ์ถึงกับตกตะลึง “แม่ครับ ทรังคซ์ในอนาคตที่แม่บอกข้าเคยมาที่นี่ด้วยหรือเปล่า?”
“เคยมาสิ ในยามนั้นเขาและพ่อของเจ้าเองก็ได้ไปฝึกฝนในห้องกาลเวลาด้วยกัน” บูลม่ากล่าวพลางนึกถึงอดีต
"แค่ก แค่ก!"
หลินเฉินไอออกมา “ไว้คุยเรื่องอดีตกันทีหลัง ทรังคซ์ เราต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า”
"ครับ! คุณหลินเฉิน"
“งั้นตามข้ามา” มิสเตอร์โปโป้กล่าวขณะที่เขานำหลินเฉินและคนอื่นๆ ไปยังที่ตั้งของห้องกาลเวลา
หลังจากมาถึงด้านล่างของวังพระเจ้า มิสเตอร์โปโป้ก็กล่าวว่า “นี่คือห้องกาลเวลา มีผู้ใดจะเข้าไปบ้าง?”
“ข้ากับทรังคซ์” หลินเฉินกล่าว
โปโป้พยักหน้าและเตือน “ห้องกาลเวลาคนหนึ่งสามารถเข้าไปได้เพียงสองวัน นั่นหมายความว่าเจ้าสามารถอยู่ข้างในได้เพียงสองปี เมื่อหมดเวลาประตูจะหายไป เช่นนั้นโปรดระวังด้วย”
ก่อนเข้าไป หลินเฉินก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “มิสเตอร์โปโป้ ข้าอยากจะถามว่าข้าเคยเข้าไปในห้องกาลเวลาของอีกจักรวาลแล้ว มันจะมีผลต่อเวลาของข้าที่นี่หรือไม่?”
“ไม่” มิสเตอร์โปโป้ส่ายศีรษะ “สิ่งที่เกิดขึ้นในจักรวาลอื่นจะไม่ส่งผลกระทบต่อกฎของจักรวาลนี้”
กฎ?
เมื่อได้ยินคำนี้ หลินเฉินก็ครุ่นคิด
ไม่นานหลังจากนั้น หลินเฉินกับทรังคซ์ก็เปิดประตูและเข้าไปในห้องข้างใน
สำหรับทรังคซ์ ห้องนี้เต็มไปด้วยสิ่งไม่คุ้นเคยมากมาย
แต่สำหรับหลินเฉินแล้ว มันก็เป็นอะไรที่คุ้นชินมาก
“ทรังคซ์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะฝึกเจ้า”
“แม้ว่าเจ้าจะสามารถแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่าได้ แต่บอกตามตรงว่าระดับพลังในปัจจุบันของเจ้าต่ำเกินไป แม้ว่าเจ้าจะแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่า มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพื่อที่จะเอาชนะโบแจ็คและคนอื่นๆ ก่อนอื่นเจ้าต้องยกระดับความแข็งแกร่งของร่างปกติของเจ้าเสียก่อน” หลินเฉินกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
เท่าที่หลินเฉินรู้ ทรังคซ์ของโลกนี้ไม่เคยได้รับการฝึกฝนจากใครที่แข็งแกร่งเท่าเบจิต้าหรือโกคู
คำแนะนำเดียวที่ทรังคซ์ได้รับล้วนมาจากผู้เฒ่าเต่าและลาซูลิ
ด้วยความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าเต่าที่มีน้อยนิด เขาจึงแนะนำทรังคซ์ได้อย่างจำกัด ส่วนอีกคนพลังก็ถูกสร้างจากการประดิษฐ์ จึงไม่สามารถสอนผู้อื่นอื่นได้
ทำให้ทรังคซ์ในจักรวาลนี้มีรากฐานการฝึกฝนที่น้อยมาก
ในร่างปกติของเขา ระดับพลังของเขาไม่สูงเท่าเบจิต้าจากโลกของหลินเฉินที่มีพลัง 600,000 ด้วยซ้ำ
ด้วยความแข็งแกร่งระดับนี้ ต่อให้กลายร่างเป็นซูเปอร์ไซย่า เขาก็มีระดับพลังเพียง 10 ล้านเท่านั้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาไม่สามารถเอาชนะลูกน้องของโบแจ็คได้
ดังนั้นเพื่อให้ภารกิจที่เขาเลือกเสร็จสิ้น หลินเฉินจึงไม่ได้ฝึกให้ทรังคซ์แปลงร่างเป็นระดับที่สูงขึ้น แต่ทำการวางรากฐานที่แข็งแกร่งและยกระดับความแข็งแกร่งร่างปกติของทรังคซ์โดยเร็วที่สุด
ในขณะเดียวกันที่ฝึกทรังคซ์ หลินเฉินก็วางแผนที่จะใช้โอกาสนี้ในการใช้ห้องกาลเวลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แยกออกมาจากโลกภายนอกเพื่อใช้การ์ดประสบการณ์พลังพระเจ้า