1130 - ความรู้แจ้งไม่เกี่ยวข้องกับสายเลือด
1130 - ความรู้แจ้งไม่เกี่ยวข้องกับสายเลือด
ในขณะนี้มีผู้คนมากมายเข้าร่วมการชุมนุมในทะเลสาบหยก และหลายคนก็เคยเห็นเย่ฟ่านเป็นการส่วนตัว ดังนั้นพวกเขาจึงจดจำร่างกายของต้วนเต๋อได้อย่างง่ายดาย
“นั่นร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณไม่ใช่หรือ? เขาก็อยู่ที่นี่ด้วย!” หลายคนประหลาดใจ
“เจ้ากล้าหาญมากที่มาที่นี่ เจ้าไม่กลัวว่าพวกเราจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆหรือ?”
สิ่งมีชีวิตโบราณมากมายหัวเราะเยาะด้วยความปราบปลื้มใจ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์จะปรากฏตัวที่นี่
ต้วนเต๋อยิ้มเยาะและกล่าวว่า “ข้าอยู่ที่นี่แล้วหากมีความกล้าก็เรียกบิดาของเจ้าออกมาเถอะ? แม้ว่าการประชุมจะมีกฎห้ามฆ่าคน แต่ถ้าเจ้าทำให้ข้าโกรธ ข้าก็ยังทำให้เจ้ากลายเป็นสุนัขพิการได้อย่างง่ายดาย”
ชายหนุ่มเผ่าพันธุ์โบราณที่เอ่ยวาจาคนนั้นแค่นเสียงอย่างเย็นชา แต่สุดท้ายเขาก็ยังพาสหายของเขาเดินจากไปโดยไม่กล้าลงมือที่นี่ ไม่เช่นนั้นเจดีย์แห่งจักรพรรดินีตะวันตกจะทำลายเขาทั้งกายและวิญญาณโดยไม่มีความเมตตาอย่างแน่นอน
“เลิกใช้ร่างกายของข้าทำเรื่องไร้สาระได้แล้ว?”
เย่ฟ่านมีสีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยเมื่อเห็นการกระทำของต้วนเต๋อ เขาต้องการนำร่างกายของตัวเองกลับมาให้เร็วที่สุด
เพราะตอนนี้เย่ฟ่านอยู่ในจุดสูงสุดของระดับเซียนเทียมขั้นสองแล้ว เมื่อวิญญาณและร่างกายของเขารวมเป็นหนึ่งมันจะผลักดันเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตของการทดสอบระดับเซียนเทียมขั้นสามโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แน่นอนว่าต่อให้ได้รับร่างกายกลับคืนมาเย่ฟ่านก็จะไม่กลับเข้าสู่ร่างกายของตัวเองทันที เพราะไม่เช่นนั้นมันจะทำให้เกิดทัณฑ์สวรรค์ในทะเลสาบหยกซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อผู้ใดทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามหากเขาเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตอมตะของเผ่าพันธุ์โบราณ เขาก็สามารถใช้โอกาสนี้ดึงฝ่ายตรงข้ามเข้าสู่ทะเลสายฟ้าและทำการสังหารศัตรูไปอย่างง่ายดาย
“เจ้าจะกลัวไปทำไม หม้ออสูรกลืนสวรรค์ของข้าต่างหากที่อยู่ในมือเจ้า เมื่อไหร่เจ้าจะคืนมันให้ข้า” เจ้าอ้วนต้วนกล่าวด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในทะเลสาบหยกเคียงคู่กัน เย่ฟ่านเลิกสนใจต้วนเต๋อชั่วคราว เพราะถ้าเขาเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์แห่งชีวิตจริงๆ เขาก็สามารถพาวิญญาณกลับสู่ร่างกายของตัวเองได้ทุกเมื่อ
แม้ว่าเขาจะผลักดันต้วนเต๋อออกไปจากร่างกายไม่ได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับบททดสอบแห่งสวรรค์ หากต้วนเต๋อคิดจะเผชิญหน้ากับทัณฑ์สายฟ้าไปด้วยเย่ฟ่านก็ไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้ว
“ทุกเผ่าพันธุ์โบราณต่างก็มีบุคลิกของตัวเอง ดูสิชายคนหนึ่งที่มีหัวเป็นสุนัข มีลำตัวเป็นมนุษย์ และมีปีกศักดิ์สิทธิ์สีขาวคู่หนึ่งอยู่บนหลัง วงแหวนศักดิ์สิทธิ์นั้นเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเซียนเทียมขั้นสามแล้ว” ต้วนเต๋อแสดงความคิดเห็น
“หุบปาก ถ้าเจ้ายังกล้าพูดเรื่องไร้สาระอีกข้าจะอุดปากเจ้าเดี๋ยวนี้” เย่ฟ่านกล่าวว่า ไอ้สารเลวนี้มาเพื่อสร้างปัญหาให้กับเขาอย่างแท้จริง
“ถ้าอย่างนั้นก็แยกทางกัน เจ้าใช้ถนนปูด้วยอิฐของเจ้าแล้วข้าจะข้ามสะพานไม้กระดานของข้า อย่าให้ความสัมพันธ์ของเราตกอยู่ในสายตาของคนอื่น”
ต้วนเต๋อกล่าวแล้วจ้องมองไปยังร่างที่อยู่ตรงหน้าและกล่าวต่อไปว่า
“อีกคนฝึกฝนทักษะของนิกายพุทธและทรงอนุภาพมาก ดูสิเขามีสี่หัวแปดแขน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแต่มาจากทักษะการบ่มเพาะของเขา”
สิ่งมีชีวิตโบราณเหล่านั้นได้ยินคำพูดของต้วนเต๋ออย่างชัดเจน เขาหันมามองทั้งสองคนด้วยสีหน้าเย็นชาและเลื่อนมือข้างหนึ่งลงไปสัมผัสกระบี่ที่เอว
“หากเจ้ายังพูดพล่อยๆ ไม่หยุด ข้าจะใช้หม้ออสูรกลืนสวรรค์ดูดกลืนเจ้าลงไป” เย่ฟ่านขู่
“ข้าก็แค่เดินเล่นพูดคุยกันสบายๆ เท่านั้น เจ้าจะกังวลไปทำไม”
“นั่นคือร่างกายของข้า!”
“ดูสิตรงนั้นมีเซียนเทียมขั้นสามอีกคน พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง หากเจ้าแขวนคอเขาไว้และใช้พลังศักดิ์สิทธิ์นั้นจุดตะเกียง เกรงว่าตะเกียงของเจ้าจะดำรงอยู่ได้นานนับหมื่นปี”
“บังอาจ! คนอย่างเจ้าคู่ควรกับการวิจารณ์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าหรือ!” ราชาผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นตะโกนด้วยความโกรธ
“เจ้าก็แค่เซียนเทียมขั้นสามที่เห็นได้ทั่วไปเท่านั้น มีอะไรน่าอวดอ้าง…”
แต่ก่อนที่ต้วนเต๋อจะมีโอกาสพูดอะไรมากกว่านั้นเย่ฟ่านก็ตะคุบปากของเขาไว้และลากเขาออกจากที่นี่ทันที
“คืนร่างให้ข้า!”
“ข้าแค่กล่าวเล่นๆ เจ้าจะโกรธไปทำไม ดูตรงนั้นสิมีหงส์ขาวตัวหนึ่ง หากเราเอาขนหางของมันมาทำพัดจะต้องเป็นพัดที่งดงามที่สุดในโลกอย่างแน่นอน”
“ปัง”
เย่ฟ่านไม่สามารถอดกลั้นอีกต่อไป เขาเตะต้วนเต๋อให้กระเด็นไปด้านข้าง จากนั้นก็ไล่ตามไปทุบตีด้วยความโกรธ
“ให้ตายเถอะเจ้ารู้หรือไม่ว่าพัดขนหงส์นั้นมีค่ามากแค่ไหน ข้าเคยขุดหลุมศพของเซียนผู้หนึ่งและได้พัดโบราณของเขามา น่าเสียดายที่มันเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งไว้นานหลายแสนปีแล้ว หลังจากที่ข้าใช้ได้เพียงไม่กี่ครั้งมันก็ถูกทำลายไป” เจ้าอ้วนต้วนยังคงร่ำร้องไม่หยุด
การชุมนุมในทะเลสาบหยกครั้งนี้คึกคักอย่างยิ่ง มีผู้คนหลายแสนคนเดินขวักไขว่ไปมา ทะเลสาบหยกกว้างมาก แต่มีค่ายกลจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่หลายแห่งปกป้องอยู่
หลายพื้นที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินเท้าเข้าไป ตัวอย่างเช่นสถานที่ตั้งของเจดีย์น้ำตาเซียนที่เพียงเหยียบย่างเข้าใกล้เล็กน้อยอาวุธเต๋าสุดขั้วชิ้นนี้จะทำการสังหารผู้บุกรุกอย่างไร้ความปรานีทันที
แต่พื้นที่ที่เปิดให้ผู้คนเข้าพักอาศัยนั้นก็กว้างขวางจนสะดุ้งหูลูกตา ด้วยต้นไม้ล้ำค่าที่กระจายอยู่ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ปราณสวรรค์พิภพในสถานที่แห่งนี้จึงค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก
และเผ่าพันธุ์ต่างๆ ก็ชุมนุมกันอยู่ในเขตของตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับเผ่าพันธุ์อื่น ภายใต้อำนาจของอาวุธเต๋าสุดขั้วนั้นไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาอะไรขึ้นอย่างแน่นอน
“แคร้ง...”
เสียงระฆังศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นและแสดงให้เห็นว่าแขกผู้มีเกียรติอันยิ่งใหญ่ได้มาถึงแล้ว จากนั้นมหาอำนาจเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์โบราณต่างก็นำคนของตัวเองออกไปต้อนรับเขา
ผู้ที่ปรากฏตัวตอนนี้คือฮั่วฉีจื่อซึ่งมีสถานะสูงส่งอย่างมาก
นี่คือบุตรชายของจักรพรรดิโบราณผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ ครั้งหนึ่งเขาเคยครองโลกเป็นเวลาหลายหมื่นปี เผ่าพันธุ์ทั้งหมดในโลกนี้ต่างให้ความเคารพเขาอย่างสูง
“นี่คือบุตรชายของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่(ไม่รู้ว่าคนไหนไม่มีบอกไว้) ว่ากันว่าเขาถูกผนึกไว้ในต้นกำเนิดสวรรค์ด้วยมือบิดาของเขาเอง”
โลกอำพรางสวรรค์มีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่มาเป็นเวลาหลายร้อยล้านปี และจักรพรรดิสุริยันผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ซึ่งถือเป็นจักรพรรดิคนแรกก็มีชีวิตอยู่ตั้งแต่เมื่อหลายสิบล้านปีก่อน
และทุกช่วงเวลาหลายหมื่นปีในโลกใบนี้จะปรากฏจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเสมอ เมื่อกฎของโลกใบนี้กลับสู่ความสมบูรณ์อีกครั้งทายาทของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่มากมายที่ถูกฝังไว้ในต้นกำเนิดสวรรค์ก็จะทยอยตื่นขึ้น
“ว่ากันว่าฮั่วฉีจื่อเป็นทายาทของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ไม่รู้ว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
“ด้วยพรสวรรค์ของเขาที่ฝึกฝนมาเพียงสิบปีก็กลายเป็นเซียนเทียมขั้นสองได้แล้ว หากเขาไม่ใช่ทายาทจักรพรรดิเผ่าพันธุ์มนุษย์ เจ้าคิดว่าใครจะสามารถฝึกฝนคนเช่นนี้ขึ้นมาได้”
สิ่งมีชีวิตโบราณกล่าวด้วยความตกตะลึง แม้ว่าทั้งคู่จะมาจากเผ่าพันธุ์โบราณ แต่ศักดิ์ศรีของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใดล้วนเกิดความเคารพทั้งสิ้น
แน่นอนว่าในฐานะทายาทของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ฮั่วฉีจื่อย่อมมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก
ไม่เพียงแต่สายเลือดของเขาจะทรงพลังเท่านั้น แต่เขายังสามารถหยิบยืมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่บิดาของเขาถ่ายทอดไว้ ทำให้เขาพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าในโลกนี้มีทายาทของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่มากมาย พวกเขาตื่นขึ้นมาในยุคเดียวกันเพื่อปราบปรามทุกข์เข็ญและคว้าโอกาสในการกลายเป็นจักรพรรดิอมตะคนใหม่
เป็นที่น่าเสียดายคือในระหว่างที่เกิดการหลับไหลอยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์อย่างยาวนานนี้ ทายาทของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่บางคนก็เสียชีวิตไปก่อนและทำให้ไม่สามารถตื่นขึ้นมาในยุคนี้ได้
“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้แข็งแกร่งก็จริง แต่พวกเขาจะแข็งแกร่งเทียบเท่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณจริงหรือ?” ต้วนเต๋อกระซิบด้วยความไม่พอใจ
เย่ฟ่านนิ่งเงียบ แน่นอนว่าเขาไม่ได้หลงตัวเองจนคิดว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณจะเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าตัวเขามีพลังไม่เป็นรองทายาทจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้อย่างแน่นอน
นั่นก็เพราะเขารู้ว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนในโลกอำพรางสวรรค์ล้วนเป็นผู้บ่มเพาะธรรมดามาก่อนทั้งสิ้น นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่มีทายาทของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนใดกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้
ในอดีตจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น แต่สุดท้ายเขาก็เหยียบย่ำกระดูกของราชามากมายและปีนป่ายขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกอำพรางสวรรค์
สิ่งนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าความรู้แจ้งในเต๋านั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับสายเลือดที่ทรงพลังใดๆ ทั้งสิ้น
……….