1129 - งานชุมนุมทะเลสาบหยก
1129 - งานชุมนุมทะเลสาบหยก
ย้อนกลับไปตอนนั้นหลี่รุ่ยหยูนั่งอยู่บนยอดเขาอย่างเงอะงะมาหลายร้อยปีโดยไม่มีการปรับปรุงฐานการบ่มเพาะใดๆ จนกระทั่งในที่สุดเขาก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และกลายเป็นผู้นำของสำนักไท่ซวนมาจนถึงปัจจุบัน
“คำนับอาจารย์” เย่ฟ่านแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม
ชายชราคนนี้ให้ความรักและความเมตตาต่อเขาเสมอ ดังนั้นเย่ฟ่านจึงถือได้ว่าหลี่รุ่ยหยูเป็นอาจารย์เพียงคนเดียวของเขาในโลกอำพรางสวรรค์
หลี่รุ่ยหยูพยักหน้าอย่างมีความสุข และพอใจมากที่ได้เห็นเย่ฟ่านก้าวไปถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรเซียนเทียมขั้นสองแล้ว
“เย่ฟ่าน!” ในวิหารที่ทรุดโทรม ชายคนหนึ่งเดินออกไปด้วยความตื่นเต้นมากและรีบวิ่งเข้ามาจับมือของเขา
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าก้าวขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เดินทางไปพร้อมกับโลงศพเก้ามังกรและกลับมาในอีกสิบสองปีให้หลัง เกิดอะไรขึ้น? เจ้าไม่ได้กลับไปที่บ้านของเราหรือ?”
จางเหวินฉางถามอย่างตื่นเต้น เขาคิดถึงภรรยาและลูกๆ โดยไม่สามารถลืมอดีตได้
“ไม่”
เย่ฟ่านส่ายหน้าและนั่งลงเพื่อเล่ารายละเอียดประสบการณ์ในช่วงสิบปีที่ผ่านมากับหลี่รุ่ยหยูและจางเหวินฉางฟัง
จากนั้นเขาถามเกี่ยวกับการโจมตีของกลุ่มชายลึกลับที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่
“ผู้บุกรุกนั้นผิดปกติมาก” ชายชราหลี่รุ่ยหยูกล่าว
จู่ๆ เย่ฟ่านก็ตกใจ หลี่รุ่ยหยูมีความแข็งแกร่งในระดับเซียนเทียมขั้นสามเป็นอย่างน้อย คู่ต่อสู้ที่เขาไม่สามารถจัดการได้จะมีความแข็งแกร่งในระดับใด
“ผู้ลงมือโจมตีคือสิ่งมีชีวิตโบราณรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ส่วนคนอื่นๆ ไม่ได้เข้าร่วมการโจมตีด้วย”
“เป็นไปได้อย่างไร!” เย่ฟ่านตกตะลึงเป็นอย่างมาก จะมียอดฝีมือรุ่นเดียวของเผ่าพันธุ์โบราณแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ?
ระดับพลังยุทธ์ในปัจจุบันของจางเหวินฉางยังไม่ไปถึงอาณาจักรลับสี่สุดขั้วได้ แต่ผู้อาวุโสหลี่รุ่ยหยูดูเหมือนจะกำลังเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะแล้ว เรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ
เย่ฟ่านแอบยกย่องในใจ ชายชราที่อยู่ตรงหน้านั้นคือมังกรที่เก็บซ่อนตัวเองมานานหลายร้อยปี หลังจากนี้มันจะเป็นช่วงเวลาที่เขาจะผงาดขึ้นแล้ว
“อาจารย์นี่คือคัมภีร์โบราณที่ข้าได้รับมา แต่ข้าไม่เข้าใจมันมากนักดังนั้นข้าจึงคิดจะมอบให้กับท่าน”
เย่ฟ่านหยิบคัมภีร์ม้วนหนึ่งออกมา นี่เป็นสมบัติที่องค์หญิงอู๋ตี้หญิงงามอันดับสามแห่งจงโจวมอบให้เขาเป็นการส่วนตัว ว่ากันว่านี่คือลายมือของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ แต่มันไม่เกี่ยวข้องกับทักษะการต่อสู้
เย่ฟ่านเชื่อว่าคัมภีร์โบราณนี้ไม่เหมาะกับเขา และเขาต้องการหาโอกาสที่จะมอบมันให้กับหลี่รุ่ยหยูมาโดยตลอด เพราะเขารู้สึกว่ามันคล้ายกับวิถีธรรมชาติมากเกินไป
แน่นอนว่าเมื่อชายชราหยิบคัมภีร์ขึ้นมาและศึกษาอย่างระมัดระวัง ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายสดใสและกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“แน่นอน มันถูกเขียนโดยจักรพรรดิโบราณ”
“ข้าหวังว่ามันจะช่วยให้อาจารย์พิสูจน์เต๋าได้สำเร็จ” เย่ฟ่านมั่นใจว่าคัมภีร์นี้ถูกส่งมอบให้กับคนที่เหมาะสมแล้ว
“นี่ไม่ใช่คัมภีร์วิชาฝีมือแต่เป็นบันทึกของจักรพรรดิโบราณ ข้าคิดว่านี่ถูกทิ้งไว้โดยจักรพรรดิไท่หวัง หรือไม่ก็เขียนโดยจักรพรรดิอมตะนิรันดร์กาลเพราะภาษาที่เขียนไว้เป็นภาษาโบราณไม่กี่หมื่นปีก่อน” หลี่รุ่ยหยูกล่าว
เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจที่ชายชรานั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้จริงๆ เขาสามารถหาข้อสรุปได้อย่างรวดเร็ว
“แม้ว่าคัมภีร์เล่มนี้จะไม่ได้บันทึกเนื้อหาเกี่ยวกับวิชาฝีมือไว้ แต่หากศึกษาอย่างจริงจังมันจะเป็นประโยชน์ต่อการพิสูจน์เต๋าอย่างแน่นอน” ชายชรากล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เหวินฉางข้าจะรอวันที่เจ้าจะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า” เย่ฟ่านยืนขึ้นแล้วกล่าวคำอำลาหลี่รุ่ยหยู
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ไปเยี่ยมบ้านของตระกูลจี้และแน่นอนว่าเขามาที่นี่อย่างลับๆ เพื่อสนทนากับจี้ฮ่าวเยว่เป็นการส่วนตัว
เอี๋ยนอี้ซี หลี่เทียน หลี่เหอสุ่ย และคนอื่นๆ ต่างก็อยู่ที่นี่และพวกเขาก็ตื่นเต้นมาก
“เย่จื่อน้อย เจ้าทำสำเร็จแล้ว ระฆังอู่ซือดังขึ้นเป็นเวลาสามเดือนติดต่อกันตอนนี้เผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมดเต็มไปด้วยความหวาดกลัว” หลี่เหอสุ่ยกล่าว
“บอกเราหน่อยสิว่าเจ้าสังหารสิ่งมีชีวิตอมตะจากหุบเขาเทพได้อย่างไร” หลี่เทียนกล่าว
“พี่เย่ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ตื่นขึ้นแล้วจริงๆ?” ตงฟางม่านถาม
หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยคำถาม และทุกคนยังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เย่ฟ่านอธิบายเรื่องราวโดยละเอียด สิ่งนี้ทำให้ทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้าโศก
“เรื่องราวของวีรบุรุษมักจะจบลงด้วยความตาย แต่ข้าคิดว่าผู้อาวุโสหยางอี้อาจเป็นคนที่ได้รับความเจ็บปวดมากที่สุด เหตุใดสวรรค์จึงไม่เมตตาต่อพวกเขา?” จี้จื่อเยว่พึมพำ
ในท้ายที่สุด พวกเขาทั้งหมดก็มุ่งหน้าขึ้นสู่ภาคเหนืออีกครั้ง เพราะการชุมนุมระหว่างเผ่าพันธุ์กำลังจะเริ่มต้นขึ้นที่ทะเลสาบหยก
มีข่าวลือว่าหวงซูเต๋า ฮั่วฉีจื่อ เสิ่นฉาน เทียนหวงจื่อ หยวนกู่ และยอดฝีมือรุ่นเยาว์เผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมดต่างเข้าร่วมการชุมนุมนี้
ไม่ต้องกล่าวถึงยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ซึ่งเป็นตัวหลักที่จะเข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ และที่สำคัญที่สุดคือเจ้าสารเลวต้วนเต๋อที่สร้างปัญหาให้กับเขามากมาย
ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณจึงกลายเป็นศัตรูของผู้คนทั้งโลกอีกครั้ง!
การชุมนุมใหญ่ของทุกเผ่าพันธุ์จะเริ่มต้นในอีกครึ่งเดือน แต่มีผู้บ่มเพาะจำนวนนับไม่ถ้วนมาถึงล่วงหน้าแล้ว
ในภาคเหนือถูกปกคลุมไปด้วยดินสีแดงทุกแห่งหน นี่คือทะเลทรายอันกว้างใหญ่ซึ่งมีรัศมีความยาวหลายร้านนี้ และพื้นที่สีเขียวก็มีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น
แม้ว่าทะเลสาบหยกจะตั้งอยู่ในภาคเหนือแต่สถานที่ตั้งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้กลับเต็มไปด้วยความงดงาม ในรัศมีหลายหมื่นลี้ไม่มีทะเลทรายสีแดงแทรกซึมเข้ามาแม้เพียงน้อยนิด
พื้นที่ที่ตั้งอยู่มีกลิ่นหอมของดอกไม้ และมีทิวทัศน์ที่น่ารื่นรมย์ มีความเงียบสงบของป่าไผ่ตามธรรมชาติ นี่คือสรวงสวรรค์ในดินแดนมนุษย์อย่างแท้จริง
เย่ฟ่านเคยมาที่นี่แล้วและเคยพักอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่คนแปลกหน้ากับสถานที่แห่งนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงตรงนี้เขาไม่ได้เข้าไปข้างในโดยตรง แต่อยู่ข้างนอกทะเลสาบหยกเพื่อรอให้ต้วนเต๋อปรากฏตัวขึ้น และหลังจากรอนานถึงแปดวันในที่สุดเจ้าอ้วนต้วนก็มาจริงๆ
เย่ฟ่านกัดฟันด้วยความเกลียดชัง เขาเห็นร่างกายของตัวเองสวมชุดหล่อเหลาสีม่วงประดับดิ้นทอง รอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้านั้นดูน่ารังเกียจอย่างยิ่ง
“ไอ้สารเลว!”
ต้วนเต๋อเดินเข้ามาในทะเลสาบหยกโดยไม่คิดจะอำพรางสิ่งใดราวกับต้องการประกาศว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณได้มาถึงทะเลสาบหยกแล้ว
“เจ้าอ้วน!”
เย่ฟ่านตะโกนด้วยความโกรธและทำให้ต้วนเต๋อหวาดกลัวเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ปั้นรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าและกล่าวว่า
“เจ้าจะดุร้ายไปเพื่ออะไร สิ่งที่ข้าทำนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของเจ้าเท่านั้น”
“นั่นคือร่างกายของข้า ไสหัวไปให้พ้น!”
เจ้าอ้วนต้วนเดินเข้ามาใกล้และกระซิบเบาๆ ว่า “เจ้าจะตีข้าหรือ เอาสิ รีบลงมือ”
“ต้วนเต๋อ นี่คือร่างกายของข้า”
เย่ฟ่านคว้าคอเสื้อของเขาด้วยความโกรธ เขาอยากจะทุบตีเจ้าอ้วนนี้ให้ร่ำร้องหาบิดามารดา อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำสิ่งใดได้ นั่นก็เพราะนี่คือร่างกายของเขาเอง
ทะเลสาบหยกล้อมรอบด้วยยอดเขาอันเป็นมงคล ดินอันเป็นมงคลนั้นมาพร้อมกับเมฆหลากสีสัน และทะเลสาบอันงดงามหมอกสีขาวที่ปกคลุมสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นหนาทำให้ทะเลสาบหยกงดงามราวกับดินแดนในความฝัน
“ในงานที่ยิ่งใหญ่นี้ ทุกเผ่าพันธุ์โบราณจะมาชุมนุมกันอยู่ที่นี่ เจ้าจะขัดแย้งกับข้าตั้งแต่การชุมนุมยังไม่เริ่มต้นขึ้นหรือ?” ต้วนเต๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เย่ฟ่านก้มศีรษะลงและบังคับแย่งชิงร่างกายของตัวเองคืนอย่างเงียบๆ
“ให้ข้าครอบครองร่างกายของเจ้าชั่วคราวอย่างน้อยข้าจะได้เป็นปากเป็นเสียงให้กับเจ้า ไม่ต้องกังวล กฎข้อแรกของการชุมนุมนี้คือไม่อนุญาตให้ฆ่ากันไม่ว่าจะมีความขัดแย้งมากเพียงใดก็ตาม” ต้วนเต๋อต่อต้านอย่างสุดกำลัง
เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจ ชายอ้วนคนนี้คาดเดาไม่ได้จริงๆ นี่คือร่างกายของเขาเองแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถผลักดันวิญญาณของต้วนเต๋อออกไปได้
“ข้าจะคืนให้เจ้าทีหลัง สถานที่นี้ไม่เหมาะ” ต้วนเต๋อยิ้มและกล่าวว่า “อย่าเสียความพยายามของเจ้า เพราะสุดท้ายแล้วนักพรตผู้น่าสงสารคนนี้มีวิธีการมากมายที่จะยึดร่างกายของเจ้าตลอดไป หากข้าไม่คืนให้เจ้าจะไม่มีวันทำอะไรได้เลย”
……..