บทที่24
ผีสาวสูดลมหายใจ ระงับอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านในตอนนี้
“ฉันชื่อเฉินเหยา แล้วฉันก็เคยเป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยนี้มาก่อน สำหรับความคับข้องใจก่อนตาย ต้องย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน”
เมื่อเฉินเหยาเริ่มเล่าเรื่องของตัวเอง หลิวเฉิงก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้สบาย
การนั่งฟังเรื่องเล่าผีในหอพักหญิงตอนกลางคืน มันเป็นเหมือนรสชาติพิเศษที่หาได้ยาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉินเหยาเล่าเรื่องราวของเธอ หลิวเฉิงก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้ใส่ชุดแดงได้
เฉินเหยาเป็นนักศึกษาปีสอง มีความฉลาดและเรียนเก่ง อีกอย่างเธอยังเป็นดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยด้วย เธอเล่าว่าเธอสวยแต่หลิวเฉิงไม่รู้ว่าเธอโม้หรือเปล่า
เรื่องทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นเพราะความงามของเธอเอง
อดีตที่ปรึกษาของเฉินเหยา ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนอายุ 35 ปี ต้องการนอนกับเธอ ไม่อย่างนั้นเขาจะกดเกรดเธอแล้วไม่ให้เฉินเหยาเรียนจบ
สำหรับผู้หญิงที่มาจากครอบครัวยากจน หากเธอเรียนไม่จบ เธอก็จะหางานดี ๆ ไม่ได้ ความพยายามตลอดชีวิตของพ่อแม่ที่ส่งเสียเธอจะสูญเปล่าและชีวิตที่มีความสุขของเธอและครอบครัวก็จะหายวับไปทันที
ทว่าเฉินเหยาเป็นกรณีพิเศษ เธอเข้มแข็ง น่าจะพูดได้ว่าเธอเป็นประเภทข้างนอกอ่อนโยน ข้างในแข็งกระด้างและเมื่อตอนที่เธอได้ถูกที่ปรึกษาเรียกไป เฉินเหยาก็ได้อัดเสียงของที่ปรึกษาแล้วใช้มันเพื่อขู่ที่ปรึกษาเรื่องอยากเลิกทำเรื่องอย่างว่าเสียที
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมที่อาจารย์ที่ปรึกษาของเฉินเหยาต้องยอมแพ้และตกลงกับเธอ พอลับหลัง ที่ปรึกษาคนนั้นก็ได้ผลักหญิงสาวลงบันไดทีเผลอ
โชคร้ายที่เวลานั้นมันเป็นเวลากลางคืน แถมทั้งสองคนยังขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยกัน ทำให้ไม่มีทั้งกล้อง ไม่มีทั้งพยานและไม่มีหลักฐานทางกายภาพเป็นชิ้นเป็นอัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหยื่ออย่างเฉินเหยาดันตายไปเสียก่อน อันที่จริงมีเรื่องน่าแปลกที่เฉินเหยาเล่าให้หลิวเฉิงฟัง เรื่องลายนิ้วมือที่อยู่ ๆก็หายไปจากเสื้อที่ปรึกษาในวันที่เฉินเหยาตาย
ในเวลานั้น ข่าวเรื่องการตายก็ถูกลือไปทั่วมหาวิทยาลัย แม้แต่ชั้นเรียนของเฉินเหยาและอาจารย์ก็ยังถูกสอบสวน แน่นอนว่าตำรวจขาดหลักฐาน คดีนี้จึงไม่ได้รับการยื่นฟ้องและคดีก็จบลงอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างอยู่ในสายตาเฉินเหยาที่ตายไปทุกอย่าง ด้วยความที่ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ เธอก็ยิ่งไม่พอใจ ความแค้นของเธอก็เพิ่มขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ๆ จนกลายเป็นผีร้ายเหมือนทุกวันนี้
“ในเมื่อเธอก็รู้ว่าศัตรูของเธอคือที่ปรึกษา แล้วทำไมเธอไม่ไปแก้แค้นเขาแทนล่ะ หรือว่าทำไม่ได้” หลิวเฉิงขมวดคิ้วมุ่น
“ฉันอยากไปหาไอ้สารเลวนั่นนะ แต่หลังจากที่ฉันตายไปมันก็แสร้งทำเป็นรับไม่ได้แล้วลาออกไป จากนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหนแล้ว โลกนี้มันกว้างใหญ่ ฉันไม่รู้ว่าจะหาเขาเจอได้ยังไง”
“ยิ่งไปกว่านั้น อันที่จริงหลังจากฉันตายไปสองปีแรก พลังของฉันยังไม่กล้าแข็งขนาดนี้ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะออกมาตอนกลางคืนด้วยซ้ำ จนปีนี้ ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกว่าพลังหยินเพิ่มมากขึ้น พลังก็แข็งแกร่งมากกว่าเดิม ดังนั้นฉันก็อยากใช้โอกาสนี้แก้แค้นเขาอีกครั้ง” เฉินเหยาอธิบายช้า ๆ
“ก็นะ ฉันได้ยินมาว่าด้านนอกมหาวิทยาลัยนั่นมีนักบวชลัทธิเต๋าที่สามารถจับผีได้ด้วย กอปรกับตอนกลางวันฉันไม่กล้าออกไปไหนเลยอยู่แต่ในโรงเรียน พยายามหาคนมาช่วยแก้แค้นให้”
“ตามหาคนแก้แค้น? เธอดูหนังเยอะใช่ไหมเนี่ย?” หลิวเฉิงอมยิ้ม
หาคนแก้แค้น? อย่าว่าแต่คนธรรมดามองไม่เห็นเลย ต่อให้มองเห็น เขาก็กลัวเธอ
แล้วเท่าที่หลิวเฉิงนึกออก นักบวชเต๋าที่เขาเคยพบที่ทำงานเก่า หากพวกเขาเจอเฉินเหยา พวกเขาก็สามารถส่งเธอไปเกิดได้ภายในไม่กี่นาทีแน่นอน
ไม่สิ ไม่ใช่เกิด ต้องบอกว่าเป็นการทำให้วิญญาณของเธอแตกสลายต่างหาก
ไม่ใช่คนที่เห็นผีทุกคนจะมีอารมณ์ขัน ยอมพูดคุยเหมือนกับหลิวเฉิง
เฉินเหยาได้ยินก็พูดไม่ออก
เธอเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกันนั่นแหละ
หลังจากที่เธอได้พบหลิวเฉิง เธอก็รู้ว่าสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ผี
แต่เป็นคนนี่แหละที่น่ากลัวกว่า
คนอื่นก็แล้วกันไปเถอะ แต่คนตรงหน้านี้นี่แหละตัวปัญหา แถมยังน่าไม่อายด้วย ถ้าหากทำได้ เฉินเหยาไม่อยากจะเจอหลิวเฉิงอีกตลอดไปเลย
อีกฝ่ายทั้งน่ากลัวและอ่านใจไม่ออก
ทว่าพอเฉินเหยามาคิด ๆ ดูแล้ว แม้ว่าหลิวเฉิงมักจะโมโหและขู่เธอ แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าตจะทำอะไรรุนแรงกับเธอ ยกเว้นก่อนหน้านี้ตอนที่เพิ่งจะเจอกัน หลังจากนั้นเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรเธออีกเลย
‘หรือว่าเขาจะช่วยฉันได้นะ?’ เฉินเหยาเริ่มมีความหวังริบหรี่ในใจ
แม้ว่าความหวังจะไม่สูงนัก แต่ว่านี่เป็นโอกาสเดียวในชีวิตของเธอ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เฉินเหยาก็ได้ตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา สีหน้าของเธอจริงจังมากจนหลิวเฉิงกลืนน้ำลาย “นาย ช่วยฉันหน่อยได้หรือเปล่า?”
“ไม่ได้!”
“……” เฉินเหยาพูดไม่ออก อีกฝ่ายไม่ได้คิดก่อนตอบด้วยซ้ำไป
“อย่ามามองฉันแบบนั้นสิ ฉันก็แค่อยากฟังเรื่องราวของเธอเท่านั้น... คืนนี้ฉันคงหลับสบายแล้วล่ะนะ” หลิวเฉิงชูมือขึ้นฟ้าเพื่อคลายกล้ามเนื้อ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นช้า ๆ
ที่เขาบอกว่าไม่ หมายความว่าไม่ช่วยจริง ๆ
เฉินเหยาไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตัวเขา เขาไม่ได้ฆ่าเฉินเหยาเพื่ือสั่งสมแต้มบุญ แค่นั้นก็ถือว่าดีแล้ว
ไม่อย่างนั้น วิญญาณเฉินเหยาคงแตกสลายไปตั้งแต่ที่เขาถามอีกฝ่ายจบไปสักครู่นี้
‘ไม่สิ... หรือว่าควรจะช่วยดี?’
หลิวเฉิงชะงักไปครู่หนึ่งแล้วมองไปที่เฉินเหยาด้วยสายตาอ่านไม่ออก และแล้วทันใดนั้น เขาก็คิดวิธีฆ่านกสองตัวได้ด้วยมือเปล่า
‘เยี่ยม... น่าจะเป็นวิธีที่ดีนะ!’