บทที่ 224: กฎเกณฑ์ข้อบังคับพิเศษสำหรับโหลวเฉิงที่อัปเกรดแล้ว!
พวกไป่ฮวากู่ที่นอนอยู่บนเปลสนามต่างก็กรีดร้องเสียงหลงในเงื้อมมือของแพทย์ทหารเชิ่งหลง
ถังเจิ้นที่เห็นแบบนั้นก็มุมปากกระตุกยิก ๆ พวกนักสู้เชิ่งหลงที่เห็นก็มีสีหน้าเศร้าหมองด้วยเหมือนกัน
เพราะเมื่อตอนที่ไวเวิร์นสี่ขาโจมตีเมืองเหล่านักสู้เชิ่งหลงต่างก็ชัดแจ้งถึงความไร้มนุษยธรรมของไอ้พวกแพทย์ทหารปลอมเหล่านี้
ตอนนั้นคนที่แค่หน้าท้องโดนข่วนโดนจับพันเป็นมัมมี่ทั้งเป็นแค่จะกระดิกนิ้วยังทำไม่ได้
เพื่อน ๆ ที่ช่วยแบกหามกลับบ้านก็หัวเราะเยาะไปตลอดทางทำให้ไอ้คนที่เป็นมัมมี่ที่บาดเจ็บเล็กน้อยต้องรู้สึกเจ็บแค้นและอับอายอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
คนในย่อมรู้เรื่องข้างใน หลังจากที่หายเจ็บแล้วทุก ๆ คนก็ไม่กล้าที่จะให้ตัวเองบาดเจ็บอีกเลยเพราะกลัวจะต้องไปรบกวนไอ้พวกบ้าบอ
และก็โชคดีมาก ๆ ที่การต่อสู้ครั้งนี้ผู้บาดเจ็บ 100% เป็นชาวไป่ฮวากู่ ไม่อย่างนั้นฝ่ายเชิ่งหลงเองจะต้องทนทุกข์ทรมานกับความไร้มนุษยธรรมให้ได้อับอายขายขี้หน้ากันอีกครั้ง และคราวนี้ยังเป็นต่อหน้าโหลวเฉิงแห่งอื่นอีกด้วย!
หลังจบศึกก็ได้เวลาเคลียร์สนามรบ
ในที่สุดครั้งนี้ฝ่ายไป่ฮวากู่ก็ได้โอกาสร่วมเคลียร์สนามรบด้วยซักที เพียงแต่เมื่อเทียบกันแล้วผลประกอบการไม่อาจสู้กับเศษเสี้ยวของเมืองเชิ่งหลงได้เลยก็เท่านั้น
เจ้าเมืองไป่ฮวากู่ได้เดินเข้ามาพูดกับถังเจิ้นด้วยน้ำเสียอิจฉา “เมืองเชิ่งหลงไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ฉันคิดว่าอีกไม่นานเมืองเชิ่งหลงจะได้อัปเกรดอีกครั้งแล้วสินะ”
ถังเจิ้นพยักหน้า เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ ยอมรับมันไปเลยตรง ๆ ก็ไม่เสียหาย
เจ้าเมืองไป่ฮวากู่เห็นดังนั้นก็ถอนหายใจ สายตาก็ทอดมองกองทหารที่ติดอุปกรณ์อย่างครบครันแทบจะยันซอกขี้ฟันแล้วก็ยิ่งอิจฉา “เจ้าเมืองเชิ่งหลงช่างโชคดีจริง ๆ ที่มีอาวุธดี ๆ มากมายขนาดนี้ ในพื้นที่แถบนี้คงไม่มีกองกำลังไหนสามารถหยุดการผงาดของคุณได้แล้วล่ะ!”
ถังเจิ้นเหลือบมองเธอนิดหน่อยก่อนจะตอบกลับน้ำเสียงจริงจังว่า “ที่คุณพูดก็ไม่ถูกซะทีเดียว ในแดนทุรกันดารอันไร้สิ้นสุดนี้พื้นที่แถบนี้มันแค่เล็กกระจ้อยร่อยจนไม่อาจหยุดเมืองเชิ่งหลงได้ก็แค่นั้น”
เจ้าเมืองไป่ฮวากู่หันเราะหึ ๆ แล้วพูดว่า “เจ้าเมืองเชิ่งหลงช่างทะเยอทะยานนัก ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าเมื่อคุณตีเมืองของพวกซากศพสำเร็จแล้วเมืองเชิ่งหลงมีแผนที่จะขยายผลการต่อสู้จนถึงขั้นทำลายเมืองเล็ก ๆ อย่างหุบเขาผกาขาวของเราจนราบเป็นหน้ากลองด้วยเลยหรือไม่”
แสงเย็นส่องประกายในดวงตาของถังเจิ้น “แล้วคุณคิดยังไงล่ะ”
เจ้าเมืองไป่ฮวากู่ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เมืองเชิ่งหลงของคุณทรงพลังมากจึงหลีกเลี่ยงเรื่อยการอัปเกรดและขยายดินแดนไม่ได้ แต่เพราะแบบนี้เผ่าแรกที่ต้องเจ็บตัวก็เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เราเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
เจ้าเมืองเชิ่งหลงผู้กล้าแกร่ง รู้หรือไม่ว่าสถานการณ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เราเป็นยังไงบ้าง?
ถ้าจะบอกว่าแทบจะสูญพันธุ์อยู่แล้วก็ไม่ใช่พูดเกินจริงเลยแม้แต่น้อย!”
เจ้าเมืองไป่ฮวากู่พูดจบก็หันหน้ามามองถังเจิ้นอย่างลึกซึ้งและพูดต่อว่า “แดนทุรกันดารกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตก็จริง แต่ภาพฉากอย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ เป็นอยู่นี้กลับหาได้ยากนัก
พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกเผ่าพันธุ์อื่นปกครอง ซึ่งสถานที่เหล่านั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่มีแม้แต่พื้นที่ให้เอาตัวรอด
ตรงกันข้ามกับที่นี่ แม้ว่าจะมีมอนสเตอร์ออกอาละวาดอยู่บ่อย ๆ แต่เผ่าพันธุ์มนุษเรากลับมีโอกาสที่จะอยู่รอดได้ซะอย่างนั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าโดยแท้!”
ถังเจิ้นที่เงียบฟังมาตลอดก็รีบถามขึ้นทันทีว่า “ผมได้ยินมาว่ามีโหลวเฉิงของเผ่าพันธุ์มนุษย์เราอยู่ห่างจากที่นี่ไปอีกหลายพันไมล์นี่จริงมั้ย”
เจ้าเมืองไป่ฮวากู่ได้ยินคำถามก็ประหลาดใจ จากนั้นก็ยิ้มตอบ “เจ้าเมืองเชิ่งหลงฉลาดหลักแหลมยิ่ง ดูท่าจะเริ่มเดาความเป็นมาของฉันได้บ้างแล้วสินะ
ถูกต้อง ห่างจากที่นี่ไปหลายพันไมล์มีโหลวเฉิงเลเวลเก้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์เราอยู่ โหลวเฉิงแห่งนั้นมีนามว่าจ้านเทียน (สงครามสวรรค์) ซึ่งสืบสานกันมานับพัน ๆ ปีแล้วและมีความแข็งแกร่งที่ไม่ใช่ธรรมดา
สาเหตุที่บรรพชนก่อตั้งได้ให้ชื่อโหลวเฉิงว่าจ้านเทียนนั้นก็เพื่อเตือนคนรุ่นหลัง ว่าการต่อสู้กับฟ้าดินสู้กับสวรรค์และปฐพีเท่านั้นที่จะทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราอยู่รอดภายใต้สายตาโลภมากของเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ไม่รู้เท่าไหร่เหล่านั้นได้!
ไม่ทราบว่าเจ้าเมืองเชิ่งหลงรู้หรือไม่ว่าเมืองจ้านเทียนเองก็ยังคงถูกศัตรูที่ทรงพลังอย่างมากล้อมกรอบ พื้นที่โดยรอบของเมืองจ้านเทียนมีโหลวเฉิงต่างเผ่าถึงห้าแห่งล้อมไว้อยู่
หากไม่ใช่เพราะสืบสานรากฐานกันมาเป็นเวลานับปีไม่ถ้วนกับเหล่าผู้เสียสละชีวิตเพื่อให้เผ่าพันธุ์มนุษย์เราได้เดินหน้าต่อ เมืองจ้านเทียนคงถูกเผ่าพันธุ์พวกนั้นทำลายล้างไปแล้ว ชาวเมืองนับสิบล้านคงจะเหลือเพียงแค่กองกระดูกแห้ง ๆ เท่านั้น!”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ถังเจิ้นก็ได้ถามต่อว่า “ในเมื่อคุณรู้เรื่องโหลวเฉิงที่อยู่ห่างไกลขนาดนั้นได้แปลว่าคุณเองก็ต้องมาจากที่นั่นเหมือนกัน และผมมีคำถามหนึ่งอยากจะถามซึ่งก็หวังว่าคุณจะยอมตอบ”
“เชิญเจ้าเมืองเชิ่งหลงถามมาเถอะ หากฉันรู้ก็จะตอบให้ทุกอย่าง”
ถังเจิ้นพยักหน้าขอบคุณแล้วถามว่า “เท่าที่ผมรู้มาเมื่อมอนสเตอร์เลื่อนไปถึงระดับลอร์ดแล้วพวกมันจะกลายเป็นเสมือนของหายาก ไม่ทราบว่าเมืองจ้านเทียนไปได้ลูกปัดสมองระดับสูง ๆ แบบนั้นเป็นจำนวนมากจากไหน?
แล้วเมืองจ้านเทียนได้ถือครองอาวุธที่เมืองเชิ่งหลงเรามีด้วยมั้ย?”
หลังจากถังเจิ้นถามเสร็จก็รอคำตอบของเจ้าเมืองไป่ฮวากู่
“คำถามสองข้อที่คุณถามมาไม่ใช่ความลับอะไร ฉันค่อนข้างจะรู้แจ้งอยู่สามารถตอบให้ได้ แต่... เจ้าเมืองเชิ่งหลงจะไม่พูดอะไรเพิ่มเติมซักหน่อยเหรอ?”
เจ้าเมืองไป่ฮวากู่ส่งสายตายิ้ม ๆ ให้ถังเจิ้น
ถังเจิ้นส่ายหัวและพูดเบา ๆ ว่า “ถ้าไม่ใช่ความลับงั้นต่อให้คุณไม่บอกไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวผมก็ต้องรู้อยู่ดี เพราะงั้นอย่าใช้เรื่องแค่นี้มาหาผลประโยชน์กับผมเลยจะดีกว่า”
เจ้าเมืองไป่ฮวากู่กลอกตาแล้วพึมพำ “ขี้เหนียว” ก่อนจะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เต็มใจตอบว่า “ความมหัศจรรย์ของโลกนี้อยู่ไกลเกินกว่าคุณจะจินตนาการออก หากยังไปไม่ถึงระดับนั้นก็จะไม่มีทางเชื่อได้เลยว่ามันจะมีกฎเกณฑ์แบบนั้นอยู่ด้วย
เมื่อโหลวเฉิงก้าวขึ้นเป็นเลเวลห้าแล้วจะสามารถเดินทางข้ามไปยังต่างโลกได้ โดยมันจะมีประตูมิติเชื่อมต่อกับโลกใดโลกหนึ่งซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นที่แบบไหนจนกว่าจะเข้าไปดู โดยในโลกนั้นจะเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ระดับสูงที่น่ากลัวหลากหลายชนิดอยู่มากมายและจะสามารถพบเจอกับมอนสเตอร์เลเวลหกได้ทั่วไปในทุก ๆ พื้นที่!
แต่... กระนั้นก็ยังมีเพิ่มเติมอยู่ นั่นคือจะมีโหลวเฉิงแห่งอื่น ๆ ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งที่ถึงเลเวลห้าเหมือนกันมีคุณสมบัติเข้าไปยังโลกแห่งนั้นได้เช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเกิดการแข่งขันแย่งชิงลูกปัดสมองของมอนสเตอร์ระดับลอร์ดขึ้นภายในโลกนั้น ๆ
เมื่อโหลวเฉิงแห่งหนึ่งในนั้นสามารถเลื่อนเป็นเลเวลหกได้สำเร็จ โหลวเฉิงแห่งอื่น ๆ ที่เหลือจะมีประตูมิติเปิดขึ้นเพื่อให้ส่งกองกำลังผ่านมิติเข้าโจมตีโหลวเฉิงเลเวลหกหน้าใหม่ดังกล่าวแทนที่มอนสเตอร์ปิดล้อมเมือง
มันเป็นการต่อสู้ที่โหดร้ายอย่างมากซึ่งจะไม่จบลงจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะพ่ายแพ้
หากฝ่ายป้องกันเมืองเป็นฝ่ายชนะก็จะสามารถยึดสินสงครามจากผู้แพ้ซึ่งเป็นกองกำลังผสมจากหลาย ๆ ที่และจะก่อให้เกิดความร่ำรวยในชั่วข้ามคืน!
หากฝ่ายโจมตีชนะก็จะสามารถแบ่งทรัพย์สินของโหลวเฉิงเลเวลหกหน้าใหม่นั้นได้ เมื่อสงครามจบแล้วประตูมิติก็จะปิดลงและรอให้โหลวเฉิงเลเวลห้าหน้าใหม่เข้าร่วมศึกแย่งชิงลูกปัดสมองในโลกแห่งนั้นโดยจะเริ่มนับเป็นการแข่งขันรอบใหม่!”
เป็นข้อมูลที่ถังเจิ้นต้องตกตะลึงพรึงเพริดไปเลยจริง ๆ เขาไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าก่อนที่จะเลื่อนเป็นโหลวเฉิงเลเวล 6 มันจะต้องเจอกับเรื่องมหัศจรรย์บ้าบอขนาดนั้นด้วย!
หากไม่ได้ข้อมูลจากปากเจ้าเมืองไป่ฮวากู่ล่ะก็พวกถังเจิ้นต้องคำทางหาเมื่อประตูมิติปรากฏหลังจากที่อัปเกรดโหลวเฉิงเป็นเลเวล 5 และอาจจะต้องมีการสูญเสียครั้งใหญ่โตมโหฬารเลยก็เป็นได้
บุญคุณครั้งนี้ไม่ใช่กระจอก ถังเจิ้นได้ทดไว้ในใจแล้วว่าซักวันจะตอบแทนเธอแน่นอน
เมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของถังเจิ้นเจ้าเมืองไป่ฮวากู่ก็หัวเราะหึ ๆ แล้วพูดต่อว่า “ส่วนที่คุณถามว่าเมืองจ้านเทียนมีอาวุธแบบที่เมืองเชิ่งหลงมีหรือไม่นั้นก็ขอตอบให้ชัด ๆ เลยว่ามีแน่นอน
แต่ว่ามันก็มีจำนวนจำกัด โดยพื้นฐานแล้วจะได้มาจากเย่โหลว (อาคารป่า) ซึ่งเอามาใช้เป็นอาวุธหลักเหมือนอย่างที่คุณทำอยู่ไม่ได้
นอกจากอาวุธประเภทนี้แล้วยังมีอาวุธแปลก ๆ อื่น ๆ อีกมากมายที่คุณไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ซึ่งได้มาจากเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ในแดนทุรกันดารหรือไม่ก็จากเย่โหลว และแต่ละอย่างก็ล้วนมีพลังที่แตกต่างกันไป!”
“สิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายในโลกนี้อยู่ไกลเกินกว่าที่คุณจินตนาการถึงนัก!”