ตอนที่ 609 เทวาพิโรธ
ตอนที่ 609 เทวาพิโรธ
กฎแห่งสสารคุกพิฆาต 3 ชั้น!
พื้นดินถูกควบคุมโดยกฎแห่งสสารขังร่างของเซี่ยเฟยเอาไว้ด้านในอย่างแน่นหนา
“เขาติดกับง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ?” ผู้มาใหม่ทั้งสี่คนรีบมารวมตัวกันใกล้ ๆ คุกดินอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ชายผิวแดงจะอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ตระกูลของฉันพัฒนาพลังเกี่ยวกับการตรวจจับศัตรูและคุมขังศัตรูเอาไว้มาโดยตลอด สาเหตุที่เขาถูกจับง่าย ๆ นั่นก็เพราะว่าฉันเก่งต่างหากล่ะ” ฉินเป่าเอ๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
อย่างไรก็ตามจู่ ๆ มันก็ได้มีใบหญ้าสีฟ้าทะลวงผ่านคุกดินของเธอออกมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ก่อนที่ใบหญ้าใบหนึ่งจะมัดรอบคอของเธอเอาไว้ ขณะที่ใบหญ้าอีกใบโอบรัดร่างของเธอเอาไว้แน่น
การถูกรัดด้วยใบหญ้าสีฟ้าอย่างฉับพลันทำให้หญิงสาวพยายามดิ้นรนอย่างทุรนทุราย และมันก็ทำให้ลิ้นสีชมพูของเธอเริ่มยื่นออกมาจุกปากคล้ายกับคนที่เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจอย่างฉับพลัน
แน่นอนว่าใบหญ้าสีฟ้านี้ย่อมไม่ใช่ใบหญ้าที่ไหน แต่มันคือใบหญ้าของหงส์ครามผู้ซึ่งเป็นอาวุธมายาที่ดื้อรั้นที่สุดในจักรวาล
ฉึก!
ใบดาบสามคมพุ่งทะลุคุกดินเจาะทะลุหน้าอกฉินเป่าเอ๋ออย่างฉับพลัน ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ต่างก็ล้วนแล้วเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และก่อนที่สหายของเธอทั้งสามคนจะทันได้เคลื่อนไหว ร่างของหญิงสาวก็ถูกสูบเลือดจนกลายเป็นมัมมี่ไม่เหลือร่องรอยของการมีชีวิตอีกต่อไป
“เป่าเอ๋อ!” ชายจมูกเหล็กกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ และเนื่องมาจากจมูกของเขาไม่สามารถใช้การได้ เสียงของเขาจึงดูค่อนข้างจะแปลกไปจากเสียงของผู้ชายโดยทั่วไปมาก
เมื่อชายหนุ่มทั้งสามคนเริ่มตอบสนองพวกเขาก็รีบลงมือจู่โจมเข้าใส่หงส์ครามในทันที จนทำให้คุกดินเริ่มพังทลายและก่อให้เกิดฝุ่นควันหนาทึบไปทั่วทั้งบริเวณ
ทั้งสามรีบถอยหลังกลับไปตั้งหลักตามสัญชาตญาณ โดยพวกเขาได้แยกกันออกไปล้อมรอบศัตรูเอาไว้เป็นรูปพัด
ฝ่ามือใบไม้ร่วง!
เซี่ยเฟยพุ่งตัวออกไปจากกลุ่มควันด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะประทับฝ่ามือเข้าใส่ร่างของชายอ้วนที่ดูอ่อนแอมากที่สุด
ผัวะ!
เมื่อร่างของชายอ้วนสัมผัสเข้ากับฝ่ามือที่แผ่วเบาร่างของเขาก็ล้มลงไปบนพื้นในทันที โดยที่หน้าอกของเขาคล้ายกับถูกกระทบด้วยกระสุนปืนใหญ่ มันจึงก่อให้เกิดรูวงกลมขนาดใหญ่กลายเป็นบาดแผลที่น่าสยดสยอง
บลัดบิวเทียสเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วผ่าศีรษะของชายอ้วนให้แยกออกเป็นสองส่วน พร้อมกับดูดกลืนเลือดภายในร่างของอีกฝ่ายเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากว่าในครั้งนี้ยังมีศัตรูเหลืออยู่อีกสองคน เซี่ยเฟยจึงไม่ได้ปล่อยให้บลัดบิวเทียสดูดกลืนเลือดจนหมดร่างเหมือนกับที่เคยทำในก่อนหน้านี้
เมื่อผู้ตรวจสอบอย่างฉินเป่าเอ๋อเสียชีวิตไปแล้วผืนป่าขนาดใหญ่จึงได้กลายเป็นสถานที่ที่หลบซ่อนที่ดีที่สุดของเซี่ยเฟย และเมื่อเขาได้กลับไปใช้วิชาพรางจิตประกอบกับความเร็ว ชายหนุ่มจึงไม่จำเป็นจะต้องกลัวการถูกล้อมจากศัตรูทั้งสองคนอีกต่อไป
ในช่วงเวลาที่ศัตรูกำลังประมาทเซี่ยเฟยได้ทำการสังหารศัตรูไปถึงสองคนในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา และทำให้สถานการณ์อันสุ่มเสี่ยงจาก 4 ต่อ 1 ได้เปลี่ยนเป็นการเผชิญหน้ากับศัตรูเพียงแค่ 2 ต่อ 1 เท่านั้น
การลงมืออย่างฉับพลันของเซี่ยเฟยทำให้ชายผิวแดงกับชายจมูกเหล็กตัดสินใจหันหลังชนกัน พร้อมกับเตรียมตั้งรับอย่างระมัดระวังโดยไม่คิดที่จะประมาทศัตรูอีกต่อไป
“คนผิวแดงคืออัศวินกฎผู้ใช้กฎแห่งมิติระดับสูง ส่วนคนที่มีจมูกเหล็กยังไม่ได้เปิดเผยพลังของตัวเองออกมา แต่พวกเขาก็น่าจะมีความแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่ากัน” อันธพยายามวิเคราะห์สถานการณ์
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับโดยที่ยังซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้และสังเกตุดูท่าทีของศัตรู
“เป่าเอ๋อ!! ไม่นะเป่าเอ๋อของฉัน!!” ชายจมูกเหล็กยังคงคร่ำครวญอย่างเสียใจ หลังจากที่ได้เห็นการจากไปของหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม
“หยุดโหยหวนได้แล้ว! เมื่อกี้ทันเห็นไหมว่าศัตรูเป็นใคร?” ชายผิวแดงกล่าวถามอย่างเคร่งเครียด
“ไม่เห็น เหตุการณ์เมื่อกี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปและฝุ่นก็เยอะมากจนมองอะไรไม่เห็นเลย”
ชายจมูกเหล็กกัดฟันตอบอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ โดยเฉพาะเมื่อเขาไม่สามารถระบุศัตรูที่สังหารสหายได้มันยิ่งทำให้เขารู้สึกรำคาญใจมากยิ่งขึ้น
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบไม่ไหวติง เพราะเมื่อมีโอกาสเขาจะเริ่มจู่โจมโดยไม่ลังเล แต่ถ้าหากว่าทั้งสองคนยังคงระวังตัวอยู่ตลอดเวลาเขาก็พร้อมที่จะจากไปได้ทุกเมื่อด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็ยังคงเลียริมฝีปากอย่างติดใจกับรสชาติพลังงานที่เพิ่งได้รับมาเมื่อสักครู่นี้ ซึ่งถ้าหากว่าเป็นไปได้เขาก็ต้องการสังหารศัตรูทุกคน เพราะพลังงานจากอีกฝ่ายนั้นสามารถที่จะทำให้เขาพัฒนาระดับพลังต่อไปได้
ทันใดนั้นเองมันก็ได้มีสายลมแรงพัดเข้ามาภายในป่า ทำให้แม้แต่ต้นไม้ที่สูงตระหง่านหลายร้อยเมตรก็ยังต้องสั่นไหว
“แย่แล้ว! ซูบูหยานกำลังมาทางนี้!!” ชายผิวแดงอุทานขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เพราะชายที่กำลังตามไล่ล่าพวกเขามาอยู่นั้นแข็งแกร่งกว่าเซี่ยเฟยที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่มาก พวกเขาจึงรีบหนีไปในทันทีโดยไม่ได้รู้สึกลังเลใจเลยแม้แต่นิดเดียว
พริบตาต่อมามันก็มีหนามโลหะแหลมพุ่งขึ้นจากพื้นไปในอากาศ ซึ่งหนามนี้เกิดขึ้นมาจากพลังของกฎแห่งสสารที่มีความซับซ้อนในระดับที่สูงมาก
หนามโลหะนับร้อยเคลื่อนที่อย่างแม่นยำปิดกั้นเส้นทางการหลบหนีของทั้งสองคนเอาไว้ ซึ่งการปรากฏตัวของพลังปริศนานี้ก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกขนลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะวิธีการเคลื่อนไหวของหนามโลหะคล้ายกับวิชาเล่ห์สังหารของเขา
“สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการใช้พลังของกฎคือการสร้างพลังออกมาอย่างเงียบงันและไม่ทำให้เหยื่อได้ทันตั้งตัว คนที่ใช้พลังนั้นค่อนข้างที่จะน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย” โอโร่กล่าว
เมื่อเซี่ยเฟยมองไปยังชายทั้งสองคนนั้นอีกครั้ง เขาก็ได้พบว่าชายจมูกโลหะถูกหนามแหลมแทงทะลุทั้งตัวเรียบร้อยแล้ว และถึงแม้ว่าชายผิวแดงจะพยายามเทเลพอร์ตหลบหนี แต่เขาก็ถูกหนามทิ่มแทงเข้าที่ขาซ้ายจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่และมีเลือดไหลออกมาเป็นทาง
ในที่สุดชายผิวแดงก็ตัดสินใจใช้กฎแห่งมิติปิดปากแผลของตัวเองเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหล จากนั้นเขาก็หันหลังไปเผชิญหน้ากับศัตรูคล้ายกับว่าเขาตัดสินใจที่จะลองต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับฝ่ายตรงข้าม
พริบตาต่อมานักรบผู้สวมหน้ากากก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ โดยท่าเดินของเขาดูแปลกประหลาดอยู่เล็กน้อยคล้ายกับว่าเขาคอยลากขาข้างหนึ่งอยู่ตลอดเวลา
หน้ากากที่เขาสวมใส่อยู่นั้นเป็นเพียงหน้ากากโลหะธรรมดาไม่ใช่อุปกรณ์ที่มีตัวช่วยอื่นใด ชุดที่เขาสวมใส่ก็เป็นเพียงแค่ชุดเสื้อผ้าธรรมดาไม่ได้สวมใส่ชุดต่อสู้เอาไว้เหมือนกับนักรบคนอื่น ๆ
สำหรับผู้ที่ใช้กฎแห่งสสารแล้ววิธีการแต่งตัวแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะพวกเขาสามารถเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นชุดเกราะได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นการพกชุดต่อสู้ไปไหนมาไหนจึงเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น
“ซูบูหยาน!” ชายผิวแดงตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่าย ขณะที่ชายผู้สวมหน้ากากพยักหน้ารับอย่างนิ่งเงียบ
“เอาของไปแล้วพวกเราแยกกัน” ชายผิวแดงกล่าวอีกครั้ง
ซูบูหยานส่ายหัวอย่างสงบเป็นสัญญาณว่าเขาไม่รับข้อเสนอจากอีกฝ่าย
“ตระกูลของพวกเราเป็นพันธมิตรที่ดีมาหลายชั่วอายุคน พวกเราจำเป็นจะต้องลงมือฆ่าแกงกันจริง ๆ เหรอ? หากนายได้ป้ายของพวกเราทั้ง 7 ไปมันก็เพียงพอที่จะทำให้นายเข้าสู่รอบต่อไปแล้ว แต่ถ้าหากว่านายฆ่าฉันมันก็อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลของเราต้องจบลงในวันนี้”
ชายผิวแดงพยายามหาข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองรอดชีวิตกลับไป แต่น่าเสียดายที่ซูบูหยานไม่ได้มีความคิดที่จะปล่อยเขาไปตั้งแต่แรก
บทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งคู่ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงอีกครั้ง เพราะมันดูเหมือนกับว่าทีมของชายผิวแดงแต่เดิมมีคนอยู่ถึงเจ็ดคน แต่คนส่วนใหญ่กลับถูกซูบูหยานสังหารเพียงคนเดียว ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าระดับพลังของชายคนนี้อยู่ในระดับที่น่ากลัวมาก
ทันใดนั้นซูบูหยานก็ถอดหน้ากากของเขาออก ขณะเดียวกันขาที่เคยดูเหมือนพิการก็กลับมายืนเคียงข้างกันเหมือนปกติ
“นี่แกไม่ใช่ซูบูหยานงั้นเหรอ?!” ชายผิวแดงอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ ส่วนเซี่ยเฟยที่อยู่บนต้นไม้ก็รู้สึกตกใจมากยิ่งกว่า
อย่าลืมว่าการประเมินในครั้งนี้คืองานประเมินที่จัดขึ้นโดยกลุ่มมังกรฟ้า ซึ่งเป็นกลุ่มนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนของผู้ใช้กฎ แต่ถึงกระนั้นมันกลับมีคนปลอมตัวเป็นอีกคนแอบเข้ามาภายในงานประเมินครั้งนี้ได้สำเร็จ
สถานการณ์อันแปลกประหลาดนี้ทำให้สัญชาตญาณของเซี่ยเฟยกรีดร้องอย่างรุนแรงว่าปัญหาใหญ่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขาอีกแล้ว
ชายหนุ่มพยายามหลบหนีออกไปอย่างเงียบ ๆ โดยพยายามอยู่ห่างจากคนที่ปลอมตัวเป็นซูบูหยานให้ได้มากที่สุด
เพียงได้เห็นหน้าชายคนนั้นเพียงแค่แว้บเดียว เซี่ยเฟยก็สามารถจดจำใบหน้าของอีกฝ่ายได้ไม่รู้ลืม
ชายคนนั้นมีโหนกแก้มสูง, มีคิ้วหนายาวคล้ายกับถูกขีดด้วยปากกามากกว่าจะเป็นคิ้วจริง ๆ, แก้มของเขาซูบตอบลงไป ขณะที่ฟันของเขาแหลมคมเหมือนกับสัตว์ร้าย, ผิวของเขาดูขาวซีดเป็นอย่างมากจนดูคล้ายกับจะเป็นสีเทาเหมือนกับซากศพที่ไม่มีเลือดเหลืออยู่ในร่างอีกต่อไป
เซี่ยเฟยเคยเห็นคนตายมาอย่างมากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคนที่มีชีวิตแต่มีลักษณะเหมือนกับคนตายมาแล้วเป็นเวลานาน
“มีอีกงั้นเหรอ? น่าสนใจจริง ๆ” ผู้ที่ปลอมตัวเป็นซูบูหยานพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
คนที่เขาพูดถึงอยู่นั้นน่าจะกำลังหมายถึงเซี่ยเฟยที่กำลังวิ่งหนีไป แต่เขาได้ยกมือขึ้นมาสะบัดเบา ๆ โดยไม่ได้หันหน้าไปยังทิศที่เซี่ยเฟยกำลังวิ่งหนีไปด้วยซ้ำ
“นั่นนายกำลังพูดเรื่องอะไร? แล้วนายเป็นใครกันแน่? แล้วซูบูหยานอยู่ที่ไหน?” ชายผิวแดงกล่าวถามอย่างประหม่า
“ฉันได้ยินมาว่าตระกูลฮันของนายมีทักษะพิเศษที่สามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง นายช่วยใช้ทักษะนั้นออกมาหน่อยได้ไหม ฉันอุตส่าห์ตามนายมาเพื่อรอดูทักษะนั้นเลยนะ” ชายผิวซีดกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“สาเหตุที่นายไล่ตามเรามานั่นก็เพราะว่านายอยากเห็นเทวาพิโรธของตระกูลฉันงั้นเหรอ?” ชายผิวแดงกล่าวถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ขณะก้าวเท้าถอยหลังไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ถูกต้อง”
“เทวาพิโรธเป็นทักษะที่เผาผลาญพลังชีวิต ถ้าหากว่าไม่จำเป็นมันก็ไม่มีใครอยากจะใช้วิชานี้ออกมาหรอก” ชายผิวแดงกล่าว
“ถ้าฉันอยากเห็นฉันก็ต้องได้เห็น ถ้านายไม่แสดงมันให้ฉันเห็นฉันจะฆ่านายเดี๋ยวนี้เลย” ชายผิวซีดกล่าวพร้อมกับยกนิ้วทั้งห้าที่มีเล็บยาวมากกว่า 20 เซนติเมตรขึ้นมาชี้ไปยังชายผิวแดงตรงหน้า
สถานการณ์นี้ทำให้ชายผิวแดงตกอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียดเป็นอย่างมาก เพราะขาของเขาก็กำลังได้รับบาดเจ็บอย่างหนักแล้วมันก็มีโอกาสน้อยมากที่เขาจะหนีรอดออกไปจากที่นี่ได้
“ถ้าหากว่าฉันใช้เทวาพิโรธ นายจะยอมปล่อยฉันไปใช่ไหม?”
“อือ”
ชายผิวแดงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจตะโกนชื่อวิชาออกมา
“เทวาพิ…”
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจนจบชายผิวซีดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างดุร้าย
“ฉันขอมันไปล่ะนะ”
งั่ม!
***************
ห๊ะ!! งั่มคืออะไร? กินเหรอ?
ปล.พรุ่งนี้ทางเพจสนพ.เซียนอ่านเปิดตัวกลุ่มเฟสพี่เฟยน๊า ใครสนใจติดต่อสอบถามได้ทางเพจเลยจ้า