ตอนที่ 608 อัศวินกฎขั้น 3
ตอนที่ 608 อัศวินกฎขั้น 3
กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในที่สุดวันนี้มันก็เป็นวันที่ 4 ของการประเมินรอบสุดท้ายแล้ว
เซี่ยเฟยดึงบลัดบิวเทียสออกมาจากซากศพที่เหี่ยวเฉา โดยศพนี้เป็นเหยื่อรายที่ 5 ของเขาแล้ว ซึ่งการดักรอซุ่มโจมตีเหยื่อที่เหนื่อยล้าและได้รับบาดเจ็บ มันก็ทำให้ชายหนุ่มสามารถลงมือได้โดยไม่มีปัญหาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
หลังจากซ่อนศพและเก็บป้ายประจำตัวของผู้สมัครเข้าสู่แหวนมิติ สีหน้าของเซี่ยเฟยก็เปลี่ยนไปอย่างจริงจัง
แม้ว่าในปัจจุบันเขาจะสามารถรวบรวมแผ่นป้ายของผู้สมัครคนอื่นได้ถึง 30 ชิ้นแล้ว แต่ของพวกนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะสิ่งที่ทำให้เขากำลังขมวดคิ้วอย่างจริงจังอยู่ในขณะนี้คือ หลังจากที่บลัดบิวเทียสได้ดูดพลังงานจากผู้สมัครเข้าไปต่อเนื่องถึง 5 คน มันก็ทำให้ลูกบอลพลังงานสีรุ้งภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาขยายขนาดเพิ่มขึ้นไปมากกว่าเดิมหลายเท่า
มันจึงก่อให้เกิดคลื่นพลังงานอันผันผวนอย่างรุนแรงซัดเข้าใส่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ อย่างอธิบายไม่ถูก
อย่างไรก็ตามพลังงานเหล่านี้มันก็ไม่ใช่พลังงานของเซี่ยเฟย ซึ่งนอกเหนือจากที่มันจะไม่ยอมสลายหายไปแล้ว มันกลับค่อย ๆ ขยายขนาดกลุ่มก้อนพลังงานเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างต่อเนื่อง
ถ้าหากว่าเซี่ยเฟยสามารถดูดซับพลังงานเหล่านี้เข้าสู่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาได้ มันก็คงจะไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย ประเด็นคือพลังงานพวกนี้เป็นพลังงานที่แยกตัวออกไปอย่างอิสระก่อตัวเป็นกลุ่มก้อนพลังงานอันแปลกปลอมภายในสมองของเขา
ลูกบอลพลังงานสีรุ้งเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องคล้ายกับหัวใจของมนุษย์ที่คอยสูบฉีดเลือดออกไปตลอดเวลา ที่สำคัญคืออย่าลืมว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของมนุษย์มีขนาดเล็กมาก และถ้าหากว่ามวลพลังงานก้อนนี้ยังคงขยายขนาดต่อไป สักวันหนึ่งมันย่อมขยายขนาดจนเต็มพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาอย่างแน่นอน
ซึ่งมันก็จะไม่เหลือที่ว่างให้ชายหนุ่มได้ทำการถักทออักขระของกฎใหม่ ๆ เข้าสู่สมองของเขาได้อีกต่อไป และนี่ก็คือสิ่งที่เซี่ยเฟยกำลังกังวลจนรู้สึกเครียดอยู่ในปัจจุบัน
“เป็นอะไรไป? มันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” อันธถามด้วยความสงสัย
เซี่ยเฟยนั่งพิงต้นไม้เหยียดขาตรงยกมือขึ้นมากุมขมับ โดยพยายามตรวจสอบพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งมันก็ทำให้ใบหน้าของเขาแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปพลังงานแปลกปลอมจากบลัดบิวเทียสได้เข้าครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในสมองของฉันแน่ ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“แล้วพวกเราควรจะทำยังไงกันดี?” อันธกล่าวถามด้วยความเป็นห่วง และถึงแม้ว่าเขาจะค้นพบกลุ่มก้อนพลังงานผิดปกติในสมองของเซี่ยเฟยมาตั้งนานแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถหาทางแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้
“ในเมื่อมันเป็นกลุ่มก้อนพลังงาน ฉันก็ควรจะต้องดูดซับพลังงานพวกนั้นได้ ฉันจะลองดูดซับพลังงานพวกนั้นเข้าไปก่อนก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าว
เมื่อโอโร่ไม่ได้ยินเสียงของอันธ เขาจึงคิดว่าเซี่ยเฟยกำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง ซึ่งในตอนแรกเขาก็คิดว่าเซี่ยเฟยน่าจะมีปัญหาทางจิต แต่หลังจากได้อยู่กับชายหนุ่มคนนี้ไปนาน ๆ อดีตจอมมารก็เริ่มคุ้นชินกับนิสัยอันแปลกประหลาดของชายหนุ่มแล้ว
“แต่นั่นมันไม่ใช่พลังงานของนายนะ!” โอโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“หลังจากที่บลัดบิวเทียสถูกเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ มันก็สามารถดูดกลืนพลังงานของคนอื่นได้ ปัญหาก็คือพลังงานพวกนั้นไม่ได้เป็นของนาย และนายก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นพลังงานที่นายดูดซับได้ด้วยเช่นกัน เพราะว่าพวกมันยังคงเป็นพลังงานที่มีเจ้าของเป็นคนอื่น”
“พลังงานในร่างของนักรบทุกคนต่างก็มีตราประทับชีวิตติดอยู่กับพลังงานพวกนั้น มันจึงเป็นเหตุผลว่าถึงแม้นักรบคนอื่นจะปลดปล่อยพลังงานออกมา แต่นายก็ไม่สามารถที่จะดูดซับพลังงานพวกนั้นเข้าไปภายในร่างของนายได้” โอโร่อธิบายเพิ่มเติม
“ตราประทับชีวิต?” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองขึ้นมาเบา ๆ
“ใช่แล้ว แต่เดิมพลังงานพวกนั้นสมควรจะเป็นพลังงานของจักรวาล แต่หลังจากที่นักรบได้ดูดซับพลังงานเข้าไปภายในร่างกาย มันจะก่อให้เกิดตราประทับชีวิตขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ดังนั้นถ้าหากว่านายไม่ได้ลบตราประทับชีวิตพวกนั้นออกไป นายก็จะไม่สามารถดูดซับพลังงานของคนอื่นเข้าสู่ร่างกายของตนเองได้”
“ที่สำคัญตอนนี้มันก็ดูเหมือนกับว่ากลุ่มก้อนพลังงานพวกนั้นมันเริ่มที่จะไม่เสถียรแล้ว…” โอโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ความเป็นจริงถึงแม้ว่าโอโร่กับอันธจะไม่ได้เตือนแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความไม่เสถียรของก้อนพลังงานภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขามาสักพักหนึ่งแล้ว
กฎแห่งความโกลาหล!
การสะสมพลังงานปริมาณมหาศาลเอาไว้ภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาเองย่อมไม่ใช่ผลดี และสิ่งที่เซี่ยเฟยพอจะคิดได้ในขณะนี้คือการพยายามใช้กฎแห่งความโกลาหลในการเปลี่ยนแปลงก้อนพลังงานพวกนั้นดู
อักขระลึกลับ 2 ตัวปรากฏขึ้นภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาอย่างรวดเร็ว โดยอันหนึ่งอยู่ทางซ้ายและอันหนึ่งอยู่ทางขวาของก้อนพลังงาน แม้ว่าเซี่ยเฟยจะไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดลองนี้มันจะออกมาเป็นยังไง แต่เขาก็รู้ตัวเองดีว่าเขาจะต้องหาทางจัดการกับปัญหานี้ให้ได้ ก่อนที่พลังงานปริมาณมหาศาลจะระเบิดออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
ตูม!
ในที่สุดเมื่อมันได้มีตัวแปรสำคัญเข้ามารบกวน มวลพลังงานที่ไม่เสถียรแต่เดิมอยู่แล้วก็ระเบิดออกอย่างรุนแรง พร้อมกับพลังงานปริมาณมหาศาลที่ไหลทะลักออกไปเหมือนกับเขื่อนแตก
“อ้าาา” เซี่ยเฟยส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างมีความสุข เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานอันเย็นสบายที่ไหลไปทั่วทั้งร่างกายของเขา
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในขณะนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่โอโร่เคยคาดการณ์ไว้ ซึ่งไม่เพียงแต่พวกมันจะไม่ได้เป็นภัยคุกคามสำหรับชายหนุ่มเท่านั้น แต่พลังงานพวกนี้ยังให้ความรู้สึกสบายมากจนคล้ายกับทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกว่าเขาได้รับชีวิตใหม่
แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมไม่ปล่อยให้พลังงานปริมาณมหาศาลไหลกระจายออกไปอย่างสูญเปล่า เขาจึงเริ่มดูดซับพลังงานเหล่านั้นเข้าสู่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
…
1 ชั่วโมงต่อมา
“ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิดไปสินะ” โอโร่กล่าวอย่างไม่สบายใจ ซึ่งโดยปกติมันก็เป็นเรื่องยากมากที่คนสูงศักดิ์อย่างเขาจะต้องออกมายอมรับความผิดพลาดแบบนี้
เซี่ยเฟยสูดลมหายใจเข้าออกยาว ๆ อย่างผ่อนคลาย และพยายามปรับระดับลมหายใจให้กลับมาสม่ำเสมอหลังจากที่พลังของเขาเลื่อนระดับไปอีกขั้น
การระเบิดของกลุ่มก้อนพลังงานไม่เพียงแต่จะไม่เป็นอันตรายต่อสมองของเขาเท่านั้น แต่ชายหนุ่มยังสามารถใช้พลังงานเหล่านั้นในการทะลวงสิ่งกีดขวาง และได้พัฒนาจนกลายเป็นอัศวินกฎขั้นที่ 3 ได้อีกด้วย
“ฉันก็ไม่ได้คิดว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นแบบนี้เหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“เอาเป็นว่าฉันขอทวงคำพูดของตัวเองกลับมาก่อน ตอนแรกฉันคิดว่าหลังจากที่นายกลายเป็นอัศวินกฎแล้วความเร็วในการพัฒนาของนายจะช้าลง แต่ในตอนนี้มันก็ดูเหมือนกับว่า…” โอโร่กล่าวหลังจากส่งเสียงกระแอมขึ้นมาเบา ๆ ขณะเหล่สายตามองไปยังบลัดบิวเทียส
“ดูเหมือนว่าดาบประหลาดเล่มนี้จะยังคงช่วยให้นายพัฒนาได้อย่างรวดเร็วต่อไป และตราบใดก็ตามที่นายยังไม่หยุดฆ่า ความเร็วในการพัฒนาของนายก็ไม่มีทางที่จะหยุดชะงักเหมือนคนอื่น”
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มพร้อมกับใช้นิ้วลูบไปยังใบดาบของบลัดบิวเทียสอย่างช้า ๆ ซึ่งในปัจจุบันเขาเริ่มคิดว่าดาบเล่มนี้กลายเป็นอาวุธที่สวยงามและมันก็เป็นอาวุธที่ดุร้ายมากเช่นเดียวกัน
“หลังจากที่มันดูดซับพลังงานจากศัตรูมันก็จะส่งพลังงานพวกนั้นเข้าไปเก็บสะสมเอาไว้ภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนาย เพื่อค่อย ๆ ทำให้พลังงานพวกนั้นกลายเป็นพลังงานบริสุทธิ์อย่างช้า ๆ และเมื่อมันสะสมพลังงานได้มากพอพลังงานทั้งหมดก็จะถูกระเบิดออกมาให้นายสามารถดูดซับเข้าไปเพิ่มระดับพลังของตัวเองได้”
“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากจนเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะใช้ชีวิตมาอย่างเนิ่นนานแต่ฉันก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” โอโร่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
—
แม้ว่าก้อนพลังงานสีรุ้งภายในสมองของชายหนุ่มจะทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกประหม่าอยู่พักหนึ่ง แต่หลังจากที่เขาสามารถไขปริศนาในเรื่องนี้ได้แล้ว มันก็ทำให้เขาอดที่จะมีความสุขขึ้นมาไม่ได้
ที่สำคัญไปกว่านั้นมันก็ดูเหมือนกับว่าความเร็วในการพัฒนาของเขาจะไม่มีการหยุดชะงักอีกต่อไป เมื่อเขาได้รับความช่วยเหลือจากบลัดบิวเทียส
การแย่งชิงพลังงานจากผู้อื่นมาพัฒนาตัวเองถือว่าเป็นวิธีการที่ชั่วร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่มันก็เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพอย่างน่าทึ่งด้วยเช่นกัน
ในที่สุดมันก็ได้มีร่างสีดำอีกร่างปรากฏขึ้นภายในป่า ชายหนุ่มจึงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะการมาถึงของศัตรูมันก็หมายความว่าเขาจะได้รับพลังงานมากยิ่งขึ้น และในตอนนี้ภายในแววตาของเซี่ยเฟยศัตรูเหล่านี้ก็ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นคริสตัลต้นกำเนิดก้อนใหญ่ที่เขาสามารถดูดซับพลังงานได้มากกว่า
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังจะเคลื่อนไหว จู่ ๆ มันก็ได้มีเงาดำอีกสามร่างปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลัน
คราวนี้ศัตรูไม่ได้มาคนเดียวแต่มาเป็นกลุ่ม!!
เซี่ยเฟยที่เพิ่งลุกยืนขึ้นก้มตัวลงต่ำอีกครั้งพร้อมกับพยายามซุ่มดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าหากว่าเขาไม่มั่นใจเขาก็จะไม่เริ่มทำการเคลื่อนไหวอย่างเด็ดขาด
“แถวนี้น่าจะปลอดภัยแล้วใช่ไหม?” หญิงสาวภายในกลุ่มกล่าวถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โดยกลุ่มของเธอประกอบไปด้วยตัวเธอและผู้ชายอีกสามคน ซึ่งทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีอายุประมาณ 20 ต้น ๆ กันทั้งหมด
“สวีปู้หยานเป็นราชากฎขั้น 2 ที่แข็งแกร่งกว่าพวกเรามาก ฉันคิดว่าพวกเราไม่ควรประมาทแม้ว่าเราจะหนีมาได้ไกลมากแล้วก็ตาม” ชายผิวแดงกล่าวซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าเขาจะเป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้
“ฉินเป่าเอ๋อ เธอลองตรวจสอบดูสิว่ามีใครอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้หรือเปล่า? แล้วพวกเราค่อยตัดสินใจว่าพวกเราจะเอายังไงกันต่อ” ชายผิวแดงออกคำสั่ง
“พวกเรามี 4 คนแต่ได้ป้ายประจำตัวมาแค่ 3 ชิ้น ถ้าหากว่าเรายังตกเป็นเป้าหมายของคนอื่นแบบนี้ต่อไป มันก็จะไม่มีใครในพวกเราผ่านการประเมินไปได้สักคน” หญิงสาวที่ชื่อฉินเป่าเอ๋อพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจมากนัก
ผู้ชายอีกสองคนที่เหลือต่างก็ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง มีเพียงแต่ชายผิวแดงเท่านั้นที่ยังคงมองไปยังสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบด้วยความตื่นตัว
ทันใดนั้นฉินเป่าเอ๋อก็วางมือของเธอลงบนพื้นและทำการกระจายพลังงานออกไปโดยรอบ
กฎแห่งสสารตาข่ายจับสัมผัส!
พริบตาต่อมาพลังของกฎภายในร่างของเธอก็แทรกซึมเข้าไปภายในดินราวกับใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมพื้นที่หลายร้อยกิโลเมตร และทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างภายในพื้นที่บริเวณนี้ตกอยู่ภายใต้การรับรู้ของเธอทั้งหมด
“นี่มันวิชาตรวจสอบพื้นที่ขนาดใหญ่!!”
“นี่น่ะเหรอพลังของกฎแห่งสสาร”
ร่างของเซี่ยเฟยสั่นสะท้านไปครู่หนึ่ง เพราะมันมีพลังของกฎที่มองไม่เห็นเริ่มเคลื่อนที่จากพื้นดินเข้าสู่ร่างกายของเขา
หากเขายังคงอยู่ในพันธมิตรวิชาพรางจิตย่อมทำให้เขาสามารถหลบหลีกการตรวจจับของคนกลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน แต่นี่คือดินแดนของผู้ใช้กฎและการได้พบกับวิชาตรวจสอบพื้นที่ขนาดใหญ่ มันก็ทำให้ชายหนุ่มไม่ทันได้คิดวิธีการรับมือเอาไว้
‘ฉันถูกเจอตัวแล้ว!!’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจ
ก่อนที่เซี่ยเฟยจะทันได้เคลื่อนไหว ฉินเป่าเอ๋อก็ชี้นิ้วมายังทิศทางที่เขากำลังซ่อนตัวอยู่ ผู้ชายอีกสามคนภายในทีมของเธอจึงเริ่มเคลื่อนไหวในทันที
คนที่วิ่งอยู่ข้างหน้าคือชายหนุ่มที่มีจมูกเป็นโลหะตามมาด้วยชายผิวแดง ส่วนชายร่างอ้วนอีกคนก็พยายามวิ่งอ้อมออกไปเพื่อปิดกั้นเส้นทางหนีของเซี่ยเฟยเอาไว้
สิ่งที่ฉินเป่าเอ๋อทำได้เป็นเพียงการระบุตำแหน่งคร่าว ๆ ของเซี่ยเฟยให้เพื่อนร่วมทีมรู้เท่านั้น ทุกคนจึงทำได้เพียงแต่ปิดล้อมพื้นที่และพยายามหาศัตรูด้วยสายตาของพวกเขาเอง
กฎแห่งสสารคุกพิฆาต 3 ชั้น!
ฉินเป่าเอ๋อเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าเซี่ยเฟยซ่อนตัวอยู่ตรงไหน เธอจึงใช้พลังของกฎเพื่อพยายามกักขังร่างของศัตรูเอาไว้ภายในคุกจากกฎของเธอ
พื้นดินบริเวณรอบ ๆ ตัวของเซี่ยเฟยเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก่อนที่พวกมันจะยกตัวขึ้นมากักขังเซี่ยเฟยเอาไว้ภายใน เหมือนกับคุกดินขนาดใหญ่ที่ปิดกั้นร่างของชายหนุ่มเอาไว้เป็นรูปทรงครึ่งวงกลม
***************
พี่เฟยจะหนีทันไหม?