ตอนที่ 607 ซุ่มล่า
ตอนที่ 607 ซุ่มล่า
ดาวดวงนี้มีขนาดใหญ่มากภาพที่เซี่ยเฟยเห็นทุกที่จึงไม่ต่างไปจากภาพที่เขาเคยเห็นในภาพยนตร์ แต่ถึงแม้ว่าภาพวิวทิวทัศน์จะงดงามและแปลกตาชายหนุ่มก็ไม่ได้มีความคิดที่จะหยุดชื่นชมทิวทัศน์เหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
ท้ายที่สุดการประเมินในรอบสุดท้ายก็คือการเข่นฆ่าผู้สมัครด้วยกันให้ตายทั้งหมด ซึ่งไม่ว่าบรูซจะพรรณนาสรรพคุณของชุดเกราะชาร์ปเลสเอาไว้ดีแค่ไหน แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงจดจำแก่นแท้ของการประเมินรอบนี้เอาไว้ได้เป็นอย่างดี
ชายหนุ่มยังคงใช้พลังพิเศษความเร็วของเขาในการเคลื่อนที่ผ่านป่าอันแปลกประหลาดไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในเวลาเพียงแค่พริบตาร่างของเขาก็เคลื่อนตัวออกห่างจากจุดสตาร์ทไปไกลหลายหมื่นกิโลเมตร
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็หยุดซ่อนตัวอยู่ด้านหลังต้นไม้ขนาดใหญ่คล้ายกับเสือดาวที่รอคอยตะครุบเหยื่ออย่างเงียบ ๆ
“หึ! สิ่งที่เขาใช้มันก็เป็นเพียงแค่กลอุบายหลอกเด็ก ครั้งหนึ่งฉันเคยใช้กฎแห่งความมืดครอบคลุมทั่วทั้งกาแล็กซีด้วยซ้ำ เจ้าบรูซอะไรนั่นทำได้เพียงแค่นี้กลับพูดจาโอ้อวดซะใหญ่โต” โอโร่กล่าวอ้างอย่างไม่พอใจ
เนื่องมาจากขาดอิสรภาพมาอย่างยาวนานโอโร่จึงมักที่จะหลีกเลี่ยงการวิจารณ์วิธีการใช้กฎของคนอื่น เพราะมันจะทำให้เขานึกถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต แต่เมื่อต้องมาตกอยู่ภายในโลกอันกว้างใหญ่และได้ฟังสุนทรพจน์จากบรูซมาเป็นเวลานาน ในที่สุดจอมมารตนนี้ก็อดที่จะวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาไม่ได้
“ฉันรู้ว่าดาวดวงนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก แต่มันเป็นเพราะว่าขนาดตัวของพวกฉันมีขนาดเล็กลงต่างหาก สิ่งที่ฉันสงสัยคือบรูซใช้กฎอะไรมันถึงทำให้พวกเรามีขนาดตัวหดเล็กลงแบบนี้?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น
“นี่นายรู้ตัวด้วยงั้นเหรอ?! ฉันยังไม่ทันได้บอกนายเลยแล้วนายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” โอโร่กล่าวถามอย่างสงสัย
“ใครเป็นคนบอกล่ะว่าฉันจะต้องรอรู้เรื่องทุกอย่างจากคุณด้วย ท้ายที่สุดถ้าสิ่งต่าง ๆ ในดาวดวงนี้ถูกขยายขนาดสัดส่วนของพวกมันย่อมไม่ประสานกันอย่างลงตัวแบบนี้แน่นอน ซึ่งถ้าหากว่าบรูซต้องการจะขยายขนาดทุกอย่างจริง ๆ สิ่งที่เขาสมควรจะต้องทำก็คือการขยายขนาดดาวเคราะห์ทั้งดวง”
“แต่ถ้าหากเขาเลือกจะทำแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นแรงดึงดูดหรือวงโคจรของดาวเคราะห์ก็จะเปลี่ยนไป ซึ่งมันก็จะส่งผลให้ความเร็วในการหมุนตัวและมุมตกกระทบของแสงอาทิตย์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม”
“ในตอนนั้นเหล่าบรรดาพืชพรรณและสรรพสัตว์คงจะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นในเวลาเพียงแค่ไม่นาน แล้วถ้าหากว่าสิ่งมีชีวิตชนิดไหนปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ของดาวไม่ได้ พวกมันก็จะค่อย ๆ ทยอยสูญพันธุ์ไปในที่สุด การทำแบบนั้นมันจึงส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมมากจนเกินไป ดังนั้นถ้าหากว่าฉันเดาไม่ผิดบรูซน่าจะทำให้พวกเราตัวเล็กลงโดยที่พวกเราไม่รู้ตัวมากกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวอธิบาย
คำอธิบายนี้ทำให้โอโร่มองไปยังเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ โดยในครั้งนี้เขาก็ได้พบกับทักษะการคิดวิเคราะห์ที่น่าทึ่งของชายหนุ่มอีกครั้ง ซึ่งความสามารถนี้ถือได้ว่าเป็นข้อบกพร่องที่นักสู้ชั้นนำหลาย ๆ คนได้ขาดไป
แต่ในกรณีของเซี่ยเฟยทักษะการคิดวิเคราะห์ของเขาจัดอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัว และถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งแต่เขาก็ยังคงแบ่งเวลาไปเรียนรู้ทักษะอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง มันจึงทำให้เซี่ยเฟยได้เติบโตขึ้นมากลายเป็นนักรบที่มีความรู้รอบด้าน แล้วมันก็ส่งผลกระทบให้การวิเคราะห์ของเขามีความสมเหตุสมผลมากกว่านักรบคนอื่น ๆ
“ใช่แล้ว บรูซได้ใช้กฎแห่งการย่อขยายทำให้ร่างของทุกคนหดเล็กลง การใช้กฎ ๆ นี้ไม่ใช่สิ่งที่จะทำกันได้ง่าย ๆ เพราะมันจำเป็นจะต้องมีรากฐานของกฎแห่งมิติและกฎแห่งสสารอยู่ในระดับสูงเสียก่อนจึงจะเริ่มฝึกฝนกฎแห่งการย่อขยายได้” โอโร่กล่าวอธิบาย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่คำอธิบายของโอโร่ก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง เพราะท้ายที่สุดบรูซก็เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญกฎหลักถึงสองกฎในเวลาเดียวกัน แล้วมันก็คงสามารถบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากลุ่มมังกรฟ้าน่าจะเป็นแหล่งรวมตัวของเหล่าบรรดานักรบระดับสัตว์ประหลาด
ทันใดนั้นป้ายลงทะเบียนที่ซ่อนอยู่ในหน้าอกของเขาก็เริ่มสั่น และเมื่อเซี่ยเฟยหยิบมันออกมาดูเขาก็ได้พบกับชื่อของคนคนหนึ่งที่ปรากฏอยู่ด้านบนนั้น
“หลู่จินโป้?” ชื่อของคนที่ปรากฏขึ้นมาบนป้ายของเขาน่าจะเป็นเป้าหมายที่จะทำให้เขาสามารถผ่านการประเมินไปได้ในทันที ไม่อย่างนั้นเขาก็จำเป็นจะต้องสังหารผู้สมัครคนอื่นจำนวน 3 คน แล้วทำการแย่งชิงแผ่นป้ายของทั้งสามคนนั้นมาใช้เพื่อผ่านการประเมิน
“นายรู้จักคนชื่อนี้ไหม?” อันธถาม
“ในบรรดาผู้สมัครทั้งหมดฉันรู้จักแค่หยูเสี่ยวเป่ยคนเดียวเท่านั้นแหละ” เซี่ยเฟยกล่าว
ท้ายที่สุดผู้สมัครก็ไม่ได้สลักชื่อของตัวเองเอาไว้บนหน้าผากของพวกเขา และการประเมินในรอบที่ผ่าน ๆ มามันก็ไม่ได้มีการแนะนำตัวผู้สมัครคนอื่น ๆ แต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังได้เดินทางเข้ามาอยู่ในดินแดนผู้ใช้กฎเพียงแค่ไม่กี่เดือน เขาจึงแทบที่จะจดจำชื่อและใบหน้าของคนอื่น ๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ
“มันไม่สำคัญหรอกว่าเป้าหมายของฉันจะเป็นใคร เพราะจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของฉันคือชุดเกราะชุดนั้นต่างหาก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำประกาศนี้ถึงกับทำให้อันธและโอโร่รู้สึกตกตะลึง เพราะพวกเขาไม่คิดว่าเซี่ยเฟยตั้งใจจะสังหารผู้สมัครทุกคนจริง ๆ
ระหว่างรอชายหนุ่มก็ได้หยิบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ออกมาจากแหวนมิติ และค่อย ๆ ทำการฝึกฝนเพิ่มระดับพลังของตัวเองไปอย่างช้า ๆ โดยไม่เร่งรีบ
“แม้แต่ในสนามรบเขาก็ยังไม่หยุดฝึกฝนอีกงั้นเหรอ?”
“ดูเหมือนว่าในตอนนี้เซี่ยเฟยจะเป็นพวกหมกมุ่นกับการสู้รบมากขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วสินะ”
—
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าการพยายามซ่อนตัวให้อยู่ข้างจากเหล่าบรรดาผู้สมัครระดับราชากฎเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมาก แล้วมันก็เป็นเรื่องโชคดีที่ผู้มีอันดับสูงสามารถเคลื่อนที่ออกจากจุดสตาร์ทได้ก่อน ผู้ที่เริ่มออกจากจุดสตาร์ททีหลังจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเคลื่อนที่เข้าไปยังอาณาเขตที่ผู้สมัครคนอื่นได้วางกับดักรอเอาไว้
ช่วงเวลาแห่งการสังหารได้เริ่มต้นขึ้นมาสักพักหนึ่งแล้ว และมันก็มีผู้สมัครมากกว่า 10 คนที่ถูกสังหารก่อนที่พวกเขาจะหลบหนีออกจากพื้นที่บริเวณจุดสตาร์ทด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดคุณสมบัติของชุดเกราะชาร์ปเลสก็ดีเกินไป มันจึงทำให้มีผู้สมัครหลาย ๆ คนต้องการที่จะสังหารผู้สมัครทุกคนเพื่อให้ได้รับของรางวัลชิ้นนั้นมา
ชุดเกราะชาร์ปเลสย่อมสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้อย่างแน่นอน แต่ของรางวัลชิ้นนี้มันก็มีอยู่เพียงแค่ชิ้นเดียว เหล่าบรรดาผู้สมัครที่รู้ตัวว่าตัวเองมีพลังไม่มากพอจึงพยายามหลบหนีการไล่ล่าของผู้สมัครคนอื่นอย่างสิ้นหวัง
เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาจำเป็นจะต้องทำมีเพียงแค่การฉกชิงแผ่นป้ายของผู้สมัครคนอื่นให้ได้เป็นจำนวน 3 คน หรือทำการสังหารเป้าหมายของตัวเองเท่านั้น จากนั้นพวกเขาก็จะผ่านการประเมินในรอบแรกของกลุ่มมังกรฟ้าไป แล้วได้มีสิทธิ์เข้าร่วมรับการประเมินในรอบที่ 2 พร้อม ๆ กับเหล่าบรรดาผู้สมัครจากเก้าตระกูลชั้นยอด
เมื่อผู้สมัครที่อ่อนแอได้ตั้งเป้าหมายของตัวเองแล้ว พวกเขาก็พยายามหลบหนีจากผู้สมัครชั้นนำโดยเร็วที่สุด เพราะว่ายิ่งพวกเขาวิ่งหนีไปได้ไกลเท่าไหร่มันก็ยิ่งเป็นผลดีสำหรับพวกเขามากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าสิ่งที่เซี่ยเฟยกำลังรอคอยก็คือเหล่าบรรดาผู้สมัครที่กำลังพยายามหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิตแบบนี้
เซี่ยเฟยเริ่มเข้าสู่วงการนักสู้จากการฝึกฝนของนักฆ่า ซึ่งนอกเหนือจากที่เขาจะมีเทคนิคการเคลื่อนไหวร่างกายและการสังหารแล้ว เขายังเป็นนักรบที่สามารถคาดคะเนพฤติกรรมของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
ตามธรรมชาติของมนุษย์เมื่อคนส่วนใหญ่ได้พบกับถนนที่ไม่คุ้นเคย ผู้ชายมักจะเลือกเลี้ยวไปทางซ้าย ส่วนผู้หญิงมักจะเลือกเลี้ยวไปทางขวา ในระหว่างที่กำลังหลบหนีมนุษย์มักจะหลีกเลี่ยงถนนที่ดูกว้างขวางโดยคิดว่าการเดินทางในที่แคบ ๆ เป็นเรื่องที่ปลอดภัยกว่า แน่นอนว่าหุบเขาย่อมดูปลอดภัยมากกว่าที่ราบ โดยเฉพาะหุบเขาที่เต็มไปด้วยป่าไม้ย่อมดูเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับการหลบซ่อนตัวมากที่สุด
อันที่จริงการเลือกของมนุษย์มักที่จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์มากกว่าการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล ซึ่งเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นสัญชาตญาณที่ติดตัวมนุษย์ทุกคนมาตั้งแต่กำเนิด
ในทางกลับกันเซี่ยเฟยได้คิดวิเคราะห์สถานการณ์ทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาได้ดักซุ่มภายในผืนป่าอันกว้างใหญ่แห่งนี้ เพราะเขารู้ดีว่ามนุษย์ที่เคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณจะต้องเคลื่อนที่มากลายเป็นเหยื่อของเขา
ยิ่งไปกว่านั้นจุดที่เขาดักซุ่มอยู่ในปัจจุบันยังอยู่ห่างจากจุดสตาร์ทนับ 20,000 กิโลเมตร เหยื่อที่เดินทางมาจนถึงที่นี่จะเริ่มคิดว่าพวกเขาอยู่พ้นจากเขตอันตรายแล้ว ซึ่งมันก็จะช่วยเปิดโอกาสให้นักล่าสามารถลงมือจู่โจมในช่วงเวลาที่เหยื่อยังไม่ทันได้ระวังตัว
วันแรกป่าที่เซี่ยเฟยดักซุ่มอยู่ยังคงเงียบสงบ ชายหนุ่มจึงใช้เวลาว่างในการฝึกฝนเพื่อดักรอเหยื่อที่จะมุ่งหน้าเข้ามาติดกับ
วันที่ 2 เหตุการณ์ยังคงเป็นเหมือนเดิม แน่นอนว่าเซี่ยเฟยก็ยังคงใช้ช่วงเวลานี้ในการฝึกฝนเพื่อรอคอยอย่างใจเย็น
ชั่วพริบตาเวลาก็ได้ล่วงเลยมาจนถึงคืนที่ 3 แล้ว และโอโร่ที่เฝ้าดูเหตุการณ์มานานก็ไม่สามารถทนรออยู่เฉย ๆ ได้อีกต่อไป
“ผลิตภัณฑ์จากบริษัทฟิกส์โด่งดังไปจนถึงเผ่ามารของเราด้วยซ้ำ ฉันต้องขอยอมรับเลยว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขาถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นหนึ่งในจักรวาล ถ้าหากว่านายยังรออยู่ที่นี่ต่อไปนายไม่มีทางได้รับชุดเกราะนั้นมาเป็นของรางวัลแน่นอน” โอโร่กล่าวเพื่อพยายามโน้มน้าวให้เซี่ยเฟยออกไปด้านนอก
“คุณไม่เชื่อในสัญชาตญาณของมนุษย์งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ใช่มนุษย์!” โอโร่กล่าว
“บรรพบุรุษของมนุษย์อ่อนแอมากและไม่ได้อยู่ใกล้เคียงกับการอยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารเลย มนุษย์จึงพัฒนาสัญชาตญาณเกี่ยวกับการระวังภัยขึ้นมาอย่างมากมาย และมันก็ถือได้ว่าเป็นสัญชาตญาณที่ติดตัวเผ่าพันธุ์มนุษย์มาจนถึงปัจจุบัน” เซี่ยเฟยกล่าวอธิบายอย่างใจเย็น
แต่ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังอธิบายอยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็เงียบลงอย่างกะทันหัน เพราะในตอนนี้เหยื่อคนแรกกำลังก้าวเท้าเข้ามาติดกับของเขาแล้ว
ภายใต้แสงจันทร์บนฟากฟ้าเงาสีดำกำลังเคลื่อนที่ผ่านผืนป่าอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็พยายามมองไปรอบ ๆ อย่างไม่สบายใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจนั่งลงผิงต้นไม้โดยหันหน้าไปยังทิศที่เขาเพิ่งวิ่งหนีมา
เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในพฤติกรรมของมนุษย์ เพราะจิตสำนึกของผู้ที่กำลังหลบหนีอันตรายมักจะคิดว่าพื้นที่ด้านหน้าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย และพวกเขาก็จะระมัดระวังอันตรายที่อาจจะตามพวกเขามาจากด้านหลังเท่านั้น
น่าเสียดายที่นักรบคนนี้ได้ตกลงมาในกลอุบายที่เซี่ยเฟยดักรอเอาไว้แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลังต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่อันตรายสำหรับเขาทั้งนั้น
“วิ่งหนีมาได้ไกล 20,000 กิโลเมตรในช่วง 2 วันครึ่งงั้นเหรอ? ความเร็วของคนคนนี้จัดอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดาเลย” เซี่ยเฟยคิดภายในใจอย่างเงียบๆ
“ทำไมฉันถึงคิดว่ามันช้า?” อันธกล่าว
“นั่นก็เพราะว่านายเคยชินกับความเร็วของฉัน แต่อย่าลืมว่าในดินแดนนี้ผู้คนใช้พลังของกฎเป็นหลัก แล้วมันจะมีคนใช้ความเร็วสูงอย่างฉันปรากฏตัวขึ้นมาให้เห็นง่าย ๆ ได้ยังไง” เซี่ยเฟยกล่าว
เซี่ยเฟยซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้โดยใช้วิชาเนตรมนตราคอยสังเกตผู้สมัครคนนั้นอย่างเงียบ ๆ โดยสิ่งที่เขาสังเกตคือรายละเอียดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการหายใจ, ระดับความตึงเครียดของเหยื่อ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เหยื่อคนนี้เริ่มผ่อนคลายมันก็จะเป็นช่วงเวลาที่เขาจะเริ่มลงมือจู่โจม
โดยปกติชายหนุ่มมักไม่ค่อยที่จะลงมือจู่โจมเข้าใส่ใครง่าย ๆ แต่เมื่อเขาเริ่มจู่โจมเข้าใส่ใครแล้วเขาก็มักที่จะหมายชีวิตของเหยื่อคนนั้นทุกครั้ง
ในระหว่างการนั่งพักผู้สมัครคนนั้นมักจะยกแขนซ้ายขึ้นมากดแขนขวาอยู่เป็นประจำ ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บในบริเวณนั้นอย่างแน่นอน
หลังจากสำรวจสภาพแวดล้อมอยู่ 2-3 นาที ในที่สุดชายคนนั้นก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความปลอดภัย เขาจึงถอดเสื้อเพื่อดูบาดแผลก่อนที่จะหยิบยาออกมาจากแหวนมิติเพื่อปฐมพยาบาลตัวเอง
“แววตาของผู้ชายคนนี้กระวนกระวายมากราวกับว่าเขากำลังถือครองสมบัติอะไรบางอย่าง ดูเหมือนก่อนที่เขาจะหลบหนีมาที่นี่เขาคงจะจัดการกับผู้สมัครคนอื่น ๆ ไปแล้วสินะ” เซี่ยเฟยคิดภายในใจ อย่างมีความสุข จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปตามเงามืดอย่างช้า ๆ คล้ายกับว่าเขาเป็นวิญญาณที่กำลังล่องลอยในค่ำคืนอันมืดมิด
เซี่ยเฟยอ้อมไปด้านหลังของชายคนนั้นอย่างใจเย็น และเมื่อระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายลดลงมาเหลือประมาณ 10 เมตร ชายหนุ่มก็เริ่มจู่โจมด้วยบลัดบิวเทียสไปยังลำคอของชายคนนั้น
หากเหยื่อสามารถหลบหนีจากระยะสั้น ๆ แบบนี้ได้ การฝึกฝนของเซี่ยเฟยในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมามันก็คงจะเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์แล้ว
ฉึก!
ใบดาบสามคมเจาะเข้าไปในลำคอของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะดูดพลังจากร่างของเหยื่อออกมาอย่างบ้าคลั่ง โดยส่งพลังส่วนหนึ่งเข้าไปภายในร่างของเซี่ยเฟยอย่างต่อเนื่อง
การดูดซับพลังจากนักรบระดับสูงทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสบายตัวมาก และมันก็ทำให้ก้อนพลังงานสีรุ้งในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว
***************
เอ๊ะๆ แผนนี้คุ้นๆอยู่นะ