ตอนที่ 26 แขกผู้มีเกียรติ
เมื่อเห็นว่ากษัตริย์ชิงผิงเป็นคนรอบคอบและอ่อนน้อมกว่าที่คิด พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
ในจุดนี้กษัตริย์ชิงผิงดูดีกว่าองค์ชายสามมาก เพราะหลังจากเหตุการณ์ในท้องพระโรงวันนั้น แม้ว่าเขาจะประกาศว่าไม่ยอมคืนซวงเอ๋อร์ให้หนานหยูเทียน แต่ความเป็นจริงเขาก็ไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีใด ๆ เพิ่มเติม
ผิดกับองค์ชายสาม ขณะตอนนี้ที่ซวงเอ๋อร์ถูกผู้คนเอาไปพูดอย่างเสีย ๆ หาย ๆ เขาก็ยังไม่ออกมาพูดอะไร หากเขารักซวงเอ๋อร์จริง ๆ เขาจะปล่อยให้มันเป็นเช่นนี้หรือ?
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นนิสัยที่แท้จริงของหนานหยูเทียน เมื่อตอนที่เฟิ่งหยินซวงบอกว่านางชอบองค์ชายสาม พวกเขาก็พยายามจะหยุดนางอย่างอ้อม ๆ แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะนางได้ จึงได้แต่หวังว่านางจะมองคนออกในสักวัน อย่างน้อยก็ให้นางสามารถดูออกว่าใครที่จริงใจหรือไม่จริงใจกับนาง
การแต่งงานที่ผิดพลาดครั้งนี้ แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป
ซวงเอ๋อร์ของพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว…
แต่ถ้าถามว่านางเปลี่ยนไปอย่างไร พวกเขาก็บอกไม่ได้อีกเช่นกัน
วันรุ่งขึ้น มีขบวนขบวนหนึ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านตระกูลเฟิ่งตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนจะปรากฏหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเกี้ยว
นางคนนี้มีหน้าตาที่สะสวยและรูปลักษณ์ที่สง่างาม ทั้งยังมีจริตกริยาเหมือนกับคนในวัง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกช่วยพยุงนางออกมาจากเกี้ยว ก่อนจะเอ่ยแจ้งกับนางด้วยท่าทีเรียบร้อย
“ที่นี่แหละเจ้าค่ะคุณหนู บ้านตระกูลเฟิ่ง”
ในขณะนั้น เฟิ่งหยินซวงก็ยังคงคิดวนไปวนมาเกี่ยวกับแผนการแก้แค้นขั้นต่อไปของนาง แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ รัวซุ่ยก็รีบเข้ามาก่อนจะแจ้งว่ามีแขกมาขอพบนางด้วยท่าทางตื่นเต้น
“มีแขกผู้มีเกียรติมาขอพบคุณหนูเจ้าค่ะ!”
“แขกผู้มีเกียรติ?”
ด้วยบารมีของตระกูลเฟิ่ง ในอาณาจักรนี้จึงมีเพียงไม่กี่คนที่พวกเขาจะนับว่าเป็น ‘แขกผู้มีเกียรติ’ โดยเฉพาะแขกผู้มีเกียรติของเฟิ่งหยินซวง
“โอ้ เป็นแขกผู้มีเกียรติจริง ๆ ด้วย แม่นางเฉินน้องข้านี่เอง”
เมื่อเห็นว่าคนนั้นเป็นใคร รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งสองทันที
ถูกต้อง คนที่มารอพบนางคือเฉินหยิงหญิงสาวที่สลับเกี้ยวกับนางในวัดร้างวันนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะความร่วมมือจากนาง แผนการของเฟิ่งหยินซวงก็คงเริ่มต้นด้วยความไม่ราบรื่น เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฟิ่งหยินซวงก็ควรต้องขอบคุณนางจริง ๆ
“ข้าขอโทษด้วยท่านพี่ อันที่จริงข้าควรจะมาเยี่ยมท่านให้เร็วกว่านี้ แต่เพราะตอนนั้นข่าวยังไม่ซาและข้ากลัวว่าหากข้ามาแล้วจะทำให้ท่านเดือดร้อน ข้าเลยมาช้าไปเสียหลายวัน”
“ข้าเข้าใจ เพราะแม่นางเฉินเป็นคนฉลาดและรอบคอบ ข้าไม่ถือโทษดอก”
ถ้าเฉินหยิงมาหานางตั้งแต่สองสามวันก่อนนางคงจะรู้สึกกังวลไม่น้อย ในตอนนั้นมีสายตาหลายคู่จับจ้องที่ประตูบ้านตระกูลเฟิ่ง หากมีคนคิดร้ายกับนางและเฉินหยิง อาจจะมีข่าวลือเรื่องที่พวกนางสมรู้ร่วมคิดกันถูกปล่อยออกมาอีกก็เป็นได้
“ท่านพี่หยินซวง ที่ข้ามาที่นี่วันนี้ก็เพื่อขอบคุณท่าน ไม่ใช่แค่ตัวข้า แต่ในนามของพ่อแม่ของข้าด้วย ถ้าไม่ได้ท่านพี่หยินซวงในวันนั้น ข้าคงได้แต่งงานและกลายเป็นหญิงสาวคนที่แปดที่ถูกกษัตริย์ชิงผิงฆ่าตายแน่ ๆ” เฉินหยิงว่า แล้วให้คนยกของขวัญชิ้นใหญ่มาวางไว้บนโต๊ะ
เฟิ่งหยินซวงนึกถึงครั้งแรกที่นางได้รู้จักกษัตริย์ชิงผิง ตอนนั้นนางก็รู้สึกกลัวเขาอยู่เหมือนกัน
ส่วนตอนนี้ นางรู้เพียงว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนฉลาด แน่นอนว่าความฉลาดของเขามาพร้อมกับความอันตรายที่นางเองก็ยังคาดเดาไม่ได้ กษัตริย์ชิงผิงนั้นมีความลับมากมายอยู่ในตัว และคงไม่ใช่สิ่งที่ใครจะล่วงรู้ได้โดยง่ายเลย
“เจ้าไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ ข้าแค่อยากช่วยเหลือเจ้าก็เท่านั้น”
“นั่นเป็นเพราะท่านพี่หยินซวงมีสถานะที่โดดเด่น และปู่ของท่านก็เป็นผู้มีบารมี เมื่อมีตระกูลเฟิ่งคอยหนุน กษัตริย์ชิงผิงก็คงไม่กล้าทำอะไรท่านพี่อย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นข้าล่ะก็ ข้าคงไม่รอดแน่ ๆ”
ดูเหมือนว่าความประทับใจที่นางมีต่อกษัตริย์ชิงผิงนั้นจะฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเฉินหยิง เฟิ่งหยินซวงจึงได้แต่ยอมแพ้และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
“จริงสิน้องเฉิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ข่าวลือของข้าไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้าใช่ไหม?”
เมื่อเฉินหยิงได้ยินแบบนั้น นางก็ก้มศีรษะลงด้วยความโศกเศร้า ก่อนรอยยิ้มจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางในฉับพลัน
“อันที่จริงมันไม่มีอะไรเลยเจ้าค่ะ เมื่อเทียบกับการต้องแต่งเข้าวังชิงผิง ตอนนี้ข้าสามารถใช้ชีวิตได้ปกติและกลับมาอยู่กับพ่อแม่ของข้าได้ เท่านี้ก็เป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว”
แน่นอนว่าเฟิ่งหยินซวงจับสังเกตท่าทีของนางออก
“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าบอกข้ามาว่าใครพูดอะไรให้เจ้าไม่สบายใจ ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง!”
เฉินหยิงส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะถอนหายใจ
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้สนใจคำพูดพวกนั้นเลยสักนิด ท่านพี่ หยินซวง ตอนนี้ท่านเองก็ตกที่นั่งลำบาก ดังนั้นอย่ากังวลเรื่องของข้าเลย”
ได้ยินเช่นนั้น สาวใช้คู่ใจของเฉินหยิงที่นั่งอยู่ด้านหลังก็มีอาการอยู่ไม่สุข ก่อนนางจะอดไม่ได้ที่จะเปิดปากเล่าเสียเอง
“คนพวกนั้นปั้นน้ำเป็นตัวมากเจ้าค่ะเจ้าท่าน คุณหนูของเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย และพวกเราก็ไม่พอใจอย่างมากที่ได้ยินคำพูดนั้นจากปากพวกเขา โดยเฉพาะคำพูดจากคุณหนูของคฤหาสน์เฉินกั่วกงนั้นรุนแรงที่สุด นางพูดว่าคุณหนูของเราเป็นภรรยาของกษัตริย์ชิงผิงและองค์ชายสามในเวลาเดียวกัน! มันไม่ถูกต้องนะเจ้าคะ! หากเป็นข้า ถ้ามีคนพูดแบบนี้ ข้าจะฆ่านางให้ตายเสีย!”
“ฟิงเอ๋อร์! อย่าหยาบคาย!” เฉินหยิงเอ็ดนางในทันที
“แย่มาก! นางพูดแบบนั้นออกมาได้อย่างไร! น้องเฉิน ข้าว่ามันมากเกินไป เจ้าไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าเอง!”
เฟิ่งหยินซวงกำมือของนางแน่น น้ำเสียงของนางหนักแน่นและเห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธมาก
เฉินชูเซียน หญิงสาวจากคฤหาสน์เฉินกั่วกงหรือ? ได้! นางจะจำเอาไว้!
“ท่านพี่ไม่ต้องโกรธคนพวกนั้นหรอกเจ้าค่ะ ได้ยินมาแล้วก็จบกันไป ท่านอย่าเก็บมาใส่ใจเลย เรื่องของข้ามันช่างเล็กน้อยนักเมื่อเทียบกับเรื่องของท่านพี่ ที่กษัตริย์ชิงผิงมาพัวพันกับท่านทั้งยังเรื่องกำหนดเวลาสามเดือนนั่นอีก หลังจากนั้นแล้วไม่ว่าท่านพี่จะเลือกทางใด มันก็คงจะเกิดความเคืองใจในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแน่นอน ท่านพี่…ข้าอดเป็นห่วงท่านไม่ได้”
เมื่อได้ยินเฉินหยิงพูดแบบนั้น เฟิ่งหยินซวงก็รับรู้ได้ทันทีว่านางเป็นคนฉลาดและมองสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบคอบ
ในตอนนี้นางรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเฉินหยิงเป็นคนที่มีเกียรติในชีวิตของนางจริง ๆ นางไม่เพียงช่วยนางเรื่องสลับเกี้ยว แต่นางยังคิดแทนและนึกเผื่อนางในทุกด้าน นางรู้สึกขอบคุณจากใจ