บทที่ 25 เยี่ยมชม
“น้องซู...เจ้าเป็นยังไงบ้าง?” เฟิ่งหยินซวงแสร้งทำเป็นกังวลอย่างมากตอนที่เดินมาหาซูมันรู
ในเวลานี้ ใบหน้าของซูมันรูซีดเผือดทั้งยังมีน้ำตาคลอเบ้า นางยังไม่รู้สึกดีขึ้นเลย นางคงกำลังจะตายแล้วจริง ๆ
“วิธีเดียวที่นางจะรอดคือต้องกดหน้าท้องเพื่อให้นางสำลักน้ำออกมา มิฉะนั้นนางต้องตายอย่างแน่นอน” จุนโมเชนพูดเบา ๆ ที่ข้างหูเฟิ่งหยินซวง
เพราะผู้ชายและผู้หญิงไม่สามารถสัมผัสร่างกายในส่วนอ่อนไหวแบบนั้นได้ ดังนั้นจึงมีนางเพียงคนเดียวที่จะช่วยให้นางรอดได้
แต่นางก็มีแรงไม่พอ เพราะหลังจากกดท้องซูมันรูไปแล้วสองสามครั้งนางก็ยังไม่มีการตอบสนอง เวลานี้นางจึงคว้าเสื้อคลุมของหนานหยูเทียนและตะโกนใส่เขาอย่างร้อนรน
“องค์ชายสาม ท่านมัวทำอะไรอยู่! ท่านสัญญากับข้าไม่ใช่หรือว่าจะดูแลน้องซูอย่างดีและยกให้นางเป็นสนมด้วย ในเมื่อนางจะเป็นของท่านอยู่แล้ว ทำไมท่านไม่รีบช่วยนาง!”
หนานหยูเทียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าไปช่วยนางกดท้องและหน้าอกของซูมันรู ในที่สุดน้ำที่นางกลืนเข้าไปก็สำลักออกมาจนหมด และแม้ว่านางจะยังอยู่ในอาการโคม่า แต่พวกเขาก็รับรู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่
แน่นอนว่าเฟิ่งหยินซวงจะไม่ปล่อยให้นางตายง่าย ๆ แบบนี้ ความตายเป็นวิธีหนีที่ง่ายที่สุด และซูมันรูไม่สมควรได้รับสิ่งนั้น นางจะปล่อยให้ซูมันรูตายอย่างไม่ทรมานได้อย่างไร?
เมื่อเห็นสีหน้าของหนานหยูเทียน เฟิ่งหยินซวงก็นึกเย้ยหยันอยู่ในใจ แน่นอนว่าเขาไม่สามารถแสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมาได้เพราะต้องทำทีเป็นคนดี นางชื่อว่าตอนนี้เขาเริ่มไม่พอใจซูมันรูขึ้นมาแล้ว
และหนานหยูเทียนก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแล้วจริง ๆ เดิมทีที่เขาออกมานั่งเรือเล่นในวันนี้เพราะต้องการเอาใจเฟิ่งหยินซวง แต่ตอนนี้เขากลับต้องอยู่ในสภาพลำบากใจ
ทันทีที่เรือเทียบท่าเขาก็รีบเดินทางกลับวังไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในทันทีเพื่อไม่ให้เป็นหวัด ส่วนซูมันรูนั้น เขาให้ผู้ติดตามเป็นคนดูแล
เฟิ่งหยินซวงเองก็เหมือนกัน เมื่อนางพาซูมันรูขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางไปหาหมอแล้ว นางก็เดินทางกลับไปยังบ้านตระกูลเฟิ่ง โดยมีจุนโมเชนติดสอยห้อยตามมาด้วย
ทั้งสองเดินทางมาถึงบ้านตระกูลเฟิ่ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ท่านปู่เฟิ่งไท่ซือกลับมาจากวังหลวงพอดี
ก่อนหน้านี้เขาได้ยินว่าหยินซวงออกไปข้างนอกกับองค์ชายสามเมื่อตอนเช้าตรู่ เขาก็ยังนึกไม่พอใจอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเขากลับมาแล้วเห็นว่าหลานสาวกลับบ้านพร้อมกับกษัตริย์ชิงผิงเขาก็ยิ่งไม่พอใจไปกันใหญ่
ใช่ว่าเขาจะไม่ได้ยินข่าวลือที่ว่าตอนนี้หลานสาวสุดที่รักของเขากลายเป็นผู้หญิงก๋ากั่นและใจกล้าในสายตาคนอื่นไปแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ในเมื่อสิ่งต่าง ๆ มันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว เขาก็ทำอะไรไม่ได้
ที่สงสัยคือหลานสาวของเขาทำได้อย่างไร?
ในตอนที่พายุหนุ่มสองลูกนี้พัดกระหน่ำ นางยังสามารถทำให้ทั้งคู่เผชิญหน้ากันโดยสันติได้?
เมื่อรู้ว่ากษัตริย์กชิงผิงมาเยี่ยม พ่อแม่เฟิ่งหยินซวงก็รีบออกมาต้อนรับ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ปฏิบัติต่อกษัตริย์ชิงผิงในฐานะลูกเขยแต่อย่างใด แต่กลับปฏิบัติราวเขากับเข้าเป็นแขกผู้มีเกียรติคนหนึ่ง
กษัตริย์ชิงผิงเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากฮ่องเต้และคนในตระกูลเฟิ่ง จะมีก็เพียงเฟิ่งไท่ซือเท่านั้นที่สามารถเท่าเทียมกับเขาได้ แม้แต่พ่อแม่ของเฟิ่งหยินซวงเองก็ยังต้องทำความเคารพเขา
“พวกเราไม่รู้ล่วงหน้าว่าท่านชายจะมา ดังนั้นการต้อนรับจึงออกจะเรียบง่ายไปสักหน่อย พวกเราหวังว่าท่านจะไม่ถือสา” เฟิ่งเฮา พ่อของเฟิ่งหยินซวงและ ฉินซือ ภรรยาของเขาโค้งคำนับแต่จุนโมเชนรีบเข้าไปปรามพวกเขาไว้
“พ่อตาและแม่ยายไม่จำเป็นต้องสุภาพกับข้าถึงเพียงนี้ เขยคนนี้มากกว่าที่ควรคำนับท่าน”
ผู้ชายคนนี้สุดยอดจริง ๆ เขาสามารถเรียกพ่อแม่นางว่า ‘พ่อตาแม่ยาย’ ได้อย่างหน้าตาเฉยเลยหรือ? เฟิ่งหยินซวงอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่
แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีเย่อหยิ่งต่อหน้าพวกเขาแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นท่านปู่และท่านพ่อท่านแม่คงจะเป็นกังวลมากไปกว่านี้
“ไม่…กษัตริย์ชิงผิง หามิไม่ได้ขอรับ ท่านเป็นถึงกษัตริแห่งชิงผิงผู้สูงส่ง ข้าจะกล้ารับเป็นพ่อตาของท่านได้อย่างไร? ทั้งเรื่องการแต่งงานที่ถูกสลับเกี้ยวนั่นอีก ทั้งหมดเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น ท่านไม่ต้องออกตัวแทนยายตัวดีคนนี้ดอก ลูกสาวของข้าสมควรถูกตำหนิแล้ว”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบองค์ชายสาม แต่กษัตริย์ชิงผิงก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบความผิดพลาดในครั้งนี้ ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ความคิดของเฟิ่งหยินซวง พวกเขายังคิดว่าคนที่นางรักคือองค์ชายสาม เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงอยากช่วยนางปฏิเสธเขา