บทที่ 23 รักษาวิถีของผู้หญิงต่อกษัตริย์องค์นี้
“เจ้าเป็นใคร กล้าขึ้นมาบนเรือขององค์ชายสามได้อย่างไร ไม่รู้หรือว่าเรือลำนี้ถูกเช่าเหมาลำไว้แล้ว!” ทหารองครักษ์คนหนึ่งตะโกนลั่นทันทีที่เดินขึ้นมาบนเรือ
เฟิ่งหยินซวงไม่ได้ให้ความสนใจในตอนแรกเพราะนางคิดว่าคงเป็นแขกสักคนที่ได้รับเชิญจากหนานหยูเทียน แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ตอนนี้แล้ว น่าจะเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญเสียมากกว่า
คน ๆ นั้นยืนนิ่งพลางเอามือไพล่หลัง เขาไม่แม้จะหันหน้ากลับมามองด้วยซ้ำแม้จะรับรู้ว่ากลุ่มคนที่ขึ้นเรือมาเป็นคนขององค์ชายสามก็ตาม
เขาต้องไม่ธรรมดาแน่…เพราะหากเป็นคนทั่วไปคงจะรีบคุกเข่าและร้องขอความเมตตาไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของหนานหยูเทียนไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่เขาก็ยังคงแสดงท่าทีที่อ่อนโยน
“ท่านเป็นใคร? หากท่านอยากจะนั่งเรือก็ควรตรวจสอบก่อนขึ้นมาไม่ใช่หรือ?”
ในที่สุดชายคนนั้นก็ค่อย ๆ หันกลับมา คราวนี้ทุกคนต่างตกใจจนอ้าปากค้าง โดยเฉพาะทหารคนที่ออกตัวในตอนแรก เขาถึงกับรีบทรุดลงคุกเข่ากับพื้นและตัวสั่นด้วยความกลัว
“กษัตริย์ชิงผิงโปรดอภัยข้าด้วย ข้าล่วงเกินท่านโดยไม่ตั้งใจ ได้โปรดยกโทษให้ข้า”
ไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของกษัตริย์ชิงผิง แต่ทันทีที่เขาเห็นหน้ากากหมาป่าอันเป็นเอกลักษณ์ ทุกคนก็จดจำเขาได้ทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูมันรูเจอกษัตริย์ชิงผิง นางย่อตัวลงตามหนานหยูเทียนและเฟิ่งหยินซวงด้วยความกลัว กษัตริย์ผู้โหดร้ายแห่งชิงผิง ผู้อยู่ยงคงกระพันในสนามรบและเป็นมือสังหารที่เหี้ยมโหด
ในตอนแรกนางคิดว่าเขาจะต้องเป็นคนที่อัปลักษณ์น่าเกลียด แต่เมื่อเห็นว่าเขาดูดีและอาจจะหล่อมากจึงค่อนข้างแปลกใจกับข่าวลือที่เคยได้ยินมาตลอด
แต่ถึงกระนั้น หน้ากากบนใบหน้าของเขาก็ย้ำเตือนว่าใบหน้านั้นต้องผิดปกติ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีเหตุอะไรที่เขาต้องปกปิดมัน เขาฆ่าหญิงสาวถึงเจ็ดคนติดต่อกัน และดื่มกินเลือดของพวกนาง ชื่อเสียงความโหดร้ายของเขาจึงเป็นที่เลื่องลือไปทั่วอาณาจักร
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง สีหน้าของหนานหยูเทียนก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันก่อนจะพูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ท่านนี่เอง ยังมีหน้ามาเจอข้าได้อีกหรือ?”
ไม่ว่าจะเป็นคนอ่อนโยนและนิสัยดีขนาดไหน การได้เจอคนที่ปล้นภรรยาของเขาไป ทั้งยังทำให้เขาถูกคนทั้งอาณาจักรเยาะเย้ย เขาก็ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงได้
จุนโมเชนไม่แม้แต่จะมองมาที่เขาแต่กลับจดจ้องไปยังเฟิ่งหยินซวง ไม่ทันตั้งตัวเขาก็เดินเข้าไปคว้าข้อมือนางแล้วดึงเข้าไปในอ้อมแขนของตัวเอง
สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกครั้งและหนานหยูเทียนก็ยากที่จะรั้งไว้
เขาเป็นเพียงองค์ชายสามที่เอาแต่ใจ แม้เขาจะมีทักษะบางอย่างที่โดดเด่น แต่หากจะเทียบกับกษัตริย์ชิงผิง เข้าก็แทบจะไม่ติดฝุ่น
เฟิ่งหยินซวงไม่มีอาการขัดขืน นางรู้สึกถึงความเจ็บปวดของเขาผ่านสัมผัสที่ข้อมือ และร่องรอยความโกรธในดวงตาของเขานั้น นางก็เห็นมันได้อย่างชัด
“เหมือนว่าเจ้าจะลืมตัวตนของเจ้าไปแล้ว ในเมื่อเจ้าเป็นคนที่ข้าอภิเษกสมรสด้วย แต่เจ้าก็ยังกล้าออกมาเที่ยวกับชายอื่นได้อีกหรือ? เจ้าคิดว่าข้าตายไปแล้วหรืออย่างไร?”
นางเองก็ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่เหมือนกัน แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่าวันนี้นางจะออกมากับหนานหยูเทียน? หรือว่าเขาจงใจออกมาตามนาง?
เมื่อคืนที่ผ่านมา พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่านางจะยอมเป็นผู้หญิงของเขา โดยมีเงื่อนไขว่าเขาต้องปิดปากเงียบเรื่องแผนการของนาง แต่ตอนนี้ ต่อหน้าหนานหยูเทียน นางก็ควรต้องรักษาระยะห่างไม่ให้มันโจ่งแจ้งจนเกินไป
คิดได้แบบนั้น นางก็รีบสะบัดตัวออกจากเขาอย่างแรงแล้วถอยห่างไปสองสามก้าว ก่อนจะมองเขาอย่างเฉยเมย
“ท่านชายโปรดให้เกียรติข้าด้วย ท่านจะกอดข้าตอนกลางวันแสก ๆ แบบนี้ไม่ได้นะเพคะ”
หนานหยูเทียนรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นเฟิ่งหยินซวงต่อต้านจุนโมเชนแบบนี้ มันแสดงให้เห็นว่านางไม่ชอบเขาคนนั้นจริง ๆ
“ให้เกียรติหรือ? การที่ข้าพลอดรักกับภรรยาของข้าถือเป็นการไม่ให้เกียรติตรงไหน? อย่าลืมว่าเจ้าเป็นผู้หญิงของข้าแล้ว เจ้าก็ควรจะปฏิบัติตามวิถีของภรรยา”
ตอนนี้เฟิ่งหยินซวงค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าเขามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาอย่างตั้งใจ
รู้อย่างนี้ เมื่อคืนนางควรจะทำข้อตกลงกับเขาอีกข้อหนึ่งว่าเขาห้ามแทรกแซงเรื่องของนางด้วย
“ท่านอย่าลืมสิเพคะว่าต่อหน้าฮ่องเต้ท่านให้สัญญาว่าจะแข่งขันกับองค์ชายสามอย่างยุติธรรม และให้เวลาข้าเลือกสามีสามเดือน ในตอนนี้ ข้าเองก็ยังไม่ถือว่าเป็นคนของใคร เพราะฉะนั้นข้าจะไปไหนกับใครก็ได้ ท่านไม่มีสิทธิ์เข้ามาแทรกแซงนะเพคะ”
เฟิ่งหยินซวงสัมผัสได้ว่าเขากำลังจะโกรธที่นางกล้าเอาสิ่งที่เขาเคยพูดไว้มาหักหน้าเขากลับ และดูเหมือนนางเพิ่งจะรู้ตัวว่าหักหน้าเขาเกินไป หากเขาเปิดเผยแผนการของนางต่อหน้าหนานหยูเทียนและซูมันรู สิ่งที่นางกำลังทำต้องพังทลายลงแน่
ตอนนี้เฟิ่งหยินซวงจึงทำได้เพียงอ้อนวอนเขาผ่านสายตา หวังว่าเขาจะยกโทษให้และไม่ทำอะไรที่รบกวนนาง
กษัตริย์ชิงผิงเข้าใจสายตาของนางได้อย่างชัดเจน กำปั้นใต้แขนเสื้อของเขากำแน่นก่อนจะผ่อนคลายออกมาในที่สุด
“ถ้าเจ้าไม่เตือนข้า ข้าก็คงลืมไปแล้วจริง ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าและองค์ชายสามก็มีสิทธิ์ที่จะไล่ตามเจ้าเช่นกัน อย่างนั้นวันนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
“ไม่ได้!” หนานหยูเทียนรีบปฏิเสธ
เขาต้องการใช้ประโยชน์จากโอกาสในวันนี้เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับเฟิ่งหยินซวง เขาจะถูกทำลายโดยคนที่ขโมยเจ้าสาวของเขาได้อย่างไร ชายคนนี้ช่างไร้ยางอายจริง ๆ
“ท่านไม่เห็นด้วยหรือ? ในเมื่อหยินซวงพาแม่นางซูมาด้วย ข้าก็จะไปกับนางแทน ท่านกับหยินซวงเพียงแค่เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่นี่ก็พอ”
แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะลากซูมันรูให้เข้ามามีส่วนร่วมกับความขัดแย้งนี้ด้วย และเมื่อเขาเห็นว่าใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเขาก็ไม่พูดอะไรต่อ
“ท่าน…” หนานหยูเทียนพูดไม่ออก เขาตกลงกับกำหนดการสามเดือนด้วยตัวเอง ฉะนั้นตอนนี้เขาจะกลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้
ต่อให้ตอนนี้เขาจะโกรธขนาดไหน เขาก็ได้แต่ปล่อยให้จุนโมเชนอยู่ร่วมล่องเรือด้วยต่อไป