บทที่ 22 พี่สาวรับใช้สามีด้วยกัน
ซูมันรูต้องการที่จะออกจากหัวข้อสนทนานี้เพราะกลัวว่าเฟิ่งหยินซวงจะชี้ชวนและพานางให้เห็นด้วยกับการแต่งงาน และจากนั้นก็จะจบลงอย่างเลวร้าย
“ท่านพี่เลิกล้อเล่นเถิด น้องสาวของท่านมีฐานะต่ำต้อยและไม่ค่อยฉลาด ใครจะมาชอบข้าได้”
แน่นอนว่านางอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางหนานหยูเทียน โดยหวังว่าเขาจะออกมาปกป้องและพูดอะไรบางอย่างบ้าง แต่เขาก็เอาแต่นิ่งเงียบ
“เจ้าคือน้องสาวที่แสนดีของข้า ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าดูถูกตัวเองแบบนั้น เจ้าใจดีและอ่อนโยนมาก ข้าคงไม่สบายใจถ้าเจ้าแต่งงานออกไปจริง ๆ บางทีเจ้าอาจจะถูกรังแกได้ ข้ายังอยากให้เจ้าติดตามข้าไปทุกที่” นางจับมือซูมันรูและแสดงท่าทางเหมือนเป็นห่วงนางมาก
เห็นอย่างนั้นแล้ว ความสงสัยในใจของหนานหยูเทียนและซูมันรูก็ลดลงทันที ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะกังวลกันเกินไปจริง ๆ
ว่าแต่…เฟิ่งหยินซวงหมายความว่าอย่างไร? ที่นางบอกว่าอยากพานางไปด้วยทุกที่ นั่นหมายถึงนางจะนำนางติดตัวไปด้วยแม้ว่านางจะแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ?
คำพูดของเฟิ่งหยินซวงดูจะมีความหมายลึกซึ้ง และเห็นได้ชัดว่าซูมันรูเกิดความรู้สึกบางอย่าง และดูตื่นตัวขึ้นเล็กน้อย
“ท่านพี่ ท่านกำลังบอกว่าจะให้ข้าอยู่เคียงข้างท่านต่อไปหรือ? มีเพียงท่านพี่ของข้าเท่านั้นที่ปฏิบัติต่อข้าอย่างดีที่สุดในโลกนี้ ตราบใดที่ข้าสามารถอยู่กับท่านได้ตลอดเวลา แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงสาวใช้ ข้าก็เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น”
เฟิ่งหยินซวงยกยิ้มก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ซูมันรูตาเบิกโพลง
“เจ้าเป็นน้องสาวที่ดีของข้า ข้าจะให้เจ้าเป็นสาวใช้ได้อย่างไร จะไม่ดีกว่าหรือหากเราทั้งสองจะสามารถปรนนิบัติสามีคนเดียวกันได้”
เพราะนางใจดีกับนางมาก และสามารถแบ่งปันทุกอย่างกับนางได้ แต่นั่นรวมถึงความรู้สึกภายในด้วยหรือ? เพราะนางรักองค์ชายสามมากไม่ใช่หรือนางถึงยอมแต่งงานกับเขา เช่นนั้นจะแบ่งปันเขาให้นางด้วยได้อย่างไร?
ซูมันรูรีบระงับความปีติในใจแล้วแสร้งทำสีหน้าตกใจสุดขีด
“ท่านพี่...ท่านกำลังพูดอะไร ท่านพี่กับองค์ชายสามรักกัน ข้าจะสามารถ…”
“ซวงเอ๋อร์ ในหัวใจของข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าจะขอให้ข้าแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นได้อย่างไร ข้าไม่มีวันเห็นด้วย” หน่านหยูเทียนหันมาปฏิเสธเฟิ่งหยินซวงในทันที
“แต่รูเอ๋อร์เป็นน้องสาวที่ดีของข้า ข้าคงปล่อยให้นางแต่งงานกับคนอื่นและเสี่ยงต่อการถูกรังแกไม่ได้ แม้ว่าข้าจะรักองค์ชายมากแต่ข้าก็ไม่อยากให้ท่านแปดเปื้อนไปมากกว่านี้ หลังจากการแต่งงานที่ไม่ถูกต้อง ชื่อเสียงของข้าก็ได้รับความเสียหาย ข้ารู้สึกละอายใจอย่างมาก องค์ชายสามที่สง่างามจะทนกับความอับอายและอดสูของข้าได้อย่างไร นอกจากนี้ ราชวงศ์ก็ยังจำเป็นต้องมีรัชทายาทในอนาคต ข้าจะทำให้องค์ชายสามอับอายเพราะความเห็นแก่ตัวของข้าไม่ได้เพคะ”
เฟิ่งหยินซวงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง นางพูดทุกอย่างออกมายาวเหยียดราวกับว่าทุกคำออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
แล้วนางคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือ?
ซูมันรูไม่กล้าพูดอะไรต่อ นางมองไปที่หนานหยูเทียนอย่างรวดเร็ว
“ซวงเอ๋อร์ เจ้ายังรู้สึกผิดกับเหตุการณ์นั้นอยู่อีกหรือ? ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่ถือสาอะไร ตราบใดที่ข้ารักเจ้า ข้าก็จะรักเพียงเจ้าคนเดียว ดังนั้น…”
เฟิ่งหยินซวงรีบขัดจังหวะ
“ดังนั้นแม่นางซูก็เป็นคนที่สำคัญที่สุดของข้าเช่นกัน ถ้าท่านรักข้าจริง ๆ ก็จงยอมรับนางด้วย”
นางต้องการให้เขาแต่งงานกับซูมันรูจริง ๆ หรือ? ที่หนานหยูเทียนพูดแบบนี้เพราะเขาไม่เชื่อว่านางคิดแบบนั้นจริง ๆ แต่เมื่อนางยังคงยืนกรานแบบเดิม ดังนั้นมันคงจะเป็นความจริงแล้ว
“ซวงเอ๋อร์” เขาจับมือนางและมองตาด้วยความเสน่หา “ถ้านี่คือความปรารถนาของเจ้า ข้าก็ทำตามนั้น แต่เจ้าจงรู้ไว้ว่าเจ้าเป็นคนเดียวในหัวใจของข้า แม้แม่นางซูจะเข้าวังกับเจ้าด้วย ข้าก็จะให้นางเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง และข้าจะดูแลนางเหมือนน้องสาวเท่านั้น”
ในเวลานี้ ซูมันรูเริ่มมือสั่นด้วยความตื่นเต้น องค์ชายสามทรงตรัสแล้ว ดังนั้นนางก็จะได้แต่งงานกับองค์ชายสามด้วย ไม่ว่าได้อยู่ในสถานะใดของเขา นางก็มีความสุข
“เช่นนั้น ข้าขอขอบคุณองค์ชายสามเพคะที่เอ็นดูรูเอ๋อร์น้องสาวข้า” เฟิ่งหยินซวงโค้งคำนับ
“ซวงเอ๋อร์…ไม่ว่าสิ่งใดข้าก็สามารถทำเพื่อเจ้าได้ ตราบใดที่มันทำให้เจ้ามีความสุข”
หนานหยูเทียนดีใจมากที่เฟิ่งหยินซวงยอมให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เพราะเขาก็ไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับนางเช่นกัน การที่นางใจกว้างแบบนี้ ในอนาคตเขาจะทำให้นางประทับใจมากกว่านี้แน่นอน
ในที่สุดรถม้าก็พาทั้งหมดมาถึงทะเลสาบหยินเยว่ ทุกคนทยอยลงจากรถโดยที่หนานหยูเทียนกระโดดลงมาก่อน ก่อนจะหันไปช่วยเฟิ่งหยินซวงและซูมันรูลงจากรถทีละคน
เมื่อซูมันรูวางมือลงบนมือเขา นางมีท่าทีเขินอายเล็กน้อยและมองเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก แต่เพราะเฟิ่งหยินซวงยังอยู่ที่นี่ พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรออกนอกหน้าได้ ไม่ช้า หนานหยูเทียนก็ถอนมือออก
“ที่นี่แหละท่านพี่ ที่ข้าอยากพาท่านมา ชอบไหมเจ้าคะ?”
“ชอบสิ ได้ออกมาเห็นทิวทัศน์แบบนี้ข้าก็รู้สึกดีขึ้น เราควรจะขอบคุณองค์ชายสาม ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ข้าก็คงไม่ได้มาเห็นทิวทัศน์ที่งดงามแบบนี้”
หนานหยูเทียนยกยิ้มอย่างมีความสุข เขาดูเป็นผู้ชายอบอุ่นขึ้นมาทันที
“ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะเบื่อที่อยู่แต่ในห้อง ข้าก็เลยอยากพาเจ้าออกมาเดินเล่น ไปลงเรือกันเถิด ที่นี่มีเกาะกลางน้ำที่ว่ากันว่ามีสมบัติซ่อนอยู่ วันนี้เราจะลองเสี่ยงกันดู”
ว่าแล้วทั้งหมดก็พากันขึ้นเรือซึ่งเป็นเรือสำราญที่สะดวกสบายและสวยงาม ตัวเรือถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้ผู้โดยสารได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพ และหนานหยูเทียนก็ได้เช่าเหมาลำเอาไว้แล้วเรียบร้อย
แน่นอนว่าเพราะเขาคือองค์ชายจึงไม่ลำบากอะไรในการเตรียมการ
เฟิ่งหยินซวงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมในชีวิตที่แล้วนางถึงได้หมกมุ่นกับเขามากจนตาบอด สิ่งที่เขาทำให้นางประทับใจมากในอดีตไม่ได้เกิดจากความพยายามของเขาเลยสักนิด แต่นางก็เชื่ออย่างโง่เขลาว่าเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากกับทุกอย่างที่ทำให้นาง นางมันโง่จริง ๆ
หลังจากพวกเขาขึ้นเรือมาก็พบว่ามีคนอยู่บนเรือมาก่อนแล้ว ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อคลุมแขนกว้างยืนอยู่ที่บริเวณหัวเรือ สายลมสะบัดพัดแขนเสื้อของเขาเบา ๆ แน่นอนว่าในท่วงท่าเช่นนี้ คงจะเป็นใครไปไม่ได้เลย