บทที่ 17: [ด่าน 1] การเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม (2)
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 17: [ด่าน 1] การเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม (2)
ข้าแบ่งปันข้อมูลถึงสถานการณ์ปัจจุบันให้กับสมาชิกในทีมทราบ
ใบหน้าของเดเมียนและลิลลี่ซีดเผือดเมื่อได้ยินว่าชุดเกราะมีชีวิต 1000 ตนกำลังมา
ทางด้านจูปิเตอร์ก็เพียงพ่นควันบุหรี่ออกมาโดยไม่พูดอะไร ส่วนทางด้านลูคัสที่รู้อยู่แล้วก็ยังคงนิ่งอยู่
“ท่านต้องการให้เราทำอะไร องค์ชาย?”
ข้าพยักหน้าให้คำถามของลูคัส
“เราไม่อาจรอเพียงอย่างเดียว เราจะต้องทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ สิ่งแรกที่จะเริ่มทำ ข้าจะมอบคำสั่งให้พวกเจาทุกคน”
จากนั้นข้าก็มองไปทางลูคัส
“ลูคัส”
“ขอรับ ข้ารอรับบัญชาขององค์ชายอยู่”
“ข้ามอบหมายให้เจ้ามีอำนาจในการสั่งการกองกำลังครอสโรดทั้งหมด”
ลูคัสเป็นตัวละครหลักของเกมนี้ เขาเป็นเป็นเหมือนร่างอวตารของผู้เล่น
ทักษะความเป็นผู้นำของเขาจึงค่อนข้างสูง อีกทั้งยังเชื่อถือตัวเขาได้ค่อนข้างมาก
"ข้าจะพยายามอย่างถึงที่สุดขอรับ"
ลูคัสก้มศีรษะลง ข้าสั่งอย่างรวดเร็วและรัดกุม
“ครอสโรดไม่ได้พบจบกับผู้รุกรานในช่วงหลายปีมานี้ ทำให้เหล่าทหารคงเกียจคร้านมาก เจ้าต้องฝึกวินัยพวกเขา”
“ข้าจะทำตามบัญชาขอรับองค์ชาย”
“ประเภทของสัตว์ประหลาดที่กำลังบุกเราคือชุดเกราะมีชีวิต พวกมันเป็นภูตผีในชุดเกราะ ดังนั้นการโจมตีทางกายภาพย่อมไม่ได้ผลกับพวกมัน คมดาบมีแต่จะไร้ประโยชน์เมื่อใช้กับพวกมัน”
ใช้ดาบแทงวิญญาณแล้วมันจะตายได้งั้นหรือ? ต่อให้แทงทะลุเกราะไปก็ใช่ว่าพวกมันจะตายสักหน่อย
“เปลี่ยนอาวุธทั้งหมดของทหารเป็นอาวุธไร้คม ถ้ามันไม่ได้ผล ก็ให้พวกเขาใช้ไม้”
สิ่งที่ข้าจะทำคือการเปลี่ยนคุณสมบัติของอาวุธ เพื่อให้ทหารสามารถสร้างความเสียหายให้กับศัตรูได้
ในเกมมีลักษระการโจมตีทางกายภาพสามอย่าง
การฟัน การทุบและการเจาะ
การโจมตีทั้งสามนี้ก็ไม่ค่อยแตกต่างกันนัก แต่มันสามารถนำไปใช้ในการจัดการกับสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะเฉพาะได้
“ในอีกสามวันที่เหลือ ให้เปลี่ยนอุปกรณ์และดำเนินการฝึกขั้นพื้นฐานถึงการใช้อาวุธไม่มีคม”
“ขอรับองค์ชาย”
"อืม ข้าขอฝากเรื่องนี้กับเจ้าด้วยนะ"
ลูคัสคงสามารถจัดการเรื่องนี้ได้สบายๆ ข้าหันไปมองสมาชิกทีมคนต่อไป
“ถัดไป ลิลลี่”
เมื่อข้าเรียกลิลลี่ที่อยู่บนรถเข็น นางชี้ไปที่ขาของนางด้วยสีหน้างุนงง
“คือว่าองค์ชาย... อย่างที่ท่านเห็น ข้าไม่สามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้ได้จริงๆ…”
ก็เข้าใจได้ นางเพิ่งเกษียณเพราะนางไม่สามารถใช้ขาของนางได้อีกต่อไป แต่จะให้นางมาสู้กับพวกสัตว์ประหลาดอีกเนี่ยนะ
“ขอโทษด้วยนะลิลลี่ แต่ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องการให้เจ้าช่วย”
คงเป็นการเสียเปล่าที่จะปล่อยให้ลิลลี่ผู้ผ่านด่านฝึกสอนและเป็นตัวละครระดับ R อยู่เฉย
ถึงข้าจะรู้สึกแย่ แต่ก็จำเป็นต้องใช้นางก่อน
"อย่ากังวลไป เจ้าจะไม่ถูกส่งไปในสนามรบ”
"คะ? เช่นนั้นจะให้ข้า…”
“ครอสโรดไม่ได้ถูกรุกรานมาหลายทศวรรษแล้ว”
ไม่ใช่แค่ทหารที่ไร้ระเบียบ อุปกรณ์ป้องกันและข้าวของต่างๆ ก็มีสภาพไม่ต่างกัน
“สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ส่วนใหญ่ต่างก็ขึ้นสนิมและเต็มไปด้วยฝุ่นเกรอะ เราต้องขจัดพวกมันและซ่อมแซมพวกมัน”
ข้าได้สั่งการสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุแล้ว ยามนี้ พวกทีมนักเล่นแร่แปรธาตุคงจะประชุมกันที่โกดังอาวุธยุทโธปกรณ์
"ถ้าอย่างนั้นข้า..."
"ถูกต้องแล้ว ข้าต้องการให้เจ้าดูแลการซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์”
การซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์เป็นสิ่งที่ทำได้เฉพาะนักเล่นแร่แปรธาตุเท่านั้น แต่มันจะมีประสิทธิภาพกว่ามากเมื่อให้นักเวทย์เข้าไปช่วย
‘แต่ นี่ก็เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น…”
ข้าวางแผนที่จะให้ลิลลี่อยู่กับฝ่ายบริหารสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ป้องกันในอนาคต
นางเป็นนักเวทย์ที่ฉลาดและมีระเบียบเป็ฯอย่างดี นางเหมาะแก่การจัดการสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่มีแกนผลึกเป็นอย่างยิ่ง
‘ถ้าข้าให้นางเป็นผู้ดูแลการซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์พวกนี้ นางย่อมสามารถเข้าใจสภาพและลักษณะของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ได้เป็นอย่างดี’
หลังจากนั้น ข้าก็จะมอบหมายงานพวกนี้ให้นางอีก
ขอโทษที่ใช้เจ้ามากเกินไปนะ ลิลลี่ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการเกษียณให้เจ้าหรอก อนาคตของเจ้าคือความทนทุกข์ทรมานที่จะต้องคอยรับใช้ข้าไปตลอดทั้งชีวิต...
“ไม่จำเป็นต้องทำให้มันอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ใดที่สามารถซ่อมแซมจนยิงได้หนึ่งลูก ก็นำมาติดกำแพงได้เลย”
“ค-ค่ะ…”
ลิลลี่ดูไม่เต็มใจ แต่ก็พยักหน้ารับ ไม่ต้องกังวล ข้าจะจ่ายให้เจ้าอีกมาก
“ต่อไป จูปิเตอร์”
เมื่อข้าเรียกชื่อนาง นางก็ดับซิการ์ทันที
ไม่เป็นไรหรอกถ้าเจ้ายังอยากสูบบุหรี่อีก เจ้าจะต้องผ่านกับเหตุการณ์ที่เหมือนดั่งตกนรก ข้ายอมรับได้
"จูปิเตอร์ ข้าคิดว่าเจ้าคงตระหนักแล้ว แต่เจ้าจะเป็นแกนหลักของการป้องกันเมืองครั้งนี้”
จูปิเตอร์รู้ตั้งแต่ตอนที่นางได้ยินว่าศัตรูคือชุดเกราะมีชีวิตแล้วว่านางจะต้องทำงานประเภทใด
“ชุดเกราะมีชีวิตเป็น ‘ภูตผี’ ที่สวมชุดเกราะโลหะ’ เจ้าที่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์ธาตุสายฟ้าเป็นสิ่งที่สามารถชนะทางพวกมันได้”
นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าตัดสินใจต่อสู้กับสัตว์ประหลาดด้วยแผนธรรมดา แทนที่จะใช้กลยุทธ์มากมาย
จูปิเตอร์เป็นแม่มดธาตุสายฟ้าระดับ SR
ส่วนพวกสัตว์ประหลาดก็คือชุดเกราะมีชีวิต ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดที่แพ้ทางนาง
บางทีการที่ข้าได้พบกับนาง อาจเป็นโชคที่ไอ้เกมบัดซบนี้มอบให้มาก็เป็นได้
“เจ้าและทีมของเจ้าจะถูกจัดเป็นกองกำลังสำหรับปฏิบัติการพิเศษ พวกเจ้าทุกคนจะได้รับอาชาสงครามเพื่อขี่มัน…ไปตลอดแนวการป้องกัน เจ้าจะเป็นผู้รับผิดชอบการปฏิบัติการกองโจรแบบพุ่งเข้าแล้วหนี เจ้าโจมตีและสมาชิกทีมของเจ้าก็จะคอยคุ้มกันเจ้า”
“......”
“ไม่มีอะไรที่เจ้าต้องเตรียม เพียงแค่ต้องทำงานร่วมกับสมาชิกทีมและพักผ่อนให้เพียงพอจนกว่าจะถึงวันของการต่อสู้ ในวันนั้น เจ้าคงจะต้องวิ่งอย่างบ้าคลั่งเลยล่ะ”
จูปิเตอร์ฟังสิ่งที่ข้าพูดโดยไม่ตอบอะไรกลับมา ข้าพยักหน้าอีกครั้ง
“แสดงฝีมือของเจ้าให้ข้าเห็น อย่าทำให้ข้ารู้สึกว่าเงินเดือนที่ข้าจ่ายไปมันไม่คุ้มค่า”
“...ข้าขอถามอะไรท่านอย่างหนึ่งได้ไหมองค์ชาย?”
จูปิเตอร์หมุนซิการ์ด้วยนิ้วเรียวยาวของนางและยิ้มอย่างแผ่วเบา
“เงินเดือนรายปีที่ท่านพูดถึง…มีการต่ออายุทุกปีหรือไม่?”
"มีอยู่แล้ว"
“ถ้าอย่างนั้น หากทหารรับจ้างชราผู้นี้แสดงฝีมืออย่างเยี่ยมยอดให้ท่านเห็น มันจะเพิ่มขึ้นหรือเปล่า?”
จูปิเตอร์ถามโดยไม่ได้ซ่อนความโลภที่เปล่งประกายในดวงตาข้างเดียวของนางเลย
ข้าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น หญิงชรากระหายเงินผู้นี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นนัก...
"ได้สิ! ข้าจะขึ้นเงินเดือนให้เจ้าขึ้นอยู่กับผลงานของเจ้าเลย”
“ถ้าอย่างนั้นท่านควรเริ่มคิดเรื่องการขึ้นเงินเดือนของปีหน้าแล้วนะองค์ชาย”
จูปิเตอร์โยนซิการ์ลงบนพื้น
แม่มดสายสายฟ้าชราได้หักนิ้วของตน จนทำให้ถุงมือได้ฉีกขาดออก
“ท่านคงไม่มีทางพบเจอทหารรับจ้างคนอื่นที่ทำงานได้ดีมากกว่าข้าอีกแล้วล่ะ”
* * *
. .
. .
.
.
* * *
ลูคัส ลิลลี่และจูปิเตอร์ออกเดินทางเพื่อทำหน้าที่ของตนเองตามคำสั่งของข้า
คนที่เหลืออยู่ที่ทางเข้าคฤหาสน์คือเดเมียน ไอเดอร์และข้า ดวงตาสีน้ำตาลขนาดใหญ่ของเดเมียนกลอกไปมา
“คือองค์ชาย ให้ข้าทำอะไรงั้นหรือ…”
“เดเมียน”
ข้ายื่นมือไปทางไอเดอร์ ไอเดอร์จึงนำกระเป๋าหนังสีน้ำตาลมาทันที ข้ารีบส่งกระเป๋าให้เดเมียน
"ถือสิ่งนี้ไว้ ข้าเตรียมมันไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะ”
"ขอรับ?"
เดเมียนมองไปที่มันด้วยความสับสน จากนั้นจึงหยิบกระเป๋าและเอาของข้างในออกมา
“นี่คือ…หน้าไม้…?”
"ใช่"
มันเป็นหน้าไม้ระดับ N ที่ข้าได้ซื้อจากพ่อค้าอาวุธ
[หน้าไม้ปกติ (N) ระดับ 10]
- ประเภท หน้าไม้
พลังโจมตี: 10-15
- ความทนทาน : 30/30
- ค่าสถานะพิเศษ: ไม่มี
แม้ว่ามันจะเป็นไอเท็มระดับ N แต่มันก็เบาและมีความทนทานมากทีเดียว นอกจากนี้ ข้ายังซื้อลูกธนูสามลูกที่มีคุณภาพดีใส่ไว้ในกระเป๋าอีก
“บทบาทของเจ้าในอนาคตจะกลายเป็นพลซุ่มยิง ควรใช้เวทรักษาในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น”
เดเมียนต้องละทิ้งตัวตนของเขาในฐานะผู้รักษาไปและกลายเป็นพลซุ่มยิง
แน่นอนว่ามันอาจดูไม่เข้ากันสักเท่าไร เพราะทักษะที่เดเมียนจะสามารถเรียนรู้ในอนาคตคือเวทรักษา ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการซุ่มยิงเลย
เขาต้องละทิ้งรูปแบบการต่อสู้ในฐานะผู้รักษาที่เขาเรียนรู้มาตลอดชีวิต
มันจะเป็นเส้นทางที่ยากลำบากสำหรับเขามาก
ทว่าด้วยคุณลักษณะตัวละครอย่าง [ดวงตาพันลี้] มันก็คุ้มค่าแล้วกับการเลือกทางเช่นนี้ นี่คือคุณลักษณะตัวละครที่โกงที่สุดแล้วในเกม
“...เพราะว่ามันเป็นคำสั่งขององค์ชาย”
เดเมียนวางไม้เท้าที่ถืออยู่ในมือลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง และคว้าหน้าไม้ที่ข้ายื่นให้เขาไปด้วยมือทั้งสองข้างของเขา
“ข้าก็จะลองดู”
ท่าทางของเขาที่ถือหน้าไม้ค่อนข้างเทอะทะพอสมควร แต่เมื่อได้เห็นว่าเขายิงปืนใหญ่มานาได้เก่งแค่ไหน ข้าก็รู้ว่าเขาจะชินกับมันอย่างรวดเร็วแน่
“เกิดอะไรขึ้นกับแว่นตาของเจ้าหรือ? เจ้าตัดสินใจที่จะถอดมันออกงั้นเหรอ?”
"ถูกต้องแล้วขอรับ"
ไม่มีแว่นตาบนดวงตาของเดเมียนอีกต่อไป ดูเหมือนว่าเขาตัดสินใจที่จะทิ้งพวกมันไปตั้งแต่ที่พวกสัตว์ประหลาดบุกมาครั้งก่อน
“แท้จริงแล้ว ที่ข้าใส่แว่นตาก็เพื่อที่จำกัดสายตาของข้า เนื่องจากว่ามันดีมากเกินไป…”
"อืม"
“แต่ยามนี้ ข้าจำเป็นต้องใช้สายตานี้ ข้าจึงตัดสินใจที่จะไม่ใส่แว่นตาอีก”
เดเมียนยิ้มออกมาอย่างเขินอาย
ช่างเป็นเด็กที่กล้าหาญนัก ข้ายิ้มขณะที่ตบไหล่ของเดเมียน
“โชคดีมากแฮะ ข้าก็กำลังกังวลเรื่องมีตัวละครที่สวมแว่นทับกันอยู่เลยยย...”
“แกช่วยหุบปากได้ไหม?”
ข้ากล่าวใส่ไอเดอร์ไป
“ผู้ช่วยและข้าจะมุ่งหน้าไปสั่งการเตรียมการป้องกัน เดเมียน เจ้าจะไปฝึกใช้หน้าไม้นั้นด้วยตัวเองหรือ…”
“ข้าจะตามองค์ชายไปขอรับ!”
ก่อนที่ข้าจะพูดอะไรออกไป เขาก็ตะโกนกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ท่านอัศวิน…ข้าหมายถึงในเมื่อท่านลูคัสไม่ได้อยู่กับท่าน ข้าก็จะขอปกป้องท่านได้ไหมขอรับ องค์ชาย!”
“......”
ปกป้อง? ปกป้องเหรอ? พูดตามตรง มันควรเป็นข้าต่างหากที่ควรปกป้องเจ้า
ข้าพยักหน้า เพราะจะพาเขามาด้วยตั้งแต่แรกแล้ว
"อืม เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ ก่อนอื่นเราจะไปดูกำแพงปราสาท”
* * *
ครอสโรดเป็นเมืองที่มีป้อมปราการที่มีกำแพงทั้งสี่ด้าน แต่กำแพงด้านใต้นั้นจะหนากว่ากำแพงด้านอื่นๆ
มันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะกำแพงทางใต้เป็นจุดที่สัตว์ประหลาดจากทางใต้มักจะโจมตี
เมื่อเดเมียน ไอเดอร์และข้ามาถึงกำแพงทางใต้ สมาคมช่างตีเหล็กและช่างก่ออิฐก็แสดงความเคารพอย่างกระอักกระอ่วน
“อ-องค์ชาย มาแล้วเหรอขอรับ!”
“ข้ามาแล้ว กำแพงปราสาทเป็นเช่นไรบ้าง?”
“ส-สภาพมันไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะมันถูกละเลยมานานพอสมควรแล้ว…”
หัวหน้าสมาคมทั้งสองเหลือบมองแผ่นเหล็กที่มีรอยแตกที่มุมกำแพงป้อมปราการและกล่าวตอบ
จากนั้นข้าก็หันหลังกลับและตะโกนใส่ไอเดอร์
“ถ้าชื่อของเมืองนี้คือเมืองป้อมปราการการ มันก็ควรมีสภาพกำแพงปราสาทดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงปล่อยให้ที่นี่เป็นแบบนี้?”
“เพราะเราไม่มีเงินทุนเลยขอรับ…”
ไอเดอร์ยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วน
“เนื่องจากจำนวนสัตว์ประหลาดลดลง การผลิตผลึกเวทมนตร์ก็ลดลงเช่นกัน ดังนั้นอดีตท่านเจ้าเมืองจึงลดงบประมาณลง เพื่อยกเว้นส่วนที่ไม่ต้องการการซ่อมแซมลงไป…”
“อะไรมันจะกลับตาลปัตรได้ขนาดนี้…”
ที่นี่คือป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันสัตว์ประหลาด แต่กลับละเลยมันไปเพราะเงินทุนลดลง มันขัดแย้งกันมากไปไหม?
ข้าตะโกนใส่หัวหน้าสมาคมทั้งสองต่อทันที
“พวกเจ้าจงใช้งบประมาณและวัสดุอะไรก็ได้ที่เจ้ามีทุ่มมันลงไป เสริมสภาพและซ่อมแซมจนให้มันรู้สึกว่ามากเกินไปเลย พวกเจ้าเข้าใจใช่ไหม?”
“ขอรับองค์ชาย!”
“ไปทำงาน! อย่าเสียเวลา! ตอนนี้พวกสัตว์ประหลาดกำลังเข้ามาใกล้แล้ว!”
ช่างตีเหล็กที่ติดอยู่กับกำแพงรีบเพิ่มแผ่นเหล็กและทุบค้อนของพวกเขาทันที
เหล็กชนกับกำแพงและส่งเสียงที่น่ารื่นรมย์ขึ้นมา แคร๊ง! แคร๊ง! แคร้ง!
จะหาเงินยามใดก็ได้ แต่หากไร้ซึ่งชีวิตแล้ว ทุกอย่างมันก็จบลง
ที่จริงข้าเองก็อยากจะประหยัดทรัพยากรอยู่บ้าง แต่หากให้เลือกระหว่างตายกับเก็บของเอาไว้ ข้าขอใช้ทุกอย่างที่มีและทุ่มหมดหน้าตักเสียจะดีกว่า
“กระสุนปืนใหญ่และลูกศรล่ะ? เรามีของสำรองเพียงพอหรือเปล่า?”
เมื่อข้าถามคำถามขณะตรวจสอบปืนใหญ่และหน้าไม้ที่ติดตั้งอยู่บนกำแพง ไอเดอร์ก็ตอบทันที
“เรามีไม่พอขอรับ ข้าเลยซื้อเท่าที่พวกพ่อค้ามีเก็บเอาไว้ ทุกอย่างที่มีก็จะอยู่ที่นี่หมดแล้ว”
“คูเมืองควรจะเต็มไปด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือ? ทำไมมันยังแห้งอยู่อีก?”
“ข้าติดต่อทางพระวิหารแล้ว พวกเขากำลังนำมา!”
ข้าดันนิ้วชี้ไปที่ไอเดอร์และขู่เขา
“ไม่ต้องเหลือเงินและใช้ไปให้หมด ในอนาคตถ้าข้าได้ยินว่าขาดแคลนเสบียง เจ้าจะเป็นคนแรกที่ตาย เข้าใจไหม?”
“ข้าจะไม่ทำให้มันเกิดขึ้นเลยขอรับ องค์ชาย!”
ไอเดอร์เอามือโอบรอบคอของเขาและตะโกนออกมา
หลังจากเดาะลิ้นไปสองสามครั้ง ข้าก็มองไปรอบๆ กำแพงป้อมปราการที่กำลังซ่อมแซมอีกครั้ง จากนั้นจึงได้ลงไป
* * *
ต่อไปเราก็มุ่งหน้าไปยังโรงช่างไม้
เมื่อข้าเข้าไปในห้องปฏิบัติการ ไม้ที่กองเป็นภูเขาและช่างไม้หลายสิบคนที่รออยู่ก็มองมาทางข้าอย่างพร้อมเพรียงกัน ข้าปรบมือดังๆ
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะเรามีเวลาไม่มาก สิ่งที่เจ้าจะทำในอีกสามวันข้างหน้า…คือกำแพง”
"ขอรับ?"
“กำแพง ที่ข้าพูดไปคือ กำแพง พวกเจ้าเข้าใจใช้ไหม? ที่เอาไว้ใช้ขวางทาง”
ข้ากางแขนออกกว้างและอธิบายรูปร่างของกำแพงด้วยร่างกายของข้า
“กำแพงที่สูงโคตรและต้องทนทาน เป็นไอ้โคตรกำแพง”
“คือข้ารู้ว่ากำแพงมันคืออะไร แต่ว่า…”
“กำแพงไม้นั้นจะถูกวางไว้ด้านหน้ากำแพงทางใต้ ข้าจะบอกตำแหน่งที่พวกเจ้าต้องไปจัดวางเอาไว้”
ช่างไม้ต่างมองหน้ากัน หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หัวหน้าสมาคมช่างไม้ก็เปิดปากพูดอย่างระมัดระวัง
“ข้าขอโทษที่ต้องบอกเรื่องนี้แก่ท่านด้วยองค์ชาย แต่พวกสัตว์ประหลาดคงจะทะลุกำแพงไม้มาได้อย่างง่ายดาย”
มีเหตุผลว่าทำไมผนังของครอสโรดจึงเต็มไปด้วยแผ่นเหล็ก
ไม่ว่าไม้อัดจะแข็งแรงแค่ไหน กำแพงที่ทำจากไม้ก็ถูกสัตว์ประหลาดฉีกสะบั้นได้อย่างง่ายดาย
“ไม่มีทางเลยที่ท่านจะใช้กำแพงไม้ไปขวางกั้นทางพวกมันได้…”
“สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่กำแพงที่แข็งแกร่งเพื่อกันพวกมันออกไปตลอดกาลสักหน่อย”
ทำไมข้าจะไม่รู้? ข้าเคลียร์เกมมาหลายครั้งแล้ว
“สิ่งที่ข้าต้องการคือเครื่องกีดขวางแบบใช้แล้วทิ้ง ที่จะถูกใช้และทิ้งไปในการต่อสู้ครั้งนี้”
กำแพงแบบใช้แล้วทิ้ง นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการ
‘กำแพงของเกมป้องกัน’ ที่จะบังคับเส้นทางของพวกสัตว์ประหลาดเป็นไปดั่งที่ใจข้าคิด
“เจ้าแค่ต้องทำให้กำแพงไม้สูงและแข็งแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อย่างที่ข้าบอกเจ้า”
ข้าสั่งให้ช่างไม้ที่ยังคงตกตะลึง
“เข้าใจนะ เลิกถามและไปทำงานได้แล้ว!”
ถึงเวลาแล้วที่จะใช้กลยุทธ์จากเกมป้องกันแบบพื้นฐาน
ได้เวลาสร้าง ‘พื้นที่สังหาร’ กันแล้ว