ตอนที่ 606 ชาร์ปเลส
ตอนที่ 606 ชาร์ปเลส
ในดินแดนของผู้ใช้กฎมีบริษัทเทคโนโลยีที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดเพียงแค่บริษัทเดียว ซึ่งบริษัทนั้นนั้นก็คือบริษัทฟิกส์ที่ตั้งอยู่ภายในเผ่าเทพ
เมื่อบรูซดึงผ้าคลุมสีดำออกมามันก็เผยให้เห็นชุดต่อสู้สีเทาเงิน และถึงแม้ว่าตัวเกราะจะเป็นแผ่นโลหะบาง ๆ เหมือนกระดาษ แต่ความแข็งแกร่งของโลหะผสมเหล่านี้มีความแข็งแกร่งกว่าโลหะธรรมดาหลายสิบเท่า
รูปลักษณ์ภายนอกของชุดเกราะชุดนี้สวยงามมาก แม้แต่ข้อต่อของชุดเกราะก็ถูกเย็บอย่างปราณีต ซึ่งบ่งบอกถึงงานฝีมือในระดับสูงที่ทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครื่องกลอย่างเซี่ยเฟยก็ยังรู้สึกทึ่ง
บริเวณไหล่ของชุดเกราะถูกประดับเอาไว้ด้วยตราสัญลักษณ์ของบริษัทฟิกส์อย่างชัดเจน ซึ่งมันเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าชุดต่อสู้นี้ถูกผลิตขึ้นมาจากบริษัททางเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงที่สุดภายในเผ่าเทพ
“พวกคุณทุกคนคงจดจำตราสัญลักษณ์ของบริษัทฟิกส์ได้อยู่แล้ว ใช่แล้ว! ชุดเกราะชุดนี้คือชุดเกราะจากบริษัทฟิกส์ในเผ่าเทพจริง ๆ ฉันคงไม่จำเป็นจะต้องอธิบายนะว่าสินค้าของบริษัทนี้มีคุณค่ามากแค่ไหน และมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงตระกูลเล็ก ๆ จากที่พวกคุณเดินทางมาเลย เพราะแม้แต่ภายใน 9 ตระกูลชั้นยอดก็ยังหาชุดเกราะจากบริษัทฟิกส์ได้น้อยมาก”
ผู้สมัครทุกคนต่างก็ส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เพราะทุกสิ่งที่บรูซพูดออกมานั้นต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
แม้ว่าภายในตระกูลชั้นยอดจะมีชุดเกราะจากบริษัทฟิกส์อยู่จริง ๆ แต่ชุดเกราะเหล่านั้นต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกเก็บเป็นสมบัติของตระกูล มันจึงไม่จำเป็นจะต้องอธิบายเลยว่าชุดเกราะนี้มีมูลค่าสูงมากแค่ไหน และถ้าหากว่าคนธรรมดาได้มันไปมันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาสามารถอวดชุดเกราะของตัวเองไปได้เป็นเวลาหลายร้อยปี
“สาเหตุที่พวกเรามีชุดเกราะจากเผ่าเทพอยู่ในครอบครอง นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเราคือกลุ่มมังกรฟ้า พวกคุณคงจะเคยได้ยินข่าวลือมาบ้างแล้วว่าเผ่าเทพคอยให้การสนับสนุนกลุ่มมังกรฟ้าของพวกเราอยู่ ถึงแม้ฉันจะยืนยันได้ว่าเรื่องนั้นคือเรื่องจริงมันก็คงจะมีคนที่มีข้อกังขาอยู่ในใจ แต่คนที่มีข้อกังขาก็ลองดูชุดเกราะชุดนี้เอาไว้ก็แล้วกัน แล้วลองคิดดูให้ดี ๆ ว่ากลุ่มของเราได้รับการสนับสนุนจากเผ่าเทพจริงหรือไม่”
บรูซเชิดหน้าขึ้นไปบนฟ้าอย่างภาคภูมิใจ เพราะสิ่งที่เขาพูดก็เหมือนกับการประกาศบอกผู้สมัครทุกคนอย่างชัดเจนว่ากลุ่มมังกรฟ้ามีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับเผ่าเทพที่สูงส่ง
แม้ว่าเผ่าเทพจะถือว่าอยู่ในดินแดนของผู้ใช้กฎเช่นเดียวกัน แต่ตัวตนของพวกเขากลับไม่ต่างไปจากตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ มันจึงมีคนเพียงแค่ไม่กี่คนที่มีโอกาสได้สัมผัสกับเผ่าเทพตัวเป็น ๆ และการที่กลุ่มมังกรฟ้าสามารถเอาชุดเกราะล้ำค่าชุดนี้มาเป็นของรางวัลสำหรับการประเมินในรอบแรกได้นั้น มันก็สามารถอธิบายได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเผ่าเทพมากแค่ไหน
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้สมัครทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นจนใจสั่น เพราะถ้าหากว่าพวกเขาสามารถเข้าร่วมกลุ่มมังกรฟ้าได้จริง ๆ มันก็หมายถึงว่าพวกเขาจะสามารถเข้าถึงผลประโยชน์ได้อย่างมหาศาล และมันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าทำไมแม้แต่ลูกหลานของเก้าตระกูลชั้นยอดก็ยังพยายามไต่เต้าเข้ามาภายในกลุ่มมังกรฟ้าอย่างสิ้นหวัง
“สิ่งที่สำคัญคือทุกคนอย่าคิดว่าชุดเกราะชุดนี้คือชุดต่อสู้ธรรมดา เพราะนี่คือชุดเกราะที่จะทำให้พวกนายสามารถล่องไปในอวกาศได้ตามลำพัง” บรูซเริ่มกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 คือต้นกำเนิดของพลังอันลึกลับ มนุษย์ที่สามารถเปิดใช้งานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้ก็จะได้รับพลังพิเศษกลับมาเป็นสิ่งตอบแทน ส่วนพลังของกฎก็คือการสลักพลังของจักรวาลเข้าไปในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของตัวเอง และถึงแม้ว่าสองเส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางที่แตกต่างกัน แต่มันก็มีต้นกำเนิดเดียวกันนั่นก็คือพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อันลึกลับของพวกเรานั่นเอง”
“ฉันไม่รู้ว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของพวกเราสามารถพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน แม้แต่สองเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในดินแดนของเราก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างแท้จริง แต่ฉันขอบอกไว้เลยว่าในกรณีของเทคโนโลยีพวกเราสามารถมองเห็นจุดสูงสุดของเทคโนโลยีได้จากที่นี่แล้ว” บรูซกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังชุดเกราะจากบริษัทฟิกส์
“ครั้งหนึ่งฉันเคยมีโอกาสได้พบกับนักสู้คนหนึ่งที่เคยเข้าไปในบริษัทฟิกส์มาก่อน เขาได้เล่าให้ฉันฟังว่าบริษัทฟิกส์ได้รวบรวมสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาทั้งหมดในจักรวาลเข้ามาไว้ในบริษัทของพวกเขาแล้ว และไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เดินเข้าไปภายในบริษัทแห่งนั้นก็จะถูกดึงดูดให้หลงใหลไปกับพลังของเทคโนโลยี แต่น่าเสียดายที่เทคโนโลยีภายในบริษัทไม่มีความก้าวหน้าอีกต่อไป เพราะพวกเขาได้พัฒนาเทคโนโลยีไปจนถึงจุดสูงสุดแล้ว”
“ชุดต่อสู้ชุดนี้ได้ติดตั้งระบบเครื่องยนต์ควอนตัม 2 ไอพ่นที่ใช้คริสตัลต้นกำเนิดเป็นพลังงานเอาไว้ภายในชุดเกราะ ทำให้ผู้ที่สวมใส่ชุดต่อสู้นี้สามารถต่อสู้ในอวกาศได้ ส่วนความเร็วของมันก็สามารถเร่งได้สูงสุดเทียบเท่ากับความเร็วแสง การได้ครอบครองชุดเกราะชุดนี้เพียงชุดเดียวก็ไม่ต่างไปจากการได้ครอบครองยานรบส่วนบุคคล”
“พื้นผิวของชุดเกราะทำขึ้นมาจากโลหะผสมเมมฟิสคุณภาพสูงที่สามารถลดทอนพลังของกฎที่ตกกระทบกับชุดเกราะได้ และมันยังได้ติดตั้งระบบช่วยชีวิตอัตโนมัติทุกชนิดเอาไว้อย่างเต็มรูปแบบ เรียกได้ว่านี่คือชุดเกราะที่สมบูรณ์แบบที่สามารถนำไปใช้ต่อสู้ได้ในทุก ๆ สถานการณ์”
ยิ่งได้ฟังสรรพคุณของชุดเกราะต่อสู้นี้เซี่ยเฟยยิ่งอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ เพราะเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตชุดเกราะต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นเทคโนโลยีที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยไม่ใช่ผู้สมัครคนเดียวที่รู้สึกตกตะลึง เพราะผู้สมัครทุกคนต่างก็ต้องการที่จะครอบครองชุดเกราะชุดนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งในความเป็นจริงแม้แต่เฝิงซินเหนียนผู้ซึ่งเป็นนายน้อยจากตระกูลที่มั่งคั่งก็ยังแอบเหล่สายตามองไปยังตัวชุดเกราะด้วยความเสียดาย
“ถึงแม้ว่าในชุดเกราะชุดนี้จะไม่ได้มีพลังของกฎแต่มันถูกแฝงเอาไว้ด้วยพลังของเทคโนโลยีระดับสูงสุด จากข้อมูลที่ทางเราได้รับมาชุดเกราะชุดนี้ถูกผลิตขึ้นมาเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น และถ้าหากว่าใครได้เป็นเจ้าของมันเขาคนนั้นก็จะกลายเป็นผู้ที่โดดเด่นในดินแดนของเราอย่างแน่นอน” บรูซกล่าวด้วยน้ำเสียงปลุกเร้าอารมณ์ขณะที่แววตาของเขายังคงกวาดมองไปยังผู้สมัครทุกคน
“ชื่อของชุดเกราะชุดนี้คือชาร์ปเลส มันเคยเป็นชุดเกราะประจำตัวของฉันมาก่อน ในอดีตฉันเคยใช้มันในการต่อสู้มาแล้วเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน แต่น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงแค่อุปกรณ์ระดับราชากฎเท่านั้น ตอนนี้มันจึงไม่ใช่อุปกรณ์ที่ดีพอสำหรับฉันอีกต่อไป” บรูซกล่าวด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเสียดาย
ชุดเกราะระดับราชากฎไม่สามารถเป็นอุปกรณ์ที่ดีพอสำหรับบรูซได้อีกต่อไป!?
แบบนี้มันก็หมายความว่าบรูซได้พัฒนาจนกลายเป็นจักรพรรดิกฎแล้วใช่ไหม!?
การเปิดเผยว่า 1 ใน 4 ผู้พิทักษ์ของกลุ่มมังกรฟ้ามีระดับพลังอยู่ที่จักรพรรดิกฎถือว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก เพราะสิ่งที่พวกเขาเคยได้ยินมามันก็มีเพียงแต่เหล่าบรรดาผู้นำของเก้าตระกูลชั้นยอดเท่านั้นที่จะมีพลังอยู่ถึงระดับนี้
อีกนัยหนึ่งการที่ 1 ใน 4 ผู้พิทักษ์มังกรฟ้ามีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิกฎ มันก็หมายความว่าผู้นำกลุ่มมังกรฟ้าอย่างเฝิงคูชานก็สมควรจะต้องมีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิกฎด้วยเช่นกัน
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมกลุ่มมังกรฟ้าถึงเป็นกลุ่มนักสู้ที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ นั่นก็เพราะว่าภายในเสาหลักของกลุ่มน่าจะมีจักรพรรดิกฎคอยดูแลกลุ่มอยู่หลายคน
“พูดตามตรงว่าวันนี้ฉันมีความสุขมากที่สมาชิกจากตระกูลเล็ก ๆ สามารถเติบโตขึ้นมาได้จนถึงระดับนี้ ฉันรู้ดีว่าการเติบโตในตระกูลเล็กทำให้พวกคุณขาดแคลนทรัพยากรมากแค่ไหน และการบรรลุความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยสำหรับพวกคุณทุกคน”
“ในดินแดนของผู้ใช้กฎยังมีเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาเผ่าพันธุ์อื่น ๆ นอกเหนือจากเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกอย่างมากมาย และทุกเผ่าพันธุ์ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น สาเหตุที่ฉันได้นำชาร์ปเลสออกมาเป็นของรางวัล นั่นก็เพราะว่าฉันต้องการที่จะกระตุ้นมนุษย์รุ่นใหม่ให้มีความภาคภูมิใจในเผ่าพันธุ์ของตัวเอง และฉันก็หวังว่าชุดต่อสู้นี้จะทำให้คนที่ได้รับมันไปสามารถยืนอยู่ในกลุ่มมังกรฟ้าได้อย่างสมศักดิ์ศรี”
“ฉันสามารถรับประกันให้กับทุกคนได้ตรงนี้เลยว่า ถึงแม้กระบวนการในการเข้ากลุ่มมังกรฟ้าจะยากมาก แต่เมื่อพวกคุณเข้ากลุ่มมังกรฟ้าได้แล้วทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน ฉันเชื่อว่าโอกาสที่พวกคุณได้รับในวันนี้เป็นหนึ่งในโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตของพวกคุณแล้ว เพราะโดยปกติโอกาสไม่ได้มีเหลือให้กับสมาชิกของตระกูลเล็ก ๆ มากนัก เนื่องจากโอกาสส่วนใหญ่ถูกควบคุมไว้ภายในสองเผ่าพันธุ์หลักกับเก้าตระกูลชั้นยอดหมดแล้ว”
“แม้ว่าผู้นำกลุ่มมังกรฟ้าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกับพวกเรา แต่ท่านคูซานได้จัดการกับเรื่องทุกอย่างภายในกลุ่มอย่างเป็นธรรม ดังนั้นพวกคุณทุกคนยังจำเป็นจะต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเอง”
“ฉันคาดหวังว่าฉันจะมีโอกาสได้เห็นมนุษย์เข้าไปภายในกลุ่มมังกรฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ และการยกระดับเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาอยู่ในระดับเผ่าพันธุ์สูงสุดของดินแดนของผู้ใช้กฎนั่นก็คือความคาดหวังทั้งชีวิตของฉัน”
“ในอดีตฉันก็เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลเล็ก ๆ เหมือนกับพวกนายมาก่อน และเนื่องมาจากว่าตระกูลของฉันอ่อนแอมาก มันจึงทำให้ตระกูลของฉันล่มสลายตั้งแต่ในตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก”
เมื่อเล่ามาจนถึงจุดนี้น้ำเสียงของบรูซก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า และเมื่อได้ฟังประวัติเบื้องหลังของชายผิวดำคนนี้แล้วมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงให้การสนับสนุนผู้สมัครกลุ่มนี้มากขนาดนี้
“ถึงแม้ว่าชีวิตในวัยเด็กของฉันจะยากลำบากมากแต่แล้วมันจะยังไงล่ะ เมื่อฉันทุ่มเทความพยายามไปอย่างบ้าคลั่งฉันก็ขึ้นมายืนอยู่บนจุดนี้ได้สำเร็จ ดังนั้นฉันขอบอกคุณตรงนี้เลยว่าตราบใดก็ตามที่พวกคุณพยายามอย่างหนักมากพอ สักวันหนึ่งคุณก็จะต้องได้รับผลรางวัลตอบแทนกลับมาอย่างแน่นอน”
บรูซกล่าวด้วยดวงตาอันแดงก่ำและมันก็ทำให้แววตาของผู้สมัครทั้ง 500 คนเต็มไปด้วยจิตสังหารอันรุนแรง เพราะทุกคนต่างก็หวังว่าพวกเขาจะกลายเป็นผู้อยู่รอดเพียงหนึ่งเดียวของกลุ่มผู้สมัครทั้ง 500 คนนี้
ในระหว่างที่บรูซกำลังกล่าวสุนทรพจน์อย่างเร่าร้อน เซี่ยเฟยก็ได้สังเกตเห็นว่าหยูเสี่ยวเป่ยได้ถูกรวมอยู่ในกลุ่มผู้สมัครกลุ่มนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนักที่หยูเสี่ยวเป่ยสามารถเดินทางมาจนถึงจุดนี้ได้ เพราะท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็เป็นถึงอัศวินกฎขั้นสูงสุดที่มีระดับพลังติดอันดับ 1 ใน 100 ของกลุ่มผู้สมัครทั้งหมด
ในทางกลับกันหยูเสี่ยวเป่ยรู้สึกสับสนมากที่เขาได้เห็นเซี่ยเฟยอยู่ที่นี่ และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากยิ่งกว่าคือคะแนนรวมของเซี่ยเฟยในตอนนี้สูงมากกว่าเขาเสียอีก
แต่ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเดินทางมาจากตระกูลหยูเช่นเดียวกัน พวกเขาก็แสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันมาโดยตลอด แต่ในขณะนี้จู่ ๆ หยูเสี่ยวเป่ยก็เป็นผู้ริเริ่มที่จะเดินเข้าไปหาเซี่ยเฟยก่อน
“ฉันจะให้โอกาสนายร่วมมือกับฉันเพื่อคว้าชุดเกราะชุดนั้นมา” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เซี่ยเฟยมองไปรอบ ๆ และได้พบว่ามันก็มีนักสู้หลาย ๆ คนที่เริ่มสอบถามผู้สมัครคนอื่นแล้ว โดยพยายามพูดคุยเรื่องผลประโยชน์ในกรณีที่กลุ่มของพวกเขาเหลือรอดเป็นกลุ่มสุดท้าย
“ทำไมฉันจะต้องร่วมมือกับนายด้วย คะแนนรวมของฉันใน 3 รอบที่ผ่านมาสูงกว่านายมาก และตราบใดก็ตามที่ฉันไม่ตายในการประเมินรอบนี้ มันก็มีโอกาสสูงมากที่ฉันจะได้ผ่านไปยังการประเมินในรอบที่ 2” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำตอบของเซี่ยเฟยทำให้สีหน้าของหยูเสี่ยวเป่ยซีดเผือดอย่างฉับพลัน ในความเป็นจริงเขาแอบดูเซี่ยเฟยมาเป็นเวลานานแล้ว และความสามารถที่เซี่ยเฟยได้แสดงออกมาก็ทำให้เขารู้สึกตกใจมากจริง ๆ มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้เดินมาขอความร่วมมือจากเซี่ยเฟยก่อน แต่อีกฝ่ายกลับสาดน้ำเย็นใส่เขาชนิดที่ไม่สนใจสถานะของเขาในตระกูลหยูด้วยซ้ำ
“นายจะผ่านการทดสอบได้หรือไม่ได้นั่นมันก็เรื่องของนาย แต่การได้ครอบครองชุดเกราะชาร์ปเลสคืออีกเรื่องที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าว
“ขอโทษด้วย แต่ฉันไม่ชินกับการแบ่งของให้คนอื่น ดังนั้นถ้าหากว่าฉันได้รับชุดเกราะนั้นมา มันก็จะต้องเป็นของฉันเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ปากดีไปเถอะ! เรามาคอยดูกันว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง” หยูเสี่ยวเป่ยกล่าวพร้อมกับสะบัดหน้าหนีไม่คุยกับเซี่ยเฟยอีกต่อไป
เซี่ยเฟยเฝ้าดูหยูเสี่ยวเป่ยจากไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า และทันใดนั้นเขาก็ได้รู้สึกว่าการตอกหน้าพวกหยิ่งยโสมันเป็นความรู้สึกที่สะใจดีเหมือนกัน
“ความจริงการร่วมมือกับคนอื่นมันก็น่าจะเพิ่มโอกาสให้กับพวกเรามากกว่านะ” อันธกล่าว
“นายเรียกคำชวนนั่นว่าความร่วมมือได้ยังไง? หยูเสี่ยวเป่ยเป็นพวกหยิ่งมากเกินไป เขาเลยชวนแต่คนที่มีระดับต่ำกว่าตัวเองเข้าร่วมทีมเท่านั้นเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้เป็นผู้นำทีม นายคิดจริง ๆ เหรอว่าการเข้าร่วมทีมแบบนั้นมันเป็นความคิดที่ดีแล้ว? หยุดล้อเล่นแค่นี้เถอะฉันไม่ได้โง่นะ” เซี่ยเฟยกล่าว
อันธถึงกับรู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่การวิเคราะห์ของเซี่ยเฟยสมเหตุสมผลมากจริง ๆ เพราะหยูเสี่ยวเป่ยได้ปฏิบัติต่อสมาชิกภายในทีมของตัวเองเปรียบดังสมาชิกพวกนั้นเป็นเพียงแค่ตัวหมากที่มีเอาไว้ใช้แล้วทิ้ง
หลังจากคำพูดปลุกระดมของบรูซได้จบลง ในที่สุดการประเมินครั้งสุดท้ายของการประเมินในรอบแรกก็เริ่มต้นขึ้น
ในที่สุดประโยชน์ของการมีคะแนนสะสมนำหน้าคนอื่นก็ได้ถูกเปิดเผยออกมา เพราะผู้ที่มีคะแนนสูงกว่าสามารถเลือกภูมิประเทศก่อนผู้สมัครที่มีคะแนนต่ำกว่าได้
ฟุบ!
เซี่ยเฟยตัดสินใจวิ่งเข้าไปภายในป่าและเขาก็รีบเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วเพื่อหาจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมสำหรับสงครามครั้งนี้มากที่สุด
***************
เกราะเก่าเริ่มไม่ไหวแล้วน๊า ได้เวลาเปลี่ยนเกราะใหม่รึยังน๊อ?