ตอนที่ 605 ของรางวัลที่ถูกเตรียมเอาไว้
ตอนที่ 605 ของรางวัลที่ถูกเตรียมเอาไว้
การพัฒนาร่างของขนอุยทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกผิดหวังอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวเล็กมีขนาดเท่าไข่เป็ด แต่หลังจากมันพัฒนาร่างตัวของมันกลับเล็กลงมาเหลือตัวเท่าลูกปิงปอง
ขนของขนอุยมีสีขาวบริสุทธิ์อย่างไร้ที่ติและดวงตาของมันก็ดูคมชัดมากขึ้นกว่าเดิม เซี่ยเฟยจึงรู้สึกขัดใจอยู่เพียงแค่เรื่องเดียวที่ขนาดตัวของมันทำไมถึงเล็กลงกว่าเดิม
ชายหนุ่มคว้าร่างของมันขึ้นมาสังเกตอย่างระวัง โดยไม่รู้เลยว่าขนาดตัวเล็ก ๆ เพียงเท่านี้ มันได้เอาพลังงานปริมาณมหาศาลไปเก็บซ่อนไว้ตรงไหน
ระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังผิดหวังกับขนาดลำตัวของขนอุยที่เล็กลง เฝิงซินเหนียนกับบรูซกลับกำลังรู้สึกตกตะลึงกับพลังงานอันบริสุทธิ์ภายในร่างกายของขนอุย
“ดูเหมือนว่าหลังจากที่มันกลืนกินพลังงานเข้าไปเป็นจำนวนมาก มันจะสกัดพลังงานพวกนั้นให้มีความบริสุทธิ์มากขึ้นกว่าเดิมเลยทำให้ขนาดร่างของมันเล็กลงตามไปด้วย” เฝิงซินเหนียนกล่าวขณะที่ดวงตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังอสูรศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้า
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย เพราะด้วยขนาดร่างกายของขนอุยในปัจจุบัน เจ้าตัวน้อยสามารถยืนอยู่บนหูของเขาได้ด้วยซ้ำ แล้วเขาก็ไม่มั่นใจว่าถ้าหากมันมีลมแรง ๆ พัดเข้ามาร่างของขนอุยจะปลิวไปตามแรงลมด้วยหรือเปล่า
แม้ว่าขนอุยจะคอยเอาอกเอาใจเซี่ยเฟยเป็นอย่างดี แต่มันก็ยังคงมองไปยังเฝิงซินเหนียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งให้เหมาะสมกับการที่มันถูกเรียกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์
เหตุการณ์นี้ทำให้เฝิงซินเหนียนอดที่จะตัวสั่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวไม่ได้ เพราะถึงแม้ว่าขนอุยจะน่าเอ็นดูสำหรับเจ้านายของมันมาก แต่สำหรับคนอื่นแล้วมันก็ยังคงเป็นสัตว์อสูรที่เย่อหยิ่งอยู่ดี
ในที่สุดเฝิงซินเหนียนก็ตัดสินใจเดินกลับมาอยู่ข้าง ๆ บรูซอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้เซี่ยเฟยหยอกล้อกับขนอุยและฟื้นฟูพลังงานของเขาต่อไป
“ทำไมผมถึงรู้สึกว่าสัตว์อสูรของเซี่ยเฟยแตกต่างจากอสูรศักดิ์สิทธิ์โดยทั่วไป?” เฝิงซินเหนียนกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“โดยปกติอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งเย่อหยิ่งและหยิ่งผยองมากทำให้ตัวตนของพวกมันเข้าใกล้ได้ยาก แต่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเซี่ยเฟยกลับแตกต่างออกไป”
“ฉันเคยเห็นคนที่อยู่กับอสูรศักดิ์สิทธิ์มาก่อน แต่ส่วนใหญ่คนพวกนั้นจะมีฐานะเทียบเท่ากับอสูรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ในกรณีของเซี่ยเฟยเขาเป็นเหมือนพ่อของมารขาวตัวนั้นเลย” บรูซกล่าว
“นั่นสินะครับ ไม่ว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นจะดุร้ายกับคนอื่นมากแค่ไหน แต่มันกลับละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดเมื่อมันได้อยู่ต่อหน้าของเซี่ยเฟย ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผมถึงรู้สึกผิดปกติ ที่แท้มันเป็นเพราะว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้เชื่อฟังเจ้านายมากกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวอื่น ๆ นี่เอง” เฝิงซินเหนียนกล่าว
“เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะอสูรศักดิ์สิทธิ์แต่ละชนิดต่างกันล้วนแล้วแต่เป็นพวกหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง” บรูซกล่าว
“ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเซี่ยเฟยทำได้ยังไง โดยเฉพาะในการประเมินวันที่ 4 ที่เขาสามารถควบคุมราชาสัตว์อสูรได้ถึง 120 ตัวในเวลาเดียวกัน บางทีเขาอาจจะเป็นอัจฉริยะทางด้านการฝึกสัตว์อสูรก็ได้นะครับ” เฝิงซินเหนียนกล่าว
“การที่เซี่ยเฟยปราบอสูรราชาได้นับร้อยตัวในเวลาเดียวกัน มันพิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีความเชี่ยวชาญในการปราบสัตว์อสูรอยู่ในระดับที่น่าทึ่ง แต่คนที่สามารถปราบอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบนี้กลับเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากยิ่งกว่า” บรูซกล่าว
“มันพอจะมีโอกาสเป็นไปได้ไหมครับที่เซี่ยเฟยบังเอิญทำอะไรลงไปบางอย่าง จนทำให้อสูรศักดิ์สิทธิ์ติดเขาแบบนี้?” เฝิงซินเหนียนกล่าว
“เราเลิกคาดเดาเรื่องพวกนี้กันเถอะ เอาเป็นว่าการปราบอสูรศักดิ์สิทธิ์ในระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะหาพบได้ง่าย ๆ และเซี่ยเฟยก็คงจะไม่บอกความลับกับใครง่าย ๆ ด้วยเหมือนกัน” บรูซกล่าว
หลังจากถูกตัดจบบทสนทนาทั้งสองก็ทำได้เพียงแต่จ้องมองไปยังเซี่ยเฟยและขนอุยด้วยความอิจฉาเท่านั้น
เพียงแค่การได้ครอบครองอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเรื่องที่น่าอิจฉามากพออยู่แล้ว แต่เซี่ยเฟยสามารถปราบอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ได้อย่างเต็มที่ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอิจฉามากยิ่งกว่า โชคไม่ดีที่เมื่ออสูรศักดิ์สิทธิ์จดจำเจ้านายของมันแล้วมันจะไม่มีทางเปลี่ยนเจ้าของอีกตลอดชีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่มองไปยังชายหนุ่มด้วยความอิจฉาเท่านั้น
—
ผู้สมัครเริ่มกระโดดขึ้นมาจากทะเลสาบทีละคน ทำให้จำนวนคนบนพื้นหญ้าริมทะเลสาบค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น
บรูซเปิดหน้าจอขึ้นมาอีกครั้งและได้พบว่าคะแนนรวมของเซี่ยเฟยเพิ่มขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 แล้ว ซึ่งในระหว่างนั้นผู้สมัครแต่ละคนก็กำลังหงุดหงิด เพราะเฝิงซินเหนียนกำลังทวงผลึกนางแอ่นขาวที่พวกเขาเสียเวลาเก็บมาระหว่างทาง
“ของคุณ 123 ชิ้น... ขอบคุณครับ”
เฝิงซินเหนียนแสดงตัวราวกับนักทวงหนี้ที่ค่อย ๆ ทวงผลึกนางแอ่นขาวจากผู้สมัครเก็บเข้าไปภายในแหวนมิติของเขาด้วยรอยยิ้ม
“รีบ ๆ ส่งมาเถอะ เดี๋ยวคุณอาจะให้คะแนนพิเศษเพิ่มกับทุกคนถือว่าเป็นค่าแรงที่ช่วยเก็บผลึกนางแอ่นขาวให้กับกลุ่มมังกรฟ้า”
“เฮ้! ผมรู้นะว่ามันยังมีของที่คุณซ่อนเอาไว้อยู่ในกระเป๋า รีบ ๆ เอามันออกมาเร็ว ๆ เข้า ระวังคุณอาบรูซจะตัดสิทธิ์คุณนะ”
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตลกกับท่าทางของลูกชายผู้นำกลุ่มมังกรฟ้ามาก ซึ่งท่าทางที่เฝิงซินเหนียนแสดงออกมาในขณะนี้ดูไม่ต่างไปจากพ่อค้าอย่างหยูฮัวเลยแม้แต่น้อย
ด้วยการทวงอย่างสุภาพของเฝิงซินเหนียนนี่เอง มันจึงทำให้ผู้สมัครทุกคนจำเป็นจะต้องส่งคืนผลึกนางแอ่นขาวให้กับชายหนุ่มชุดขาว เว้นแต่เซี่ยเฟยเพียงคนเดียวที่ได้นำผลึกนางแอ่นขาวทั้งหมดมอบให้ขนอุยดูดกลืนพลังงานตั้งแต่ก่อนที่เขาจะโผล่ขึ้นมาบนพื้นดินแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังใช้ประโยชน์จากความลังเลของทุกคนเคลื่อนที่ขึ้นมาแซงหน้าและได้รับอันดับ 1 ของการประเมินรอบนี้ไปในที่สุด
แม้ว่าจะต้องยืนอยู่ต่อหน้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ถึงสองตัว แต่เซี่ยเฟยก็ยังสามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรกลับมาได้อย่างมหาศาล สิ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังเพียงอย่างเดียวคือขนาดลำตัวของขนอุยที่หดเล็กลง แต่การที่มันพัฒนาระดับขึ้นก็พอจะช่วยสร้างความพอใจให้กับเขาได้บ้าง
“ใครผ่านประตูคนสุดท้ายถูกคัดออก!” บรูซตะโกนเสียงดังพร้อมกับเปิดประตูมิติขึ้นใหม่อีกครั้ง
ฝูงชนรีบวิ่งเข้าหาประตูมิติในทันที ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ได้พักผ่อนเหมือนกับเซี่ยเฟย พวกเขาจึงต่างก็รีบมุ่งหน้าเข้าไปในประตูมิติด้วยท่าทางอันเหนื่อยล้า
“นั่นนายจะไปไหน?” บรูซคว้าร่างของผู้สมัครคนหนึ่งเอาไว้
“ไปเข้าร่วมการประเมินรอบสุดท้ายครับ” ผู้สมัครคนนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทา
“หลังอันดับที่ 500 พวกคุณทุกคนตกรอบ!” บรูซกล่าวด้วยสีหน้าอันเย็นชา
ผู้สมัครที่ถูกบรูซจับเอาไว้ถึงกับทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างหมดแรง เพราะเขาได้ขึ้นมาบนพื้นดินเป็นอันดับที่ 501 ซึ่งมันก็หมายความว่าหากเขาทำอันดับได้ดีกว่านี้แม้แต่เพียงอันดับเดียว เขาก็คงจะไม่ถูกตัดสิทธิ์ให้ตกรอบเหมือนในปัจจุบัน
—
ในที่สุดการประเมินรอบสุดท้ายก็เหลือผู้เข้าร่วมการประเมินเพียงแค่ 500 คนเท่านั้น และเมื่อพวกเขาเดินทางข้ามผ่านประตูมิติไป ทุกคนก็ได้พบว่าร่างของพวกเขากำลังยืนอยู่ใต้ต้นเห็ดขนาดใหญ่
ต้นเห็ดภายในพื้นที่แห่งนี้มีความสูงไม่น้อยกว่า 100 เมตร และดอกเห็ดเหนือศีรษะของพวกเขาก็บานสะพรั่งจนทำให้ต้นเห็ดปกคลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ไปเกือบทั้งหมด
ในความเป็นจริงดาวดวงนี้ไม่ได้มีเพียงแต่เห็ดที่มีขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือดอกไม้ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีขนาดใหญ่โตเกินกว่าขนาดปกติทั้งหมด
เมื่อผู้สมัครได้สังเกตเห็นนกตัวหนึ่งที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาก็ได้พบว่านกตัวนี้มีความยาวไม่น้อยกว่า 20 เมตร และการเคลื่อนไหวของมันก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากเครื่องบินรบขนาดเล็ก
ผู้สมัครทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาไม่คิดเลยว่ามันจะมีดาวเคราะห์ที่ทุกสิ่งเป็นของขนาดยักษ์อยู่ภายในจักรวาลแห่งนี้ด้วย
บรูซส่งเสียงกระแอมขึ้นมา 2 ครั้งเรียกให้ผู้สมัครทุกคนมองมาทางเขาอย่างสงสัยว่าที่นี่คือที่ไหนและการประเมินรอบสุดท้ายคืออะไรกันแน่
“ก่อนอื่นฉันขอแสดงความยินดีกับพวกคุณทุกคนที่ผ่านมาสู่รอบนี้ได้สำเร็จ ในความเป็นจริงพวกคุณทุกคนคือกลุ่มผู้สมัครที่เหลือรอด 500 คนสุดท้าย ส่วนผู้สมัครกลุ่มอื่น ๆ ต่างก็ล้วนแล้วแต่ตกรอบกันไปจนหมดแล้ว”
“เหตุผลที่ฉันยังไม่ได้บอกทุกคนตั้งแต่แรก นั่นก็เพราะว่าฉันกลัวว่าทุกคนจะแสดงท่าทีอันเย่อหยิ่งออกมาจนทำให้ไม่สามารถแสดงพลังในระหว่างการประเมินได้อย่างเต็มที่ ถ้าหากว่าใครไม่เชื่อก็ลองกลับไปถามสมาชิกจากกลุ่มอื่นดูก็ได้ว่าพวกเขาถูกตัดให้ตกรอบหมดทั้งกลุ่มจริง ๆ หรือเปล่า… ในกรณีที่พวกคุณกลับไปได้แล้วนะ”
คำพูดในช่วงแรกทำให้ผู้สมัครทุกคนมีความสุขมาก แต่คำพูดประโยคสุดท้ายกลับได้สร้างแรงสั่นกระเพื่อมภายในหัวใจของผู้สมัครทุกคนได้อย่างรุนแรง
ในกรณีที่กลับไปได้?
หากบรูซพูดออกมาแบบนี้ มันก็หมายความว่าการประเมินรอบสุดท้ายจะมีความตายเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งบางทีผู้สมัครอาจจะต้องต่อสู้กันเองเพื่อทำลายชีวิตของฝ่ายตรงข้ามและทำให้ตัวเองคือผู้เหลือชีวิตรอด
ผู้สมัครทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าออกมาอย่างเคร่งเครียด เพราะท้ายที่สุดการประเมินแห่งความตายก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ผู้สมัครทุกคนจึงต่างก็ล้วนแล้วแต่ตื่นตัวอย่างเต็มที่
“ฉันต้องยอมรับว่าถึงแม้พวกคุณจะมาจากตระกูลเล็ก ๆ แต่พวกคุณต่างก็ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งเกินความคาดหมายของฉันมาก ตอนแรกฉันคิดว่าจะมีคนผ่านมาจนถึงตรงนี้แค่ประมาณ 50 คนเท่านั้น แต่พวกคุณก็ยังเหลือรอดมาได้ถึง 500 คน”
ผู้สมัครทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ เพราะคนที่กำลังชื่นชมพวกเขาอยู่ในขณะนี้เป็นถึง 1 ใน 4 ผู้พิทักษ์มังกรฟ้า แต่ประโยคของบรูซต่อมากลับทำหน้าที่เป็นเหมือนกับน้ำเย็นที่สาดใส่หน้าของพวกเขา
“ทุกคนอย่าพึ่งคิดว่าการที่พวกคุณเหลือรอดมาได้เป็นจำนวนมากจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันจะยิ่งทำให้การแข่งขันทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น อย่าลืมว่าที่นี่คือดินแดนของผู้ใช้กฎและความตายก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับนักรบทุกคน”
“ทุกคนลองมองดูสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวของตัวเองให้ดี ๆ พวกคุณกำลังคิดว่าทุกอย่างมีขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมใช่ไหม? แต่ฉันขอบอกก่อนเลยนะว่าดาวดวงนี้เคยเป็นดาวเคราะห์ธรรมดาที่ฉันได้ใช้พลังของกฎเปลี่ยนแปลง มันจึงกลายเป็นสิ่งที่พวกคุณกำลังเห็นอยู่ในปัจจุบัน”
เสียงของบรูซเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและการที่เขาได้บอกว่าเขาได้ใช้พลังของตัวเองในการเปลี่ยนแปลงดาวเคราะห์ดวงนี้ มันก็ยิ่งทำให้ผู้สมัครรู้สึกตกตะลึงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มยกย่องว่าผู้ที่ครอบครองพลังแบบนี้สมควรแล้วที่จะได้รับหน้าที่เป็น 1 ใน 4 ผู้พิทักษ์กลุ่มมังกรฟ้า
นี่คือพลังของกฎ! กฎที่จะสืบทอดกันภายในกลุ่มมังกรฟ้าเท่านั้น!!
“หากพวกคุณต้องการที่จะได้รับพลังอันยิ่งใหญ่ กลุ่มมังกรฟ้าถือได้ว่าเป็นสะพานที่ดีสำหรับพวกคุณอย่างแน่นอน หากพวกคุณต้องการที่จะขึ้นไปอยู่บนเผ่าเทพ พวกคุณก็จำเป็นจะต้องเข้าร่วมกลุ่มของพวกเราให้ได้ซะก่อน”
“หลังจากนั้นแม้แต่ความลับของประตูจักรวาลก็จะไม่ใช่สิ่งที่เกินเอื้อมสำหรับพวกคุณอีกต่อไป นี่คือพลังที่แท้จริงของกลุ่มมังกรฟ้าผู้ยิ่งใหญ่ กลุ่มที่รวบรวมนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนของผู้ใช้กฎ”
เหล่าบรรดาผู้สมัครต่างก็เคลิบเคลิ้มไปกับคำปลุกใจของบรูซ ซึ่งแม้แต่เซี่ยเฟยก็ยังอดที่จะปรบมือขึ้นมาไม่ได้ โดยเขาก็ต้องชื่นชมว่าชายผิวดำคนนี้สามารถที่จะปลุกเปลวไฟอันเร่าร้อนภายในจิตวิญญาณของเขาขึ้นมาได้จริง ๆ
กลุ่มนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนของผู้ใช้กฎ!
สะพานชั้นดีที่จะนำเขาเข้าสู่เผ่าพันธุ์เทพ!
เส้นทางสายสำคัญที่จะนำเขาไปสู่ประตูจักรวาล!
“การประเมินรอบนี้ไม่มีกฎอะไรทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นปล้น, ฆ่า, หลบหนี, ซุ่มโจมตีต่างก็ล้วนแล้วแต่ทำได้ทั้งหมด”
“วิธีการผ่านการประเมินมีมากกว่าหนึ่งวิธี วิธีแรกคือการรวบรวมป้ายลงทะเบียนจากผู้สมัครอีกสามคน วิธีการที่ 2 คือการไขความลับของคำถามที่ซ่อนอยู่ให้ได้ หรือการสังหารบุคคลที่ถูกกำหนดเอาไว้ก็ทำให้พวกคุณสามารถผ่านการประเมินได้ด้วยเช่นเดียวกัน”
“แน่นอนว่าวิธีการที่ดีที่สุดคือการฆ่าผู้สมัครทุกคนหลงเหลือไว้เพียงแต่ตัวเอง ซึ่งถ้าหากว่าผู้สมัครเหลือรอดเพียงคนเดียว คุณจะได้รับของขวัญชิ้นใหญ่ที่กลุ่มมังกรฟ้าได้เตรียมเอาไว้ให้กับคุณโดยเฉพาะ”
ทันทีที่บรูซพูดจบมันก็มีวัตถุสูงประมาณ 2 เมตรปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน โดยได้ถูกปกคลุมไปด้วยผ้าสีดำอีกชั้นหนึ่ง
“ฉันเชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้จักสิ่งนี้ดีใช่ไหม?”
พรึบ!
เมื่อผ้าคลุมสีดำถูกดึงออกดวงตาของผู้สมัครทุกคนต่างก็เบิกขว้างด้วยความตกตะลึง และแม้แต่เซี่ยเฟยที่เริ่มคุ้นชินกับสิ่งแปลก ๆ แล้วก็ยังเผลอกลั้นลมหายใจโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
***************
ต้องดีมากแน่ๆเลยว่าไหม?