บทที่ 83: ข้าเข้าใจความยากลำบากของเจ้า ตัวข้าจะไม่เลือกปฏิบัติต่อเจ้า!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 83: ข้าเข้าใจความยากลำบากของเจ้า ตัวข้าจะไม่เลือกปฏิบัติต่อเจ้า!
ในวันต่อมา ทุกครั้งที่โม่หรูซวงเห็นหลินเป่ยฟาน ดวงตาของนางก็จะเต็มไปด้วยความอับอายอยู่ภายใน แต่ดูเหมือนว่าหลินเป่ยฟานจะไม่ใส่ใจและปฏิบัติต่อนางเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ยังคงพูดคุยกับนางและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามปกติ จนทำให้โม่หรูซวงรู้สึกอบอุ่นยิ่ง
บางครั้งเจ้าหญิงน้อยผู้เบื่อหน่ายก็จะมาเล่นกับโม่หรูซวงและถามถึงเรื่องต่างๆ ในเจียงหู โม่หรูซวงมักจะเล่าทุกเรื่องให้นางฟังอยู่เสมอ
"ข้าอิจฉาเจ้านัก! เจ้ามีอิสระที่จะท่องไปทั่งเจียงหู ได้พบพานหลายสิ่งมากมายและทำทุกสิ่งตามที่ใจปรารถนาได้ ส่วนตัวข้ากลับติดแหงกอยู่ในเมืองหลวง ไม่สามารถไปไหนได้!” เจ้าหญิงน้อยถอนหายใจวางแก้มบนมือ
โม่หรูซวงหัวเราะและกล่าวว่า “อันที่จริงมีคนอีกมากมายที่อิจฉาท่านนะ องค์หญิงน้อย! ท่านเกิดในชนชั้นสูงและได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี มีเสื้อผ้าสวมใส่ตั้งแต่ยังเยาว์วัย ไม่เหมือนเราที่ต้องทำงานหนักเพื่อหาอาหารประทังชีวิตไปวันๆ!”
โม่หรูซวงถอนหายใจ “พูดตามตรง ชีวิตข้างนอกนั้นยากจริงๆ ยากกว่าที่ท่านคิดนัก! ที่ข้าสามารถอยู่รอดได้ในโลกที่วุ่นวายนี้ ก็เพราะข้ามีวรยุทธ์ สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีเงินหรือพลัง พวกเขาไม่แม้แต่จะมีโอกาสเข้าร่วมกับตระกูลขุนนางได้เลย พวกเขาทำได้เพียงแค่ทำไร่ไถนาวันแล้ววันเล่า ชีวิตของพวกเขาทำได้แค่จินตนาการวาดฝันอนาคตเท่านั้น!”
เจ้าหญิงน้อยพยักหน้า ราวกับตระหนักถึงเรื่องบางอย่าง "เจ้าพูดถูกต้อง! เหมือนเจ้าสารเลวนั่นพูดไม่มีผิด ชีวิตเหมือนเมืองที่ถูกปิดล้อมเอาไว้ คนข้างในต้องการออกไป ส่วนคนข้างนอกต้องการเข้ามา!”
“ท่านหลินพูดได้ดีนัก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะเป็นขุนนางระดับสูงที่ผ่านการสอบของจักรพรรดิสามครั้งติดต่อกัน!” โม่หรูซวงอุทานออกมา
หลังจากคิดบางอย่างขึ้นมาได้ นางก็ถามออกมาอย่างมีเลศนัย “องค์หญิงน้อย ท่านช่วยเล่าเรื่องท่านหลินให้ข้าฟังได้ไหม?”
เจ้าหญิงน้อยเม้มริมฝีปาก “เรื่องเจ้าสารเลวนั่นเหรอ? เขาน่ะทำให้ข้าโกรธมากตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าพบเขา! ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าโกรธเขามากี่ครั้งแล้ว!”
“ถ้าเขาเป็นคนสารเลวที่ทำให้ท่านโกรธแล้ว ทำไมท่านถึงยังมาเล่นกับเขาอีกหรือ?” โม่หรูซวงถามออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“เพราะถึงเขาจะแย่ แต่เขาก็มีข้อดีอยู่ ต่างจากคนอื่นที่เลวร้ายตั้งแต่หัวจรดเท้า! การเล่นกับเขามันสนุกมากจริงๆ เดี๋ยวข้าเล่าให้เจ้าฟังทั้งหมดเลย ถึงเขาจะดูดีและจริงจัง แต่แท้จริงเขากลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย…” คล้ายกล่องคำพูดของเจ้าหญิงน้อยได้ถูกเปิดขึ้น นางเริ่มเล่า “การกระทำอันน่ายกย่องของหลินเป่ยฟาน” ในทันที นับตั้งแต่วิธีที่เขาใช้รังแกบุตรหลานที่หยิ่งผยองของขุนนางระดับสูง การเอาชนะขุนนางในราชสำนักและการเล่นเล่ห์กลกับคณะราชทูต
โม่หรูซวงก็รับฟังด้วยความหลงใหล ตั้งแต่การกลั่นแกล้งบุตรขุนนางผู้ชั่วร้ายไปจนถึงการเอาชนะขุนนางที่มากด้วยล่ห์ กระทั่งยังหลอกลวงทูตคณะราชทูตต่างแดนที่มีแรงจูงใจแอบแฝง...
เขาที่เพิ่งกลายมาเป็นขุนนางกลับสามารถเล่นการเมืองได้ถึงระดับนี้
มันช่างน่าทึ่งเกินไป น่าประทับใจมากไปแล้ว
หัวใจของนางรู้สึกชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก!
ซึ่งตามคำพูดของเจ้าหญิง มันก็ได้ยืนยันการคาดเดาของนางอีกด้วย
หลินเป่ยฟานเป็นขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงจริงๆ แต่เขาเป็นคนที่มีหลักการที่มุ่งเป้าไปยังเงินของขุนนางโกงกินและเสนาบดีทรงอำนาจ ไม่เคยสนใจทำร้ายราษฎรเลย
“หรูซวง เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเขาถึงได้รับการเลื่อนขั้นเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้?”
"ทำไมงั้นหรือ? ข่าวลือภายนอกบอกว่าเป็นเพราะขุนนางโกงกินต่างปกป้องซึ่งกันและกัน…”
"ไม่ได้เป็นเช่นนั้น! ความจริงก็คือเขาโลภมากเกินไป ถึงขั้นยักยอกเงินหลายล้านตำลึงจากนายน้อยพวกนั้น! เหล่าขุนนางจึงไม่สามารถทนได้อีกต่อไป แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงแนะนำให้ร่วมกันเลื่อนขั้นเขาและเนรเทศออกจากสถาบันจักรพรรดิ ให้ไปยังที่ซึ่งเขาไม่สามารถรีดไถเงินจากบุตรของพวกเขาได้อีกต่อไป!”
"หา? เหตุผลเป็นเช่นนี้เองสินะ!" โม่หรูซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ช่างน่าประหลาดใจยิ่ง ถึงขั้นสามารถทำให้ขุนนางโกงกินเลื่อนตำแหน่งของเขาได้เพราะอับจนหนทางต่อต้าน
“แต่พี่สาวจักรพรรดินีชอบเจ้าคนเลวผู้นี้มากเกินไปหรืออาจจะตั้งใจเลื่อนขั้นเขาอยู่แล้ว เขาจึงยังคงอยู่ที่สถาบันจักรพรรดิต่อไป ทำให้พวกขุนนางโกรธมากจนใบหน้าของพวกเขามืดมนไปหลายวันเลย! ฮี่ฮี่!”
เจ้าหญิงน้อยหัวเราะออกมา
“ฮ่ะๆ…” โม่หรูซวงหัวเราะออกมาตามเช่นกัน
“เจ้าหลินเป่ยฟานคนนี้จริงๆ แล้วถือได้ว่าค่อนข้างดี มีความสามารถและมากแผนการ ทั้งยังทำดีมากมายให้อาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ของข้า! แต่เขาโกงกินมากเกินไป นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องคอยตามดูเขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้แน่ใจว่าเขาไม่นำเงินไปใช้ในทางที่ผิด!” เจ้าหญิงตัวน้อยกัดฟันกรอด
“นั่นอาจจะยากไปสักหน่อย กระทั่งห้องครัวของเขายังเชื่อมกับห้องครัวของจักรพรรดิเลย!” โม่หรูซวงหัวเราะคิกคัก
"เหอะ! ความพยายามอยู่ที่ใด ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น ข้าเชื่อว่าสักวันหนึ่งข้าจะจัดการมันได้!”
เจ้าหญิงน้อยฮึดสู้เป็นอย่างมาก เพราะอย่างนั้นนางจึงมากินที่นี่ติดต่อกันหลายวัน
สิ่งนี้นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ร้ายแรงมาก นั่นก็คืออาหารที่เหลืออยู่ในเรือนของหลินเป่ยฟานลดลงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงพอสำหรับขอทานเพียงกลุ่มเดียวที่อยู่ข้างนอก ทำให้กัวเส้าส้วยที่เพิ่งกลายเป็นขอทานต้องหิวโหยจนน้ำลายไหลอีกครั้ง
นับตั้งแต่ที่เขากินของเหลือจากเรือนของหลินเป่ยฟาน เขาก็หมดความสนใจในการกินอาหารอย่างอื่นแล้ว มันทำให้เขารู้สึกว่าอาหารที่เขาเคยกินมาก่อนทั้งหมดนั้นล้วนเป็นขยะ
ดังนั้นเขาจึงรออยู่ที่ประตูหลังเรือนของหลินเป่ยฟานทุกวัน ดวงตาของเขามองผ่านประตูไป หวังว่าจะมีอาหารบางอย่างถูกโยนออกมาให้เขา
แต่แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักทุกวัน อาหารที่มีเหลือกลับลดลงทุกวันเสียอย่างนั้น
ตอนแรกเขายังสามารถกินเนื้อเป็ดที่อ้วนและฉ่ำได้ ทุกคำเต็มไปด้วยน้ำมันจนทำให้มันอร่อยอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ต่อมาเขากลับทำได้เพียงแทะกระดูกเป็ดที่ยังคงมีเนื้อติดอยู่บ้าง แต่มันก็ยังมีกลิ่นหอมมากพอควร
ทว่าตอนนี้แม้แต่กระดูกก็หายไปแล้ว เขาจะกินมันยังไง?
ขอทานเองก็มีความต้องการของตัวเองเช่นกันรู้ไหม?
ในที่สุด วันหนึ่งเขาก็ไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป!
“ถ้าข้ากินข้างนอกไม่ได้ ข้าก็จะแอบเข้าไปกินข้างในอย่างลับๆ!”
เมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้ เขาก็ใช้วิชาตัวเบาของเขากระโดดเข้าไปในคฤหาสน์ของหลินเป่ยฟานอย่างง่ายดาย
พอตามกลิ่นอาหารไป ในที่สุดเขาก็พบกับห้องครัว
ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในห้องครัว ดวงตาของเขาได้เบิกกว้างขึ้นและปากของเขาก็แทบจะมีน้ำลายไหลออกมากองทั่วพื้น “มีอาหารเลิศรสอยู่มากมายเชียว! พระเจ้าไม่ได้ไร้น้ำใจกับข้าสินะ! วันนี้ข้า กัวเส้าส้วยผู้นี้จะกินจนกว่าข้าจะอิ่มเลย!”
เขารีบวิ่งไปด้วยความเร็วสูงสุดและหยิบถังขยะบนพื้นขึ้นมา
เมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งอยู่ข้างใน เขาก็ดึงกระดูกเป็ดออกมาและรู้สึกตื่นเต้นยิ่ง “ยังมีเนื้อเหลืออยู่ นี่มันช่างดีเหลือเกิน!”
เขาหยิบมันเข้าปากทันทีและเริ่มแทะมันอย่างมีความสุข
"นี่แหละ! รสชาติเช่นนี้เลย!”
“มีไขมันแต่ไม่เลี่ยน สัมผัสนุ่มและลื่น เต็มไปด้วยน้ำมันหอมและน้ำผลไม้เลิศรส!”
“กระทั่งกระดูกก็หมักมากรอบและมีกลิ่นหอม!”
“อร่อยจนคาดไม่ถึง!!!” ในเวลาเพียวชั่วครู่ กระดูกเป็ดทั้งหมดก็หายไปและถูกกลืนลงไปในกระเพาะอาหาร
เมื่อเอื้อมมือออกไปคว้านหาอีก เขาก็รู้สึกประหลาดใจยิ่ง
“นี่มัน…คือก้นไก่จริงๆ ด้วย!”
“ก้นไก่ที่อร่อยและชุ่มฉ่ำ ยากจะต้านทานได้ หากพวกเจ้าไม่กิน ข้าก็จะกินเอง!”
เขายัดก้นไก่เข้าปากทันทีและดื่มด่ำกับรสชาติ
"อืม! หอมฉุยและนุ่มละมุนมาก!”
“อร่อยจนหยุดไม่ได้เลย!”
“' ในโลกนี้ อาหารจานเดียวที่สามารถต่อกรกับกระดูกเป็ดได้ก็คือก้นไก่!”
“ข้าโชคดีมากที่ได้กินมัน ฮ่าฮ่า!”
“บัดซบ ข้ารู้สึกสุขใจยิ่งนัก!”
หลังจากกินก้นไก่แล้ว เขาก็เอื้อมมือคว้านหาของอีก จากนั้นเขาก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง “นี่…มันหรือว่าจะเป็นลำไส้หมูของโปรดของข้า!!!”
ยังดิบอยู่และยังไม่ได้ล้างด้วย!”
“ลำไส้หมูสดนี้ ถ้าพวกเจ้าไม่กิน ข้าก็จะกินเอง!” …หลังจากกินไปหมดแล้ว เขาก็ล้วงลงไปในถังขยะอีก
เขาชื่นชอบวิธีการกินเช่นนี้มาก เพราะมันรู้สึกเหมือนกล่องสุ่มที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งต่อไปจะเป็นเช่นไร เขาหมกมุ่นอยู่กับการกินมาก เขาจึงไม่สังเกตเห็นคนสองสามคนที่อยู่ด้านหลังเขาเลย
พวกเขาเห็นขอทานกำลังคุ้ยเศษอาหารที่เหลือจากถังขยะด้วยความพึงพอใจ จนตกตะลึงและไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย ทว่าด้วยความที่เขาเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านหลัง เขาก็หันกลับมาทันที
เมื่อนั้นเขาก็เห็นสตรีโฉมงามที่น่าทึ่งสองคนคือ หลี่ซือซือและเจ้าหญิงน้อยที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชื่นชมพวกนาง กับหลินเป่ยฟานขุนนางระดับสูงที่เขาดูหมิ่น ทุกคนจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อในขณะที่เขายังคงมีอาหารค้างอยู่ในปาก
ในยามนี้ ตัวเขาก็ตกตะลึงเช่นกัน!
มันคือช่วงเวลาที่น่าอับอายที่สุดของเขา ถูกพบเห็นโดยคนที่เขาชอบและคนที่เขาเกลียดที่สุด!
น่าอับอาย! น่าอับอายเกินไปแล้ว!
มันช่างขายหน้า! ช่างขายหน้ายิ่งนัก!
ทั้งสี่คนจ้องหน้ากัน ไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้ได้ยังไง ในท้ายที่สุด ก็เป็นหลินเป่ยฟานที่มีความกล้าหาญที่จะมอบอาหารที่เหลืออยู่ในมือของเขาด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร "เชิญเพลิดเพลินกับมันเถิด! ข้าเข้าใจความยากลำบากของเจ้าและจะไม่คิดเลือกปฏิบัติต่อเจ้าเลย!'”