บทที่ 20 ราชาต้องการหัวใจของเจ้า
ในเส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่ขององค์ชายสาม ตระกูลเฟิ่งมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าที่เขาจะต้องแต่งงานให้ได้ไม่ใช่เพราะต้องการเอาชนะเฟิ่งหยินซวง แต่เพราะปู่ของนางเป็นข้าราชการระดับสูงที่ได้รับการนับถือเป็นอย่างมาก และเพราะท่านไม่เคยกระทำการเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย บารมีของท่านจึงค่อนข้างกว้างขวาง
เพราะฉะนั้น จึงค่อนข้างเป็นที่ประจักษ์ว่าเขาต้องการใช้อำนาจของตระกูลเฟิ่งมาหนุนหลัง
“ข้าคงจะประเมินเจ้าผิดไป เจ้าสามารถอ่านกลอุบายได้อย่างเฉียบขาดและชัดเจนมาก”
เห็นได้ชัดว่ากษัตริย์ชิงผิงมองนางด้วยความชื่นชม เขาให้คนตรวจสอบเฟิ่งหยินซวงมาก่อนหน้านี้ และรู้เพียงว่านางเติบโตมาในตระกูลเฟิ่งโดยได้รับความรัก ความเอาใจอย่างเต็มที่ แต่หญิงสาวที่อยู่กับเขาตอนนี้ กลับไม่แสดงภาพลักษณ์อ่อนโยนและตื้นเขินออกมาเลย
ไม่รู้ว่าทำไม ทุกครั้งที่เขามองตานาง เขามักรับรู้ได้ถึงความเศร้าและความเกลียดชังที่น่าตกใจผ่านดวงตาคู่นั้น
มันไม่ใช่ดวงตาของหญิงสาวธรรมดาทั่วไป แต่มันเป็นดวงตาของคนที่เคยผ่านเรื่องเลวร้ายมาครั้งไม่ถ้วน และกษัตริย์ชิงผิงค่อนข้างมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจในสิ่งที่ข้ากำลังทำ” เฟิ่งหยินซวงมองเขาอย่างสงบ นางไม่มีอะไรปิดบังเขาอีกแล้วยกเว้นเรื่องเกี่ยวกับอดีตชาติของนาง
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าอธิบายเรื่องของเจ้าได้อย่างชัดเจนแล้ว ข้าก็จะเชื่อเจ้า แต่ตอนนี้ข้าคงต้องเริ่มสะสางเรื่องข้อตกของเรา ไม่มีอะไรได้มาเปล่า ๆ ลองคิดดูว่าเจ้าจะตอบแทนข้าได้อย่างไร”
เฟิ่งหยินซวงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษยามที่ต้องทำข้อตกลงกับเขา อย่าลืมว่าเขาสามารถทำอะไรก็ได้กับชีวิตของนาง เพราะฉะนั้นนางจึงประมาทไม่ได้เลย
แน่นอนว่าแค่ชีวิตของนาง นางสามารถเสี่ยงได้ แต่กับตระกูลเฟิ่งนั้น นางจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด
“ที่ท่านพูดอย่างนี้ ท่านก็คงมีสิ่งที่ตั้งใจไว้อยู่แล้ว พูดออกมาตรง ๆ เถิด”
กษัตริย์ชิงผิงมองนางด้วยความชื่นชมอีกครั้ง
“เจ้าเป็นคนฉลาด แต่ข้ากลับไม่ชอบผู้หญิงที่ฉลาดจนเกินไป ในเมื่อเจ้าเป็นหนี้ข้าแล้ว เจ้าจะเอาตัวเองมาชดใช้ให้ข้าได้อย่างไรล่ะ?”
ใช้ตัวนางมาชดใช้? เขาต้องการเพียงตัวนางคนเดียวหรือ?
“ก่อนหน้านี้ท่านไม่เคยพบข้ามาก่อน และตอนนี้ท่านก็รู้แล้วว่าข้าจงใจใช้ท่านในเรื่องนี้ แต่ถึงกระนั้นท่านก็ยังต้องการตัวข้า เป็นไปได้ไหมว่าท่านอาจตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น”
เฟิ่งหยินซวงมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“เมื่อเจ้าก้าวข้ามประตูของวังชิงผิงเข้ามาแล้ว แปลว่าเจ้าเป็นคนของข้า ที่ผ่านมานั้นไม่มีอะไรสำคัญ สิ่งสำคัญคือผลลัพธ์ในตอนท้ายต่างหาก” คำตอบของเขาช่างเฉียบขาดจริง ๆ
นางควรจะขอบคุณที่เขาไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูของนางด้วยอีกคน แต่ก็เป็นการดีกว่าที่นางจะเอาชนะใจเขาไปด้วย เขาอาจมีประโยชน์กับนางในอนาคต ด้วยสถานะสามีภรรยาของเรา นางควรจะทำให้มัน ‘แน่นแฟ้น’ กว่าเดิมไม่ใช่หรือ?
เฟิ่งหยินซวงค่อย ๆ ดึงผ้าคลุมเพียงชั้นเดียวบนร่างกายของนางออก ผ้านวมที่เคยปกปิดร่างกายของนางไว้ร่วงลงไปกองอยู่ตรงช่วงเอว เผยให้เห็นร่างกายบริสุทธิ์และไร้ที่ติต่อหน้าเขา
ตราบใดที่นางกลับมาเพื่อแก้แค้น ความบริสุทธิ์ที่มีก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
นางหลับตาลง แพขนตาสั่นระริกเผยให้เห็นความตึงเครียดและความกังวลในใจ
หลังจากรอมาสักพักสิ่งที่นางคิดไว้ก็ยังไม่มาถึง และทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงผ้าผืนหนึ่งคลุมลงบนไหลจากด้านหลังห่อหุ้มร่างกายของนางไว้จนมิดชิด
เป็นเขาคนนั้น…มันหมายความว่าอย่างไร? เขาต้องการปล่อยนางไปอย่างนั้นหรือ?
“ที่ข้าบอกว่าเจ้าเป็นของข้า หมายความว่าเป็นของข้าทั้งหมด ไม่ใช่เพียงร่างกายแต่รวมไปถึงหัวใจของเจ้าด้วย วันใดที่หัวใจของเจ้าเป็นของข้าอย่างแท้จริงแล้ว ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะเพลิดเพลินกับร่างกายอันสวยงามของเจ้า” สิ้นคำเขาก็เปิดผ้าม่านแล้วเดินออกไป
เฟิ่งหยินซวงนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาหลายนาที เขาพูดว่าต้องการหัวใจของนางหรือ?
แล้วนางต้องทำอย่างไรในเมื่อหัวใจของนางได้ตายไปแล้ว แน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันได้มันมา
ในตอนนี้ เฟิ่งหยินซวงได้จัดการแผนของนางแล้ว นางไม่สามารถทำอะไรได้เลย และสิ่งต่าง ๆ จะพัฒนาไปตามที่นางหวัง
เช้าวันรุ่งขึ้น รัวซุ่ยเข้ามาแจ้งนางว่าองค์ชายสามมาขอพบ และเขาต้องการชวนนางออกไปที่ทะเลสาบด้วยกัน แน่นอนว่าแม่นางซูก็อยู่ที่นี่ด้วย พวกเขามารอพบนางพร้อมกันพอดีเชียว
“พวกเขามาด้วยกันหรือ?”
“เปล่าเจ้าค่ะ แม่นางซูมาถึงก่อนและองค์ชายสามตามมาทีหลัง” รัวซุ่ยตอบ
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้ากันได้ดีจริง ๆ ไม่เป็นไร ข้าเองก็เบื่ออยู่บ้านมาสองวันแล้ว ได้ออกไปเดินเล่นสักหน่อยก็คงดี ไปกันเถอะรัวซุ่ย”
“เจ้าค่ะ ข้าจะช่วยท่านแต่งตัวเอง ท่านจะต้องออกไปด้วยชุดที่สวยงามที่สุด!”
นางต้องแต่งตัวอย่างดีในแบบที่ทำให้คนเห็นประทับใจแบบไม่รู้ลืม นางจะไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนกลบราศีอีกเป็นอันขาด
ในเวลานี้หนานหยูเทียนและซูมันรูกำลังรอนางอยู่ด้านนอก ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากนอกประตู ในที่สุดเฟิ่งหยินซวงก็ปรากฏตัว
หนานหยูเทียนที่กำลังยกชาขึ้นมาดื่ม เมื่อเขาเห็นความงามอันน่าทึ่งของนางเขาก็ตกตะลึงจนตาโต
นี่คือเฟิ่งหยินซวงหรือ?
นางไม่เคยแต่งตัวสวยแบบนี้มาก่อน และแทบไม่สวมเครื่องประดับเลยด้วยซ้ำ ปกติแล้วความงามตามธรรมชาติของนางก็เป็นที่เลื่องลืออยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงในตอนที่นางแต่งตัวอย่างพิถีพิถันอย่างเช่นตอนนี้เลย
เฟิ่งหยินซวงมีผิวกายที่ขาวละเอียด ชุดยาวสีแดงที่สวมอยู่ขับผิวของนางให้เปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม นางติดกิ๊บลวดลายนกฟีนิกซ์อยู่บนผม ซึ่งมันดูหรูหราและสง่างามมาก และด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามของนางนี้ หนาน หยูเทียนจึงทำได้เพียงนั่งอ้าปากค้างมองนางอยู่อย่างนั้น
เดิมที ซูมันรูแต่งตัวธรรมดาเพราะนางรู้ว่าเราจะไปว่ายน้ำที่ทะเลสาบในวันนี้ แต่ตอนนี้เมื่อเทียบกับชุดของเฟิ่งหยินซวงแล้ว นางแทบจะจางหายไปจากสายตาทุกคนในทันที
“ซวงเอ๋อร์…วันนี้เจ้าสวยมาก!” หนานหยูเทียนยืนขึ้นแล้วเดินไปมาหานางด้วยความตกตะลึง