บทที่ 17 มีชีวิตอีกครั้งเพื่อตัวเอง
ในเวลาหัวค่ำ ณ ปีกด้านขวาของคฤหาสน์ตระกูลเฟิ่ง
แสงสีส้มของเทียนหอมหลายขนาดที่วางอยู่ตามมุมห้องสว่างไสวเพียงพอที่จะสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องจุดตะเกียงไฟเพิ่ม
เสียงน้ำไหลดังเอื่อย ๆ จากหลังฉากผ้า ภาพหญิงสาวที่กำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างน้ำอุ่นโดยมีสาวใช้ยืนถือตะกร้ากลีบดอกไม้อยู่ใกล้ ๆ นั้นดูงดงามราวกับภาพวาดสีน้ำมันจากศิลปินเอกแห่งยุค
“อุณหภูมิของน้ำพอดีไหมเจ้าคะคุณหนู”
“อืม…พอดีแล้ว”
เฟิ่งหยินซวงหลับตาพริ้มอย่างผ่อนคลายโดยมีรัวซุ่ยคอยโปรยกลีบดอกไม้อยู่ข้าง ๆ
เห็นสาวใช้คู่ใจปรนนิบัติต่อนางอย่างเอาใจใส่แบบนี้ก็ทำให้เฟิ่งหยินซวงนึกถึงตอนที่พวกเราร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันในชาติก่อน ตอนที่นางย้ายเข้าไปอยู่ในวังหลวงในฐานะภรรยาของหนานหยูเทียน สาวใช้ที่นั่นปฏิบัติต่อนางแย่มาก ทั้งยังพูดจาดูแคลนรัวซุ่ยให้นางได้ยินอยู่เป็นประจำ แต่ถึงกระนั้นคนของนางก็ไม่เคยตอบโต้อะไรกลับไป
‘ความทุกข์ยากจะช่วยเห็นความจริงได้เร็วขึ้น’ วลีนี้นางได้พิสูจน์มาแล้วด้วยตัวเอง
“รัวซุ่ย เจ้าไม่ต้องดูแลข้าแบบนี้ตลอดเวลาก็ได้ กลับไปพักผ่อนเถิด”
“หามิได้เจ้าค่ะ การที่ข้าได้ดูแลคุณหนูเช่นนี้ สำหรับสาวใช้อย่างข้าถือเป็นการได้พร ข้าเต็มใจทำอย่างมีความสุขเจ้าค่ะ” รัวซุ่ยพูดด้วยรอยยิ้มจริงใจ
“เจ้าเติบโตมากับข้าตั้งแต่เด็ก ข้านับเจ้าเป็นน้องสาวคนหนึ่งด้วยซ้ำ ต่อไปนี้เจ้าจะเรียกตัวเองว่าสาวใช้ไม่ได้ เข้าใจหรือไม่?” เฟิ่งหยินซวงจับมือนางและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณหนูพูดถึงเรื่องอะไรเจ้าคะ? สถานะของสาวใช้ต่ำต้อยเพียงนี้ จะให้ข้าตีตนเทียบเท่ากับคุณหนูได้อย่างไร!” รัวซุ่ยตกใจเป็นอย่างมาก นางรีบคุกเข่าลงบนพื้นทันที
เมื่อมองไปที่รัวซุ่ย เฟิ่งหยินซวงก็คิดย้อนกลับไปในตอนที่นางถูกคนของซูมันรูทุบตีจนตาย แม้ทั้งตัวของนางจะเต็มไปด้วยเลือด แต่นางก็ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ
เฟิ่งหยินซวงน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ดีที่ห้องน้ำเต็มไปด้วยไอจากอ่างอาบน้ำ ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจนนัก รัวซุ่ยที่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นจึงไม่ได้สังเกตเห็นน้ำตาบนหางตาของนาง
“ถ้าข้าบอกว่าได้ก็แปลว่าได้ เจ้าสมควรเป็นน้องสาวของข้าที่สุด ลุกขึ้นมาเถิด ต่อไปนี้ตอนที่เราอยู่ด้วยกันสองคนเจ้าต้องเรียกข้าว่า ‘พี่สาว’ และห้ามเรียกตัวเองว่าสาวใช้อีก ตกลงไหม?”
ในชีวิตที่แล้วนางใจดีกับซูมันรูมาก แต่กลับถูกนางหักหลังและใส่ร้ายอย่างเลือดเย็น ในตอนนี้นางเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว จึงเลือกที่จะใจดีกับเฉพาะคนที่ดีกับนางเพียงเท่านั้น และคน ๆ นั้นคือรัวซุ่ย ‘น้องสาว’ ที่รักและภักดีกับนางมาตลอด
“แต่ข้าว่า…”
“ถ้าไม่เชื่อฟังข้าจะโกรธแล้วนะ”
“เจ้าค่ะท่านพี่!” รัวซุยลุกขึ้นยืนและตะโกนอย่างรวดเร็ว
“น่ารักมาก น้องสาวของข้า” เฟิ่งหยินซวงหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู
“จริงสิท่านพี่ ข้ามีบางอย่างที่คิดอยู่นานว่าควรถามท่านหรือไม่ มันเกี่ยวกับ…แม่นางซู…”
เมื่อพูดถึงซูมันรู ท่าทีของเฟิ่งหยินซวงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที
“มีอะไรรึ?”
“ที่ท่านพี่สั่งให้ข้าส่งคนไปเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของนาง ปรากฏว่านางไปที่วังองค์ชายสามมาจริง ๆ ท่านพี่…ในเมื่อท่านพอจะรู้อุปนิสัยที่แท้จริงของนางอยู่แล้ว ทำไมถึงยังพูดแบบนั้นกับนาง ไม่กลัวนางจะเอาไปบอกองค์ชายสามหรือเจ้าคะ?”
“นั่นแหละสิ่งที่ข้าต้องการ ถ้านางไปบอกจริง ๆ แล้วองค์ชายสามเลือกที่จะเชื่อและล้มเลิกการแต่งงานของเราข้าก็จะได้เป็นอิสระ แต่เจ้าเชื่อเถอะ เขาไม่มีทางละทิ้งตระกูลเฟิ่งของเราแน่ เขาคงจะทำทุกอย่างให้ข้ายังได้เป็นภรรยาของเขา และข้าก็กลายจะเป็นคนที่โง่ที่สุด”
ใบหน้าของรัวซุ่ยฉายแววประหลาดใจ นางแค่ไม่ไว้ใจแม่นางซู และไม่คาดคิดว่าคนที่คุณหนูของนางไม่ไว้ใจจริง ๆ คือองค์ชายสาม นางชอบองค์ชายสามมากไม่ใช่หรือ?
ก่อนหน้านั้น ตอนที่ข่าวลือเรื่องการสู่ขอเฟิ่งหยินซวงขององค์ชายสามเริ่มกระจายออกไป สมาชิกครอบครัวหลายคนต่างก็อยากเกลี้ยกล่อมให้หลานสาวคนเดียวของพวกเขาปฏิเสธไปเสีย แม้แต่พี่ชายและพี่สะใภ้เองก็รู้สึกไม่เห็นด้วยที่จะยกน้องสาวคนนี้ให้องค์ชายสาม
แต่เพราะเฟิ่งหยินซวงในตอนนั้นตกหลุมรักเขาลึกเกินกว่าจะปีนกลับขึ้นมาได้ไหว และเพราะทุกคนเห็นแก่นาง ก็เลยยอมถอยให้จนกระทั่งวันแต่งงานแสนวุ่นวายดำเนินมาถึง
รัวซุ่ยรู้สึกว่าเฟิ่งหยินซวงในตอนนี้กับเฟิ่งหยินซวงในตอนนั้นแตกต่างกันอย่างมาก
อาจเป็นเพราะเกี้ยวเจ้าสาวที่สลับกันทำให้นางเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“เจ้าหนะ…” รัวซุ่ยต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกขัดจังหวะขึ้นมาก่อน
“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”
“ท่านพี่! ข้าอยากบอกว่าพี่สาวของข้าดูเปลี่ยนไปมากตั้งแต่ผ่านการขึ้นเกี้ยวผิดมา และข้าก็ชอบที่ท่านเป็นอย่างตอนนี้ที่สุด!”
ใช่ เฟิ่งหยินซวงเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ ไม่มีใครรู้ว่านางจะต้องเผชิญความโหดร้ายอะไรมาบ้างในชีวิตที่แล้ว และมันก็สอนบทเรียนให้นางอย่างมากมายเลยทีเดียว
“ไม่ใช่เพราะข้าเปลี่ยนไป แต่เพราะข้าเคยสับสนกับอะไรบางอย่างมามากเหลือเกิน ข้าเพียงต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น” นางกวักน้ำขึ้นรดบนแขนตัวเองก่อนจะลูบไล้ไปมาอย่างสบายใจ
“ไปพักผ่อนเถิดน้องข้า เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จข้าก็จะเข้านอนเลย เจ้าไม่ต้องรอหรอก”
“เจ้าค่ะท่านพี่!” รัวซุ่ยพยักหน้ารับแล้วเปิดประตูออกไป
เมื่อได้อยู่ลำพัง เฟิ่งหยินซวงก็เริ่มครุ่นคิดบางอย่างขึ้นเงียบ ๆ นางแน่ใจแล้วว่าซูมันรูและหนานหยูเทียนสมรู้ร่วมคิดกัน ต่อจากนี้นางคงต้องใช้ความระมัดระวังในการพูดคุยกับนางให้มากขึ้นกว่าเดิม
ไม่ว่าในอดีตนางจะเคยพลาดมาอย่างไร หลังจากนี้นางจะไม่มีทางพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง