บทที่ 150 หลินเฉิน VS เทพพระเจ้าซูเปอร์ไซย่า
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 150 หลินเฉิน VS เทพพระเจ้าซูเปอร์ไซย่า
"สำเร็จ!"
หลินเฉินไม่สามารถควบคุมความตื่นเต้นของเขาได้เมื่อเห็นทาร์เบิลผมแดง
แต่คนอื่นๆ ไม่เหมือนกับหลินเฉิน พวกเขามองไปที่ทาร์เบิลด้วยความสับสน
เพราะนอกจากออร่าพิเศษที่เปล่งออกมาจากทาร์เบิลที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถมองเห็นความแข็งแกร่งในปัจจุบันของทาร์เบิลได้เลย
พวกเขาไม่สามารถจับออร่าของทาร์เบิลได้เลย ราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่
มีคนเปิดเครื่องวัดพลังและมองไปทางเขา ผลที่ได้ก็ยิ่งแปลกไปอีกเพราะมันแสดงระดับพลังอยู่ที่ 0!
นี่มันอะไรกัน?
“มันคือสถานะศักดิ์สิทธิ์ สิ่งมีชีวิตย่อมไม่สามารถรับรู้ออร่าของเทพเจ้าได้ มีเพียงเทพเจ้าเท่านั้นที่สามารถรับรู้ออร่าของเทพเจ้า ผลของเครื่องวัดพลังก็เหมือนกัน” หลินเฉินอธิบายขณะเปิดใช้งานระบบ
“ระบบระดับพลังปัจจุบันของทาร์เบิลคือเท่าไร?”
ระบบการตรวจจับพลังของระบบของหลินเฉินนั้นแตกต่างจากเครื่องวัดพลัง เครื่องมือธรรมดาไม่สามารถตรวจจับความแข็งแกร่งของทาร์เบิลได้อีกต่อไป แต่ระบบของหลินเฉินสามารถทำได้
"ติ้ง!"
หลังจากได้รับแจ้ง หลินเฉินก็เห็นพลังของทาร์เบิล
ระดับพลัง: 25 ล้าน!
ระดับพลังเพิ่มขึ้น 500 เท่า!
นอกเหนือจากการเพิ่มระดับพลังแล้ว เทพพระเจ้าซูเปอร์ไซย่ามีพลังศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ อีกมากมาย
เนื่องจากระดับชีวิตของทาร์เบิลสูงขึ้น เมื่อเขาไปถึงพลังระดับพระเจ้าด้วยร่างกายเนื้อ เขาก็จะมีพลังเวทมนตร์บางอย่างเพิ่มเข้ามาด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน ทาร์เบิ้ลก็มองมาที่ตัวเขาเองด้วยความประหลาดใจ
“ฝ่าบาทลิงค์ ข้ารู้สึกแข็งแกร่งขึ้นมาก!”
คนอื่นๆ ที่ได้ยินต่างก็รู้สึกสับสน เพราะพวกเขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของทาร์เบิลได้เลย
หลินเฉินก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า “ทาร์เบิล ให้ข้าทดสอบความแข็งแกร่งของเจ้าที”
“วิชาหมัดเจ้าพิภพ!”
หลินเฉินใช้วิชาหมัดเจ้าพิภพทันทีและโจมตีทาร์เบิลโดยไม่พูดอะไรอีก
“ด-เดี๋ยวก่อน!”
แม้ว่าทาร์เบิลจะเข้าสู่ระดับพลังพระเจ้าแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นเพียงเด็กที่ไม่มีประสบการณ์ เมื่อเห็นหลินเฉินพุ่งเข้ามาโจมตี เขาก็หลับตาลงและผลักมือไปข้างหน้า
หลินเฉินที่กำลังวิ่งไปข้างหน้าก็หยุดลงกลางอากาศทันที เพราะแรงกระแทกที่ปรากฏ
จากนั้นพลังของอีกฝ่ายก็ส่งหลินเฉินบินพุ่งไปที่วัง
เมื่อเห็นหลินเฉินถูกส่งบินไปเช่นนี้ ดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้าง
มันแตกต่างจากทาร์เบิลมาก เพราะคนอื่นๆ สามารถมองเห็นความแข็งแกร่งของหลินเฉินได้อย่างชัดเจนด้วยการใช้เครื่องวัดพลัง
16 ล้าน!
แม้ว่าเขาจะไม่ได้แปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่า แต่ความแข็งแกร่งของหลินเฉินก็เกือบจะเทียบเท่ากับพลังของฟรีเซอร์ในตอนนั้นแล้ว!
ทว่าด้วยความแข็งแกร่งมากขนาดนี้ เขายังถูกส่งลอยไปโดยฝ่ามือของทาร์เบิลเหรอ?
พระเจ้า!
ระดับพลังตั้งต้นของทาร์เบิลอยู่ที่ 50,000 เท่านั้น!
ด้วยความแข็งแกร่งของเขา ถึงเขาจะกลายร่างเป็นซูเปอร์ไซย่า เขาก็ไม่สามารถส่งหลินเฉินบินพุ่งไปแบบนั้นได้ไม่ใช่หรือ?
การกลายร่างเป็นเทพพระเจ้าซูเปอร์ไซย่าทำให้แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ?
“ทาร์เบิล! มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำอะไร? รีบพุ่งไล่ตามไปต่อสู้กับฝ่าบาทสิ!” ทันใดนั้นราชาเบจิต้าก็ตะโกนขึ้นมา
ทาร์เบิลรู้สึกลังเล
แต่ในขณะนั้นเอง หลินเฉินที่ถูกส่งบินออกไปไกลก็ปรากฏตัวต่อหน้าทาร์เบิลและต่อยเขาออกไป
จากนั้นหลินเฉินก็ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาอีกครั้งและไล่ตามทาร์เบิลไป
คนอื่นๆ ก็เริ่มบินตามไปดูการต่อสู้นี้
เมื่อพวกเขามองดู พวกเขาก็เห็นเพียงแสงสีทองปรากฏอยู่ตลอดเวลา
นอกจากบาร์ดัคและฮานาเซียแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของหลินเฉินและทาร์เบิลได้อย่างชัดเจน
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนถึงกับเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
แม้ว่าในตอนแรกเขาจะไม่เต็มใจที่จะต่อสู้ แต่ภายใต้แรงกดดันจากหมัดของหลินเฉิน ในที่สุดทาร์เบิลก็เริ่มโต้กลับแล้ว
ชายทั้งสองแลกเปลี่ยนการโจมตีกัน ในบางครั้งพวกเขาก็บินอย่างรวดเร็วจนเกิดภาพติดตาปกคลุมทั่วท้องฟ้า
เพื่อทดสอบพลังเต็มรูปแบบของเทพพระเจ้าซูเปอร์ไซย่า หลินเฉินจงใจรักษาระดับพลังของเขาให้อยู่ในระดับเดียวกับทาร์เบิล
ชายทั้งสองต่อสู้กันบนฟากฟ้าสู่พื้นดิน จากนั้นก็พื้นดินสู่ฟากฟ้า การต่อสู้ที่รุนแรงทำให้ชาวไซย่าที่อยู่นอกดาวถึงกับสังเกตเห็น
“นั่นมันฝ่าบาทลิงค์ไม่ใช่เหรอ? อีกฝ่ายเป็นใครกัน?”
“ข้าไม่รู้ แต่นั่นชาวไซย่าผมแดงใช่ไหม? ชาวไซย่ามีผมสีแดงด้วยหรือ?”
“ข้ารู้สึกว่าชาวไซย่าผู้นั้นดูเหมือนน้องชายของเบจิต้า เจ้าว่าไหม?”
"หา? ทาร์เบิลเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก! ระดับพลังของเขาไม่ถึง 10,000 ด้วยซ้ำ!”
ทาร์เบิลรู้จักผู้คนมากมายบนดาวเคราะห์เบจิต้า แต่ไม่มีใครกล้ายอมรับเลยว่าไซย่าผมแดงที่กำลังต่อสู้กับฝ่าบาทเป็นทาร์เบิ้ล
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลินเฉินและทาร์เบิลต่างก็หยุดต่อสู้ เพราะจู่ๆ ทาร์เบิลก็ออกจากร่างซูเปอร์ไซย่า
เมื่อทั้งสองคนลงมาบนพื้น บาร์ดัคและคนอื่นๆ ก็เบียดเสียดกันอยู่รอบๆ
“ทาร์เบิล เมื่อครู่เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?” ราชาเบจิต้าเอ่ยถาม
“ข้าไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดเลย ข้าแค่รู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมาก”
“ไม่เพียงแค่นั้นหรอก เจ้ายังสามารถต่อสู้ได้ทัดเทียมกับฝ่าบาทลิงค์เลยด้วย!” ราชาเบจิต้าตบไหล่ของทาร์เบิลอย่างภาคภูมิใจ และทันใดนั้นก็มองมาที่เขาด้วยความยินดี “ระดับพลังของเจ้า…มันเกิน 100,000 ไปแล้วเหรอ?”
ทุกคนตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ ระดับพลังของทาร์เบิลเพิ่งข้าม 50,000 ไปตอนที่เขาจะเปลี่ยนร่าง และตอนนี้มันก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหลังจากการต่อสู้ได้ยังไง?
หลินเฉินจึงอธิบายว่า “นี่น่าจะเป็นเพราะพลังส่วนหนึ่งของร่างเทพพระเจ้าซูเปอร์ไซย่ายังคงอยู่ในร่างของทาร์เบิล”
“ข้าเพิ่งคำนวณมา ระดับพลังที่เพิ่มขึ้นของร่างเทพพระเจ้าซูเปอร์ไซย่าคือ 500 เท่า ระดับพลังของทาร์เบิลยามนี้ก็คือ 25 ล้านและถ้าเขาแปลงร่างตอนนี้เขาจะมีระดับพลังถึง 50 ล้าน! น่าเสียดายที่เวลาการแปลงร่างมันมีอยู่จำกัดและไม่สามารถอยู่ได้นานสักเท่าไรนัก”
“50 ล้านเหรอ?” ดวงตาของทุกคนถึงกับโพล่งออกมา
“ถึงจะไม่นาน แต่ก็ไม่เลวร้าย เขาถึงขั้นสามารถต่อกรกับฝ่าบาทได้” ราชาเบจิต้ากล่าวด้วยความพึงพอใจ
แม้ว่าจะเป็นพลังที่เกิดจากการรวมกันของทุกคน แต่ทาร์เบิลก็ถือว่าเป็นผู้ได้รับพลังจากเทพพระเจ้าซูเปอร์ไซย่า โอกาสในอนาคตของเขาย่อมไร้ขีดจำกัด
เมื่อคิดว่าลูกชายทั้งสองของเขาโดดเด่นแค่ไหน เขาก็หยุดยิ้มไม่ได้เลย
ฮานาเซียเดินไปที่ด้านข้างของหลินเฉินและถามว่า “ฝ่าบาท ถ้าเป็นท่านที่มีระดับพลังคูณ 500 จะเป็นเช่นไรหรือ? ท่านอยากไปลองดูหน่อยไหม?”
หลินเฉินรู้สึกสนใจทันที
ถึงในปัจจุบันแม้ว่าเขาจะยังไม่ถึงขีดจำกัดของซูเปอร์ไซย่าร่าง 2 ในตำนาน แต่อีกไม่ไกลเขาก็คงจะสามารถทะลวงผ่านระดับนี้ไปได้แล้ว
หากเขาสามารถแปลงร่างเป็นเทพเจ้าซูเปอร์ไซย่าได้ บางทีเขาอาจจะทะลวงขีดจำกัดนี้ไปได้เช่นกัน
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว หลินเฉินก็ปล่อยให้บาร์ดัคและคนอื่นๆ ทำเช่นเดิมอีกครั้ง
ตามขั้นตอนเดิมเหมือนที่ทำกับทาร์เบิล ร่างกายของคนทั้งห้าเปล่งประกายแสงออกมา ยกเว้นเพียงหลินเฉิน
แต่คราวนี้แสงกลับปรากฏเพียงไม่กี่อึดใจ ก่อนที่จะหายไป!
ร่างกายของหลินเฉินไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย