ตอนที่แล้วบทที่ 13: [เนื้อเรื่องเสริม] ถ้าข้าสุ่ม 100 ครั้งจะได้การันตรีหรือเปล่า?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15: [เนื้อเรื่องเสริม] ณ ทะเลสาบทมิฬ

บทที่ 14: [เนื้อเรื่องเสริม] สู่ดินแดนศัตรู


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 14: [เนื้อเรื่องเสริม] สู่ดินแดนศัตรู

“ต่อจากนี้ พวกเจ้าอาจต้องตายในแนวหน้า!”

ข้ากล่าวออกมาตามจริง

“ทุกสัปดาห์จะมีหลุมศพใหม่ในสุสานแห่งนี้ และเสียงของคณะนักร้องประสานเสียงก็จะดังก้องกังวาน”

ไม่ว่าจะพยายามเสียสละให้น้อยที่สุดแค่ไหน ก็จะมีผู้คนที่ต้องตายเสมอ เพราะไม่มีแนวหน้าใดที่ปราศจากการเสียสละ

ทว่า-

“ข้าจะขอกล่าวอย่างชัดเจน การตายของเจ้ามีค่ากว่าชีวิตของเจ้า!”

ค่าใช้จ่ายในงานศพและค่าชดเชยผู้เสียชีวิต ทั้งหมดนี้มีราคาที่แพงมาก

เงินเกือบครึ่งหนึ่งที่ข้าได้รับจากการขายผลึกเวทมนตร์ล้วนต้องนำไปใช้เป็นค่าชดเชย

นอกจากนี้ข้ายังต้องใช้เพื่อเพิ่มเงินเดือนของทหารและทหารรับจ้างทั้งหมด แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ

ถูกต้องแล้ว ความตายไม่ควรเป็นเรื่องธรรมดาเฉกเช่นนี้ ความตายจะต้องมีค่าและมีราคาแพงมาก มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นได้โดยง่าย

“เพราะฉะนั้นเราจะรักษาเจ้าให้มีชีวิตอยู่ให้นานที่สุด ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้ามีชีวิตอยู่และให้สามารถทำงานในแนวหน้าได้”

ด้วยเหตุผลทางการเงินของข้าส่วนหนึ่ง และเพื่อตัวทหารเองด้วย

เราต้องไม่ตาย

เราต้องมีชีวิต

เราต้องรอด

“พวกเจ้าทุกคน จงอย่าตายโดยง่ายกันเด็ดขาด”

ข้ามองไปทางจูปิเตอร์และทหารรับจ้าง จูปิเตอร์มองมาที่ข้าด้วยตาข้างเดียวและปิดปากของนาง

“จงใช้ชีวิตต่อยู่อไปและรับเงินเดือนให้ได้มากที่สุด จงอย่าตายและทำให้ข้าต้องจ่ายค่าทำศพให้พวกเจ้า”

นั่นคือจุดสิ้นสุดของคำพูดของข้า

ขณะที่ข้าลงมาจากแท่น ลูคัสก็เหวี่ยงแขนไปทางทหารปืนใหญ่

วู้บบ! ตู้ม…!

เหนือท้องฟ้ายามเย็น ปรากฏแสงสีแดงขึ้น และเสียงคำรามของปืนใหญ่ที่ดังขึ้นคล้ายสวดภาวนาให้แก่ผู้ตาย   ข้าสงสัยเหลือเกินว่าประชาชนจะคิดยังไงกับคำพูดของข้า

ข้อแก้ตัวที่มาจากผู้บัญชาการที่ไร้ความสามารถ? เจ้าเมืองน่ารังเกียจที่เสียดายเรื่องความมั่งคั่ง?

ไม่ว่าจะยังไง มันก็ไม่สำคัญสำหรับข้าหรอกว่าพวกเขาคิดยังไง

ข้าจะพิสูจน์มันผ่านผลลัพธ์ในอนาคต ว่าข้าเป็นมนุษย์ที่มีความสามารถมากกว่าใครๆ ตราบใดที่ข้ายืนอยู่ในแนวหน้ากับสัตว์ประหลาดพวกนี้

"เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น..."

แกร่ก แกร่ก ข้าหักนิ้วและยิ้มออกมา

“คงถึงเวลาเคลียร์ด่านที่ 1 กันแล้ว”

* * *

วันรุ่งขึ้น จูปิเตอร์และทหารรับจ้างจำนวนหนึ่งก็ตัดสินใจเข้าร่วมอยู่ภายใต้คำสั่งของข้า

“ขอแสดงความยินดีด้วย…! ท่านได้คัดเลือกทหารที่ยอดเยี่ยมมากเลยนะ!”

ไอเดอร์กล่าวขึ้นเมื่อเขาเข้ามาพร้อมกับใบรับสมัครของทหารรับจ้าง หุบปากไอ้หมอนี้

ที่นี่คือห้องทำงานของเจ้าเมือง

เนื่องจากมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ข้าจึงต้องอยู่ที่นี่ด้วย ในเกมต้นฉบับ การบริหารเมืองก็เป็นส่วนหนึ่งของงานที่ข้าต้องจัดการด้วย...

'เหตุใดข้าจึงต้องจัดการเรื่องอะไรมากมายขนาดนี้กัน ทั้งๆ ที่ข้าเป็นเพียงเจ้าเมืองคนใหม่เองนะ? ไอ้เจ้าเมืองคนก่อนมันทำอะไรกัน?

ข้าพึมพำขณะทำงานเอกสารตรงหน้า ทว่าสิ่งสำคัญในตอนนี้คือการเตรียมพร้อมสำหรับด่านต่อไปต่างหาก ข้าจะต้องเอาชีวิตรอดก่อน จึงจะสามารถมาทำงานบริหารเมืองได้

“ทหารรับจ้างทั้งหมดที่มีอยู่ในเมืองได้ถูกว่าจ้างแล้ว! สรุปรวมยอดทั้งหมดคือ 114 คน!”

สำหรับด่านที่ 1 ซึ่งจะเริ่มเร็วๆ นี้ เราต้องการนักสู้มากที่สุด

พวกเขาจึงได้จ้างทหารรับจ้างทั้งหมด โดยไม่สนใจเงินที่พวกเขาร้องขอเลยด้วยซ้ำ

“ข้าใส่ค่าสถานะทั้งหมดของพวกเขาไว้ในระบบแล้ว! เพื่อให้ท่านสามารถตรวจสอบจากฝั่งของท่านได้อย่างสะดวก”

เมื่อไอเดอร์กล่าวจบ เขาก็โยนแผ่นกระดาษทั้งหมดที่เขามีในอ้อมแขนลงถังขยะทันที แล้วเจ้าจะเอามันมาที่นี่ตั้งแต่แรกทำไมกัน?

"ไหนขอข้าดูหน่อยซิ..."

ข้าเปิดหน้าต่างระบบและตรวจสอบราชื่อทหารรับจ้างที่เพิ่งจ้างใหม่

ในกองทัพมีอยู่สองประเภทหลัก

แบ่งเป็น 'วีรบุรุษ' และ 'ทหาร'

'วีรบุรุษ' คือผู้มีความสามารถพิเศษ สามารถใช้ทักษะและสามารถจัดเข้ามาในกลุ่มของผู้เล่นได้

เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในเกมป้องกันเมือง

แม้แต่วีรบุรุษระดับ N ที่ถูกมองข้ามก็ยังทรงพลังมากเมื่อเทียบกับทหารธรรมดา

ส่วน 'ทหาร' ไม่สามารถใช้ทักษะได้และไม่สามารถเข้าร่วมทีมได้ แต่หากไม่มีพวกเขา แนวหน้าก็ไม่สามารถคงสภาพรักษาแนวหน้าไว้ได้

ทหารจะแข็งแกร่งขึ้นตามประสบการณ์ ดังนั้นจึงต้องเพิ่มขวัญกำลังใจและดูแลพวกเขาอยู่เสมอ

'ในบรรดาทหารรับจ้างที่ได้รับการว่าจ้างในครั้งนี้ มี...วีรบุรุษห้าคน'

ข้าจ้างคนมามากกว่า 100 คน และมีเพียงห้าคนเท่านั้นที่เป็นวีรบุรุษ

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องระดับความสามารถของอีกห้าคนที่ได้มาก็มีความน่าจะเป็นที่จะได้ระดับต่ำพอสมควร เฮ้อ ไอ้เจ้ากาชานี้มันบัดซบเสียจริงนะ

“SSR เถอะนะได้โปรด!”

ข้าตะโกนขณะที่ข้าเปิดรายชื่อของวีรบุรุษที่เพิ่งได้รับมา

* * *

. .

. .

.

.

* * *

ฟึบ!

สีที่ปรากฏในภาพของสมาชิกใหม่ทั้งห้าคือ...หนึ่งสีม่วงและสี่สีเทา

นั่นหมายถึงมีระดับ SR หนึ่งและระดับ N อยู่สี่คน

“บัดซบเอ้ย”

ข้าตะโกนออกมาด้วยความผิดหวัง แต่ข้าก็คาดหวังผลลัพธ์เช่นนี้ไว้แล้ว

ที่นี่คือเมืองแห่งหลุมศพที่มีเงินหมุนเวียนอยู่เพียงน้อยนิด เบื้องหน้ามีสัตว์ประหลาดมากมายคอยดาหน้าเข้ามา

ผู้มีความสามารถระดับสูงจะเริ่มรวมตัวกันหลังจากชื่อเสียงของเมืองและรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งอย่างน้อยก็คงเป็นหลังจากช่วงกลางของเนื้อเรื่อง

สำหรับตอนนี้ ข้าก็ถือว่าดีแล้วที่มีตัวละครระดับ SR อยู่หนึ่งคน

หลังจากตรวจสอบวีรบุรุษระดับ N สี่คนคร่าวๆ แล้ว จากนั้นข้าก็เปิดดูค่าสถานะของจูปิเตอร์

[จูปิเตอร์ (SR)]

- ระดับ: 35

สมญานาม: ทหารผ่านศึกผู้โกงกิน

- อาชีพ: แม่มดสายฟ้าขั้นสูง

- ความแข็งแกร่ง 8 | ความคล่องแคล่ว 18 | ค่าสติปัญญา 30 | แรงกาย 10 | มานา 35

มีระดับ 35 ตั้งแต่เริ่มต้น อีกทั้งยังมีอาชีพขั้นสูงแล้ว! ยอดเยี่ยมเหลือเกิน!

[ทักษะที่ได้เรียนรู้]

> ทักษะติดตัว: อัสนีตระการ

> ทักษะ 1: พื้นที่แห่งการชำระ

> ทักษะ 2: ชะล้างมลายหาย

> ท่าไม้ตาย: ??? (ปลดล็อคหลังจากการเลื่อนอาชีพเป็นขั้นที่สาม)

อัสนีตระการเป็นทักษะติดตัวของนางที่ทำให้นางสามารถควบคุมสายฟ้าได้

ทักษะติดตัวของนางจะเป็นการเปลี่ยนมานาของนางไปเสริมพลังให้ธาตุไฟฟ้า

ทักษะที่ 1 คือ เวทมนตร์ไฟฟ้าประเภทพื้นที่ ฟาดสายฟ้าโจมตีศัตรูและทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้

ทักษะที่ 2 เป็นทักษะที่สามารถต่อเนื่องจากทักษะที่ 1 ได้ มันจะปลดปล่อยการโจมตีเป็นสายฟ้าออกมาใส่ศัตรูที่ถูกทำสัญลักษณ์ไว้ พลังของมันมหาศาลมาก

ก็อย่างที่เห็น นางมีทักษะที่เน้นไปที่ทักษะหมู่และความเสียหายมหาศาล

จูปิเตอร์เป็นทีมหลักของข้าในเกม เพราะมีความสามารถที่เรียบง่ายและทรงพลัง

ปัญหาคือหญิงชราคนนี้…นิสัยของนางบางครั้งมักทำให้เรื่องยุ่งเหยิง

[คุณลักษณะที่มีอยู่  (1 / 3)]

- แมลงบ้าทอง (ไม่สามารถถอดได้)

คุณลักษณะที่ไม่สามารถถอดได้ แมลงบ้าทอง

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มันเป็นนิสัยของพวกที่บ้าเงินเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทอง

เมื่อพบหีบสมบัติในดันเจี้ยน หากตัวละครมีคุณลักษณะนี้ ก็มีโอกาสที่จะสูญเสียการควบคุมและเผลอไปเปิดกล่องตามใจชอบ

แต่ถ้ามันเป็นกับดักล่ะ?

ด้วยคุณลักษณะนี้ ในการเล่นช่วงท้ายเกมรอบก่อนๆ ของข้า ตัวละครที่มีมันมักจะไปเปิดกล่องโดยไม่สนใจอะไรและถูกมิมิคที่แสร้งทำเป็นกล่องสมบัติฆ่าตาย

'...ข้าคงต้องพยายามระวังเจ้าสิ่งนี้ดีๆ'

สถานที่แห่งนี้เป็นไปตามกฎของเกม แต่ก็ยังเป็นโลกความจริง

ถ้าเกิดนางวิ่งเข้าไปยังกล่องสมบัติ ข้าคงต้องรีบหยุดให้ได้ทันที…ไม่อย่างนั้นมันคงแย่แน่

ข้าไม่ต้องการที่จะสูญเสียนักเวทย์ระดับ SR ที่ข้าได้รับมาด้วยความยากอย่างรวดเร็วเช่นนั้นหรอกนะ

[ตัวละครวีรบุรุษใหม่]

- ระดับ 35 จูปิเตอร์ (SR)

- ระดับ 14 เทน (N)

- ระดับ 14 รอน (N)

- ระดับ 12 จิยะ (N)

- ระดับ 11 เป๊ก (N)

นี่คือวีรบุรุษทั้งห้าที่เพิ่งได้มาใหม่

นอกนั้นก็มีลูคัส เดเมียน ข้าและลิลลี่ที่กำลังจะเกษียณ

'ข้าจะจัดทีมยังไงดีนะ…'

ข้าไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง

เป็นการดีที่จะเปลี่ยนองค์ประกอบของทีมอย่างยืดหยุ่นขึ้นให้อยู่กับรูปแบบของศัตรู

มันจะมีประสิทธิภาพอย่างมากหากวางแผนตอบโต้ตามชนิดและประเภทของศัตรู

'เพื่อทำเช่นนั้น ข้าจำเป็นต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมของศัตรูเสียก่อน'

ข้าเหลือบมองระยะเวลาที่ลอยอยู่ในหน้าต่างข้อมูลของด่าน

[ด่าน 1]

- เวลาที่จะเริ่มต้น: 3 วัน 1 ชั่วโมง

เหลือเวลาอีก 3 วันก่อนที่ด่านจะเริ่มขึ้น

ข้าไม่รู้เลยว่าเวลามันจะไวขนาดนี้

'ข้าคงต้องรีบตรวจสอบข้อมูลของศัตรูก่อน'

ข้อมูลด่านทั้งหมดสามารถดูได้หลังจากเผชิญหน้ากับศัตรูเท่านั้น

ย้อนกลับไปในด่านฝึกสอน ข้าสามารถตรวจสอบข้อมูลศัตรูได้ทันทีเนื่องจากข้ากำลังต่อสู้กับศัตรูอยู่ ทว่ายามนี้ หน้าต่างข้อมูลของศัตรูถูกปกคลุมไปด้วยเครื่องหมายคำถาม การลาดตระเวนจึงเป็นสิ่งสำคัญ

โดยปกติแล้ว การส่งหน่วยสอดแนมไปอาจเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ก็มีวิธีหนึ่งอยู่

“ลูคัส”

ข้าเรียกลูคัสที่ยืนเฝ้าอยู่นอกประตูห้อง ลูคัสพุ่งตรงเข้ามาหน้าข้าทันทีที่ข้าเรียกเขา

"ขอรับ! องค์ชาย ท่านเรียกหาข้ามาทำไมงั้นหรือขอรับ?”

“ไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับข้าสักหน่อย”

ลูคัสนำเสื้อคลุมของข้ามาทันทีแล้วถามต่อ

“วันนี้ท่านมีแผนจะไปไหนเหรอขอรับองค์ชาย?”

“ทะเลสาบ”

ข้าสอดแขนเข้าไปในเสื้อคลุมที่ลูคัสถืออยู่แล้วกล่าวอย่างใจเย็น

“เราจะไปเยือนฐานทัพของศัตรูกัน”

"...ขอรับ?"

ข้าคล้ายกับเห็นเครื่องหมายคำถามลอยอยู่รอบๆ ใบหน้าของลูคัส ดูแล้วเขาคงไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไป ข้ายิ้มเล็กน้อย

“เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร”

* * *

หลังจากนั้นไม่นาน ณ สวนหลังบ้านของคฤหาสน์ครอสโรด

ข้ากับลูคัสยืนอยู่หน้าซากปรักหักพัง ลูคัสยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่ข้ากล่าว แต่เขาก็เดินตามข้าไปอย่างเงียบๆ

ข้าเอื้อมมือไปที่กองหิน จากนั้นหน้าต่างระบบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าข้า

[ท่านต้องการเปิดใช้งานประตูเคลื่อนย้ายหรือไม่]

- ใช่/ไม่

แน่นอนว่าข้ากดใช่

ครืน!

เสียงแปลกประหลาดได้ดังขึ้น กองหินพลันลอยขึ้นไปในอากาศ หมุนไปรอบๆ เพื่อสร้างประตูเวทย์มนตร์

ลูคัสถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

“นี่คืออะไรงั้นหรือ?”

“ประตูที่นำไปสู่ดันเจี้ยนใต้ทะเลสาบ”

ข้าบอกลูคัสที่กำลังสับสนอยู่

“มันเป็นบัตรผ่านที่นำไปสู่นรกอันเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด นั่นแหละคือสิ่งที่ข้ากล่าว”

เกมนี้มีระบบผสมผสานอยู่สองประเภท

ป้องกันเมืองและลงดันเจี้ยน

นี่คือกฎของเกม เนื้อหาหลักของเกมนี้ ซึ่งก็คือ 'ด่าน' จะอยู่ในรูปแบบของการป้องกันเมือง

มันเป็นสงครามที่้ต้องปะทะกับสัตว์ประหลาดที่มาจากทะเลสาบที่พยายามรุกเข้าสู่ครอสโรด เหล่ากองทหารเองก็ต้องพยายามหยุดยั้งพวกมันไม่ให้เข้าไปในเมืองไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

ส่วนในระหว่างด่าน

เมื่อศัตรูไม่โจมตี ผู้เล่นสามารถสำรวจดันเจี้ยนใต้ทะเลสาบที่เป็นฐานของศัตรูได้

สิ่งนี้เรียกว่า 'การสำรวจฟรี'

ผู้เล่นสำรวจดันเจี้ยนด้วยทีมขนาดเล็กเพื่อรับคำใบ้ของด่านต่อไป เก็บค่าประสบการณ์และไอเท็ม รวมทั้งยังต้องค้นหาความลับของดันเจี้ยน

นี่คือโครงสร้างพื้นฐานของโครงเรื่องภายในเกม โดยการสลับระหว่างการป้องกันและการโจมตี

ประตูเคลื่อนย้ายเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำรวจการสำรวจฟรี

ในเกมต้นฉบับ ระบบนี้จะเปิดขึ้นหลังจากเคลียร์ด่านที่ 1 แต่ข้าลองมาที่นี่ดูก่อน ปรากฏว่าข้าสามารถทำให้มันใช้งานได้ทันที

“แม้จะเป็นเกมที่ยากเกมหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่เกมที่ไม่ยุติธรรมเสียทีเดียว”

นอกจากนี้ ข้ายังรู้วิธีเอาชนะสัตว์ประหลาดเกือบทุกตัวในเกมแล้ว

และข้าก็ยังเชี่ยวชาญองค์ประกอบและลูกเล่นของดันเจี้ยนใต้ทะเลสาบจนหมด

ในการป้องกัน ข้าแค่ต้องแทะแนวหน้าของพวกมันและรวมพวกมันไว้ในจุดเดียว จากนั้นก็ขจัดมันออกจนสิ้น

ส่วนการบุกอย่าง—การสำรวจฟรี— ข้าจะรวบรวมทุกสิ่งที่เป็นไปได้ที่จะช่วยในการป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าประสบการณ์หรือไอเท็ม

'ดูเหมือนว่าแผนนี้จะใช้ได้เดียว ที่จริงมันใช่ได้เลยแหละ!"

แม้ระหว่างด่านฝึกสอนข้าจะต้องผ่านความยากลำบากมากมาย แต่ตอนนี้ก็ถือว่าเริ่มต้นได้ดีมาก

ข้าเริ่มต้นด้วย เดเมียน ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นตัวละครโกงที่สุดและจูปิเตอร์ ตัวละครรดับ SR ที่มีทักษะหมู่

อีกทั้งตอนนี้ข้ามีเงินทุนค่อนข้างมาก

ความมั่นใจที่ข้าจะสามารถเคลียร์เกมนี้ได้อย่างปลอดภัยทำให้ข้ารู้สึกยินดียิ่ง

“เอาล่ะ ลูคัส ข้าจะเล่าสรุปรวบย่อให้ฟังเอง”

ข้าอธิบายกฎของเกมให้ลูคัสฟังและบอกเขาว่าเรากำลังเดินทางไปสอดแนมศัตรูในด่านต่อไป

"เป็นเช่นนั้นเอง ข้าเข้าใจแล้ว”

ลูคัสไม่ได้ถามอะไรอีก เขาเพียงแค่จับชุดเกราะของตนและกระชับอาวุธของเขาไว้แน่น

“......”

ข้ากลืนน้ำลายแห้งเผือด

ที่จริงลูคัสควรเป็นคนที่มีคำถามมากมายในหัวมากที่สุด

เพราะข้า เจ้าชายที่เขารับใช้มาทั้งชีวิตกลับเปลี่ยนไปในพริบตา และข้ายังดูเหมือนรู้องค์ประกอบของเมืองนี้ทั้งที่ข้าเพิ่งมาถึงครั้งแรก อีกทั้งยังทราบการมีอยู่ของดันเจี้ยนและอื่นๆ อีกมากมาย

คงจะเข้าใจได้มากถ้าเขามีคำถามในใจ แต่ถึงกระนั้นเขากลับทำตามคำสั่งของข้าโดยไม่เอ่ยถามอะไรออกมาเลย

“เฮ้ เจ้าไม่มีอะไรจะถามข้าหน่อยเหรอ?”

เมื่อข้าออกมา ลูคัสก็มองมาที่ข้าด้วยดวงตาสีฟ้าอันกระจ่างใส

“......”

“......”

ความเงียบได้ปรากฏขึ้นมาครู่หนึ่ง ข้าถึงกับกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ลูคัสก็หันกลับมามองและเปิดใจพูดอย่างเชื่องช้า

"ข้า..."

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด