บทที่ 13: [เนื้อเรื่องเสริม] ถ้าข้าสุ่ม 100 ครั้งจะได้การันตรีหรือเปล่า?
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 13: [เนื้อเรื่องเสริม] ถ้าข้าสุ่ม 100 ครั้งจะได้การันตรีหรือเปล่า?
หลังจากสั่งไอเดอร์ให้เขาทำอะไรในวันนั้นไปแล้ว ข้ากับลูคัสก็ออกจากคฤหาสน์ไป
ประมาณ 30 นาทีต่อมา เราก็ยืนอยู่หน้าสมาคมทหารรับจ้าง
มันถูกเรียกว่าสมาคมทหารรับจ้าง แต่มันก็ไม่ต่างไปจากแค่โรงเตี๊ยมธรรมดาๆ เลย
เพราะที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งทหารรับจ้างที่ยังไม่ได้ถูกจ้างโดยทางจักรวรรดิอาศัยอยู่
ทหารรับจ้างที่ยังไม่ได้ถูกว่าจ้างจะอยู่อาศัยที่นี่ไปสักพัก ถ้าข้าจ้างพวกเขา พวกเขาก็จะทำงานในทางเมือง และถ้าข้าไม่จ้างพวกเขา พวกเขาก็จะย้ายไปยังเมืองอื่น
ข้าไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนเก่งมีฝีมือจะมาและไปเมื่อไร ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีที่จะมาที่นี่บ่อยๆ
แม้ว่าจะเป็นช่วงเช้า แต่ข้าก็ยังได้ยินเสียงพูดคุยมากมายจากข้างใน ดูเหมือนว่าคงกำลังจะมีเรื่องกัน
“องค์ชาย ข้าจะเข้าไปก่อน”
"ไม่ต้อง"
ขณะที่ลูคัสพูดพร้อมกับมือที่จับลูกบิดประตู ข้าก็ส่ายศีรษะและเอามือของเขาออกจากลูกบิดประตู
“ข้าจะเข้าไปก่อน”
จากนั้นข้าก็เปิดประตูเข้าไป
ปัง!
“สวัสดีพวกเจ้าทุกคน~!”
ด้วยความมุทะลุของข้า ทหารรับจ้างที่กำลังดื่มกันก็มองมาที่ข้าทันที
ข้าสัมผัสได้ถึงการต้อนรับอันอบอุ่นจากสายตาเหล่านั้น มีประมาณ 100 คนพอดีเลยแฮะ
"อะไรวะ? เจ้าเป็นใครกัน?”
“อยากลงไปนอนกองกับพื้นเหรอ?!”
สายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารไม่ทำให้ข้ากลัวเลย
ไม่ว่าพวกเขาจะจ้องมองมาด้วยสายตาน่ากลัวแค่ไหน พวกเขาก็เทียบไม่ติดกับพวกแมงมุมสีดำสักนิดเดียว
“ข้าก็เป็นหนึ่งในคนที่จะเป็นนายจ้างของพวกเจ้า!”
ใช่แล้ว ข้าคือนายจ้าง ส่วนพวกเขาเป็นเพียงลูกจ้าง ดังนั้นข้าจึงมีสถานะที่สูงกว่า
ข้ามองไปรอบๆ พวกทหารรับจ้างก็แค่นเสียงออกมา
“พวกเจ้ากำลังจ้องอะไรอยู่?! หันไปทางอื่นซะ!”
ลูคัสสั่งพวกที่จ้องมองมาทันที หา? สงสัยตัวข้าจะเป็นเจ้าชายผู้เลวร้ายและโรคจิตจริงๆ การที่ข้าสั่งให้ลูคัสทำอะไรแบบนี้ คงเป็นเรื่องปกติกระมัง
เราเดินเข้าไปในสมาคมทหารรับจ้าง ข้าได้ยินเสียงพึมพำจากคนที่มองข้าจากทั่วทุกทิศทุกทาง
“เขาคือเจ้าชายองค์ที่สามแอชสินะ”
“เจ้าหมายถึงไอ้โรคจิตนั่นเหรอ? คนที่ฆ่าทุกคนที่เขาไม่ชอบใช่ไหม?”
“เขาทำลายล้างกองกำลังของตนจนหมดสิ้นในด่านหน้า…”
“แต่ข้าได้ยินว่าเขาก็ฆ่าแมงมุมทั้งหมดเหมือนกันนะ”
ฉันฝ่าเสียงพูดคุยออกไปและมุ่งหน้าไปยังด้านในของสมาคมด้วยท่าทาง ในขณะที่มองดูทหารรับจ้างรอบๆ อย่างถี่ถ้วน
'มาดูกันเถอะว่าจะมีของดีบ้างไหม?'
สมาคมทหารรับจ้างเป็นสถานที่สำหรับการ "สุ่ม" ตัวละครใหม่
เพื่อให้มองได้ง่ายขึ้นจากมุมมองของผู้เล่น ตัวละครระดับสูงจะปล่อยออร่าบางเบาออกมา
ระดับ R จะปล่อยออร่าสีน้ำเงินออกมา ระดับ SR จะปล่อยออร่าสีม่วงออกมา และระดับ SSR ก็จะเปล่งออร่าสีทองออกมา
ข้าเดินไปรอบๆ สมาคมทหารรับจ้าง และพยายามค้นหาออร่าที่ว่านี้ เจ้าอยู่ไหนกันนะ?
“......!”
แล้วในที่สุดข้าก็พบมัน
หญิงสูงอายุในชุดทหารอันเรียบร้อยที่กำลังนั่งอยู่ในบาร์ที่อยู่ด้านในสุดของสมาคมทหารรับจ้าง
ด้านหลังเงาของนางมีแสงสีม่วงส่องสว่างออกมา
'ตัวละครระดับ SR?!'
แจ็คพอต! ข้าเข้าหาทหารรับจ้างโดยไม่ปิดบังรอยยิ้มสักนิดเดียว
“ยินดีต้อนรับสู่สมาคมทหารรับจ้างสาขาครอสโรด องค์ชาย”
เป็นสตรีที่มีผมหนาสีขาว มัดรวบอย่างเรียบร้อย
ตาซ้ายของนางถูกปิดด้วยผ้าปิดตาหนัง และริมฝีปากที่ย่นของนางก็กำลังถือซิการ์ขนาดใหญ่อยู่
ข้านั่งข้างนางทันที
“ข้าขอทราบชื่อของเจ้าได้ไหม ?”
"ด้วยความยินดี ข้ามีนามว่าจูปิเตอร์ เป็นเกียรติที่ได้พบกับท่าน”
แม่มดสายฟ้าระดับ SR จูปิเตอร์!
เมื่อรู้จักบุคคลนั้นแล้ว ข้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก แต่ทำไมหญิงชราผู้นี้ถึงอยู่ในสมาคมทหารรับจ้างกันล่ะ?
ข้าพยักหน้าให้จูปิเตอร์ที่ทักทายมาอย่างสุภาพ
“นั่นเป็นชุดทหารที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน เจ้ามาจากอาณาจักรไหนหรือ?”
“มันเป็นชุดของอาณาจักรเอเวอร์แบล็ค เป็นชุดสมัยเก่าเมื่อหลายสิบปีก่อน ดังนั้นท่านอาจจะได้เห็นมันเป็นครั้งแรก”
จูปิเตอร์ปัดชุดทหารสีดำอันเก่าของนางด้วยมืออย่างภาคภูมิใจ เหรียญตรามากกว่า 10 เหรียญถูกปักไว้ที่หน้าอก
แม้ว่าข้าจะรู้ทุกอย่าง แต่ข้าก็ยังแสร้งทำเป็นชื่นชม
“แสดงว่าเจ้าคงเป็นทหารของอาณาจักรแห่งนั้นใช่ไหม?”
“ข้ารับใช้ที่นั่นมา 30 ปี ข้ายังทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 2 ของกองพันเวทมนตร์อีกด้วย หลังจากเกษียณ ข้าก็เลี้ยงปากท้องด้วยการเป็นทหารรับจ้าง”
“แม้ว่าเจ้าจะเกษียณแล้ว เจ้าก็ยังเป็นทหารตัวอย่างที่อุทิศตนให้กับอาณาจักรของเจ้า!”
“ไม่เชิงเลย ชีวิตนั้นรันทด ถึงจะมีเงินบำนาญของทหารผ่านศึก แต่นั่นก็คือเหตุผลเดียวที่ทำให้ข้ารับงานเป็นทหารรับจ้าง”
ทันใดนั้นนางก็แสยะยิ้ม จูปิเตอร์แสยะยิ้มกว้างออกมา รอยยิ้มของนางดูเหมือนรอยยิ้มที่มาจากปีศาจ ไม่ใช่ทหาร
“แต่การเป็นทหารรับจ้างก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เนื่องจากมันยึดถือด้านฝีมือพอสมควร ข้าจึงทำเงินได้ค่อนข้างมาก”
“ดูเหมือนว่าเจ้าชอบที่จะใช้เงินมากเลยสินะ?”
“มันเป็นนิสัยเลวของหญิงชราผู้นี้ที่อยู่ในสนามรบมาตลอดชีวิตเอง ข้าแค่ไม่อยากจะเก็บเงินเอาไว้ ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะตายยามใด”
จูปิเตอร์พ่นควันซิการ์ในปากของนางออกมาและยิ้มให้ข้า
“ดังนั้นแล้ว องค์ชาย พวกท่านมาที่นี่ทำไมกันงั้นหรือ...?”
“มีเหตุผลอะไรอีกที่ข้าจะมายังสมาคมทหารรับจ้าง? ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจ้างทหารรับจ้างที่มีประโยชน์”
“หรือท่านมาที่นี่เพื่อจ้างหมากที่สามารถตายแทนตัวท่านกัน?”
ขณะที่จูปิเตอร์ยิ้มออกมา มือของลูคัสก็วางลงบนด้ามดาบของเขา
“บังอาจ…!”
“ลูคัส”
ข้าคว้าแขนลูคัสแล้วหยุดเขาไว้
"ไม่เป็นไร"
“......”
ลูคัสก้าวถอยหลังไปอย่างไม่เต็มใจ ขณะเดียวกัน เขาก็จ้องเขม็งไปทางจูปิเตอร์
“ผลของการต่อสู้ที่ฐานด่านหน้าได้แพร่กระจายไปแล้วองค์ชาย ดูเหมือนว่าท่านจะต้องจ่ายทุกอย่างออกไปแลกกับความมั่นใจของท่านนะ”
จูปิเตอร์หมุนซิการ์ด้วยนิ้วย่นของนางแล้วส่ายศีรษะไปมา
“เราเป็นเพียงแค่กลุ่มคนหยาบช้าที่ไล่ตามเงินทอง แต่เราไม่ใช่คนโง่เขลาที่ขุดหลุมศพของตัวเอง ข้าไม่คิดที่จะไปเสี่ยงชีวิตเพื่อติดตามผู้บัญชามือใหม่เด็ดขาด”
"เข้าใจแล้ว"
ข้าพยักหน้าและมองไปรอบๆ ทหารรับจ้างในสมาคม
“แต่พวกเจ้าก็มาที่นี่เพื่อขายชีวิตไม่ใช่เหรอ?”
ทหารรับจ้างบางคนสะดุ้งกับน้ำเสียงอันบาดลึกของข้า
“เจ้ามาไกลถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่เพราะเจ้าไม่มีทางหาเลี้ยงชีพอื่นได้นอกจากการขายชีวิตของเจ้าเอง ข้าคิดผิดหรือเปล่า? แต่ยามนี้เจ้ากลับบอกว่าเจ้ากลัวเกินกว่าจะขายชีวิตเพียงเพื่อเงินงั้นเหรอ?”
วู้บบ!
ขณะที่เผชิญหน้ากับจูปิเตอร์ ข้าชี้นิ้วไปทางนาง
“ไม่ใช่คนโง่เขลาหรอกหรือที่ขุดหลุมศพของตัวเอง? พอมันออกมาจากปากเจ้าก็ฟังดูแปลกๆ ไปหน่อยนะ ไม่คิดเหมือนกันเหรอ คุณหญิงจูปิเตอร์?”
"เดี๋ยวก่อน? ท่านรู้ได้ยังไง…”
“เจ้าไปถึงจุดสุดยอดของอาชีพได้ ทว่าเหตุผลที่เจ้าถูกปลดประจำการในช่วงท้าย เป็นเพราะเจ้าถูกจับได้ว่า 'อยู่เบื้องหลัง' ในกองทัพต่างหาก เจ้าจะไม่เรียกสิ่งนั้นว่า 'การขุดหลุมฝังศพตนเอง' เหรอ?”
“?!”
ดวงตาดวงเดียวของจูปิเตอร์ถึงกับเบิกกว้างขึ้น นางไม่คิดเลยว่าข้าจะรู้ทุกอย่าง
ข้ายิ้มแล้วกล่าวต่อ
“ตั้งแต่โกงกินเงินทุนในการป้องกันประเทศ ไปจนถึงการลักลอบค้าขายกับอาณาจักรศัตรู เมื่อเจ้าถูกจับได้ เจ้าก็ถูกปลดประจำการและถูกไล่ล่า! แต่เจ้ากลับยังสวมชุดทหารนั้นอย่างภาคภูมิใจ ช่างไร้ยางอายเสียจริง!”
ศูนย์รวมของการโกงกิน ทหารที่ร่วงโรยและเน่าเฟะ ทหารผ่านศึกที่น่าอับอาย ผู้มีผลงานการทำสงครามที่โดดเด่น แต่ทั้งหมดกลับเลือนหายไปเพราะสิ่งนี้
ทว่าความสามารถของนางในฐานะนักสู้นั้นเป็นของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย นางเหมาะจะเป็นโจรมากกว่าทหารด้วยซ้ำ
นั่นคือทั้งหมดของหญิงชราผู้นี้ แม่มดสายฟ้าจูปิเตอร์
จูปิเตอร์กัดริมฝีปากของนาง ปลายซิการ์ในมือของนางสั่นสะท้าน
“องค์ชาย แม้ว่าบั้นปลายทางอาชีพของข้าจะค่อยดีนัก แต่ข้าก็ยังมีความภาคภูมิใจที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นทหารของจักรวรรดิ ระวังปากของท่านด้วย...”
“ราคาเท่าไรล่ะ?”
ข้าตัดบทคำพูดของนางไปขณะที่ข้าหัวเราะอย่างดูถูก
“ความภาคภูมิใจของเจ้า ข้าจะต้องใช้เงินเท่าไรในการซื้อ?”
“......”
จูปิเตอร์หรี่ตาลงเล็กน้อย เราสบตากันครู่หนึ่ง
ยังไงคนแบบนี้ก็น่าเชื่อถือกว่าใครเขา เพราะนางมีคติสิ่งเดียวที่อยู่ในใจ
เงิน
เงินเท่านั้น!
“ข้าถามเจ้าว่าต้องใช้เงินเท่าไรถึงจะทำให้เจ้ามาเป็นสุนัขล่าเนื้อของข้า”
จูปิเตอร์ยิ้มและหยิบซิการ์ที่นางถือเข้าปาก
“ข้าอาจจะดูเหมือนไม่ใช่เช่นนั้น แต่การจ้างข้าคงต้องใช้เงินมหาศาล ข้าน่ะทำเงินได้ขั้นต่ำก็ 100,000 อาเดลต่อปี...”
“200,000”
ปึก
ซิการ์หล่นลงไปบนโต๊ะบาร์ จูปิเตอร์ถามด้วยสีหน้าสงสัย คล้ายกับนางหูฝาดไป
"ว่ายังไงนะ?"
“ข้าจะจ่ายเงินให้เจ้าสองเท่า 200,000”
มันอาจจะมากเกินไปสำหรับเงินเดือนของทหารรับจ้าง แต่เขาเป็นเจ้าชายแห่งจักรวรรดิและเป็นเจ้าเมืองแห่งนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเพิ่งขายผลึกเวทมนตร์คุณภาพสูงไปประมาณ 400 ก้อน
อาจเรียกได้ว่าเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
แต่ข้าพร้อมจ่ายให้มากที่สุดเท่าที่มีอยู่ เพราะมันหมายความว่าข้าจะได้ตัวละครระดับ SR อย่างแน่นอน
“เจ้ากลัวความตาย! ข้าจึงซื้อมัน ฉันจะจ่ายเงินสองเท่าของเงินเดือนประจำปีที่เจ้าเคยได้รับมา!”
โดยปกติแล้ว ทหารรับจ้างจะถูกจ้างโดยได้รับค่าจ้างรายสัปดาห์ เพราะพวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่าจะต้องตายเมื่อใด
ทว่าข้าวางแผนที่จะจ่ายค่าจ้างรายปีให้พวกเขาในคราวเดียว
ข้าดึงตั๋วทองคำจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของข้า
หลังจากนับตั๋วเงินในมือแล้ว ข้าก็มองไปรอบๆ สมาคมแล้วยิ้มออกมา
“จงออกไปจากที่นี่ถ้าเจ้าเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่อยากเสี่ยงชีวิต! แต่ถ้าเจ้าเป็นทหารรับจ้างตัวจริงที่ต้องการเงินทอง จงมาที่ในจุดที่ว่างทางตะวันตกของทางแยกในยามเย็น”
ข้าหันกลับไปพร้อมกับพูดออกมา ข้าออกจากสมาคมในขณะที่สายตาของเหล่าทหารรับจ้างมองมาทางข้าด้วยความตะลึงงัน
ลูคัสรีบตามมาข้างหลังฉัน มองย้อนกลับไปที่ประตูที่ปิดอยู่ของสมาคมแล้วเอ่ยถาม
“ท่านคิดว่า…พวกทหารรับจ้างจะมาจริงๆ เหรอขอรับ?”
“แน่นอน ข้ามั่นใจมาก”
นี่คือด่านหน้าของสัตว์ประหลาดที่พวกมันพลัดกรู่กันเข้ามาเสมอ
ทหารรับจ้างทั้งหมดต่างรวมตัวกันด้วยความฝันที่จะได้เงินมหาศาลอย่างรวดเร็ว
สำหรับคนเหล่านี้ เงินเดือนสองเท่าคงเป็นข้อเสนอที่หอมหวานอย่างไม่อาจต้านทานได้ หวานจนฟันอาจผุเลยด้วยซ้ำ
เงินน่ะน่ากลัวกว่าความตาย
ความจริงข้อนี้ใช้ได้ทั้งในโลกก่อนและในโลกใบนี้
“ข้าไม่สนทหารรับจ้างคนอื่น แต่เราจะต้องเอาจูปิเตอร์มาให้ได้ เราต้องการคนที่สามารถโจมตีระยะไกลได้ในกลุ่มของเรา”
“แต่องค์ชาย นางเป็นสตรีที่ใช้การไม่ได้แล้วนะขอรับ”
“ลูคัส ในสนามรบ ผู้ที่โลภย่อมน่าเชื่อถือได้มากกว่าผู้ที่ยึดมั่นในคติธรรม แต่ไร้ความสามารถ”
ปีศาจไม่สนใจเรื่องศีลธรรม พวกมันเพียงแค่ต้องการฆ่ามนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าพวกมันเท่านั้น
เราไม่สามารถมีศีลธรรมในสถานการณ์เช่นนั้นได้เลย ทั้งหมดที่เราต้องการคือความสามารถในการฆ่าสัตว์ประหลาดพวกนั้น
“...อืม แต่มันก็เป็นแค่ในกรณีของสนามรบเท่านั้น”
ข้ายิ้มอย่างขมขื่นและเข้าไปในเกวียนที่รอข้าอยู่
“ในฐานะเจ้าของปราสาท ข้าควรจะต้องทำอะไรที่มันดูมีคุณธรรมสักหน่อยสิ”
* * *
. .
. .
.
.
* * *
สถานที่ต่อไปที่ข้าแวะไปคืออาราม
สาเหตุที่มาเป็นเพราะลูคัสคะยั้นคะยอให้ข้ารักษาบาดแผลไหม้ที่ได้มาจากด่านที่แล้ว
ข้าไม่ได้สนใจที่จะรักษามันนัก แต่เนื่องจากข้ามีธุระต้องไปจัดการที่อารามด้วย ข้าจึงตัดสินใจมาที่นี่
“ยินดีต้อนรับองค์ชาย เรากำลังรอท่านอยู่เลย”
หญิงสาวในชุดรัดรูปทักทายข้า
นางเป็นตัวแทนของตัวละครระดับ R ที่เก่งกว่าระดับที่มีอยู่ นักบุญหญิงมาร์เกอริตา ด้วยชุดทักษะในการรักษาและการป้องกันมากมาย นางจึงเป็นผู้รักษาระดับแนวหน้าในเกม
'ข้าจะรับนางเข้ามาได้หลังจากผ่านเงื่อนไขบางประการแล้ว แต่ว่า…”
วันนี้ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเอาตัวนางไป
มาร์เกอริตารักษาแผลไหม้ของข้าได้ในทันที รู้สึกเหมือนใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ
“เรียบร้อยแล้ว มันคงจะทิ้งแผลเป็นนิดหน่อยให้ท่านเท่านั้น”
“ขอบคุณมาก ท่านนักบุญหญิง”
ข้าส่งสัญญาณให้ลูคัส โดยชูมือที่ยังไม่พันผ้าไว้ตรงข้างหน้าหน้าอก
ลูคัสยื่นถุงเหรียญทองที่เขาถือมาให้ข้า และข้าก็ใส่มันทั้งหมดลงในกล่องบริจาค
“ถ้าอย่างนั้นนักบุญหญิง ตามที่เราแจ้งให้เจ้าทราบก่อนหน้านี้…”
ข้าส่งเดเมียนมาที่นี่ล่วงหน้าเมื่อคืนก่อน
เพื่อถ่ายทอดจุดประสงค์ของข้า ราวกับว่านางได้ยินทุกอย่างแล้ว มาร์เกอริตาพยักหน้าอย่างมีความสุข
"ค่ะ ข้าได้เรียกนักบวชทุกคนที่ยังว่างอยู่ในยามนี้มาแล้ว”
นักบวชประมาณสิบคนที่รออยู่ก็ก้มศีรษะลง ในหมู่พวกเขามีเดเมียนด้วย
เดเมียนยิ้มอย่างเขินอาย และข้าก็ยิ้มออกมาด้วยเช่นกัน
“เช่นนั้นเราไปกันเลยดีไหม?”
ข้าเดินนำเหล่านักบวชไป
“มีงานที่ต้องทำมากมายในแต่ละวัน พวกเจ้าคงจะต้องลำบากพอสมควร”
* * *
ในช่วงเย็นของวันนั้น ทางตะวันตกของครอสโรด
ภายใต้ท้องฟ้าที่ย้อมด้วยสีแดงของดวงตะวันที่กำลังร่วงลงมา ขบวนโลงศพจากด่านหน้าก็ได้มาถึง
มีโลงศพไม่มากนักในครอสโรด ดังนั้นกองทหารบางส่วนจึงต้องถูกส่งไปที่ป่าเพื่อตัดต้นไม้มาสร้างมันเพิ่ม
ในพื้นที่รกร้างทางตะวันตก สุสานได้ถูกทหารไว้ขุดล่วงหน้าแล้ว โลงศพมากมายเรียงรายติดต่อกัน
เหล่านักบวชสวดภาวนาเพื่อโลงศพทีละคน
โลงศพของเคนเข้าไปอยู่ในหลุมที่ขุดไว้ด้านหน้าสุด ข้าจ้องมองทุกอย่างเงียบๆ
คณะนักร้องประสานเสียงขับกล่อมบทเพลงแห่งความโศกเศร้าออกมา
พวกเขาเป็นคณะนักร้องประสานเสียงชั่วคราวที่รับสมัครใครก็ตามที่สามารถร้องเพลงได้ ไม่เพียงแต่จากครอสโรดเท่านั้น แต่ยังมาจากหมู่บ้านใกล้เคียงด้วย ทุกอย่างจัดหาด้วยความเร่งรีบ แต่ก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว
ลาลาลา… ลาลาลาลา…
บทเพลงอันเศร้าและไพเราะได้ดังขึ้น
ราษฎรได้รวมตัวกันอยู่ที่นี่
ทหารเข้าแถวกันเรียบร้อย ธงจักรวรรดิได้ถูกติดไว้บนโลงศพทุกโลง มีคณะนักร้องประสานเสียงกลุ่มใหญ่ มันเป็นงานศพที่จัดขึ้นอย่างเหมาะสม ซึ่งหาได้ยากกับเมืองที่ความตายเป็นเรื่องธรรมดาเช่นนี้
เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขายังต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต
ในหมู่ประชาชนที่ออกมาดูพิธีนี้ พวกเขาต่างก็พูดถึงจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนจนแพร่ไปทั่ว
ผู้คนพึมพำด้วยความประหลาดใจกับจำนวนเงินดังกล่าว ในไม่ช้าข่าวลือก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
'ที่จริงข้าไม่ได้มีความตั้งใจให้มันเป็นเช่นนี้เลย'
ข้าหัวเราะอย่างขมขื่นเมื่อเห็นชาวเมืองกำลังพูดเรื่องเงินทดแทนด้วยความประหลาดใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าก็คาดหวังไว้เลย
ข้าพูดจริงนะ ข้าไม่ได้มีความตั้งใจให้มันเป็นเช่นนี้เลย แต่นี้คือการแสดง การที่จะเป็ฯเช่นนี้ย่อมสมเหตุสมผลแล้ว
'ความภักดีไม่ได้มาด้วยการไม่จ่ายอะไรไป'
มันต้องมีรางวัลตอบแทนสำหรับความทุ่มเท ด้วยเกียรติยศ
รางวัลและเกียรติยศเท่านั้นที่ก่อให้เกิดความภักดี
'การต่อสู้ในแนวหน้าที่นี่ควรได้รับการยอมรับว่าเป็นงานอันสูงส่งเพื่อมนุษยชาติ'
แม้ไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องทำ พวกเขาต้องกล้าเข้าต่อกรกับพวกสัตว์ประหลาดด้วยความภาคภูมิใจ
เมื่อนั้น ทหารรับจ้างจะกลายเป็นกองทัพอย่างแท้จริง
“ข้าคือเจ้าชายคนที่สามที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเจ้าเมือง แอช วอน ไฮเตอร์ เอเวอร์แบล็ค”
หลังจากทำพิธีไปหลายครั้ง ข้าก็ยืนอยู่ต่อหน้าฝูงชนที่มารวมตัวกันราวกับฝูงก้อนเมฆ
เป็นเรื่องน่าขันนักที่การพบกันครั้งแรกระหว่างท่านเจ้าเมืองและประชาชนในเมืองคืองานศพ
“เขาคือเจ้าเมืองคนใหม่เหรอ?”
“เจ้าชายผู้น่ารังเกียจคนนั้นเนี่ยนะ?”
“แต่เขาก็ดูน่ารังเกียจอย่างที่ว่าจริงๆ แฮะ”
จูปิเตอร์และทหารรับจ้างก็มารวมตัวในหมู่ฝูงชน พวกเขามากันจริงๆ ด้วย
“ให้ข้าพูดให้จบก่อน”
ความสนใจของผู้คนหลายพันคนจับจ้องมาที่ตัวข้า ข้าสงสัยว่ามันอาจเป็นเพราะอาชีพของข้าที่เคยเป็นสตรีมเมอร์ หรือเป็นเพราะอารมณ์ความกลัวที่หายไปหลังจากที่ข้าต้องเผชิญกับสัตว์ประหลาดพวกนั้น
ยามนี้ข้าไม่กังวลอะไรเลย คำพูดที่ข้าเตรียมไว้ในใจจึงสามารถออกมาได้อย่างราบรื่น
“ต่อจากนี้ พวกเจ้าอาจต้องตายในแนวหน้า!”