ตอนที่ 603 ผลึกนางแอ่นขาว
ตอนที่ 603 ผลึกนางแอ่นขาว
เล่ห์กายา!
เซี่ยเฟยเคลื่อนไหวท่ามกลางผู้สมัครกว่า 600 คนเพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังประตูมิติ เพราะท้ายที่สุด 10 อันดับสุดท้ายที่เข้าประตูมิติช้าที่สุดจะถูกคัดออกและเขาก็ไม่อยากจะเป็น 1 ใน 10 คนนั้น
“ช่วยทนหน่อยนะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับลูบหัวขนอุย
โชคดีที่ชายหนุ่มสามารถดูดซับพลังงานได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ และถึงแม้ว่าเขาจะมีเวลาพักฟื้นเพียงแค่เล็กน้อย แต่เขาก็สามารถดูดกลืนพลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดมาฟื้นฟูพลังงานให้กลับมาได้มากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว
หลังจากเข้าไปในประตูมิติร่างของเขาก็ได้มาปรากฏในดาวเคราะห์ที่แปลกประหลาดอีกหนึ่งดวง โดยดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ในช่วงเวลาค่ำคืนและพื้นที่ราบที่เขาปรากฏตัวขึ้นมานั้นก็มีลมพัดแรงมาก จนทำให้ผู้สมัครแทบที่จะไม่สามารถลืมตาขึ้นมาต้านลมได้
เมื่อเดินทางมาจนถึงดาวดวงใหม่ เซี่ยเฟยก็พยายามใช้ช่วงเวลาที่เหลือเพียงแค่เล็กน้อยนี้ในการฟื้นฟูพลังงานกลับมาให้ได้มากที่สุด เพราะการทดสอบอันเหนื่อยล้ากำลังจะเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“ดาวเคราะห์ดวงนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 250,000 กิโลเมตร เงื่อนไขการประเมินรอบนี้ง่ายมากผู้สมัครทุกคนจะต้องขุดอุโมงค์ไปยังอีกด้านหนึ่งของดาว หากใครขุดอุโมงค์นอกเหนือจากเส้นทางที่ถูกระบุเอาไว้จะถูกปรับให้ตกรอบ, ใครที่ไม่สามารถขุดอุโมงค์ไปยังอีกฝั่งหนึ่งของดาวได้ก็ถูกปรับให้ตกรอบ และใครที่ขุดอุโมงค์ไปจนถึงอีกฝั่งหนึ่งได้เป็นคนสุดท้ายก็ถูกปรับให้ตกรอบเหมือนกัน” บรูซกล่าวขณะมองไปยังเหล่าบรรดาผู้สมัครที่กำลังเหน็ดเหนื่อย
หลังจากพูดคำว่าตกรอบซ้ำ ๆ 3 ครั้งติดต่อกัน มันก็ทำให้สีหน้าของเหล่าบรรดาผู้สมัครเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าเกลียด
“นี่พวกเราเป็นนักรบนะไม่ใช่คนงานขุดเหมือง” ผู้สมัครคนหนึ่งบ่นพึมพำขึ้นมา
“ใครบ่นก็ตกรอบเหมือนกัน นายคนนั้นถูกปรับตกรอบ!” บรูซยังคงกล่าวด้วยสีหน้าอันเย็นชา
เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้ผู้สมัครทุกคนปวดหัวไปชั่วขณะ เพราะถึงขนาดที่การบ่นยังเป็นสาเหตุทำให้พวกเขาถูกปรับตกรอบได้ มันก็ทำให้การประเมินครั้งนี้กลายเป็นการประเมินที่ไร้เหตุผลไปแล้ว
ผู้สมัครที่แอบบ่นเมื่อสักครู่ถึงกับตกใจจนช็อกหมดสติเมื่อเขาได้ยินว่าตัวเองถูกปรับให้ตกรอบ เพราะเขาไม่คิดว่าการบ่นออกมาในระหว่างความเหนื่อยล้าเพียงแค่ประโยคเดียวกลับทำลายอนาคตของเขาลงอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามผู้สมัครทุกคนก็ไม่มีเวลาให้คิด พวกเขาจึงเริ่มก้มหน้าก้มตาขุดดินทันทีเมื่อบรูซได้ตะโกนเริ่มต้นการประเมิน
การขุดดินผ่านดาวเคราะห์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 250,000 กิโลเมตรคืองานที่ยากเกินกว่าคนทั่วไปจะทำได้ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นงานที่ไม่มีปัญหาสำหรับผู้ใช้พลังสายความเร็วอย่างเซี่ยเฟยหรือนักสู้ที่เชี่ยวชาญกฎแห่งสสาร แต่สำหรับผู้สมัครที่ไม่ได้มีทักษะที่เอื้ออำนวยต่อการขุด ความยากลำบากในการประเมินรอบนี้ก็ทำให้พวกเขาอยากจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด
อย่างไรก็ตามการพยายามใช้กฎเพื่อขุดดินอย่างต่อเนื่องก็เป็นงานที่สิ้นเปลืองพลังงานมาก ผู้สมัครทุกคนจึงจำเป็นจะต้องใช้คริสตัลต้นกำเนิดเพื่อฟื้นฟูพลังงานไปตลอดทั้งทาง และมันก็โชคดีที่เซี่ยเฟยนำคริสตัลต้นกำเนิดมาด้วยอย่างเพียงพอ มันจึงทำให้เขายังไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องอาการขาดแคลนพลังงานมากนัก
ชายหนุ่มได้ใช้ดาบดราก้อนสเกลแตกออกไปเป็นไปมีดเล่มเล็ก ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับเครื่องขุดหมุนไปข้างหน้าตลอดเวลา ขณะที่สายตาของเขายังคงมองไปยังเครื่องมือระบุตำแหน่งบนข้อมือเพื่อให้แน่ใจว่าเขายังคงมุ่งหน้าตรงไปยังเป้าหมายที่ถูกต้อง
ในเวลาเดียวกันบรูซก็เดินทางไปยังอีกฟากหนึ่งของดาวเคราะห์ในพริบตา โดยสถานที่แห่งนี้คือทะเลสาบอันกว้างใหญ่ และถ้าหากว่าผู้สมัครเดินทางไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง จุดหมายปลายทางของพวกเขาก็คือทะเลสาบขนาดใหญ่แห่งนี้
“ทำไมจู่ ๆ คุณอาถึงเปลี่ยนใจให้พวกผู้สมัครขุดอุโมงค์แทนละครับ?” เฝิงซินเหนียนกล่าวถามหลังจากที่เขาได้มาปรากฏตัวข้าง ๆ บรูซ
“ผู้สมัครกลุ่มนี้มีศักยภาพที่ดีมาก ถ้าหากว่าฉันไม่เปลี่ยนวิธีฉันก็คงไม่สามารถคัดคนส่วนใหญ่ออกไปจากการประเมินได้”
“นั่นสินะครับ ในช่วงที่ทั้งร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด การประเมินในลักษณะนี้ก็คงจะสามารถนำมาใช้วัดความมุ่งมั่นของผู้สมัครได้” เฝิงซินเหนียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หากเหล่าบรรดาผู้สมัครบังเอิญมาได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองคน พวกเขาก็คงจะต้องกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธอย่างแน่นอน เพราะใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ มันจะได้มีการเปลี่ยนเนื้อหาการประเมินระหว่างทางแบบนี้
“งานของนายเสร็จหรือยัง?” บรูซถาม
“ทุกอย่างถูกเตรียมการเอาไว้อย่างเรียบร้อยแล้วครับ” เฝิงซินเหนียนกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ดีมาก”
“ผมไม่เข้าใจ ในเมื่อคุณอาวางแผนจะใช้การประเมินในรอบสุดท้ายเป็นตัวตัดสินคัดเลือกผู้สมัครอยู่แล้ว แล้วทำไมพวกเราถึงไม่ให้พวกเขาเข้าการประเมินนั้นไปเลยล่ะครับ มันจะได้ช่วยประหยัดเวลาพวกเราด้วย?” เฝิงซินเหนียนกล่าวถาม
บรูซชำเลืองมองไปยังหน้าจอแสดงผลซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้สมัครที่ขุดดินได้เร็วที่สุดสามารถขุดดินไปได้แล้วถึง 10,000 กิโลเมตร ขณะที่ผู้ขุดดินได้ช้าที่สุดเพิ่งจะขุดดินไปได้เพียงแค่ 5,000 กิโลเมตรเท่านั้น
“ฉันมีเป้าหมายสำหรับการประเมินในแต่ละรอบอยู่ อย่างการประเมินในรอบแรกฉันต้องการวัดผลในเรื่องทักษะในการสำรวจ, การประเมินในรอบที่ 2 ฉันต้องการจะวัดผลในเรื่องการคาดการณ์พลังใจและความแข็งแกร่งของร่างกายซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับนักสู้ทุกคน”
“แล้วการประเมินในรอบที่ 3 ล่ะครับ คุณอาต้องการจะวัดผลในเรื่องไหน?” เฝิงซินเหนียนกล่าวด้วยท่าทีตกตะลึงเล็กน้อย
“เดี๋ยวนายก็รู้เอง” บรูซกล่าวตอบอย่างมีเลศนัย
“เอาเป็นว่าผมจะรอดูก็แล้วกันครับ ท้ายที่สุดของรางวัลสำหรับการประเมินก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก ผมเชื่อว่าทุกคนคงจะต้องตกตะลึงหลังจากที่พวกเขาได้เห็นของรางวัลที่คุณได้เตรียมเอาไว้” เฝิงซินเหนียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เหตุผลที่การประเมินของกลุ่มมังกรฟ้าไม่ได้เรียกว่าการประเมินโดยตรงแต่เรียกว่าการชุมนุมมังกรฟ้า นั่นก็เพราะหลังจากที่ทุกคนสามารถก้าวข้ามผ่านความยากลำบากไปได้ สิ่งที่พวกเขาจะได้รับการตอบแทนกลับไปมันก็ย่อมเป็นสิ่งที่คุ้มค่าสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน” บรูซกล่าวอย่างใจเย็น
—
เซี่ยเฟยยังคงใช้ดาบดราก้อนสเกลขุดดินท่ามกลางความมืดอย่างบ้าคลั่ง และใช้ใบหญ้าสีน้ำเงินของหงส์ครามในการโกยดินส่งออกไปยังด้านหลัง
การขุดดินเป็นอุโมงค์ยาวไม่ใช่งานง่าย ๆ เพราะนอกเหนือจากการขุดดินไปข้างหน้าแล้วมันยังต้องมีการโกยดินออกไปทางด้านหลังตลอดเวลาด้วย และถ้าหากว่าอุโมงค์ที่เขาขุดมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่สั้นลง มันก็จะยิ่งเพิ่มปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการขุดดินได้
โชคดีที่เซี่ยเฟยมีหงส์คราม มันจึงช่วยลดปัญหาในเรื่องการขนย้ายดินได้เยอะมาก โดยเขาได้ใช้ใบหญ้าที่แข็งแรงทำหน้าที่เป็นเหมือนพลั่วขนาดใหญ่คอยปัดกวาดเอาดินไปยังบริเวณด้านหลังอย่างต่อเนื่อง
ด้วยการประสานงานกันระหว่างดาบดราก้อนสเกลที่ทำหน้าที่เหมือนสว่านขุดเจาะไปด้านหน้า และหงส์ครามที่ทำหน้าที่เป็นรถบรรทุกที่คอยนำดินไปทิ้งไว้ทางด้านหลัง ประกอบกับชุดเกราะโลหะเหลวที่เซี่ยเฟยปรับแต่งมันให้มีรูปทรงเป็นเหมือนกระสวย มันจึงทำให้เขาสามารถขุดดินไปด้านหน้าได้อย่างรวดเร็ว
“พวกเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้เอานักรบมาขุดอุโมงค์แบบนี้?” อันธบ่นถึงความไร้สาระของการประเมิน
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเฉยไม่สนใจคำบ่นของวิญญาณตนนี้ เพราะไม่ว่าการประเมินจะยากลำบากหรือไร้สาระมากแค่ไหน แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจเข้ารับการประเมินนี้แล้วเขาก็จำเป็นจะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ
ระหว่างการขุดเซี่ยเฟยยังคงตรวจสอบหน้าจอความก้าวหน้าของเขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันลำดับของเขาก็ยังคงอยู่ห่างไกลจาก 3 อันดับแรกที่เขาได้ตั้งเป้าเอาไว้ เขาจึงทำได้เพียงแต่ขมวดคิ้วและเดินหน้าต่อไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
แต่ในทันใดนั้นเองเซี่ยเฟยก็ได้พบว่าผู้สมัครหลาย ๆ คนที่นำหน้าเขาอยู่กลับชะลอความเร็วลง หรือแม้กระทั่งมีบางคนที่หยุดชะงักไปเลย เขาจึงสงสัยว่าพื้นที่ด้านหน้ามีปัญหาอะไรกำลังรอเขาอยู่กันแน่
“โอกาสมาแล้ว! ฉันจะต้องใช้โอกาสนี้แซงคนอื่นไปให้ได้!!” เซี่ยเฟยกัดฟันและพยายามเร่งความเร็วต่อไป
เมื่อผู้สมัครเข้าใกล้แก่นของดาวเคราะห์ จู่ ๆ พวกเขาก็เคลื่อนที่เหมือนคนหลงทาง และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมความเร็วของพวกเขาจึงลดลงมาช้ามาก และทิศทางการขุดของพวกเขาก็ไม่ได้มีความแม่นยำเหมือนเดิม
“คนพวกนั้นเป็นอะไรไป? พวกเขาไม่อยากเข้าร่วมกลุ่มนักรบที่ดีที่สุดของดินแดนแห่งกฎแล้วงั้นเหรอ?” อันธถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ไม่รู้สิ มันอาจจะมีเหตุการณ์อะไรแปลก ๆ รออยู่ข้างหน้า อีกเดี๋ยวพวกเราก็รู้เองนั่นแหละ” เซี่ยเฟยกล่าว
หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยเฟยก็เข้าใกล้แก่นของดาวเคราะห์เหมือนคนอื่น ๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งแก่นของดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่ได้ประกอบไปด้วยลาวาหรือโลหะหนัก แต่มันเป็นพื้นผิวนุ่ม ๆ ที่มีแร่เหล็กสีขาวส่องสว่างระยิบระยับอยู่ตลอดเวลา
“ผลึกนางแอ่นขาว!!”
ทั้งเซี่ยเฟยและอันธต่างก็อุทานออกมาเสียงดังเกือบจะพร้อม ๆ กัน
—
“ใช่ ฉันรู้มานานแล้วว่าในพื้นที่แกนกลางของดาวดวงนี้เต็มไปด้วยผลึกนางแอ่นขาวที่ล้ำค่า และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงกำหนดเงื่อนไขของการประเมินในรอบนี้ให้เป็นการขุดอุโมงค์ทะลุผ่านดวงดาว” บรูซกล่าว
“คุณอานี่เป็นพวกเจ้าเล่ห์จริง ๆ ผู้สมัครทุกคนน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าผลึกนางแอ่นขาวเป็นแร่ที่ล้ำค่ามากแค่ไหน แม้แต่ผลึกนางแอ่นขาวชิ้นเล็ก ๆ ก็สามารถช่วยพัฒนาพลังของนักรบได้โดยตรง และถึงแม้ว่าคนหลาย ๆ คนจะมีเงินแต่มันก็ยังไม่สามารถที่จะหาซื้อแร่พวกนี้ได้”
“ในที่สุดผมก็เข้าใจเนื้อหาการประเมินในรอบนี้แล้ว คุณอาต้องการที่จะวัดผลในเรื่องการต้านทานสิ่งล่อตาล่อใจสินะครับ” เฝิงซินเหนียนกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
เมื่อผู้สมัครได้เห็นว่ามันมีผลึกนางแอ่นขาวอยู่ในพื้นที่บริเวณแกนกลางดาวเคราะห์ มันย่อมทำให้ทุกคนเกิดอาการลังเลขึ้นมาในทันที เพราะท้ายที่สุดหากพวกเขาได้รับผลึกนางแอ่นขาวไปเป็นจำนวนมาก มันก็อาจจะช่วยร่นระยะเวลาการฝึกฝนของพวกเขาไปได้นานหลายปีเลยทีเดียว
“ถ้าฉันเอาสิ่งล้ำค่าที่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงินมาหลอกล่อ ฉันก็เชื่อว่ามันคงจะมีคนไม่มากนักที่ถูกสิ่งของพวกนั้นล่อลวง เพราะเงินในสายตาของผู้เชี่ยวชาญเป็นเพียงแค่ปัจจัยเล็ก ๆ ที่พวกเขาให้ความสำคัญน้อยกว่าความแข็งแกร่งของตัวเอง”
“แล้วฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเมื่อผู้สมัครได้เจอผลึกนางแอ่นขาวที่สามารถช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับพวกเขามาอยู่ตรงหน้า พวกเขาจะสามารถต้านทานการล่อลวงของสมบัติล้ำค่าแบบนั้นไปได้หรือไม่” บรูซกล่าวด้วยสีหน้าอันนิ่งเฉย
“น่าเสียดายที่ผลึกนางแอ่นขาวพวกนั้นยังเป็นเพียงแค่แร่ดิบที่มันยังไม่ได้นำไปแปรรูป ดังนั้นถึงแม้ว่าผู้สมัครกลุ่มนั้นจะเก็บแร่ไปแต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถใช้แร่พวกนั้นได้อยู่ดี ถ้าหากผมเดาไม่ผิดคุณอาน่าจะตั้งค่าบัตรประจำตัวของพวกเขาเอาไว้อยู่แล้วใช่ไหม ว่าให้บันทึกปริมาณผลึกนางแอ่นขาวที่พวกเขาเก็บเกี่ยวไป และเมื่อสิ้นสุดการประเมินพวกเขาก็จำเป็นจะต้องส่งคืนแร่ทั้งหมดให้กับพวกเรา” เฝิงซินเหนียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถูกต้อง ผลึกนางแอ่นขาวพวกนั้นมีค่ามากและเราก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องมอบพวกมันให้กับผู้สมัครฟรี ๆ แต่ฉันก็จะแบ่งของรางวัลบางส่วนให้พวกเขาเหมือนกัน ถือซะว่าเป็นค่าแรงที่พวกเขาเก็บแร่มาให้กับเรา” บรูซกล่าว
จิ้งจอกน้อยกับจิ้งจอกเฒ่าต่างก็สนทนากันอย่างสนุกสนาน โดยที่เหล่าบรรดาผู้สมัครไม่ได้รู้เลยว่าพวกเขากำลังถูกทดสอบความสามารถในการต่อต้านสิ่งล่อตาล่อใจอย่างผลึกนางแอ่นขาวอยู่
“ดูนั่นเซี่ยเฟยขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แล้ว! เขาไม่ได้หยุดชะงักหลังจากที่เขาได้เห็นผลึกนางแอ่นขาวด้วยซ้ำ” เฝิงซินเหนียนกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น และเนื่องมาจากว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ทำหน้าที่เป็นตาเหยี่ยว เขาจึงให้ความสนใจกับเซี่ยเฟยที่เขาเลือกมาเหนือกว่าคนอื่น ๆ
“ไม่... ไม่ใช่สิ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่หยุดแต่เขาก็ยังพยายามเก็บเกี่ยวผลึกนางแอ่นขาวเหมือนคนอื่น แต่เขาแค่พยายามทำเรื่องทั้งสองอย่างไปพร้อม ๆ กันอยู่ต่างหาก” เฝิงซินเหนียนกล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจหลังจากที่เขาได้พิจารณาหน้าจอข้อมูลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
“นั่นเขาดูดซับพลังงานจากผลึกนางแอ่นขาวเข้าไปโดยตรงเลยงั้นเหรอ? เขาไม่รู้หรือยังไงว่าเขาไม่สามารถดูดซับพลังงานเข้าไปโดยตรงแบบนั้นได้” บรูซกล่าวขึ้นมาด้วยความขมขื่นและใบหน้าของเขาที่เคยนิ่งเฉยมานานก็เริ่มบิดเบี้ยวหลังจากได้เห็นพฤติกรรมของเซี่ยเฟย
***************
ไม่มีใครสามารถใช้งานพี่แกได้ฟรีๆ 5555