1125 - ภารกิจเสร็จสมบูรณ์
1125 - ภารกิจเสร็จสมบูรณ์
“บูม”
ราชาบรรพชนเว่ยและปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์รุ่นห้าพุ่งเข้าหากันบนท้องฟ้า
ภายใต้เสียงระเบิดที่ดังกึกต้อง ร่างของราชาบรรพชนเว่ยปลิวกระเด็นออกไปไกลหลายร้อยวาโดยที่ร่างกายของเขามีรอยแตกลุกลามไปทั่ว
ราชาบรรพชนเว่ยกระอักเลือดคำใหญ่และได้รับบาดเจ็บสาหัส อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงร่างกายของเขาเท่านั้น วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของราชาบรรพชนเว่ยยังคงแข็งแกร่งและพร้อมที่จะต่อสู้อีกครั้ง
เย่ฟ่านกำลังจะใช้หม้ออสูรกลืนสวรรค์เพื่อช่วยเหลือปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์แต่เขาก็ถูกหยุดไว้ก่อนที่จะมีโอกาสทำอะไร
“เราต้องทำให้ผู้คนคิดว่าเรามาพร้อมกับโองการสวรรค์ของจักรพรรดิอู่ซือเพื่อปราบปรามหุบเขาเทพ หากใช้หม้ออสูรกลืนสวรรค์รัศมีพลังของจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมจะแฝงอยู่ในอากาศและทำให้ผู้คนมองแผนของเราออก”
“ฆ่า!”
สุดท้ายปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์รุ่นห้าและราชาบรรพชนเว่ยก็ต่อสู้กันบนท้องฟ้าอีกครั้ง เย่ฟ่านก็เข้าร่วมการต่อสู้เช่นกัน ระฆังศักดิ์สิทธิ์ของเขาบิรออกมาด้านนอกในขณะที่เขาทำการโจมตีราชาบรรพชนเว่ยในทุกครั้งที่มีโอกาส
การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้สวรรค์พิภพเปลี่ยนสี ยอดฝีมือทั้งสามคนเคลื่อนไหวอย่างวุ่นวายกลางท้องฟ้า พลังปราณสีดำ สีทอง และสีม่วงม้วนพันกันไปมา อยากจะมองเห็นสถานการณ์ที่แท้จริงได้
เหล่าราชาแห่งความตายก็น่าสะพรึงกลัวไม่แพ้กัน พวกเขาทุกคนออกไล่ล่ายอดฝีมือที่ยังรอดชีวิตอยู่ของหุบเขาเทพโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดรอดชีวิตออกจากที่นี่ได้
ซากศพเหล่านี้เคยเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิอมตะ นี่คือกลุ่มขุนพลศักดิ์สิทธิ์ผู้ทรงพลัง จำนวนที่แท้จริงของพวกเขามีอยู่ถึงเจ็ดร้อยคน
แม้ว่าหลังจากผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนจำนวนของพวกเขาจะลดลงไม่น้อย แต่ที่มาปรากฏตัวในหุบเขาเทพวันนี้ยังมีมากกว่าสามร้อยคน
อาวุธและสมบัติโบราณทุกชนิดสับลงไปที่ศีรษะของสิ่งมีชีวิตจากหุบเขาเทพ ด้วยอำนาจของอาวุธโบราณที่พวกเขาถืออยู่ ต่อให้สิ่งมีชีวิตโบราณจากหุบเขาเทพจะเป็นวิญญาณก็ไม่สามารถรอดชีวิตได้!
ภายใต้เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างไม่สิ้นสุด หุบเขาเทพกำลังจะกลายเป็นหุบเขาแห่งภูตผี ศพอยู่ทุกหนทุกแห่ง และพายุเลือดก็ไหลนองไม่สิ้นสุด
เผ่าพันธุ์มนุษย์เข้าใกล้การพิชิตหุบเขาเทพมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจอย่างแท้จริง!
ในอีกด้านหนึ่งเสียงระเบิดยังคงท่วมท้นไปทั้งสวรรค์พิภพ ราชาบรรพชนโบราณคนสุดท้ายกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเห็นได้ชัดว่าหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
ราชาบรรพชนเว่ยคือสิ่งมีชีวิตอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดของหุบเขาเทพด้านหลังของเขามีปีกศักดิ์สิทธิ์สี่สิบเก้าคู่โบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง
ในยุคโบราณนั้นสิ่งมีชีวิตอมตะในโลกอำพรางสวรรค์สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตลอดไป นั่นทำให้ราชาบรรพชนเว่ยเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะที่มีอายุหลายล้านปี
อย่างไรก็ตามเมื่อโลกเกิดความเปลี่ยนแปลง กฎแห่งเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีความสมบูรณ์ เขาจึงจำเป็นต้องซ่อนตัวเองอยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์เพื่อรอฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลังจากที่ตื่นขึ้นได้ไม่กี่เดือน สุดท้ายชีวิตของเขาจะต้องพบเจอกับวิกฤตแห่งความตายอย่างรวดเร็วถึงขนาดนี้!
ราชาบรรพชนเว่ยคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขารู้ว่าวันนี้ยากที่จะรอดชีวิตได้ดังนั้นจึงพยายามสังหารปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ให้ตายไปก่อน!
เมื่อต้องเผชิญกับทักษะที่ไม่มีใครเทียบได้ของราชาบรรพชนเว่ยปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ไม่เพียงไม่เกรงกลัวเท่านั้น เขายังเลือกที่จะต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามด้วยความดุร้ายไม่แพ้กัน เพราะเขารู้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเขาแล้ว
แสงศักดิ์สิทธิ์หลั่งไหลลงมาจากระหว่างนิ้วของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์เหมือนเส้นด้าย พวกมันยิงไปข้างหน้าและทะลวงผ่านร่างของราชาบรรพชนเว่ยซ้ำแล้วซ้ำอีก
นี่คือศิลปะแห่งการผนึกท้องฟ้า แม่น้ำ และเส้นเลือดมังกร นอกจากนี้ยังสามารถผูกดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว เพื่อเปลี่ยนให้เป็นกฎศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เพื่อฉีกกระชากวิญญาณของคู่ต่อสู้เป็นการเฉพาะ!
ปีกศักดิ์สิทธิ์ของราชาบรรพชนโบราณถูกเส้นด้ายทะลวงผ่านและผูกมัดไว้อย่างแน่นหนา ในขณะเดียวกันเปลวไฟแห่งการชำระล้างก็เริ่มเผาผลาญร่างกายของเขาอย่างรุนแรง
“อา...”
เสียงกรีดร้องอันน่าสมเพชดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน
ร่างกายของเขาถูกฉีกออกจากกันภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สิ้นสุด อักขระเต๋าที่เคลือบอยู่บนผิวหนังของราชาบรรพชนเว่ยเริ่มแตกสลายภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเขา
“บูม!”
ร่างกายของราชาบรรพชนเว่ยถูกเปลวไฟอันร้อนแรงเผาผลาญจนกลายเป็นฝุ่นผง ดวงวิญญาณของเขาหลบหนีขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความกลัว
อย่างไรก็ตามในไม่กี่ลมหายใจต่อมา ดวงวิญญาณของเขาที่บินออกไปได้มีรอยแตกลุกลามปรากฏไปทั่ว จากนั้นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของราชาบรรพชนเว่ยก็แหลกสลายและกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า
ปัง!
แต่ในขณะเดียวกันปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ก็เผชิญกับการตอบโต้เป็นครั้งสุดท้ายของราชาบรรพชนเว่ยและทำให้ร่างกายซีกขวาของเขาแหลกละเอียดลงทันที
ในขณะนี้เส้นขนสีแดงที่ปกคลุมทั่วร่างกายของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์รุ่นห้าหลุดร่วงออกไปหมดแล้ว เขากลับคืนสู่สภาพของชายชราที่มีผิวหนังเหี่ยวย่น เห็นได้ชัดว่าชีวิตของเขาก็ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วเช่นกัน
ราชาบรรพชนโบราณทั้งสามคนของหุบเขาเทพจบสิ้นลงเพียงเท่านี้!
ดวงตาของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์รุ่นห้าค่อนข้างพร่ามัว แต่ใบหน้าที่มีเพียงครึ่งเดียวของเขายังคงสงบนิ่งทั้งยังมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเล็กน้อย
บนหน้าผาขนาดใหญ่หยางอี้ร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเศร้าโศก นางบินลงมาจากท้องฟ้าเพื่อประคองร่างกายของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์
“ท่านผู้เฒ่า!”
เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าแต่สุดท้ายฝีเท้าของเขาก็หยุดชะงักลง
“ธงทั้งแปดสิบเอ็ดผืนนั้นมีอำนาจเทียบเท่าพลังของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แต่น่าเสียดายที่มันใช้ได้อีกเพียงครั้งเดียว เจ้าเก็บไว้เถอะ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะใช้มันในโอกาสใด” ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์กล่าว
หลังจากได้ยินคำพูดนี้เย่ฟ่านก็ประสานมือแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมก่อนจะถอยกลับให้ทั้งสองคนได้สนทนากันเป็นครั้งสุดท้าย
ในค่ำคืนอันมืดมิดพระจันทร์ที่งดงามกำลังลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์มาถึงแล้ว
เขานอนอยู่ในอ้อมแขนของหยางอี้และเฝ้ามองดวงจันทร์บนท้องฟ้าด้วยรอยยิ้ม
ในทางตรงกันข้ามหยางอี้ยังคงร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศก กระโปรงสีขาวของนางชุ่มโชกไปด้วยเลือดของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ นางยังคงร้องไห้ไม่หยุดแต่ก็ไม่ปล่อยมือจากเขา เพราะนางรู้ดีว่านี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ได้อยู่ร่วมกัน
“สัญญากับข้าว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป” มือที่เหลือเพียงข้างเดียวของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าที่อ่อนโยนของหญิงสาวคนรัก
“หน้าที่ของข้าจบลงแล้ว เชื้อสายของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์กวาดล้างหุบเขาเทพ ปราบปรามดินแดนทางเหนือและคืนความสงบสุขให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์”
คำพูดของเขาดังก้องไปทั่วโลก และทำให้ผู้บ่มเพาะมากมายที่เฝ้ามองเหตุการณ์จากระยะไกลเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
แสงยามเช้าส่องผ่านท้องฟ้าอย่างช้าๆ ร่างกายของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ถูกย้อมด้วยแสงสีทองแวววาว ในช่วงท้ายของชีวิตนี้ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของเขาฟื้นฟูกลับสู่ความเยาว์วัยอีกครั้ง
เขายิ้มเอย่างอ่อนโยนเป็นเช่นเดียวกันกับตอนที่เขาพบกับหยางอี้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งทะเลสาบหยกเป็นครั้งแรก
น้ำตาของหยางอี้หลั่งไหลออกมาราวกับสายฝน แม้วันนี้จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขาแต่นางก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
สุดท้ายร่างกายของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ก็กลายเป็นทรายสีทองที่ลอดผ่านนิ้วมือของนางและค่อยๆ หายไปในความว่างเปล่า
“ไม่ จางไหล...กลับมา!”
หยางอี้กรีดร้องเสียงดัง มือทั้งสองข้างของนางพยายามไขว่คว้าไปทั่วพื้นเพื่อรวบรวมทรายสีทองขึ้นมาอีกครั้ง
เศษแสงยังคงสูญสลายไปในความว่างเปล่าอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดร่องรอยสุดท้ายของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์รุ่นห้าก็หายไปจากโลกโดยสมบูรณ์
การเสียชีวิตของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์รุ่นที่ห้าเต็มไปด้วยความสง่างามสูงสุดและจะตราตรึงอยู่ในใจของหยางอี้กับเย่ฟ่านไปตลอดกาล
ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์รุ่นที่ห้าเสร็จสิ้นภารกิจของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องจากไปพร้อมกับทิ้งความเศร้าโศกอย่างไม่รู้จบให้กับหญิงสาวคนรักที่รอคอยเขามานานนับหมื่นปี!
……….