ตอนที่แล้วบทที่ 80: ครอบครัวของข้ายากจนมาก นี่คือทั้งหมดที่เรามี เช่นนั้นได้โปรดเชิญกินเถิด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 82: ข้าเป็นผู้ให้อันมากมายแก่องค์จักรพรรดินี แก่อาณาจักรอู๋อันยิ่งใหญ่และแก่ราษฎรทั่วไป เหตุไฉนข้าจะไม่สามารถเพลิดเพลินกับสิ่งที่ข้าควรได้รับ

บทที่ 81 – ข้าต้องโลภเพื่อประโยชน์ของราษฎร!


[ลืมไปว่าตอนมันยาวขึ้น ขออภัยครับ ที่จริงอันนี้มันก็เทียบเท่า 6 ตอน แต่ไว้ว่างๆ จะลงเพิ่มตอนให้ทีละนิดนะครับ]

บทที่ 81 – ข้าต้องโลภเพื่อประโยชน์ของราษฎร!

ดังนั้นในวันนี้ กัวเส้าส้วยจึงใช้กำลังอันโหดเหี้ยมของเขาและจัดการผู้คนทั้งหมด

เขานำกลุ่มขอทานของ เอาชนะขอทานจากที่อื่นและได้รับกรรมสิทธิ์พื้นที่ต่างๆ ไป

ทุกคนมีความสุขมาก

“ส้วยน้อย นี่เป็นของเจ้า!”

“ข้าไม่ได้คิดเลยว่าเจ้าที่ตัวขาวและผอมเพรียวจะสามารถต่อสู้ได้ขนาดนี้!”

“เจ้าทำได้ดีมาก ข้าจะให้เจ้าเลือกก่อนเลยเมื่ออาหารถูกแบ่งกันแล้ว!”

“เราสัญญาว่าเจ้าจะได้กินจนกว่าเจ้าจะพอใจเลย!”

กัวเส้าส้วยรู้สึกใจร้อนเล็กน้อย “เฮ้สหายทั้งหลาย แล้วไหนเล่าสถานที่ที่พวกเจ้าพูดถึง? ไหนอาหารเลิศรสที่ข้าจะได้เพลิดเพลิน?”

“เดี๋ยวเจ้าก็ได้กินอาหารเลิศรสแล้ว! ข้าน่ะเคยกินมันเพียงครั้งเดียว แต่ข้าก็ไม่สามารถลืมมันได้ตลอดชีวิตเลย!”

“มันอร่อยมากจนแม้แต่คนที่ร่ำรวยยังไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสมัน!”

“กล่าวคือวันนี้เจ้าโชคดีมาก! ฮ่าฮ่า!”

กัวเส้าส้วยเริ่มรู้สึกคาดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ

พวกเขามาที่ประตูหลังของคฤหาสน์แห่งหนึ่งอย่างใจชื่นบาน

ขอทานชราตบไหล่ของกัวเส้าส้วยอย่างมีความสุขและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือสถานที่ที่ข้ากำลังพูดถึงไงเล่า! เมื่อถึงเวลากิน มันจะมีของเหลืออยู่มากมายและรสชาติก็...ข้ารับประกันว่าเจ้าจะไม่อาจลืมมันได้เลยหลังจากที่เจ้าได้กินมันไปแล้วครั้งหนึ่ง!”

“ใช่ ข้าเคยไปที่บ้านของคนรวยหลายคนในเมืองหลวง ข้าได้กินอาหารของพวกเขาทั้งหมด! แต่ถ้าจะพูด ของที่ดีที่สุดคือที่นี่!” ขอทานอีกคนกล่าวพร้อมกับเลียริมฝีปากทันทีหลังจากพูดจบ

“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดที่ขอทานมาต่อสู้กัน!”

"เช่นนั้นเหรอ?" กัวเส้าส้วยเริ่มคาดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ และถามอีกครั้งว่า “แล้วที่นี่คือที่ไหนกัน? อะไรที่อร่อย? พวกท่านช่วยเล่าให้ข้าฟังได้ไหม?”

"ได้แน่นอนอยู่แล้ว!" ขอทานชราหัวเราะ "ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง! ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของขุนนางระดับสูงคนใหม่ หลินเป่ยฟาน! เขาเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากของจักรพรรดินี ทางห้องครัวของจักรพรรดิจึงส่งวัตถุดิบสดใหม่ชั้นยอดให้ทุกวัน! ในเมื่อมีคนไม่กี่คนในเรือนแห่งนี้ พวกเขาจึงไม่สามารถกินทุกอย่างได้หมด เราจึงสามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้!”

“มันก็เหมือนเรากำลังกินอาหารจากห้องครัวจักรพรรดิอยู่!”

“สิ่งที่จักรพรรดินีกิน เราก็ได้กิน!”

“คนรวยหลายคนไม่อาจกินมันได้ด้วยซ้ำ! ฮ่าฮ่า!”

ในยามนั้นเอง กัวเส้าส้วยก็ชะงักไป "ท่านพูดว่าอะไรนะ? ท่านบอกว่าที่นี่เป็นเรือนของขุนนางระดับสูงคนใหม่ หลินเป่ยฟานหรือ? และเรามาที่นี่เพื่อกินของเหลือจากเขา?”

ขอทานชราตบไหล่ของกัวเส้าส้วย "ถูกต้อง! เจ้าตื่นเต้นหรือไม่ เจ้ามีความสุขมากเลยเหรอ?”

กัวเส้าส้วยได้แต่นิ่งเงียบ

ตื่นเต้นบ้านเจ้าสิ!

มีความสุขตูดเจ้าสิ!

ถ้าข้ารู้ว่าข้าต้องต่อสู้เพื่อของเหลือของหลินเป่ยฟาน ข้าคงไม่ทำเป็นอันขาด!

ข้าเป็นอัจฉริยะของสำนักดาบเหล็ก กัวเส้าส้วย ผู้มีชื่อเสียงในโลกวรยุทธ์ มีภารกิจกำจัดความชั่วร้ายและส่งเสริมความดี ฆ่าพวกขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง!

แต่วันนี้ข้ากลับมาต่อสู้เพื่อของที่เหลือจากหลินเป่ยฟาน ขุนนางสุนัข!

ทั้งยังต้องกินของเหลือใช้จากเขาอีก!

ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป ข้าจะมีหน้าไปที่ไหนได้?

ในยามนั้นเอง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำด้วยความโกรธ เขาต้องการที่จะหันหลังกลับและจากไป แต่เวลานั้นเอง ประตูหลังก็ได้เปิดออก

ต้าหลี่กำลังแบกถังขนาดใหญ่ที่เหลืออยู่ออกมา

ดวงตาของขอทานเบิกกว้างขึ้นและพวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาทันที กัวเส้าส้วยที่กำลังจะจากไปก็ถูกลากไปข้างหน้าด้วย

"สุดยอด! วันนี้เจ้าออกมาเร็วเหลือเกิน!”

“ยังมีอาหารเหลืออีกมาก วันนี้เราโชคดีแล้ว ฮ่าฮ่า!”

“ข้าได้กลิ่นมาแต่ไกลเลย!”

“วันนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก!”

ต้าหลี่เมื่อเห็นเช่นนี้จึงกล่าวไปว่า “กินเท่าใดก็ได้ตามที่พวกเจ้าต้องการเลย เพียงแต่อย่ามาทำเลอะเทอะที่นี่ ข้าไม่ต้องการที่จะมาทำความสะอาดอีกครั้งเมื่อข้ากลับมา!”

"ไม่ต้องห่วงเลยท่านต้าหลี่ เราจะกินทุกอย่างให้สะอาดหมดจดเลย!”

ต้าหลี่พยักหน้าและกลับเข้าไปข้างใน จากนั้นเขาก็ปิดประตู

หลังจากที่ต้าหลี่จากไป พวกขอทานที่บ้าคลั่งก็แทบรอไม่ไหวที่จะวางมือลงในถังขยะและหาของกินแล้ว

“เดี๋ยวก่อนทุกคน อย่าเพิ่งรีบร้อน! ส้วยน้อยเป็นคนพาเราไปเอาชนะขอทานคนอื่นๆ เขาสมควรได้รับรางวัลมากที่สุด ดังนั้นให้ส้วยน้อยเลือกก่อนเถอะ!” ขอทานชราตะโกน

ขอทานชราเป็นคนที่น่าเคารพนับถืออย่างมาก หลังจากที่เขากล่าวแบบนั้นออกมา ทุกคนก็หยุดและมองไปที่กัวเส้าส้วย

“ส้วยน้อย เจ้ากินก่อน เดี๋ยวเราค่อยกินทีหลัง!”

“ข้าจะไม่กิน พวกท่านกินเถอะ!”

“ถ้าเจ้าไม่กิน พวกข้าจะมีหน้ามากินได้ยังไงกัน?”

กัวเส้าส้วยส่ายศีรษะ "ไม่ต้องมายุ่งกับข้า ข้าจะไม่กินอาหารจากหลินเป่ยฟานอย่างแน่นอน!”

“เอาไปให้เขากินเถอะ!”

ทันใดนั้น ขาไก่ก็ปรากฏขึ้นในปากของกัวเส้าส้วย

กัวเส้าส้วยจึงได้แต่ต้องเคี้ยวมันลงไปสองสามครั้ง

ขอทานถามอย่างใจจดใจจ่อว่า “รสชาติเป็นเช่นไรบ้าง?”

“โอ้ พระเจ้า มันช่างอร่อยนัก!”

กัวเส้าส้วยเคี้ยวอย่างมีความสุขและกล่าวว่า “มันทั้งนุ่มและฉ่ำ กลิ่นหอมอันท่วมท้น เวลากัดแล้วน้ำมันจะไหลเต็มทั่วปาก เลิศรสเป็นอย่างยิ่ง ข้าไม่เคยกินขาไก่อร่อยๆ แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต!”

“ไก่ตัวนี้เป็นของข้า ห้ามใครแย่งไปจากข้าเป็นอันขาด!”

ขอทานทุกคนมีความสุขมาก "เอาเลย!"

ด้วยเหตุนี้ ไก่ทั้งหมดจึงตกเป็นของกัวเส้าส้วยไป

กัวเส้าส้วยกัดและยังต้องการมันอีกครั้ง!

เขากัดคำที่สองและอยากได้คำที่สาม!

เขากัดคำที่สามและอยากได้คำที่สี่!

เขาหยุดไม่ได้เลย!

หลังจากที่เขากินเสร็จ กัวเส้าส้วยก็พอใจมากจนพูดไม่ออก!

เมื่อหันหน้าไปทางกำแพง เขาก็หลั่งน้ำตาแห่งความเสียใจออกมา “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวข้า กัวเส้าส้วยจะสู้กับผู้อื่นเพื่อแย่งอาหารจากหลินเป่ยฟาน ขุนนางสุนัขผู้นั้น อีกทั้งข้าก็ยังกินมันอย่างเอร็ดอร่อย…ช่างน่าละอายใจนัก!”

“ข้ากัวเส้าส้วยกลับกลายเป็นคนที่ข้าเกลียดที่สุด!”

“ครั้งนี้เป็นแค่อุบัติเหตุ!”

กัวเส้าส้วยลืมตาขึ้นและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ข้าจะต้องต่อต้านการล่อลวงของหลินเป่ยฟาน! ไม่ว่าเขาจะเหลืออะไรไว้ ข้าก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด! ข้าต้องมัธยัสถ์ อ่อนน้อมถ่อมตนและไม่หวั่นไหวกับความมั่งคั่ง!”

“อาวุธไม่อาจทำอันตรายต่อข้าได้ ความมั่งคั่งและสถานะก็เช่นเดียวกัน จงเป็นคนที่ตรงไปตรงมา ไม่ถือตัวและโอ้อวด!”

ในยามนั้นเอง ก็มีเสียงดังมาจากระยะไกล “ส้วยน้อยเอ๋ย พรุ่งนี้เจ้าจะมากินไก่อีกหรือเปล่า?”

กัวเส้าส้วยโพล่งออกมาทันที “พรุ่งนี้ข้าขอเป็ด ขอบคุณ!”

“ตกลง พรุ่งนี้ข้าจะทิ้งเนื้อเป็ดไว้ให้เจ้าแล้วกัน!”

กัวเส้าส้วยเมื่อรู้ว่าตนทำอะไรไปก็นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่

……

ในอีกด้านหนึ่ง

เนื่องจากโม่หรูซวงได้ทานอาหารชั้นเลิศและได้รับการรักษาอย่างดีที่เรือนของหลินเป่ยฟาน อาการบาดเจ็บของนางจึงหายเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะซ่อนความจริงที่ว่ามีคนอยู่ในเรือนอีกหนึ่งคน ดังนั้นโม่หรูซวงจึงถูกพบตัวโดยเจ้าหญิงตัวน้อยที่มักจะมากินอาหารอยู่เสมอ

ทว่าความคิดของเด็กสาวตัวน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย

นางคิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำนั้นเป็นการกระทำที่กล้าหาญมาก ไม่เพียงแต่นางจะไม่ได้รายงานเรื่องนี้ไป แต่นางยังนำโอสถดีจากเรือนของนางมาให้ด้วย

เป็นผลให้โม่หรูซวงฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและสามารถเดินเหินได้

ทุกคนที่นี่ปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี โม่หรูซวงรู้สึกถึงความอบอุ่นที่นางขาดหายไปเป็นเวลานานจนรู้สึกผูกพันกับมันมาก

โดยเฉพาะกับคนผู้หนึ่งที่มีรูปลักษณ์ที่สง่างาม มีความรู้ มีไหวพริบที่ไม่ธรรมดาและยังกังวลเรื่องของนางมากอีก

เขาดูแลนางเป็นอย่างดีจนทำให้ทิ้งร่องรอยไว้ในดวงใจของนาง

แต่เมื่อนางคิดได้ว่าอีกฝ่ายขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงที่นางเกลียดที่สุดหรืออาจถึงขั้นเป็นคนทรยศ นากง็รู้สึกเศร้าใจยิ่ง...

ในวันหนึ่ง นางเดินไปทั่วและมองดูหลินเป่ยฟานที่กำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่

นางอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านหลิน ยามที่ข้ามาที่เมืองหลวง คนข้างนอกบอกว่าท่านเป็นขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงที่รีดไถเงินไปนับไม่ถ้วน!”

หลินเป่ยฟานเงยหน้าขึ้นและมองไปที่นางอย่างใจเย็น “ก็เป็นเช่นนั้น แล้วมันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

“ทำไมท่านต้องทุจริตด้วย?”

โม่หรูซวงเดินเข้ามาใกล้และมองไปที่ดวงตาที่กระจ่างใสของหลินเป่ยฟาน นางถามด้วยความจริงจังว่า “ท่านได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดินี ท่านได้รับการเลื่อนตำแหน่งจนร่ำรวยและมีเกียรติ เหตุใดท่านยังไม่รู้จักพออีก ทำไมท่านถึงต้องทุจริตมากเพียงนี้? ท่านรู้ไหมว่าสิ่งที่ท่านกำลังโกงกินคือเงินของราษฎร! หากท่านโกงกินมากขึ้น ผู้คนก็จะต้องทนทุกข์ทรมานมากขึ้น!”

“ข้าเคยโกงกินเงินของราษฎรไปยามใดกัน?” หลินเป่ยฟานถามกลับไป

“ท่านพูดออกมาด้วยตัวท่านเอง ว่าท่านโกงกินเงินของอดีตเสนาบดี ยักยอกเงินจากเหล่าขุนนาง กระทั่งบัณฑิตจากสถาบันจักรพรรดิ!” โม่หรูซวงกล่าว

“ถ้าข้าโกงกินเงินของอดีตเสนาบดี ยักยอกเงินจากเหล่าขุนนางและบัณฑิตจากสถาบันจักรพรรดิ แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับราษฎรหรือ? ข้าเคยโกงกินเงินของราษฎรไปยามใดกัน?” หลินเป่ยฟานถามกลับไปอีกครั้ง

“นี่…”  โม่หรูซวงถึงกับตกตะลึง

ลองคิดดูดีๆ มันก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้โกงกินเงินจากราษฎรไปสักตำลึงเดียว!

สิ่งที่เขาทำคือรีดไถเงินจากขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือเงินของคนที่เกี่ยวข้องกับพวกขุนนางเลว!

ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยแตะต้องเหล่าราษฎรด้วยซ้ำไป!

“แต่การโกงกินก็ผิดอยู่ดี…” เสียงของนางอ่อนลงเล็กน้อย

“แล้วมันผิดตรงไหนกัน?”

หลินเป่ยฟานเอ่ยถามอีกครั้ง “ทุกคนในราชสำนักล้วนฉ้อราษฎร์บังหลวง ทำไมข้าจะทำไม่ได้? ในเมื่อพวกเขาโกงกิน ทำไมข้าจะโกงกินด้วยไม่ได้? ถ้าข้าไม่ยักยอก เช่นนั้นข้าควรปล่อยให้ผู้อื่นทำหรือ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมข้าไม่เก็บมันใส่ไว้ในกระเป๋าของข้าเองล่ะ?”

เมื่อคิดอย่างรอบคอบ นางก็ตระหนักว่าอีกฝ่ายพูดถูก ราชสำนักทั้งหมดล้วนมีแต่คนคดโกง แล้วทำไมเขาจะทำไม่ได้?

โม่หรูซวงคล้ายรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในใจ! โลกทัศน์และมุมมองทางศีลธรรมทั้งหมดของนางเหมือนกับตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน!

“เพราะเช่นนั้นข้าจึงต้องโกงกิน! เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของราษฎร แม้ข้าไม่อยากฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่ข้าก็ต้องทำ!”

หลินเป่ยฟานส่ายศีรษะ “อย่างน้อยเมื่อเทียบกับพวกเขา ข้าก็ตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์กว่ามาก ข้าไม่เอาเงินสักตำลึงเดียวจากราษฎร ข้ามีมโนธรรมที่ชัดเจน!”

โม่หรูซวงเปิดปาก แต่ก็ไม่มีคำพูดใดหลุดรอดออกมา ช่วงเวลาแห่งความเงียบงันได้ปรากฏอยู่ครู่หนึ่ง

ทันใดนั้นโม่หรูซวงก็เอ่ยถามว่า “เช่นนั้นท่านหลิน ทำไมท่านถึงขายอาณาจักรของเราไปกัน?”

“ข้าขายอาณาจักรของข้าเมื่อไรกัน?” หลินเป่ยฟานถามพลางเงยหน้าขึ้นมอง

“ก็ก่อนหน้านี้เมื่อทูตจากอาณาจักรดาร์โรมาที่เมืองหลวงเพื่อหารือเรื่องเครื่องบรรณาการ!”

โม่หรูซวงกล่าวต่ออีกว่า “ข้าได้ยินเรื่องท่านที่รับสินบนของทูตจากอาณาจักรดาร์โร ไปโต้เถียงในราชสำนักจนยกเลิกเรื่องสินทดแทน 3 ล้านตำลึงที่ตกลงกันไว้ และยังเปิดท่าเรือการค้าเพื่อส่งเสริมการค้าขายในอาณาจักรดาร์โรอีก! นอกจากนี้ยังส่งตัวอาจารย์มากมายไปยังอาณาจักรดาร์โรเพื่อตั้งสถาบันด้วย…”

“เงื่อนไขเหล่านี้ไม่เป็นประโยชน์อันใดต่ออาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ แต่เป็นประโยชน์ต่ออาณาจักรดาร์โรทั้งนั้น!”

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด