ตอนที่แล้วบทที่ 11 โอกาสสำหรับการแข่งขันที่เป็นธรรม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 ไม่คู่ควรกับการยืนหยัดอย่างเท่าเทียม

บทที่ 12 เจ้าแห่งการแสดง


“การแข่งขันอย่างยุติธรรมคืออะไร?” หนานหยูเทียนถามอย่างรวดเร็ว

“การที่เฟิ่งหยินซวงกับข้าเข้าห้องหอกันแล้ว ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าบางทีตอนนี้อาจมีเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าอยู่ในตัวนางแล้วก็ได้”

สิ่งที่เขาพูดเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดมาก่อน ใช่ เนื่องจากทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันแบบ ‘แนบแน่น’ การมีบางอย่างอยู่ในตัวนางจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

การจะเปลี่ยนเจ้าสาวคืนเป็นเรื่องไม่ยาก แต่หากเฟิ่งหยินซวงเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา เชื้อสายราชวงศ์จะไม่บิดเบี้ยวเอาหรอกหรือ?

เฟิ่งหยินซวงนึกชื่นชมกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดของจุนโมเชนอยู่ในใจ เพียงประโยคเดียวของเขาก็นำพาให้สถานการณ์ทั้งหมดกลับมาอยู่ข้างนางได้

นางสังเกตเห็นความไม่พอใจทางสายตาของสนมหลี่ นางกำหมัดแน่นและกัดริมฝีปากด้วยความเจ็บใจ รวมไปถึงหนานหยูเทียนด้วย ความโกรธในดวงตาของเขาฉายแววโรจน์ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว

“แต่เนื่องจากข้าให้ความนับถือองค์ชายสามอย่างสุดซึ้ง และพวกท่านก็มีสัญญาการแต่งงานกันมาก่อน ดังนั้นข้าก็จะถอยให้ท่านก้าวหนึ่ง นับจากวันนี้ไปอีกสามเดือนเราทั้งสองจะคืนความอิสระให้กับหยินซวงเป็นการชั่วคราว ในระหว่างนี้หากนางยังต้องการแต่งงานกับองค์ชายสาม ข้าก็จะไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่หากนางเลือกข้า ท่านก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาก้าวก่ายเช่นกัน นี่คือการแข่งขันของเรา”

“ตกลง!” หนานหยูเทียนตอบในทันที

เขามั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าอย่างไรเฟิ่งหยินซวงก็ต้องเลือกเขา ที่นางดูสับสนคงเป็นเพราะนางสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กษัตริย์ชิงผิงไปแล้ว และรู้สึกเสียใจต่อเขาเป็นอย่างมาก

สิ่งที่เขาทำในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจอย่างสุดซึ้ง

การที่เขายอมสละชีวิตเพื่อนาง อย่างไรเสียนางก็ต้องรู้สึกเห็นอกเห็นใจเขาอยู่บ้าง

สนมหลี่เมื่อเห็นว่าหยูเทียนด่วนตัดสินใจเกินไป จึงรีบเสนอกติกาเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้ลูกชายของนางเสียผลประโยชน์

“เมื่อกษัตริย์ชิงผิงตั้งกติกามาเช่นนั้น แน่นอนว่าเราเต็มใจที่จะยอมรับ และเพื่อป้องกันไม่ให้หยินซวงตกเป็นขี้ปากของคนทั้งอาณาจักร ระหว่างสามเดือนนี้ นางต้องกลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิ่งตามเดิม และหาก หยูเทียนหรือท่านต้องการพบนาง ก็ให้ทำได้เพียงพูดคุยเท่านั้น”

คำพูดของสนมลี่ตรงใจเฟิ่งหยินซวงจนนางเกือบกระโดดดีใจ การที่ลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้วสามารถกลับมาอยู่กับครอบครัวตัวเองได้อีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าเรื่องดี ๆ แบบนี้จะเกิดขึ้นกับนาง

หากสนมลี่รู้ว่าเฟิ่งหยินซวงคิดอะไรอยู่ นางคงไม่มองโลกในแง่ดีอย่างนี้แน่

ตอนนี้นางคงคิดแค่ว่าจะใช้ประโยชน์จากหยินซวงอย่างไรดีก็เท่านั้น

“ได้! ข้ายอมรับ!” หนานหยูเทียนยืนยันหนักแน่น

จุนโมเชนก้มตัวลงเล็กน้อย เขาลดเสียงลงและกระซิบที่ข้างหูของเฟิ่งหยินซวงโดยมีเพียงเขาและนางเท่านั้นที่ได้ยินมัน

“เจ้าเป็นหนี้ข้าแล้วสาวน้อย จะชดเชยให้ข้าอย่างไรก็จงกลับไปคิดดู” สิ้นคำ เขาก็เดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เฟิ่งหยินซวงมองตามแผ่นหลังกว้างของเขาด้วยดวงตาที่สับสนปนซาบซึ้ง การที่เขายื่นมือมาช่วยแน่นอนว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งนางเข้าใจดี

แต่สิ่งที่นางไม่เข้าใจคือเหตุผลของเขา…เพราะอะไรเขาถึงยอมทำเพื่อนางได้ถึงขนาดนี้?

...

และแล้วหมอหลวงก็มาถึง เฟิ่งหยินซวงทำท่าจะเดินออกไปแต่ก็ถูกหนานหยูเทียนดึงมือไว้ซะก่อน

“ข้าจะไม่รับการรักษาหากเจ้าไม่อยู่ที่นี่ด้วย” เขาวิงวอน

แน่นอนว่าเฟิ่งหยินซวงไม่มีสนใจความเป็นความตายของเขาหรอก แต่เพราะฮ่องเต้และสนมหลี่จดจ้องมาที่นาง นางจึงทำได้เพียงกัดฟันและนั่งนิ่ง ๆ อยู่ข้างเขา

หลังทำการรักษา หมอหลวงก็แจ้งว่าแผลขององค์ชายสามไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวันและห้ามโดนน้ำเด็ดขาด

เฟิ่งหยินซวงรู้ว่าเขาแค่เล่นละครก็เท่านั้น หนานหยูเทียนที่เต็มไปด้วยความโลภและกลัวตายไม่มีทางจะทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายแน่นอน

เมื่อรู้ว่าหนานหยูเทียนปลอดภัยดีฮ่องเต้ก็โล่งใจ สนมหลี่เอ่ยเชิญให้เขาไปดื่มชาที่ตำหนักของตนก่อนก่อนจะออกไปราชการ ทั้งคู่จึงพากันเดินออกไป

และแล้วท้องพระโรงจึงเหลือเพียงองค์ชายสาม และเฟิ่งหยินซวง นางต้องใช้สมาธิอยากหนักในการควบคุมอารมณ์ไม่ให้แสดงออกทางสีหน้า ในเมื่อจุนโมเชนช่วยให้นางต่อเวลาได้อีกตั้งสามเดือน นางคงไม่พลาดที่จะใช้มันให้เกิดประโยชน์

ในชีวิตที่แล้ว หลังจากหนานหยูเทียนแต่งงานกับนาง ตระกูลเฟิ่งได้ช่วยเหลือเขาตั้งภาคีเพื่อช่วยฮ่องเต้ดูแลกิจการของราชสำนัก แต่เมื่อพระองค์เสียชีวิตลงจากอาการป่วย หนานหยูเทียนก็ประกาศเปิดตัวจักรพรรดิองค์ใหม่ เขาขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะฮ่องเต้และสั่งสังหารพี่น้องทุกคนรวมไปถึงเหล่าขุนนางที่ไม่เชื่อฟังเขาด้วย

มันโหดร้ายเกินไป นางต้องการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวเหล่านั้นและขัดขวางแผนการของเขาไม่ให้มันสำเร็จได้อีก

“ซวงเอ๋อร์…” หนานหยูเทียนยื่นมือไปหานาง นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจับมือของเขาตอบ

นางต้องอดทน…ไม่ว่าในใจจะอยากทุบเขาเป็นชิ้น ๆ มากขนาดไหนนางก็ต้องทนให้ได้

เมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนลงของเฟิ่งหยินซวงหนานหยูเทียนก็นึกเหยียดหยามนางอยู่ในใจ หากไม่ใช่เพราะผู้หญิงหยำฉ่าคนนี้ เขาคงไม่ต้องทำร้ายตัวเองจนเลือดตกยางออก!

“ซวงเอ๋อร์…ข้าขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง ข้ารู้ว่ากษัตริย์ชิงผิงบังคับเจ้า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นเพียงความฝัน มันจบลงแล้ว เรามาเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้งเถอะนะ”

จอมปลอม! เขาแค่ต้องการใช้ตระกูลเฟิ่งของนางเพื่อขึ้นไปสู่บัลลังก์เท่านั้นแหละ

นางไม่มีวันจะปล่อยให้เขาทำสำเร็จอีกครั้งเป็นอันขาด!

“ข้าก็หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ตอนนี้ข้าไม่บริสุทธิ์แล้ว ข้าจะเอาหน้าที่ไหนกลับไปเริ่มต้นใหม่กับเจ้า” เฟิ่งหยินซวงแสร้งยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา

“ข้าไม่สนใจ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไรหรือผ่านมือใครมา ข้าก็ไม่สน อย่างไรเจ้าก็เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในใจข้าเสมอ” หนานหยูเทียนพูดอย่างรักใคร่พลางกุมมือนางแน่น

“หยูเทียน ข้าเองก็ชอบเจ้ามากเหมือนกัน ข้าเฝ้าฝันว่าวันแต่งงานของเราจะต้องวิเศษมากแน่ หลังจากแต่งงานกับเจ้าข้าคงจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก แต่สวรรค์ไม่เห็นด้วยกับเรา ข้าก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกัน”

ทั้งสองแข่งกันแสดงละครอย่างเอาเป็นเอาตาย มันยากเหลือเกินที่จะบอกได้ว่าใครเก่งกว่ากัน

“ซวงเอ๋อร์ ข้าบอกเจ้าแล้วว่ามันไม่สำคัญ ต่อให้สวรรค์จะไม่เห็นด้วยกับความรักของเรา แต่กษัตริย์ชิงผิงก็ให้เวลาเจ้าอีกตั้งสามเดือน ตราบใดที่เจ้ายืนยันจะปฏิเสธเขา เขาก็จะไม่มายุ่งกับเจ้าแน่นอน”

“แต่ว่า...” นางเอื้อมมือไปแตะที่หน้าท้องเบา ๆ “แต่ถ้าข้ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ในตัวจริง ๆ เจ้าจะทำอย่างไร”

แววความหงุดหงิดปรากฏขึ้นในดวงตาของหนานหยูเทียน เขาไม่สามารถซ่อนความหงุดหงิดของตัวเองได้อีกต่อไป

“ไม่เป็นไร” เขากำมือนางแน่นจนเจ็บ “ในเมื่อเด็กนี่เป็นลูกของเจ้า ข้าก็จะรับไว้เป็นลูกของข้าด้วยเช่นกัน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด