บทที่ 11 โอกาสสำหรับการแข่งขันที่เป็นธรรม
ท้องพระโรงของราชวังเงียบสนิท เงียบขนาดที่หากเผลอทำเข็มตกพื้นก็คงจะได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครเต็มใจจะถอย ข้อสรุปของเรื่องก็คงต้องขึ้นอยู่กับคำตัดสินของฮ่องเต้แล้ว
คนหนึ่งคือลูกชายแท้ ๆ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำนั่นถือเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้
ส่วนอีกคนคือขุนนางที่เขารักที่สุด ผู้ซึ่งมีส่วนนับไม่ถ้วนในการออกศึกปกป้องประเทศ
ในแง่ของอารมณ์และเหตุผล ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ฮ่องเต้จะเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มันเป็นปัญหาที่ยุ่งยากที่สุดสำหรับเขาเพราะต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเองทั้งคู่
สนมหลี่และหนานหยูเทียนก็หันไปสบตากันราวกับจะส่งสัญญาณ ทันใดนั้นหนานหยูเทียนก็หยิบกริชออกมาจากแขนเสื้อและแทงเข้าไปที่หน้าท้องของตัวเองจนมิด!
เลือดสีแดงไหลเปื้อนเสื้อคลุมของเขาเป็นวงกว้าง
เฟิ่งหยินซวงยืนนิ่งไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าทำถึงขนาดนี้
แม้การกระทำของหนานหยูเทียนจะสร้างความตกใจให้นางมากแค่ไหน ถึงกระนั้นก็ไม่ทำให้นางรู้สึกหวั่นไหวได้เลย กลับกันนางกลับรู้สึกขนลุกในความใจกล้าของเขา เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เขาสามารถทำร้ายตัวเองได้อย่างโหดเหี้ยมหน้าเฉย ช่างเป็นอุบายที่น่ากลัวเหลือเกิน
ดวงตาเย็นชาใต้หน้ากากหมาป่าของจุนโมเชนหรี่ลงเล็กน้อย องค์ชายสามนี่ช่างดื้อด้านจริง ๆ
เขาไม่สนใจเรื่องในราชสำนัก และไม่ได้มีความประทับใจในตัว หนานหยูเทียนเป็นพิเศษ เขาเคยได้ยินผ่านหูมาว่าองค์ชายสามนั้นอ่อนโยนและสง่างาม ไม่ใช่พวกกระหายในอำนาจและเป็นคนที่มีเจ้าค่า แต่ทั้งหมดนั้นคงจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ
ใบหน้าของฮ่องเต้เต็มไปด้วยความตกใจ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้มังกรแล้วตะโกนเรียกหมอหลวงในทันที เห็นเช่นนั้นสนมหลี่ก็โผเข้ากอดลูกชายไว้พลางร้องไห้โฮ
“หยูเทียนของแม่ เหตุใดเจ้าจึงโง่เพียงนี้ ข้ามีลูกชายเพียงคนเดียวคือเจ้า หากเจ้าเป็นอะไรไปข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร!”
แม้ว่าหนานหยูเทียนจะบาดเจ็บ แต่ตาของเขาก็ยังคงมองไปที่เฟิ่งหยินซวง
“หยูเทียน เจ้าเป็นถึงองค์ชายที่สาม เจ้าทำร้ายตัวเองแบบนี้ได้อย่างไร!” ฮ่องเต้ต่อว่าเขาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ข้าขอโทษท่านพ่อ ข้าเพียงรักหยินซวงมาก นางคือสิ่งสำคัญในชีวิตของข้า ถ้านางไม่แต่งงานกับข้า ชีวิตของข้าก็คงไม่มีความหมายอีกต่อไป” เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่า
“เจ้า...เจ้าลูกอกตัญญู เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร!” ฮ่องเต้กัดฟันด้วยความโกรธ เขายุ่งกับกิจการของบ้านเมืองมากพออยู่แล้ว และตอนนี้หนาน หยูเทียนก็ยังทำให้เขายุ่งยากเพิ่มขึ้นไปอีก
“ใช่ ข้าอกตัญญู ข้าเพียงไม่อยากแยกจากหยินซวงผู้เป็นรักเดียวของข้า นั่นคงเป็นความอับอายที่สุดในชีวิตผู้ชายคนหนึ่ง และมันคงทำให้ท่านพ่อผิดหวัง”
ในขณะนี้ แม้แต่เฟิ่งไท่ซือก็อดหวั่นไหวกับสิ่งที่เห็นไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาเคยปฏิเสธการสู่ขอหลานสาวจากองค์ชายสามเพราะรู้สึกว่าเขาดูไม่ซื่อตรงและไม่จริงใจอย่างแปลกประหลาด แต่ตอนนี้เขาได้รู้แจ้งแล้วว่าองค์ชายสามรักหยินซวงของเขามากเพียงใด ไม่ว่าชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร สิ่งนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ความจริงใจของเขา
คงจะมีเพียงเฟิ่งหยินซวงเท่านั้นที่รู้ว่านี่เป็นแผนการของเขา การบาดเจ็บครั้งนี้อาจทำให้ฮ่องเต้เห็นอกเห็นใจเขามากขึ้น และมองว่าเขาเป็นเพียงชายคลั่งรักที่ไร้พิษภัยต่อราชบัลลังก์
คน ๆ นี้อันตรายเหลือเกิน มันเหมือนการฆ่านกสองตัวด้วยหินเพียงก้อนเดียว เพราะตอนนี้แม้แต่ปู่ของนางก็ยังถูกเขาหลอก
องค์ชายผู้สง่างามไม่ต้องการแม้แต่ชีวิตของตัวเองเพื่อนาง ถ้าหากนางยังปฏิเสธ แปลว่าเขากำลังถูกบังคับให้ตายใช่หรือไม่? ถึงคราวนั้นแม้แต่ฮ่องเต้ก็คงไม่อาจคิดเป็นกลางได้อีกต่อไป
แล้วนางควรทำอย่างไรดี?
ในระหว่างที่เฟิ่งหยินซวงยังคงคิดไม่ตก ทันใดนั้นมือใหญ่ที่โอบอยู่ตรงเอวก็ออกแรงรั้งนางเล็กน้อยเรียกให้นางเงยหน้าขึ้นไปหา ดวงตาสีเข้มคู่นั้นกำลังจ้องมองมายังนางราวกับจะสื่อว่า ‘นางยังเป็นของเขา’ ทำให้นางรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ในเวลานี้คงมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถช่วยนางได้
ฉับพลันเสียงปรบมือก็ดังขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดของท้องพระโรง เป็นจุนโมเชนที่เรียกทุกสายตาให้มองมาที่เขาเป็นจุดเดียว
หน้ากากหมาป่าทำให้ผู้คนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาได้ และมันก็ยากที่จะจินตนาการว่าเขาเป็นคนน่ากลัวเหมือนในข่าวลือหรือไม่
ริมฝีปากบางของจุนโมเชนโค้งขึ้นเล็กน้อย เขาตบมืออีกครั้งก่อนจะเอ่ยประโยคแสดงความเย้ยหยันเสียจนคนเจ็บรู้สึกหน้าชา
“องค์ชายสามช่างหลงใหลในตัวหยินซวงของข้าเหลือเกิน แม้แต่สามีของนางยังรู้สึกหวั่นไหว”
หนานหยูเทียนกัดฟันกรอด กษัตริย์ชิงผิงเยาะเย้ยเขาทั้งที่เป็นฝ่ายปล้นเจ้าสาวของเขาไปเสียด้วยซ้ำ หากวันไหนที่เขาได้ขึ้นครองบัลลังก์ สาบานว่าวังชิงผิงจะเป็นสถานที่แรกที่ถูกลบออกจากแผนที่อาณาจักร!
หนานหยูเทียนไอออกมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ ตอนนี้เขาเริ่มคิดหนักขึ้นเรื่อย ๆ
เขาหวังว่าจุนโมเชนจะยอมแพ้และคืนเฟิ่งหยินซวงให้กับเขาในทันที เพราะหากเรื่องที่เขาเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อผู้หญิงแพร่งพรายออกไป มันจะเป็นเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงของราชวงศ์เป็นอย่างมาก
“กษัตริย์ชิงผิง เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว
“ฝ่าบาท ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจมากที่องค์ชายสามทรงมีความรักต่อภรรยาของข้าอย่างสุดซึ้ง ดังนั้นข้าจึงคิดวิธีที่จะได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และให้โอกาสเราได้แข่งขันกันอย่างยุติธรรม”
การแข่งขันอย่างยุติธรรม? ทุกคนมองเขาด้วยสีหน้าตกใจและงุนงง
เฟิ่งหยินซวงเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่ชายคนนี้ขยับตัวมักจะมีอะไรเกินความคาดหมายมาโดยตลอด