ตอนที่ 600 การทดสอบการเตือนเริ่มต้นขึ้น
ตอนที่ 600 การทดสอบการเตือนเริ่มต้นขึ้น
เรื่องนิสัยเป็นสิ่งที่ยากจะอธิบายออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน และถึงแม้ว่าในช่วงเวลาปกติเซี่ยเฟยจะเป็นคนอารมณ์ดี แต่ถ้าหากว่ามันมีใครแสดงเจตนาร้ายต่อเขาขึ้นมาเขาก็จะมองว่าคนคนนั้นคือศัตรูที่ต้องถูกกำจัด
ขณะเดียวกันมีดที่กำลังจี้คอของเขาอยู่นั้นก็เป็นมีดที่ถูกสร้างเอาไว้เพื่อประดับมากกว่าจะเอาไว้ใช้ในการสังหารจริง ๆ เพราะด้ามจับของมีดถูกฝังเอาไว้ด้วยอัญมณีสีสันสวยงามราคาแพง ซึ่งมันก็หมายความว่าคุณชายคนนี้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยจริง ๆ
ทันใดนั้นเองแววตาของเซี่ยเฟยก็เปลี่ยนไปอย่างดุร้ายพร้อมกับจิตสังหารที่ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างกะทันหัน จนทำให้ใบหน้าของนายน้อยคนนั้นกระตุกขึ้นมาอย่างฉับพลันเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่น่าตกใจ
“นี่แกคิดจะต่อต้านงั้นเหรอ?” นายน้อยจากตระกูลไบร์ทซีตวัดมีดออกไปในทันที โดยมีเป้าหมายคือลำคอของเซี่ยเฟย ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นชายหนุ่มก็ได้ทำการหยิบหิมะโปรยออกมาจากแหวนมิติของเขา
ในที่สาธารณะแบบนี้เซี่ยเฟยยังไม่ต้องการที่จะใช้อาวุธที่มีความโดดเด่นอย่างบลัดบิวเทียส เพราะมันอาจจะดึงดูดปัญหามาให้กับเขาอย่างมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นมีดของฝ่ายตรงข้ามยังดูบอบบางในสายตาของเขามาก เขาจึงคิดว่าเพียงแค่หิมะโปรยก็สามารถที่จะทำลายอาวุธชิ้นนั้นได้แล้ว
เพล้ง!
เมื่ออาวุธทั้งสองชิ้นได้ปะทะกัน หิมะโปรยก็ตัดผ่านอาวุธชิ้นนั้นไปเหมือนกับใบมีดที่กำลังผ่าเนย
อย่างไรก็ตามหิมะโปรยก็ไม่ได้หยุดลงเพียงแค่เท่านั้น เพราะใบมีดได้ลากผ่านลำคอของทุกคนก่อนที่เขาจะนำมันกลับไปไว้ภายในแหวนมิติดังเดิม
การเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยรวดเร็วมากและก่อนที่ใครจะทันได้รู้ตัว นายน้อยจากตระกูลไบร์ทซีคนนั้นกับผู้ติดตามอีกเจ็ดคนก็ล้มลงไปบนพื้นโดยทุกคนต่างก็มีรอยบาดอยู่บนลำคอ
กลสังหาร!
นี่คือเทคนิคการลอบฆ่าขั้นสูงสุดของสำนักเงาสังหาร!
“ทำไมนายต้องลงมือสังหารคนจากตระกูลชั้นยอดด้วยเนี่ย! นายรีบหนีไปเร็วเข้า!! ไม่อย่างนั้นมันคงจะมีปัญหาใหญ่ตามมาแน่ ๆ” อันธตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
“เดี๋ยวก่อนนะ! ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดปกติ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เรื่องอะไร?” อันธถาม
“คนพวกนี้มันอ่อนแอเกินไป” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
คำอธิบายนี้ทำให้อันธตกตะลึงในทันที และมันก็ทำให้เขาได้นึกออกว่าถึงแม้ว่าใบหน้าของคนพวกนี้จะดูน่ากลัวแต่พวกเขากลับมีความอ่อนแอมากเกินไป ซึ่งเมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว อย่างมากที่สุดนายน้อยคนนี้ก็คงจะเป็นเพียงแค่นักรบกฎเท่านั้น ส่วนพวกผู้ติดตามก็ดูไม่ต่างไปจากอันธพาลข้างถนน
“ดูนั่น! เซี่ยเฟยฆ่าคน!!”
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าเซี่ยเฟยจะกล้าฆ่าคนจากตระกูลไบร์ทซีจริง ๆ”
“พวกเรารีบหนีกันเถอะ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็อาจจะถูกลูกหลงจากเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย”
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้สมัครจากตระกูลเล็ก ๆ รู้สึกตกตะลึง และพวกเขาก็ต้องการที่จะจากไปในทันที ส่วนทางรูดี้เขาก็รู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเลือกยืนเคียงข้างเซี่ยเฟยด้วยท่าทางที่กล้าหาญ
แปะ ๆ ๆ
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่ชายหนุ่มในชุดขาวจะเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“เขาคือเฝิงซินเหนียนเป็นสมาชิกรุ่นใหม่ที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลเฝิง ซึ่งเป็นตระกูลที่คอยดูแลกลุ่มมังกรฟ้าอยู่” รูดี้กระซิบบอกใกล้ ๆ หูของเซี่ยเฟย
รูดี้ถือได้ว่าเป็นคนดีคนหนึ่งแต่เขามักที่จะพูดมากเกินไปอยู่เล็กน้อย ซึ่งในระหว่างการประเมินเขาก็เคยเล่าเรื่องของเฝิงซินเหนียนให้เซี่ยเฟยฟังแล้วหลายครั้ง ชายหนุ่มจึงพอจะรู้จักประวัติของบุคคลนี้อยู่บ้างจากปากของรูดี้
“พวกที่กล้าปลอมตัวเป็นคนของตระกูลชั้นยอดพวกนี้สมควรตายแล้ว” เฝิงซินเหนียนกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางที่นิ่งเฉย
“อะไรนะ?! คนพวกนี้คือพวกที่ปลอมตัวเป็นคนของตระกูลชั้นยอดงั้นเหรอ!?”
เหล่าบรรดาฝูงชนต่างก็รู้สึกตกตะลึงเมื่อพวกเขาได้ยินคำอธิบายจากเฝิงซินเหนียน
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกัน และถึงแม้เขาจะรู้สึกแปลก ๆ กับความแข็งแกร่งของคนพวกนี้ แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่ามันจะมีคนกล้าปลอมแปลงเป็นคนจากตระกูลชั้นยอดด้วย เพราะถ้ามันมีใครรู้เรื่องนี้ขึ้นมาพวกที่กล้าปลอมแปลงเป็นคนของตระกูลชั้นยอดย่อมจะต้องถูกลงโทษถึงตายโดยไม่ต้องสงสัย
“คนพวกนี้จะต้องกล้าหาญแค่ไหนที่กล้าปลอมตัวเป็นคนของตระกูลไบร์ทซีในช่วงกลางวันแสก ๆ และพวกเขายังกล้ามาหาเรื่องคนอื่นที่หน้าสำนักงานมังกรฟ้าอันโด่งดังด้วย”
เฝิงซินเหนียนคุกเข่าลงบนพื้นก่อนที่จะหยิบตราสัญลักษณ์ตระกูลตรงหน้าอกของศพขึ้นมาถือไว้บนฝ่ามือ
กร๊อบ!
เพียงแค่การบีบเบา ๆ ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลเหล่านั้นก็ถูกบีบจนแตกละเอียดในทันที
“ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลชั้นยอดของจริงต่างก็ล้วนแล้วแต่ทำขึ้นมาจากโลหะผสมซูล่าที่แข็งแกร่งและเงางาม สิ่งนี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าพวกมันคือพวกแอบอ้าง รีบเอาศพของพวกมันไปโยนทิ้งเดี๋ยวนี้!” เฝิงซินเหนียนกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
ทันใดนั้นชายฉกรรจ์หลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนที่พวกเขาจะเก็บศพทั้งแปดออกไปในเวลาเพียงแค่พริบตา
เซี่ยเฟยสัมผัสได้เลยว่าเหตุการณ์นี้ผิดปกติมาก แต่ไม่ว่าเขาจะพิจารณายังไงเขาก็ยังมองหาสาเหตุของความผิดปกติไม่ได้
รูดี้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะถ้าหากคนที่เซี่ยเฟยสังหารคือคนจากตระกูลชั้นยอดจริง ๆ ผลลัพธ์ที่ตามมาจากเหตุการณ์ในวันนี้ย่อมเป็นหายนะอย่างแน่นอน
“ฉันชื่อเฝิงซินเหนียน”
“เซี่ยเฟย”
“นายลงมือเด็ดขาดดีนี่”
“พวกมันกระจอกเกินไปต่างหาก”
“เดี๋ยวเรื่องนี้ทางมังกรฟ้าจะเป็นคนจัดการให้เอง ดังนั้นนายไม่จำเป็นจะต้องกังวล” เฝิงซินเหนียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าคนพวกนี้เป็นตัวปลอมแล้วพวกมันกล้ามาหาเรื่องหน้าสำนักงานมังกรฟ้าได้ยังไง? ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันก็เหมือนจะเอาเรื่องมู่ฟู่ผิงมายั่วยุฉันโดยเฉพาะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปทางเฝิงซินเหนียนอย่างจริงจัง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ทั่วทั้งจักรวาลก็มีคนแปลก ๆ อยู่อย่างมากมาย บางทีคนพวกนี้อาจจะกินยาอะไรที่ทำให้พวกเขาเกิดบ้าขึ้นมาก็ได้” เฝิงซินเหนียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นั่นสินะ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องขอบคุณนายด้วยที่ช่วยเปิดโปงว่าพวกมันไม่ใช่คนจากตระกูลชั้นยอด” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น
—
“เกือบถูกจับได้แล้วไหมล่ะ ความสามารถในการวิเคราะห์ของเซี่ยเฟยคนนั้นช่างน่ากลัวจริง ๆ” เฝิงซินเหนียนเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากหลังจากที่เขากลับเข้ามาภายในห้อง
“การแสดงนั่นมันห่วยแตกเกินไปต่างหาก คิดได้ยังไงเอาพวกนักเลงไปปลอมตัวเป็นคนจากตระกูลชั้นยอด?” บรูซกล่าวด้วยท่าทางอันเย็นชา
“ที่ผมทำแบบนี้ก็เพื่อต้องการแสดงให้คุณเห็นมากกว่าว่าถึงแม้อีกฝั่งจะเป็นคนของตระกูลไบร์ทซี แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ลังเลที่จะฆ่าพวกเขาด้วยซ้ำ” เฝิงซินเหนียนกล่าว
“การลงมือของเขาเด็ดขาดมากจริง ๆ ว่าแต่นายเลือกใครอีกนอกเหนือจากเซี่ยเฟย” บรูซกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับ
เฝิงซินเหนียนส่งรายชื่ออันยาวเหยียดให้กับบรูซ โดยรายชื่อเหล่านี้ได้มีรายละเอียดภูมิหลังระดับพลังและข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยบันทึกเอาไว้อย่างครบถ้วน
“ดูเหมือนว่านายจะเตรียมตัวมาดีพอสมควรเลยนะ หวังว่านายจะมองคนไม่ผิด” บรูซกล่าว
“นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อมอบงานสำคัญให้ผมทำ ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองออกมาให้ได้” เฝิงซินเหนียนกล่าว
“เหตุผลที่งานชุมนุมมังกรฟ้าเป็นงานชุมนุมครั้งใหญ่ในดินแดน นั่นก็เพราะว่ามันไม่มีใครสามารถคาดเดาเกณฑ์ในการคัดเลือกที่แท้จริงของพวกเราได้ ในระหว่างที่ทุกคนกำลังหมกมุ่นอยู่กับคะแนน พวกเขาก็ไม่เคยรู้เลยว่าการประเมินที่แท้จริงมันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคะแนนพวกนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว” บรูซกล่าวก่อนที่เขาจะเก็บรายชื่อพวกนั้นไป
“ความจริงพวกผู้สมัครก็น่าสงสารอยู่เหมือนกัน แต่พวกเขาจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่พวกเรากำลังพิจารณาไม่ใช่คะแนนพวกนั้นเลย” เฝิงซินเหนียนกล่าวพร้อมกับยักไหล่
ท่าทางของบรูซกับเฝิงซินเหนียนคล้ายกับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ 2 ตัวที่กำลังซุ่มซ่อนอยู่ในเงามืด และแอบคัดเลือกคนจากการประเมินอย่างลับ ๆ
“คนที่ถูกคัดเลือกจะถูกส่งตัวเข้าสู่การประเมินในครั้งสุดท้าย ส่วนใครจะสามารถผ่านการประเมินไปได้หรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาและความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว” บรูซกล่าว
“นั่นสินะ หลังจากนี้การทดสอบที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว” เฝิงซินเหนียนพยักหน้าพร้อมกับกล่าวขึ้นมาด้วยแววตาอันเป็นประกาย
—
วันต่อมาเซี่ยเฟยกับรูดี้ก็เดินทางมายังสำนักงานมังกรฟ้าพร้อมกับผู้สมัครคนอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนนับหมื่นคน
ผู้สมัครทุกคนต่างก็ใฝ่ฝันว่าตัวเองจะได้เข้าร่วมกลุ่มมังกรฟ้า แต่มันไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาส่วนใหญ่ถูกคัดออกเรียบร้อยแล้วก่อนที่การประเมินจะสิ้นสุดลงเสียอีก
“การประเมิน 3 หัวข้อสุดท้ายจะมีสถานที่และวิธีการประเมินที่แตกต่างกัน ขอให้ทุกคนเข้าแถวหน้าประตูมิติตามรายชื่อของตัวเอง หลังจากนี้ขอให้พวกคุณทุกคนโชคดี” ชิลลี่ประกาศด้วยใบหน้าที่เย็นชา
หลังจากเสียงประกาศทุกคนก็แยกย้ายกันไปเข้าแถวตามรายชื่อของตัวเอง โดยรูดี้จะต้องเดินทางผ่านประตูมิติหมายเลข 3 ขณะที่เซี่ยเฟยต้องเดินทางผ่านประตูมิติหมายเลข 11
“ครั้งนี้พวกเราต้องแยกกันเหรอเนี่ย?” รูดี้บ่นเพราะเขาไม่อยากแยกจากตัวนำโชคอย่างเซี่ยเฟย
หลังจากที่เซี่ยเฟยเดินผ่านประตูมิติเข้ามาเขาก็ได้มายืนอยู่บนแท่นโลหะที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 10 กิโลเมตรที่ถูกสร้างขึ้นริมชายหาด ทำให้วิวทิวทัศน์ในบริเวณนี้ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย แต่เนื่องจากเขาเดินทางเข้ามาก่อนผู้สมัครคนอื่น ๆ เขาจึงหามุมมืดยืนรออยู่อย่างเงียบ ๆ
“แปลกมาก” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
“แปลกยังไง?” อันธถามด้วยความสงสัย
“ทำไมคนที่ถูกส่งตัวมาที่นี่ถึงมีแต่พวกราชากฎหรือไม่ก็อัศวินกฎขั้นสูงสุด?”
ความเป็นจริงไม่ต่างไปจากสิ่งที่เซี่ยเฟยพูดไปเลยแม้แต่น้อย เพราะคนที่ถูกส่งเข้ามาในประตูมิติหมายเลข 11 ประกอบไปด้วยราชากฎกว่า 50 คน และคนที่อยู่ที่นี่หลาย ๆ คนก็สามารถอ่านการประเมินลับได้เช่นเดียวกันกับเซี่ยเฟย
ในที่สุดชายผิวดำก็เดินทางเข้ามาในมิติแห่งนี้เป็นคนสุดท้าย ก่อนที่ประตูมิติจะถูกปิดตัวลงในทันทีหมายความว่าหลังจากนี้จะไม่มีใครเข้ามาในมิติแห่งนี้อีกแล้ว
“ฉันชื่อบรูซเป็นผู้คุมการประเมินในรอบนี้” บรูซกล่าวแนะนำอย่างเรียบง่าย
“นั่นมันผู้พิทักษ์มังกรฟ้า 1 ใน 4 ผู้พิทักษ์มาทำหน้าที่เป็นผู้คุมการประเมินรอบนี้ด้วยตัวเองเลยงั้นเหรอ?!”
“ไม่ใช่ว่าการประเมินรอบนี้เป็นการประเมินรอบแรกหรือยังไง? ทำไมมันถึงมีผู้พิทักษ์มาปรากฏตัวในงานประเมินรอบนี้ได้?”
เหล่าบรรดาฝูงชนต่างก็อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจและถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะไม่รู้ว่าบรูซคนนี้คือใคร แต่จากที่เขาได้ประเมินจากท่าทางของคนรอบ ๆ แล้ว เขาก็สามารถคาดเดาได้ไม่ยากว่าสถานะของชายผิวดำคนนี้คงจะต้องสูงส่งมากแน่ ๆ
“ในทะเลมีปลาไหลหัวเพชร ฉันให้เวลาประเมิน 1 ชั่วโมง ใครสามารถนำปลาไหลกลับมาได้ 100 ตัวถือว่าผ่านการประเมิน”
“เริ่มได้!!”
บรูซกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ก่อนที่เขาจะกดนิ้วลงไปเพื่อเริ่มจับเวลา
ชั่วขณะหนึ่งนั้นทุกคนต่างก็ชะงักค้างไป เพราะมันไม่มีใครคาดคิดว่าผู้คุมสอบจะเริ่มการประเมินอย่างเรียบง่ายแบบนี้
ปลาไหลหัวเพชรเป็นสัตว์อสูรใต้น้ำที่ทรงพลังมาก และการที่พวกเขาจะต้องล่าพวกมันให้ได้ 100 ตัวภายใน 1 ชั่วโมง มันก็หมายความว่าโดยเฉลี่ยแล้วพวกเขาจะต้องล่าพวกมันให้ได้ตัวละ 36 วินาที ซึ่งมันเป็นเงื่อนไขที่บ้ามากพอสมควร
“อะไรกัน นี่พวกคุณไม่อยากเข้าร่วมกลุ่มมังกรฟ้าแล้วงั้นเหรอ?” บรูซถามขึ้นมาเบา ๆ
ตูม ๆ ๆ ๆ
ในที่สุดผู้สมัครก็เริ่มรู้สึกตัว ก่อนที่พวกเขาจะรีบกระโดดลงไปในทะเลอย่างรวดเร็ว
***************