บทที่ 79 ความพ่ายแพ้อันยับเยิน
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 79 ความพ่ายแพ้อันยับเยิน
ปัง--
เมื่อหลบการโจมตีเจสซิก้าที่มาจากทางอากาศได้อย่างคล่องแคล่ว เทพเมฆาอัคคีก็หันศีรษะไปมองพื้นดินที่มีหลุมเกิดขึ้น
การผสานระหว่างความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์และการบินถือว่าเป็นการโจมตีที่ดี ทว่าวิธีการเหล่านี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเทพเมฆาอัคคีมากนัก เทพเมฆาอัคคีเอียงศีรษะมองไปทางเจสซิก้าที่บินสูงขึ้นไปในอากาศ เทพเมฆาอัคคีกล่าวด้วยสีหน้าเหยียดหยาม "โยนสิ่งของใส่กันงั้นเหรอ? เป็นเด็กหรือไง? คิดเหรอว่าฉันจะไปจับตัวเธอได้ไหม?"
พอพูดจบ เทพเมฆาอัคคีก็สะบัดแขนและชูมือขึ้น แสงสีทองสว่างวาบบนมือของเขา
เสียงที่ออกมาจากปากเขาคล้ายเสียงสวดมนต์ของชาวพุทธ
เจสซิก้าตกลงมาจากอากาศ ราวกับว่ามีบางอย่างกระแทกเธอ
ทันทีที่เจสซิก้าล้มลง เทพเมฆาอัคคีก็มาอยู่ต่อหน้าแมตต์และเวสลีย์ในพริบตา ซึ่งด้วยการโจมตีจากฝ่ามือสองครั้ง เขาก็ส่งทั้งคู่บินออกไปไกล
แน่นอนว่าเขาจงใจยั้งความแข็งแกร่งของฝ่ามือที่โจมตีเวสลีย์ไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายร่างแยก
"น่าเบื่อ น่าเบื่อเหลือเกิน"
เทพเมฆาอัคคีมองไปที่ดีเฟนเดอร์สทีละคนและส่ายศีรษะด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ไม่เห็นท้าทายตรงไหน หากนี่คือสิ่งที่พวกแกพาฉันออกมา อยู่โรงพยาบาลยังดีกว่าเยอะ"
เทพเมฆาอัคคีทำราวกับว่าเขาเบื่อ แต่จริงๆ แล้วมันคือการให้เวลาแมตต์และคนอื่นๆ ต่างหาก เพราะความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นยิ่งมากจนเกินไป ถ้าเขาไม่รั้งมือไว้สักหน่อยและปล่อยให้อีกฝ่ายพัก ทั้งหมดต้องตายแน่ อยากถามว่าทำไมเขาถึงแสดงต่องั้นเหรอ? ถึงแม้ว่าไรอันจะต้องการคะแนนชื่อเสียงมาก แต่เขาก็ยังไม่ถึงขั้นไร้หัวใจ
ทว่าหากเขาต้องการที่จะช่วยแบบเปิดเผยก็คงไม่ได้เช่นกัน
ขณะที่ดวงตาของเขากวาดไปยังวสลีย์ที่ยืนอยู่ตรงข้ามเขา เขาก็เริ่มคิดว่าเขาจำเป็นต้องใช้แผนแบบเดิมหรือเปล่า ใช้ร่างแยกเพื่อสังเวยแก่เทพเมฆาอัคคี?
ไรอันสามารถสังหารร่างแยก เพื่อทำให้เรื่องราวมันดำเนินต่อไปได้
ในอีกด้านหนึ่ง บูลส์อายที่เห็นสีหน้าผิดหวังของเทพเมฆาอัคคีก็ได้แต่พูดออกมาว่า
"ท่านเทพเมฆาอัคคี ได้เวลาจัดการพวกมันแล้ว ถ้าท่านไม่อยากมือเปื้อนเลือด ผมพร้อมจะจัดการให้"
ตอนนี้พวกดีเฟนเดอร์สต่างนอนกองอยู่กับพื้น พวกเขาคงไม่สามารถต่อต้านได้เลย
"ฉันถามแกแล้วหรือยัง?" เทพเมฆาอัคคีจ้องไปทางบูลส์อายโดยไม่หันศีรษะ จากนั้นจึงกล่าวออกมาเสียงเบาว่า "แกคิดว่าฉันไม่สามารถฆ่าแมลงที่น่ารำคาญพวกนี้ได้เหรอ?"
"ไม่ครับ ผมไม่ได้จะพูดแบบนั้น" เมื่อบูลส์อายเห็นสายตาของเทพเมฆาอัคคี หัวใจของเขาเริ่มสั่นอย่างรุนแรงจนต้องก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัว
นี่คือตัวตนที่สามารถจับกระสุนได้ด้วยมือข้างเดียว ความสามารถในการขว้างปาของเขาไม่สามารถเทียบกับเทพเมฆาอัคคีตรงหน้าได้เลย
'ดูเหมือนว่าฉันคงจะต้องใช้เวสลีย์เพื่อจัดการเรื่องนี้จริงๆ'
เมื่อเงยหน้าขึ้น ดูผิวเผินอาจเหมือนว่าเทพเมฆาอัคคีไม่ค่อยสนใจอะไรนัก ทว่ายามนี้ในร้านขายของเก่า ไรอันกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่
เทพเมฆาอัคคีเดินไปข้างหน้าและเข้าไปหาแมตต์ที่ล้มลงกับพื้น แมตต์กำลังอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีร่างหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ตำแหน่งของพวกเขา
'อืม แบบนี้พอจะใช้ได้ไหมนะ?'
ขณะที่ไรอันคิด เขาก็สั่งให้เวสลีย์ที่นอนอยู่รีบลุกขึ้นมา จากนั้นก็ให้เทพเมฆาอัคคีพูดขึ้นมา "พูดตามตรง พวกแกมันแย่กว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก ฉันปล่อยหมัดออกไปเพียงไม่กี่ครั้ง คงมีเพียงชายร่างใหญ่ที่พอจะคุ้มเสียเวลาหน่อย" ทันใดนั้น เทพเมฆาอัคคีก็ก้มลงและมองไปที่แมตต์ที่นอนอยู่บนพื้น "บอกฉันมาว่าแกรู้จักเผิงไหลได้ยังไง? แล้วรู้เรื่องฉันได้ยังไง?"
“ทำไมต้องบอกแกด้วย?”
การโจมตีของเทพเมฆาอัคคีค่อนข้างทรงพลัง ถึงร่างกายของแมตต์จะสะบักสะบอมอญู่แล้ว แต่เมื่อโดนทุบอีกครั้ง เขาก็เจ็บปวดอย่างมาก แมตต์กัดฟันแน่นขณะพยายามลุกขึ้นจากพื้น
"ในเมื่อแกไม่อยากบอกฉัน แกก็อาจจะตายที่นี่ก็ได้นะ"
เทพเมฆาอัคคีส่ายศีรษะและถอนหายใจ พร้อมกับยกฝ่ามือขึ้นและกำลังจะชกใส่แมตต์...
ในร้านขายของเก่า ไรอันเริ่มคำนวณเวลา เขาบังคับใช้ร่างแยกของเขาอีกร่างอย่างเวสลีย์เตรียมพร้อมไว้ ดูว่าผู้มาเยือนคนนั้นจะมาหรือเปล่า
เมื่อเห็นว่าฝ่ามือกำลังจะกระแทกแมตต์...
ลุคที่บาดเจ็บหนักก็ยังพุ่งเข้ามาช่วย
แต่ในวินาทีต่อมา ก็ได้ยินเสียงของบูลส์อายดังจากด้านหลังของเขา "ท่านเทพเมฆาอัคคี ระวัง!"
เขาหันศีรษะไปเห็นชายผมสีทองคนหนึ่งกำลังใช้กำปั้นสีทองพุ่งเข้าใส่ตัวเขา
เป็นไอรอนฟิสต์!
ในร้านขายของเก่า ไรอันมองไปที่ร่างที่ปรากฏขึ้นและเลิกคิ้ว
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหาสถานที่แห่งนี้เจอได้ยังไง แต่ไรอันก็อยากจะยกย่องแดนนี่มากที่สืบได้เก่งขนาดนี้
พอมีไอรอนฟิสต์เข้ามาช่วย เรื่องราวก็คงจะลื่นไหลขึ้นเยอะ ดีกว่าต้องมาเสียสละตัวละครอย่างเวสลีย์ไปเสียอีก
ในทางทฤษฎี เทพเมฆาอัคคีย่อมสามารถตอบโต้การโจมตีของไอรอนฟิสต์ได้อย่างสมบูรณ์ แต่เขาจงใจเลือกที่จะไม่โจมตีกลับไป เขาปล่อยให้หมัดไอรอนฟิสต์ของแดนนี่กระแทกตัวเขา
ในชั่วพริบตาต่อมา เทพเมฆาอัคคีก็ถูกส่งบินราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ จนทั้งร่างของเขาฝังอยู่ในกำแพง
ก่อนหน้านี้เมื่อแดนนี่และยิปมันต่อสู้กัน เขาจงใจจำกัดความแข็งแกร่งของพลังไอรอนฟิสต์ เพื่อพยายามลดแรงกระแทกที่จะโดนชายแก่
'ถือได้ว่าค่อนข้างมีฝีมือ'
ร่างของเทพเมฆาอัคคีรับการโจมตีนี้จากผู้พิทักษ์ของคุนหลุนจนกระเด็นไปไกล เห็นได้ชัดว่าพลังของไอรอนฟิสต์สมควรกับที่ชื่อหมักเหล็กจริงๆ หากไม่ใช่เพราะ [เทพเมฆาอัคคี] เป็นการ์ดระดับ C ร่างแยกของเขาคงจะไม่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้หรอก ถ้าแดนนี่รู้คงอยากจะร้องไห้ออกมาแหง
เมื่อกำลังคิดอะไรบางอย่าง ไรอันก็นิ่งเงียบไป เล่ยกุงแห่งสายฟ้าได้ใช้เวลากว่าทศวรรษในการฝึกที่คุนหลุน จนสามารถบรรลุความสามารถได้ในระดับเช่นนี้ แต่พลังที่เขาฝึกฝนมาจำเป็นต้องเป็นผู้ได้รับพลังสืบทอดจากไอรอนฟิสต์ในตำนานเท่านั้น 'คุนหลุนขาดคนขนาดนั้นเลยเหรอ?'
แต่ก็เป็นโชคดีของเขาอีกครั้งที่ความแข็งแกร่งของแดนนี่นั้นเรียกว่าต่ำกว่ามาตรฐานอยู่
ทำให้เทพเมฆาอัคคีไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรนัก เพียงแค่กลิ้งกระเด็นไปเท่านั้น
การแสดงยังคงดำเนินต่อไป
...
ปัง--
เขาจงใจทำตัวเองให้กระเด็นไปไกลจนกระแทกกับกำแพง จากนั้นเทพเมฆาอัคคีก็ผลักกำแพงที่ทับร่างเขาออกไปและลุกขึ้นจากซากปรักหักพัง
เมื่อปัดฝุ่นออกจากร่างของเขา สายตาของเทพเมฆาอัคคีก็กวาดตามองไปยังตำแหน่งที่พวกดีเฟนเดอร์สอยู่กัน และถามบูลส์อายด้วยสายตาว่างเปล่า "พวกมันอยู่ที่ไหน?"
"จู่ๆ ก็มีคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาช่วยพวกเขาไป"
ก่อนหน้านี้บูลส์อายกังวลว่าเทพเมฆาอัคคีจะได้รับบาดเจ็บจากการถูกโจมตีอย่างกะทันหัน แต่อีกฝ่ายกลับดูปกติดีและไม่มีบาดแผลอะไรเลย เขาจึงตอบกลับไปด้วยความตกตะลึง