ตอนที่ 597 ถูกเจอตัว
ตอนที่ 597 ถูกเจอตัว
เซี่ยเฟยเคยคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าพลังของค้อนรวมศูนย์ที่รวมเข้ากับกฎแห่งความโกลาหลจะต้องเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงว่ามันมีสายเลือดของราชาและนางพญาแมงมุมน้ำแข็งถูกหลอมรวมเอาไว้ภายในดาบเล่มนี้ด้วย
ซึ่งในที่สุดหลังจากที่บลัดบิวเทียสเกิดการเปลี่ยนแปลง มันก็ทำให้อาวุธชิ้นนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึงสองอย่าง โดยอย่างแรกคือมันสามารถดูดซับเลือดของเป้าหมายเข้าไปในตัวอาวุธได้อย่างรวดเร็ว ส่วนคุณสมบัติพิเศษอย่างที่ 2 คือมันสามารถส่งผ่านพลังงานบางส่วนของเป้าหมายไปให้กับเซี่ยเฟยได้
สำหรับอาวุธโดยทั่วไปการที่อาวุธชิ้นนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึงสองชนิดก็ทำให้มันกลายเป็นอาวุธที่น่าอัศจรรย์มากแล้ว แต่เซี่ยเฟยกลับรู้สึกว่ามันยังมีความลึกลับอะไรบางอย่างที่เขายังไม่รู้
ปัจจุบันชายหนุ่มกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องฝึกและคิดอย่างเงียบ ๆ อยู่เพียงคนเดียว เนื่องมาจากว่าเขาสัมผัสได้ถึงเหตุการณ์แปลก ๆ ในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขา
“นี่ถ้านายไม่พูดถึงฉันก็คงจะไม่ทันได้สังเกตนะเนี่ยว่ามันมีมวลแสงหลากสีก้อนเล็ก ๆ อยู่ในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนาย นายแน่ใจนะว่าก้อนพลังงานพวกนั้นมันเกิดขึ้นมาหลังจากที่นายได้สังหารปีศาจสายลม?” อันธถาม
“แน่ใจสิ นี่คือครั้งแรกที่ฉันใช้บลัดบิวเทียสต่อสู้จริงหลังจากที่มันถูกหลอมรวมด้วยค้อนรวมศูนย์เลยนะ ระหว่างที่บลัดบิวเทียสกำลังดูดเลือดของปีศาจสายลมเข้าไปฉันสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าพลังงานที่ถูกดูดซับจากบลัดบิวเทียสถูกส่งตรงไปยังพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของฉัน และก่อให้เกิดก้อนพลังงานหลากสีภายในนั้นขึ้นมา”
“ก่อนหน้านั้นฉันก็เคยเล่าให้ฟังไปแล้วใช่ไหมล่ะว่าฉันเคยถูกบลัดบิวเทียสบาดมือมาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วฉันก็สัมผัสได้ถึงพลังงานที่ถูกส่งตรงเข้ามาในร่างกาย แต่ตอนนั้นพลังงานที่ถูกดูดซับเข้ามาอ่อนแรงมากและฉันก็ไม่ทันได้สังเกตถึงทิศทางของพลังงาน ในวันนี้ฉันเลยให้ความสนใจกับพลังงานภายในร่างมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นฉันไม่มีทางเข้าใจเรื่องนี้ผิดอย่างแน่นอน”
“ฉันเคยบอกเอาไว้ตั้งนานแล้วใช่ไหมล่ะว่าบลัดบิวเทียสคือสมบัติที่ล้ำค่ามากที่สุดภายในสำนักเงาสังหารของเรา แต่นายก็ยังบอกว่ามันเป็นแค่ดาบทื่อ ๆ ที่เอาไปใช้งานไม่ได้ แต่ในที่สุดมันก็ได้แสดงความสามารถที่แท้จริงของมันออกมา และฉันก็ขอบอกตรงนี้เลยว่าพลังงานภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายมีความบริสุทธิ์สูงมาก”
“ถึงฉันจะไม่สามารถบอกได้ว่าพลังงานพวกนั้นมันมีเอาไว้ทำอะไร แต่ฉันก็คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับนายแน่นอน” อันธกล่าวอย่างภาคภูมิใจเมื่อสมบัติของสำนักได้แสดงพลังที่แท้จริงของมันออกมาแบบนี้
ท่าทางของอันธทำให้เซี่ยเฟยอดที่จะแบะริมฝีปากขึ้นมาไม่ได้ และถึงแม้ว่าก้อนพลังงานพวกนั้นจะยังไม่เป็นอันตราย แต่มันก็ยังทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ชอบให้สิ่งที่เขาไม่รู้จักเข้ามาอยู่ภายในร่างกาย เพราะมันทำให้เขารู้สึกคล้ายกับว่าเขาไม่สามารถที่จะควบคุมร่างกายของตัวเองได้อย่างเต็มที่
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวในวันนี้ให้โอโร่ฟัง แล้วมันก็รวมถึงเรื่องที่เขาตัดสินใจสังหารปีศาจสายลมในระหว่างการประเมินด้วย
“นายนี่มันบ้าจริง ๆ” โอโร่พูดประโยคนี้ซ้ำ ๆ แต่ยิ่งเซี่ยเฟยได้แสดงออกถึงอิสระที่ไม่สนใจแม้กระทั่งกฎของการประเมิน มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกโหยหาอิสระมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่เซี่ยเฟยได้ครอบครองอยู่ในตอนนี้คือหนึ่งอสูร, หนึ่งวิญญาณ, หนึ่งหุ่นยนต์, หนึ่งต้นหญ้าและหนึ่งมารที่กำลังพยายามเรียกร้องหาความตาย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งเหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเซี่ยเฟยเป็นอย่างดี เพราะขนอุยก็เป็นถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขาม, อันธเป็นปรมาจารย์ทางด้านการปรุงยา, กระป๋องเป็นราชาของเหล่าบรรดาหุ่นยนต์, หงส์ครามเป็นอาวุธมายาที่มีความดื้อด้านมากที่สุดในบรรดาอาวุธมายาทั้ง 30 ชิ้น ส่วนโอโร่ก็เป็นจอมมารผู้ยิ่งใหญ่และระดับพลังของเขาก็อยู่ในระดับที่ชายหนุ่มไม่สามารถจะจินตนาการได้
เซี่ยเฟยถือว่าโชคดีมากที่ได้มีพวกพ้องที่ทรงพลังแบบนี้ เพราะแม้แต่กระป๋องที่เชื่อฟังเขามากที่สุดก็ไม่ถือว่าเป็นตัวตนที่ปกติเช่นเดียวกัน ชื่อเสียงของชายหนุ่มจึงค่อย ๆ แพร่กระจายไปทั่วทั้งดินแดนแห่งกฎในฐานะของไอ้บ้าที่ไม่สนกฎเกณฑ์อะไรทั้งนั้น
“ตอนนี้ฉันไม่รู้แล้วว่าบลัดบิวเทียสของนายถูกเปลี่ยนไปจนกลายเป็นอะไรกันแน่ แล้วมันก็คงจะมีเพียงแต่วิญญาณภูตผีปีศาจเท่านั้นล่ะมั้งที่จะล่วงรู้ถึงความลับของมัน” โอโร่กล่าว
“เชื่อฉันสิว่าแม้แต่วิญญาณก็ไม่รู้หรอก” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“นายเคยถามวิญญาณแล้วงั้นเหรอถึงได้กล้าพูดออกมาแบบนั้น?” โอโร่กล่าวพร้อมกับมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า
“อือ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างหนักแน่น เพราะไม่กี่นาทีก่อนเขาก็คุยเรื่องนี้กับอันธแล้วเหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดจึงไม่ใช่เรื่องโกหก
“นายนี่มันเป็นพวกบ้าจริง ๆ ฉันไม่คุยกับนายแล้ว… ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะมีโอกาสมองดูดวงจันทร์สักครั้งหนึ่งจริง ๆ” โอโร่กล่าวก่อนที่เขาจะเงียบเสียงไป
—
แม้ว่าตระกูลหยูจะตั้งอยู่บนยานอวกาศขนาดใหญ่ แต่ในดินแดนของตระกูลก็มีภูมิประเทศอยู่ทุกรูปแบบแม้กระทั่งทะเลทรายหรือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
เมื่อโอโร่ต้องการเห็นดวงจันทร์เซี่ยเฟยย่อมไม่ปฏิเสธคำของ่าย ๆ แบบนี้อย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดในอนาคตเขาก็ยังต้องเรียนรู้กฎแห่งชีวิตจากจอมมารคนนี้
ปัจจุบันสวนเสือคำรามถือได้ว่าเป็นอาณาเขตที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเซี่ยเฟย นอกจากนี้ภายในสวนยังค่อนข้างที่จะปราศจากผู้คน ชายหนุ่มจึงเร่งความเร็วมุ่งหน้าตรงไปยังสวนเสือคำราม
หลังจากที่ชายหนุ่มสั่งให้คอปเปอร์ที่กำลังเฝ้าสวนกลับไปพักผ่อน เขาก็มุ่งตรงไปด้านบนของภูเขา จากนั้นเขาก็นำเอาโลงศพน้ำแข็งขนาดใหญ่ออกมาจากแหวนมิติ เพื่อปล่อยให้โอโร่มีโอกาสมองดูดวงดาวและดวงจันทร์อย่างชัดเจนมากที่สุด
“ฉันจะรีบสอนทุกอย่างที่นายอยากรู้ให้กับนายเอง นายพอจะปล่อยฉันให้เป็นอิสระเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม?” โอโร่กล่าวถามขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ
“คุณไม่เคยได้ยินเหรอว่าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวแล้วไม่ควรคืนคำ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรายังตกลงกันแล้วว่าหลังจากนี้อีก 3 ปีถ้าหากว่าศัตรูของคุณหาตัวผมไม่พบ ผมก็จะลงมือสังหารคุณตามสัญญา ถ้าหากว่าผมปล่อยตัวคุณไปก่อนแล้วศัตรูของคุณบังเอิญมาพบกับผมหลังจากนั้นพอดี แล้วตอนนั้นผมจะไปเรียกร้องหาความยุติธรรมจากใครได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัวอย่างแน่วแน่
สิ่งที่ชายหนุ่มพูดคือความจริงทุกประการ และมันก็ทำให้โอโร่ไม่สามารถที่จะโต้แย้งอะไรได้เลย เพราะท้ายที่สุดถึงแม้ว่าโอโร่จะมั่นใจในการลบร่องรอยของตัวเองมาก แต่มันก็ยังไม่มีอะไรสามารถมาพิสูจน์ความมั่นใจนั้นออกมาเป็นรูปธรรมให้กับเซี่ยเฟยได้
ยิ่งไปกว่านั้นการพยายามโน้มน้าวเซี่ยเฟยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ และถึงแม้ว่าโอโร่จะมีระดับพลังงานสูงกว่าชายหนุ่มมาก แต่เมื่อเป็นเรื่องการพูดคุยด้วยเหตุผลแล้วจอมมารคนนี้ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะไม่ชอบพระจันทร์เทียมแต่เขาก็รู้สึกหลงใหลกาแล็กซีอันห่างไกลตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก เขาจึงชอบแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน และจินตนาการว่าเขากำลังผจญภัยอยู่ในจักรวาลแห่งนั้น
“คุณรู้จักประตูจักรวาลไหม?” เซี่ยเฟยถามขึ้นมาเบา ๆ
เป้าหมายของเขาคือการสำรวจพื้นที่ทั่วทั้งจักรวาลที่เขาไม่รู้จัก และในทันทีที่เขาได้ยินชื่อของประตูจักรวาล เขาก็รู้เลยว่าสถานที่แห่งนั้นย่อมจะต้องเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญในชีวิตของเขาแน่ ๆ เขาจึงพยายามหาข้อมูลของประตูจักรวาลอย่างช้า ๆ เผื่อวันหนึ่งเขาจะได้มีโอกาสเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้น
“รู้จักสิ นั่นคือที่ที่ทั้งเผ่าเทพและเผ่ามารต่างก็ร่วมกันปกป้องมันด้วยกัน” โอโร่กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“คุณเคยไปที่นั่นไหม?”
“ฉันแค่เคยเข้าไปใกล้ ๆ แต่ฉันก็ไม่เคยมีโอกาสเข้าไปสัมผัสบานประตูบานนั้นอยู่ดี” โอโร่กล่าวอย่างหดหู่ใจเมื่อนึกถึงความรุ่งโรจน์ในอดีต
“ประตูจักรวาล มันคือชื่อเรียกของจุดสิ้นสุดของจักรวาลงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามอีกครั้ง
“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“หรือว่ามันเป็นประตูที่จะนำไปสู่พื้นที่ที่เราไม่รู้จัก”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้” โอโร่เริ่มกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด
“แล้วคุณรู้อะไรบ้าง?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
วันนี้โอโร่อารมณ์ไม่ค่อยดีเขาจึงค่อนข้างที่จะรู้สึกรำคาญเมื่อเซี่ยเฟยได้มาถามคำถามแบบนี้กับเขา
“ไม่ว่านายจะคิดอะไรอยู่โยนความคิดพวกนั้นทิ้งไปซะ ผู้ที่สามารถเปิดประตูจักรวาลได้จำเป็นจะต้องได้รับการอนุมัติร่วมกันทั้งเผ่าเทพและเผ่ามาร ระดับพลังของนายในปัจจุบันยังห่างไกลจากเผ่าเทพและเผ่ามารมาก แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงผู้ที่สามารถมีสิทธิ์เข้าถึงประตูจักรวาลได้”
“เหตุผลที่ทำให้ผมเดินทางมาได้จนถึงจุดนี้นั่นก็เพราะผมเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็ล้วนแล้วเป็นไปได้ และผมก็เชื่อจากใจจริงว่าสักวันหนึ่งผมจะสามารถไปที่ประตูจักรวาลได้ด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มโดยไม่สนใจท่าทีประชดประชันของโอโร่
น้ำเสียงของชายหนุ่มไม่ดังมากนัก แต่มันกลับมีความหนักแน่นจนทำให้แม้แต่โอโร่ก็ยังแอบรู้สึกชื่นชมชายหนุ่มคนนี้ขึ้นมาไม่ได้ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเคยเป็นจอมมารอันยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ไม่เคยวาดฝันว่าเขาจะเดินทางไปยังประตูจักรวาลเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“หึหึ!”
ทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงหลุดขำดังขึ้นมาห่างจากชายหนุ่มไปประมาณ 100 เมตร เพราะท้ายที่สุดแม้แต่ราชากฎก็ยังไม่กล้าวาดฝันถึงประตูจักรวาล ความฝันของชายหนุ่มจึงกลายเป็นสิ่งที่ไม่ต่างไปจากเรื่องในจินตนาการ
ในวินาทีแรกที่มีเสียงหลุดขำดังขึ้นมา ทั้งเซี่ยเฟย, โอโร่และอันธต่างก็ล้วนแล้วแต่หน้าซีดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
โอโร่เป็นจอมมารที่ถูกจับขังโดยใครสักคนที่ควรจะมีอำนาจในเผ่ามารสูงมาก ดังนั้นถ้าหากว่าความลับเรื่องที่โอโร่อยู่กับเซี่ยเฟยหลุดออกไป เรื่องนี้ย่อมนำพาหายนะมาให้กับเขาอย่างแน่นอน
ฟุบ!
เซี่ยเฟยเริ่มเคลื่อนไหวในเวลาน้อยกว่า 0.1 วินาทีเพื่อทำการจัดการเจ้าของเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมา
พายุมิติปิดล้อม!
คลื่นพายุมิติอันรุนแรงถูกซัดออกไปด้วยความรุนแรง โดยเซี่ยเฟยเลือกที่จะจู่โจมทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าภายในรัศมี 5 กิโลเมตรด้านหน้าเขาทั้งหมด
วิชาที่ชายหนุ่มได้ใช้ออกไปนี้คือวิชามิติระดับ 3 ที่เขาสามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างสมบูรณ์แล้ว พลังทำลายของมันจึงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่เขาเพิ่งได้รับวิชามาใหม่ ๆ
ความลับเรื่องโอโร่คือสิ่งที่ไม่ควรถูกเปิดเผย และไม่ว่าใครก็ตามที่แอบฟังบทสนทนาของเขาอยู่จะต้องถูกสังหารโดยไม่มีข้อยกเว้น!
สายลมพัดโหมกระหน่ำออกไปอย่างรุนแรงทำให้แม้กระทั่งต้นไม้ใหญ่ที่มีความสูงมากกว่า 70 เมตรก็ยังถูกถอนรากถอนโคนขึ้นไปในอากาศ จากนั้นมันก็ถูกพลังมิติฉีกกระชากออกเป็นชิ้น ๆ และนี่ก็คือพลังทำลายที่แท้จริงของวิชาพายุมิติปิดล้อม
ตรงนั้น!!
หมัดพายุคลั่ง!
ชิ้ง!
เซี่ยเฟยเหวี่ยงกำปั้นในมือซ้ายออกไปเพื่อหลอกล่อ ขณะที่มือขวาของเขาเสือกแทงบลัดบิวเทียสออกไปยังร่างเงาสีดำที่อยู่ห่างจากเขาออกไปประมาณ 100 เมตร
บลัดบิวเทียสดูเป็นอาวุธที่ไม่มีอันตรายและผู้คนส่วนใหญ่จะไม่ให้ความสนใจกับอาวุธที่ดูธรรมดาชิ้นนี้เลย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เป้าหมายเริ่มดูถูกอาวุธชิ้นนี้ พวกเขาก็จะได้พบกับความโหดร้ายที่แท้จริงจากการถูกดูดเลือดออกไปทั้งเป็น
แน่นอนว่าเงาดำปริศนาย่อมเลือกที่จะหลบหมัดพายุคลั่งที่ดูอันตรายของเซี่ยเฟยก่อน มันจึงเปิดเส้นทางให้บลัดบิวเทียสได้ถูกจู่โจมออกไปโดยปราศจากการป้องกันของอีกฝ่าย
***************
ใครอ่ะ?!
ประกาศแจ้งข่าว E-Book เล่ม 10 (ตอนที่ 534-586) วางจำหน่ายแล้วน๊า ใครที่รอสอยอยู่จัดได้เลยจ้า เราแปะลิงก์ไว้ให้แล้วหรือสามารถดูข้อมูลและติดตามข่าวสาวได้ที่เพจ สำนักพิมพ์เซียนอ่าน - Xianaan ได้เหมือนกันนะ (❁´◡`❁)
ช่องทาง MEB >> https://bit.ly/3NZ3Qca ช่องทางเด็กดี >> https://bit.ly/3LDePFC ช่องทางปิ่นโต >> https://bit.ly/3M9vXUI