ตอนที่ 1342 เฉินข่าย
เกาะฮ่องกง…
ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมท้องถิ่นดั้งเดิม วันนี้ ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งได้เดินถือกล้องถ่ายรูปเข้ามาพลางเก็บภาพไปด้วย ในระหว่างการเดินเที่ยวเขาก็ได้เก็บภาพมาเรื่อยๆ ทั้งมันยังมีสายลมอ่อนๆ ที่พัดเข้ามาทำให้เขารู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายไปได้มาก
บริเวณหน้าหมู่บ้านดังกล่าว มีเด็กๆ กลุ่มหนึ่งกําลังเล่นฟุตบอลกันอยู่ ซึ่งฉากนี้ทําให้ ชายหนุ่มคนนั้นที่ได้เห็น รีบหยิบกล้องขึ้นมา และกดคลิกเพียงครั้งเดียวเพื่อเก็บภาพฉากที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา และสนุกสนานของบรรดาเด็กๆ เหล่านี้
ชายหนุ่ม เองได้มองดูรูปที่ตัวเองถ่ายไว้ก็รู้สึกพอใจมาก รู้สึกว่าเทคนิคการถ่ายภาพของตัวเองดูเหมือนจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว..
ชายหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า ‘เฉินข่าย’ เป็นที่คนรักการถ่ายภาพ ตัวตนของเขานั้นดูธรรมดามาก ถึงขนาดที่พูดได้ว่าไม่เด่นสะดุดตาเลยด้วยซ้ำ นั่นก็เพราะเขาเป็นแค่คนทำงานธรรมดาๆ เป็นพนักงานตัวเล็กๆ ตลอดชีวิตของเขาไม่ได้มีงานอดิเรกใดๆ เพียงแค่เป็นคนชอบถ่ายภาพ ตัวเขานั้นจึงมักจะพกพากล้องติดตัวไปไหนมาไหนด้วยในทุกๆ ที่ เพื่อที่จะได้เก็บภาพเหล่านั้นไว้
บังเอิญเขาได้ยินมาว่าที่เกาะฮ่องกงมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมที่สวยงามเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงได้มาเยี่ยมเยียนที่นี่
ในจังหวะนี้เอง จู่ๆ เขาก็ได้เห็นรถหรูคันหนึ่ง ขับผ่านเข้ามาในถนนของหมู่บ้านด้วยความเร็ว
ในตอนแรก เฉินข่าย ไม่ได้สังเกต แค่รู้สึกแปลกๆ ที่มีรถหรูขับเข้ามาในหมู่บ้านเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ และเดินเล่นไปรอบๆ หมู่บ้านต่อไป
คนในหมู่บ้านเองก็ไม่ได้คิดมาสนใจอะไรเขา เพราะจริงๆ แล้วหมู่บ้านนี้ก็ถือได้ว่าเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง และอีกอย่างในทุกๆ ปีก็จะมีนักท่องเที่ยวเป็นพันเป็นหมื่นทยอยกันเข้ามาที่นี่ตลอดทั้งปี ทั้งชาวบ้านก็ต่างเคยชินกับคนแปลกหน้าที่มาจากต่างถิ่นมานานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ใส่ใจ
นอกจากนี้ ในความเป็นจริง วันนี้ก็ได้มีนักท่องเที่ยวจํานวนมาก เฉินข่าย ที่มีรูปลักษณ์ที่ไม่โดดเด่นย่อมไม่สามารถดึงดูดความสนใจใดๆ จากพวกเขาได้อยู่แล้ว
กลับกัน.. เฉินข่าย กลับดีใจมากที่ไม่มีใครเข้ามารบกวน ทั้งเขายังได้เดินเที่ยวเล่นไปอย่างสงบ …ตลอดทาง
หลังจากเดินผ่านหมู่บ้านมาแล้ว บริเวณใกล้เคียงก็เป็นป่าเขา บนเกาะฮ่องกงที่กลายเป็นเมืองสูง แต่กลับมีหมู่บ้านที่ได้รายล้อมรอบไปด้วยภูเขา และแม่น้ำเช่นนี้ คือนับว่าหาได้ยากมากจริงๆ
เฉินข่าย มีความสนใจในบรรยากาศของที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ และก่อนที่เขาจะได้รู้ตัว ก็ได้เดินออกจากหมู่บ้านมายังป่าเขาที่อยู่ใกล้เคียงแล้ว
และทันใดนั้น เฉินข่าย ได้เห็นว่ามีสัตว์ตัวหนึ่งกําลังก้มหน้ากินหญ้าอยู่ข้างหน้า และดูเหมือนมันเองก็จะพบการมาถึงของ เฉินข่าย เช่นกัน เมื่อนั้นสัตว์ตัวเล็กๆ ตัวนี้ จึงได้เงยหน้าขึ้น และมองไปที่ เฉินข่าย
เฉินข่าย ตกตะลึง ทั้งในชั่วขณะเขาเองก็จําไม่ได้แล้วว่าสัตว์ตัวนี้มีชื่อว่าอะไร แต่สัตว์ตัวนี้น่ารักมาก เหมือนเคยได้ยินมาจากที่ไหน แต่ที่เขาจำได้แน่ๆ คือมันยังเป็นสัตว์คุ้มครอง ซึ่งมีเหลืออยู่จํานวนน้อยมาก คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะได้มาพบเจอกับมันที่นี่!
เฉินข่าย ต้องการอยากจะเข้าไปอยู่ใกล้ๆ เพื่อที่จะถ่ายรูปสัตว์ตัวน้อยๆ นี้
แต่เขาที่ยังไม่ทันได้กดชัตเตอร์ สัตว์ตัวน้อยๆ ตัวนี้ก็ดูเหมือนจะมีความตื่นตัวสูง และมันได้ดูตื่นตระหนกทันที จากนั้นมันทำเพียงหันหลังกลับ และวิ่งหนีไป
เฉินข่าย กลับไม่คิดที่จะยอมแพ้แค่นี้ เขามีลางสังหรณ์ว่าถ้าเขาสามารถถ่ายภาพสัตว์ตัวเล็กๆ ตัวนี้ได้สําเร็จ เขาก็อาจจะกลายเป็นคนที่ได้สร้างข่าวใหญ่ขึ้นมา ตัวอย่างเช่น เขาได้พบกับสัตว์หายากที่ใกล้สูญพันธุ์บนเกาะฮ่องกง เฉินข่าย ในฐานะผู้ถ่ายภาพ ย่อมที่จะได้รับชื่อเสียง และความนิยมจากสิ่งนี้
เฉินข่าย ยิ่งคิดก็ยิ่งมีไฟมากขึ้น เขารู้สึกว่าถ้าหากให้เขาเป็นเพียงพนักงานตัวเล็กๆ ไปตลอดชีวิต แน่นอนว่าเขาไม่เต็มใจที่จะมีชีวิตที่แสนจะจืดชืด ธรรมดาๆ เช่นนั้น ใช่.. เขาเป็นฆราวาสที่แค่อยากจะมีชื่อเสียง และทำเงินได้มากมาย…
อีกอย่าง.. ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าวิธีเดียวที่จะทำให้เขามีชื่อเสียงได้ก็คือ การถ่ายภาพ ถ้าเขาสามารถถ่ายภาพที่ทําให้โลกต้องตกตะลึงได้ เมื่อนั้น เขาเอง..ก็จะมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ เพราะอย่างอื่นๆ เขาเองก็ทําไม่เป็น เขาไม่ใช่คนกว้างขวาง และไม่ใช่คนที่ชอบเข้าสังคม ทําธุรกิจอะไรก็ไม่เป็น แล้วที่นี่เขาจะทำเงินได้ด้วยวิธีไหนที่จะได้เงินเข้ามามากมาย สุดท้ายเขาก็ต้องมานับมันจากงานอดิเรกของตัวเอง และคิดแสวงหาวิธีพัฒนามันขึ้นมา ..เพื่อทำเงิน
และใช่.. สัตว์ตัวเล็กๆ ตัวนี้ หากถ้าเขาสามารถถ่ายภาพมันได้ เขาเองก็อาจจะมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ แต่โอกาสนี้ มันกลับได้หายวับไปกับตา ..เมื่อครู่นี้ และนั่นมันก็อาจจะเป็นเพียงโอกาสเดียว ..ในชีวิต
เฉินข่าย เขาไม่เต็มใจที่จะยอมปล่อยมันไป
ดังนั้นเขาจึงได้ออกวิ่งไล่ตามไปทันทีโดยที่ไม่ได้คิดอะไร เขาในเวลานี้เพียงแค่ต้องการไล่ตามสัตว์ตัวนี้ให้ทัน และถ่ายภาพสัตว์ตัวเล็กๆ ตัวนี้ให้สำเร็จให้ได้ ..ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
แต่.. อย่างไรก็ตาม สัตว์ตัวเล็กๆ ตัวนี้มันดันวิ่งเร็วมาก เฉินข่าย ไม่สามารถวิ่งไล่ตามได้ทัน พอหลังจากที่เขาได้ไล่ตามอยู่ครู่หนึ่ง สัตว์ตัวเล็กๆ ตัวนี้ก็วิ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย ปล่อยให้ เฉินข่าย มุ่งค้นหาอย่างหนัก แต่ไม่ว่าเขาจะหาอย่างไรก็หามันไม่เจอ
เฉินข่าย ได้ออกค้นหาไปมาอยู่รอบๆ แต่กลับไม่พบสัตว์ตัวเล็กตัวนี้ เมื่อนั้นเขาเองก็ได้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
และที่ลําบากไปกว่านั้น.. เมื่อเขาเตรียมจะหันหลังกลับออกไป ทันใดนั้น เฉินข่าย ก็พบว่าเขาหลงทางแล้ว หลังจากที่ได้เริ่มออกวิ่งมาตลอดทาง จนมาถึงที่นี่ เขาก็จำทางกลับออกไป ..ไม่ได้
เฉินข่าย แทบจะร้องไห้อยู่แล้วตอนนี้ ทั้งในเวลานี้อารมณ์ของเขาก็ได้ดูแย่ลงไปอีก ..เขาได้แต่เดินเหมือนกับคนตาบอดไปมารอบๆ ในภูเขา และพยายามค้นหาทางกลับออกไป แต่ไม่ว่าเขาจะออกค้นหาอยู่นานเท่าไหร่เขาก็หาไม่เจอ
พอเมื่อเห็นว่าใกล้จะค่ำแล้ว เฉินข่าย ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เลยเลือกมองไปมารอบๆ และเขาก็ได้เห็นภูเขาที่อยู่ไม่ไกล เฉินข่าย จึงได้ตัดสินใจเดินขึ้นไปบนภูเขา เพื่อที่จะได้มองเห็นได้ไกลๆ บางทีนั้นอาจจะทำให้เขาหาทางกลับได้ แต่พอได้ก้าวเดินออกไประยะหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ได้สังเกตเห็นว่ามีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่บนภูเขา เขาจึงคิดที่จะเข้าไปสอบถามเจ้าของบ้าน แค่นั้นเขาก็จะสามารถหาทางกลับออกไปจากที่นี่ได้แล้ว
หลังจากที่ได้ตัดสินใจเช่นนั้น
เฉินข่าย จึงได้เดินมุ่งตรงไปที่บ้านหลังนั้นทันที…
หลังจากเขาเดินไปครู่หนึ่ง เขาก็ได้มาถึงเชิงเขา และพบว่ามีรถหรูคันหนึ่งจอดอยู่ที่เชิงเขา รถหรูคันนี้เขาดูรู้สึกคุ้นๆ กับมันเล็กน้อย
เฉินข่าย ได้รีบพลิกดูภาพที่เขาได้ถ่ายเก็บไว้ในก่อนหน้านี้ และพบว่ามันเป็นตอนที่เขาได้ถ่ายรูปเล่นในหมู่บ้าน และจู่ๆ นั้นก็มีรถหรูคันหนึ่งขับผ่านเข้ามา และเขาก็ได้ถ่ายรูปติดมันมาด้วย แต่แล้วนี่มัน.. ไม่ใช่รถคันที่อยู่ข้างหน้าเขาหรอกเหรอ?
รถหรูคันนี้ ดูๆ ไปแล้วก็ไม่ใช่ถูกๆ แล้วเจ้าของรถหรูคันนี้มาทําอะไรในสถานที่ที่ห่างไกลเช่นนี้?
เฉินข่าย มีความรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้คิดสนใจอะไรกับมันมากนัก อย่างไรเสียคนอื่นมาทําอะไรที่นี่นั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขา และเขาก็ไม่ได้คิด หรือตั้งใจจะเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่กลับเป็นความรู้สึกดีใจมากกว่าที่ในที่สุดก็ได้พบเจอคนแล้ว ที่นี่เขาก็แค่ถามทางก็น่าจะหาทางกลับออกไปได้ไม่ยาก หรือไม่บางที เจ้าของรถหรูที่เห็นเขาอาจจะเกิดความรู้สึกสงสาร แล้วพาเขาออกไปส่งด้วยก็ได้
อย่างไรก็ตาม เขาที่ได้เดินมาครึ่งวันก็รู้สึกเหนื่อยมากๆ จริงๆ ทั้งขาของเขาเองก็เมื่อยล้าจนแทบจะเดินต่อไปไม่ไหวอยู่แล้ว
หากเจ้าของรถหรูคันนี้สามารถพาเข้าไปส่งได้จริงๆ นั่นมันจะเป็นการทำให้เขาจะรู้สึกขอบคุณเอามากๆ
แต่ นาทีนี้.. รถหรูคันนี้กับจอดอยู่ตรงนี้อย่างโดดเดี่ยว ตัวเขาเองไม่ได้เห็นเจ้าของรถหรูคันนี้ในบริเวณรอบๆ รถหรูคันนี้ไม่ใช่รถสปอร์ต แต่กลับเป็นรถ Rolls-Royce เหมือนอย่างของ หลินฟาน เป็นรถ SUV ที่แบบนั่งได้หลายคน เดิมที เฉินข่าย คิดว่า เขาเลือกรออยู่ตรงนี้ดีกว่า รอเจ้าของกลับมา แล้วเขาค่อยลุกขึ้นเดินเข้าไปพูดคุย
เฉินข่าย จึงได้เลือกรออยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ทันได้รอให้เจ้าของรถหรูกลับมา, เพราะจู่ๆ ในขณะนี้ เขากลับได้ยินเสียงเหมือนมีการเคลื่อนไหวดังมาจากอีกฝั่งหนึ่งของภูเขา
เฉินข่าย แทบทนรอไม่ไหวแล้ว เลยตัดสินใจเดินออกไปดูสถานการณ์ เฉินข่าย เองได้เลือกเดินไปในทิศทางที่ดูเหมือนจะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว
เขาเข้าไปในป่าเล็กๆ ข้างๆ เพราะเขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากในทิศทางนี้ แต่พอยิ่งเข้าใกล้ เฉินข่าย ก็ยิ่งได้ยินเสียงนั้นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนั้นเขาจึงได้เร่งฝีเท้า และต้องการที่จะเข้าไปใกล้ให้มากขึ้น แต่ยิ่งพอเขาได้เข้าใกล้ เขากลับรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ เพราะเขาดูเหมือนจะได้ยินเสียงตะโกนด่าหยาบคายดังมา และดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนกำลังโกรธ
แน่นอน.. การเจอคนโกรธไม่ใช่เรื่องดี เฉินข่าย ได้เริ่มลังเลเล็กน้อยที่จะก้าวต่อไป เจ้าของรถหรูอาจจะกําลังโกรธอยู่ หากเขาเข้าไปถามทาง คนอื่นที่กำลังโกรธ.. อีกฝ่ายก็อาจจะหันมาโกรธใส่เขาก็ได้ แล้วที่นี่จะไปนับอะไรกับการที่คนอื่นจะให้เขานั่งรถ ทั้งอีกฝ่ายอาจจะเพิกเฉยทำเป็นไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม.. เขาขอเลือกที่จะเข้าไปดูสถานการณ์ก่อนดีกว่า
เฉินข่าย ที่ได้ตัดสินใจแล้ว จึงเริ่มที่จะผ่อนคลายลง แล้วค่อยๆ ก้าวเดินไปในทิศทางของเสียง เมื่อพอเขาได้เข้าไปใกล้ๆ และมองตรงไปข้างหน้า…
ภาพ.. ฉากที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้านี้ มันทำให้ เฉินข่าย ตกใจ หวาดกลัว.. จนแทบจะหมดสติไปทันที