นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 85
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 85
ราอนเดินออกจากคฤหาสน์หลัก
'เขาคิดอะไรอยู่นะ?’
ราอนไม่แน่ใจว่าเกล็นจะให้รางวัลเขาเพิ่มหรืออยากถามอะไรเพิ่มกันแน่
'เขาเป็นคนยังไงกันแน่...’
ราอนไม่สามารถอ่านความคิดของเกล็นได้เลย
“ราอน!”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นทันทีที่เขาออกมาจากคฤหาสน์ ซิลเวียวิ่งเข้ามาหาเขา
"โอ้พระเจ้า!”
เธอคุกเข่าสำรวจร่างกายราอนโดยไม่สนว่าเสื้อผ้าจะสกปรกหรือไม่
"ม-แม่ได้ยินว่าลูกต่อสู้กับอีเดนงั้นเหรอ! แขนของลูกเป็นอะไรมั้ย? เกิดอะไรขึ้นกับเอวของลูก...?”
"ผมไม่เป็นไรมากครับ มันเกือบจะหายดีแล้ว”
ราอนยิ้มอย่างอ่อนโยน เพราะยาของริมเมอร์ทำให้บาดแผลของเขาดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติ
"แม่..."
ซิลเวียเม้มปาก มองไปที่ผ้าพันแผลที่พันรอบแขน,เอวและต้นขาของเขา ดูเหมือนเธอจะเริ่มร้องไห้ได้ทุกเมื่อ
'อ่า..เพราะเรื่องนั้น...'
เธอเสียสามีกับลูกสาวไปเพราะพวกอีเดน ราอนลืมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไป
"ท่านแม่ ผม..."
"แม่ไม่น่าพูดแบบนั้นเลย!”
ซิลเวียก้มหน้าและเอามือสั่นๆ ของเธอจับแขนของเขา
"เพราะสิ่งที่แม่บอกก่อนที่จะออกทำภารกิจใช่มั้ย? ที่บอกว่าแม่อยากให้ลูกเป็นซีกฮาร์ทตัวจริง...”
“เอ่อ…”
"แม่เสียใจมากที่ได้ยินว่าลูกฮึดสู้กับปีศาจพวกนั้นเพื่อช่วยเหลือทุกคน”
น้ำตาของเธอค่อยๆ ไหลออกจากตา
"ลูกคงจะทำแบบนั้นก็เพราะคำพูดของแม่.. แม่..."
เธอร้องไห้หนักขึ้น
"นอกจากจะเป็นนักดาบที่ไม่เก่งแล้วก็ยังเป็นแม่ที่ไม่ดีอีก..."
"ผ ผมรู้สึกขอบคุณท่านแม่มากๆ เลยนะครับ”
ราอนกุมมือซิลเวีย
"ข-ขอบคุณเหรอ?”
"ครับ"
เขาพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย
"ตอนที่ต่อสู้ มีความคิดเข้ามาในหัวผมมากมาย อย่างเช่น ผมควรหนี? หนียังไง? สั่งให้เบอร์เรนสู้แล้ววิ่งหนีเองดีไหม? ”
ราอนมองตาซิลเวีย
"แล้วผมก็ได้ยินเสียงของแม่ เสียงที่บอกผมว่า'แม่อยากให้ลูกใช้ชีวิตเหมือนกับนักดาบของซีกฮาร์ท'”
ใช่แล้ว ถ้ามันไม่ใช่เพราะเสียงของซิลเวียที่ดังก้องอยู่ในหัวของเขา เขาคงหนีไปโดยไม่สนการช่วยเหลือใครเลย
“อา…”
"ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นผมคงตายไปแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะรอดมาได้ผมก็คงเสียใจไปตลอดชีวิตและไม่จับดาบได้อีก”
ราอนสารภาพอารมณ์ความรู้สึกของเขาตอนนั้นออกมาทั้งหมด
"เพราะว่าคำพูดของแม่ทำให้ผมสามารถผ่านทุกอย่างมาได้ แม่ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรือรู้สึกผิดหรอกครับ”
เหตุผลที่เขายอมสู้กับปีศาจกระหายเลือด เหตุผลที่เขายอมเป็นโล่ให้คนอื่น เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถอดทนกับความเจ็บปวดพวกนั้นได้ ก็คือคำพูดของซิลเวีย
"ฮึก..."
หยดน้ำตาของซิลเวียพรั่งพรูออกมา เธอคงอดทนมามากแน่ๆ ตั้งแต่ที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับอีเดน
"ไม่เป็นไรนะครับ"
ราอนลูบหลังของเธอ
***
ราอนอยู่เคียงข้างซิลเวียจนกระทั่งเธอเหนื่อยและหลับไป แล้วเขาก็ออกจากห้อง เจอกับเฮเลนกำลังรอเขาอยู่นอกห้อง
"คุณชายเติบโตขนาดที่ปลอบคุณผู้หญิงได้แล้ว ตอนนี้ดิฉันสามารถตายตาหลับได้แล้วล่ะค่ะ”
เธอแกล้งทำเป็นเช็ดน้ำตา
"หยุดพูดเรื่องตายเถอะครับ ผมจะทำให้คุณกับท่านแม่ของผมได้อยู่แบบสุขสบายไปอีกนาน”
"ขอบคุณที่คิดเผื่อดิฉันนะคะ คุณชาย”
"ผมพูดจริงนะ"
ราอนส่ายหัวและปิดประตูห้องของซิลเวีย
"แล้วฉันจะรอคอยนะคะ”
"ครับ"
ราอนพยักหน้าและเข้าไปในห้องของเขา ในห้องที่มืดมิดเพราะไม่ได้เปิดม่าน มีร่างของมนุษย์คนหนึ่ง
"จูเดียล”
ราอนนั่งบนเตียงแล้วเรียกหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าต่าง
"ค่ะ คุณชาย”
จูเดียลนั่งคุกเข่าข้างหน้าราอน การแสดงออกของเธอเรียบนิ่ง
"สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
"ฉันได้รับคำสั่งให้กลับไปที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ พวกเขาน่าจะอยากกำจัดฉันค่ะ”
“อืม…”
ราอนเลียริมฝีปากในขณะที่มองไปที่จูเดียล
'เขาจะระบายความโกรธลงกับเธอเหรอ?’
คารุนเป็นคนที่ส่งจูเดียลมาที่อาคารเสริม ดูเหมือนว่าเขาจะอยากกำจัดเธอแล้ว เพราะเขาไม่ได้รับรายงานเรื่องระดับของราอนและรู้สึกโมโหราอนในเหตุการณ์ในห้องโถงวันนี้
'และ...'
จูเดียลยังคงนิ่งเฉยอยู่แม้ว่าชีวิตของเธอจะตกอยู่ในอันตราย
ดูเหมือนว่าเธอจะรู้วิธีปฏิบัติตัวแบบสายลับแล้ว
"เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อไหม?”
ราอนค่อยๆ เปิดปากพูด เสียงของเขาเรียบนิ่ง
เขากำลังคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะช่วยเธอ เพราะสายลับสองหน้าแบบเธอไม่ได้หากันง่ายๆ
“……”
จูเดียลค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอสั่นไหวราวกับแสงจันทร์ที่สะท้อนให้เห็นในทะเลสาบ เป็นแววตาเช่นเดียวกับตอนที่เขาเห็นเธอครั้งแรก
"งั้นฉันจะบอกวิธีให้”
"คะ?"
"อย่ากลับไปที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ ให้ส่งจดหมายแทน แล้วบอกเขาว่าเธอได้เลื่อนขั้นเป็นสาวใช้ส่วนตัวของฉันแล้ว”
“อ่า…”
"เขาไม่สงสัยแน่นอน เธอต้องเขียนว่าท่านแม่เลือกเธอให้มาดูแลฉันเพราะอาการบาดเจ็บ”
ราอนชี้ไปที่แผลที่พันด้วยผ้าพันแผล มันเป็นเหตุผลที่ค่อนข้างฟังขึ้น
และคารุนจะคิดว่าเขาคงได้รับข้อมูลมากขึ้นเพราะตำแหน่งใหม่ของเธอ
"...ค่ะ แต่ทำไมคุณชายถึงช่วยฉันล่ะคะ?”
"ไม่ใช่เพราะอยากช่วยเธอ แต่ฉันไม่อยากเสียเวลาหาสายลับคนใหม่น่ะสิ”
“…”
"ฉันอยากให้ข้อมูลบางอย่างกับเขา ที่ทุกคนคิดว่าฉันบาดเจ็บสาหัสแต่จริงๆ แล้วมันเกือบหายดีแล้ว ฉันวางแผนที่จะฝึกฝนอยู่ที่นี่และแกล้งทำเป็นรักษาตัวอยู่”
ราอนให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบาดเจ็บของเขา
"อาจารย์ริมเมอร์และหัวหน้าตระกูลเป็นสองคนที่รู้เรื่องนี้ และถ้าเธอบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจะรู้ว่าเธอยังมีประโยชน์”
"ร-รับทราบค่ะ”
จูเดียลพยักหน้า
"แล้วรออะไรอยู่ล่ะ?”
ราอนชี้ไปที่ประตู
"ไปเขียนรายงานลงในจดหมายและรีบส่งไปที่นั่นซะ เขียนให้ดูแนบเนียนด้วยล่ะ”
"ข-เข้าใจแล้วค่ะ”
จูเดียลโค้งตัวแล้วออกจากห้อง
ทุกอย่างที่เธอพูดและทำมันน่าสมเพช จะทำยังไงกับสายลับไร้ประโยชน์อย่างเธอกันแน่?
'ฉันจะใช้เธอทำลายคารุนซีกฮาร์ทจากด้านหลัง และ...'
ราอนมองไปที่ประตูที่อยู่ในความมืด
เธอทำให้เขานึกถึงอดีตของตัวเอง
* * *
* * *
ราอนนอนเล่นอยู่บนเตียงจนกระทั่งดวงจันทร์ขึ้นมาอยู่กลางท้องฟ้า
มีการปรากฏตัวด้านนอกหน้าต่าง
"กระผมดีใจที่คุณชายรอผมอยู่นะครับ”
โรเอ็นทักทายเขาด้วยรอยยิ้มหลังจากเปิดหน้าต่าง
"แน่นอนสิครับ พูดแบบนั้นแล้วผมจะนอนหลับได้ยังไงกัน”
ราอนข้ามหน้าต่างออกไปด้านนอก
"...ที่คุณพูดหมายความว่ายังไงกันแน่ครับ?”
ราอนมองไปที่ดวงตาที่มีรอยเหี่ยวย่นของโรเอ็น
"ผมไม่ทราบเหตุผลของท่านหัวหน้าตระกูลครับ คุณชายจะรู้เองเมื่อไปถึงที่นั่น”
“อืม…”
ราอนถามเขาเพราะอยากรู้จุดประสงค์ของเกล็น แต่โรเอ็นก็ไม่ยอมบอกเขา เขารู้แน่นอนแต่เขาไม่ยอมบอก
ราอนไปที่คฤหาสน์หลักและพูดคุยกับโรเอ็นตลอดทาง น่าแปลกที่ไม่มีนักดาบเฝ้ายามอยู่ระหว่างทางเลย
'ไม่มีใครเลยแฮะ’
เขาเข้ามาในคฤหาสน์หลักโดยที่ไม่เจอคนอื่นเลยสักคน แม้แต่สาวใช้ คนงาน หรือนักดาบสักคนก็ไม่มี
ดูเหมือนโรเอ็นได้สั่งให้พวกเขาไว้ก่อน
“เอ่อ…”
ราอนรู้สึกประหม่ากับสถานการณ์แปลกๆ เช่นนี้
"ไม่ต้องกังวลไปนะครับ คุณชายพึ่งทำผลงานที่ยิ่งใหญ่ดังนั้นก็ภูมิใจไว้นะครับ”
เขาเปิดประตูห้องโถง แสงสว่างสาดส่องมาจากเบื้องหลังประตู
ราอนตามโรเอ็นและเข้าไปในห้องโถง เกล็น ซีกฮาร์ท นั่งหลับตาอยู่บนบัลลังก์ราวกับรูปปั้น
'เฮ้อ...'
แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ที่นี่มีบรรยากาศที่หนักอึ้ง
"สวัสดีครับท่านหัวหน้าตระกูล"
“ไม่ต้องก็ได้”
ราอนตัวแข็งค้างเมื่อกำลังจะคุกเข่าคำนับ
'พลังนี่...'
ราอนไม่ได้อยากหยุด เกล็นทำให้เขาหยุดเคลื่อนไหวด้วยเสียงของเขา
'...'
ราอนตัวสั่นและเงยหน้าขึ้น
เกล็นวางมือลงบนที่วางแขนและมองลงมาที่ราออน
“ราอน ซีกฮาร์ท”
"ครับท่าน”
เขาลดหัวลง
"เธอคิดยังไงเกี่ยวกับจังหวะเท้า?”
'จังหวะเท้าหรอ...’
จังหวะเท้าก็คือวิธีการก้าวเดิน
จังหวะเท้าเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเคลื่อนย้ายร่างกายในทุกๆ สถานการณ์ ทั้งโจมตี ป้องกันหรือแม้กระทั่งการหลบหลีกและวิ่งหนี
"ผมคิดว่ามันเป็นศิลปะการต่อสู้ที่สำคัญที่สุด สามารถกำหนดความเป็นความตายของนักรบได้ครับ”
“อืม...”
เกล็นพยักหน้าเล็กน้อย บางทีเขาอาจจะพอใจกับคำตอบหรือบางทีเขาอาจจะไม่พอใจ ราอนไม่สามารถบอกได้
"แล้วเธอใช้จังหวะเท้าอะไรในการต่อสู้กับปีศาจนักรบและปีศาจกระหายเลือด?”
"ผมใช้จังหวะสายน้ำครับ”
และได้ใช้ก้าวไร้เงาผสมกับจังหวะสายน้ำด้วย แต่เขาไม่อยากพูดถึงมัน
"จังหวะสายน้ำเป็นเทคนิคที่ดี แต่มันเป็นเพียงท่าพื้นฐานเท่านั้น”
เขาพูดถูกทุกอย่าง
ในทางกลับกัน'ก้าวไร้เงา'เป็นจังหวะเท้าที่มุ่งเน้นไปที่การหลีกเลี่ยงและการย่องเบา ซึ่งเหมาะกับการลอบโจมตีเพียงอย่างเดียว
ในตอนแรกเขาวางแผนที่จะขอท่าจังหวะเท้าอันใหม่กับแผ่นจารึกอีกสักแผ่น แต่แผนของเขาล่มไปแล้ว
“ราอน”
ตอนที่เขากำลังคิดอย่างหงุดหงิด เกล็นก็เรียกชื่อของเขาอีกครั้ง
"รางวัลที่ให้ไปเมื่อกลางวันคือรางวัลของการจัดการกับพวกปีศาจ แต่ฉันยังไม่ได้ให้รางวัลสำหรับการบอกจุดประสงค์ของพวกมัน”
ราอนกลืนน้ำลายอย่างคาดหวัง
"ฉันจะสอนจังหวะเท้าให้เธอ เพื่อเป็นรางวัลสำหรับการค้นพบจุดประสงค์ของพวกมัน”
เกล็นลุกขึ้นจากบัลลังก์ ราอนรู้สึกเหมือนกับได้ยืนหน้าภูเขาที่สูงที่สุดในทวีปนี้ ภูเขาเออร์ลาสต์
เกล็นเดินลงมาจากแท่น และค่อยๆ จัดท่าทาง ท่าทางของเขาทำให้รู้สึกว่าเขายิ่งใหญ่ราวกับขุนนางและแข็งแกร่งราวกับนายพล
"ดูดีๆ ล่ะ ฉันจะแสดงให้ดูแค่ครั้งเดียว”