ตอนที่ 592 ราชาอสูรระดับ 9.5
ตอนที่ 592 ราชาอสูรระดับ 9.5
เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเซี่ยเฟย ซึ่งอสูรภายในงานทั้ง 120 ตัวต่างก็ล้วนแล้วแต่คลั่งภายใต้การควบคุมของเขาทั้งหมด
สำหรับอัศวินกฎเหล่านี้การพยายามจัดการกับราชาอสูรไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรเลย แต่เมื่อมันมีเงื่อนไขว่าพวกเขาไม่สามารถแตะต้องสัตว์อสูรเหล่านั้นได้ มันก็จะทำให้สถานการณ์กลับตาลปัตรไปจากเดิม
ท้ายที่สุดมันก็มีผู้สมัครเพียงแค่ไม่กี่คนที่สามารถสร้างแรงกดดันเพื่อกำราบสัตว์อสูรที่กำลังบ้าคลั่งได้ แล้วมันก็มีผู้ที่มีวิธีพิเศษในการทำให้สัตว์อสูรเชื่องอยู่อีกเล็กน้อยเช่นเดียวกัน ส่วนผู้สมัครที่เหลือต่างก็ล้วนแล้วแต่ได้รับ 0 คะแนนหรือได้คะแนนติดลบไปเลยก็มี
“การประเมินของนายเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันได้ 0 คะแนนน่ะสิ นี่โชคดีที่วันนี้ฉันสวมใส่ชุดเกราะโลหะเหลวไว้ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะได้รับบาดเจ็บหนักไปแล้ว”
“ได้ 0 คะแนนก็อย่าบ่นไปหน่อยเลย ฉันนี่โดนหักคะแนนไปตั้ง 100 คะแนน”
“ทำไมนายถึงเลือกสู้มันกลับล่ะ?”
“ถ้าไม่สู้ฉันก็โดนมันขย้ำน่ะสิ”
“จะว่าไปการประเมินครั้งนี้มันก็ยากเกินไปจริง ๆ คิดได้ยังไงให้พวกเรามาปราบสัตว์อสูรที่กำลังบ้าคลั่งให้เชื่องโดยห้ามไม่ให้พวกเราแตะต้องพวกมัน”
“แล้วสถานการณ์ของพี่สามล่ะเป็นยังไงบ้าง?”
“พี่สามเผลอซัดสัตว์อสูรเข้าไปเหมือนกัน แล้วมันก็ทำให้เขาถูกหัก 100 คะแนน”
“ตอนนี้พี่สองอยู่ไหน?”
“พี่สองถูกสัตว์อสูรกัดนอนอยู่ในโรงบาล”
เหล่าบรรดาผู้สมัครต่างก็ล้วนแล้วแต่พูดคุยกันด้วยความหดหู่ ซึ่งสถานการณ์ของพวกเขาค่อนข้างที่จะคล้าย ๆ กัน โดยที่บางคนได้รับบาดเจ็บ บางคนคะแนนติดลบ แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับคะแนนเพิ่มในวันนี้
เซี่ยเฟยยกรอยยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุขในระหว่างที่เขากำลังแอบฟังบทสนทนาจากผู้สมัครบริเวณโดยรอบ เพราะท้ายที่สุดคนพวกนี้ก็เลือกที่จะมาพูดจาถากถางเขาก่อน ซึ่งโดยนิสัยของเขาแล้วมันก็ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยทุกคนออกไปแต่โดยดี
ในพริบตาผู้สมัครมากกว่า 90% ก็ได้รับการประเมินไปจนหมดแล้ว แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่มีทีท่าว่าเซี่ยเฟยจะถูกเรียกตัว
ในเวลาเดียวกันแท่นโลหะขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปจากพื้นอย่างเงียบ ๆ และชายชราผมขาวก็กำลังนั่งไขว่ห้างจ้องมองเซี่ยเฟยจากระยะไกลด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เซี่ยเฟยเริ่มสัมผัสได้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมองมา และเมื่อเขาได้หันศีรษะไปทางทิศเหนือสายตาของเขาก็สบเข้ากับสายตาของเนอร่าพอดี
ชายชราร่างผอมพยักหน้าทักทายเซี่ยเฟยเล็กน้อย แต่ภายในแววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
เซี่ยเฟยคำนับกลับไปอย่างรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี เพราะจู่ ๆ การที่มีชายชราคนหนึ่งทักทายเขาโดยที่ไม่รู้จักกัน มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเขาเท่าไหร่นัก
ในที่สุดการประเมินก็เข้าสู่รอบรองสุดท้าย แต่เซี่ยเฟยก็ยังไม่ถูกเรียกตัวไปอยู่ดี ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาจะถูกส่งตัวไปในรอบสุดท้ายอย่างแน่นอนแล้ว
“ดูนั่น! มีคนฆ่าสัตว์อสูรลงไปด้วย”
ฝูงชนอุทานขึ้นมาด้วยความโกลาหล เพราะหากมันมีใครพลาดสังหารสัตว์อสูรขึ้นมาจริง ๆ คนคนนั้นจะถูกหักคะแนนถึง 1,000 คะแนน
เซี่ยเฟยหันมองไปตามเสียงโดยอยากรู้ว่าใครเป็นคนลงมือสังหารสัตว์อสูรในงานประเมิน ก่อนที่เขาจะได้พบชายอ้วนผิวดำที่กำลังเผชิญหน้ากับงูหลามยักษ์เกล็ดทองที่นอนสิ้นลมอยู่บนพื้น
“มันตายแล้วจริง ๆ เหรอ?” อันธถามด้วยความงุนงง
“งูหลามตัวนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำมาก แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากว่ามันจะถูกจู่โจมจนตาย แต่คนที่พลาดสังหารมันก็คงจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เลวร้ายแล้วล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าว
แว้บ!
ชายร่างอ้วนถูกส่งกลับมาท่ามกลางฝูงชนห่างจากเซี่ยเฟยไปไม่มากนัก แต่ในขณะนี้ใบหน้าของเขากำลังซีดขาวและเนื้อตัวก็กำลังสั่นเทาราวกับว่าเขาเพิ่งได้ยินข่าวญาติคนสนิทเสียชีวิต
“บูเหนี่ยน! นี่นายตั้งใจสังหารสัตว์อสูรตัวนั้นงั้นเหรอ?” คนที่รู้จักรีบเข้าไปถามชายอ้วนคนนั้นในทันที
“ฉันยังไม่ทันได้ออกแรงเลย ฉันแค่ผลักร่างของมันออกไปเบา ๆ” ชายอ้วนกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหมือนกับคนจะร้องไห้
“นี่นายเก่งถึงขนาดสามารถสังหารราชาสัตว์อสูรได้เพียงแค่ผลักมือออกไปเบา ๆ งั้นเหรอ ฉันต้องขอชื่นชมความแข็งแกร่งของนายจริง ๆ”
“ก่อนลงสนามแข่งฉันย้ำกับตัวเองแล้วนะว่าฉันจะพยายามไม่ตอบโต้สัตว์อสูรกลับไป เพราะถึงแม้ว่าฉันจะได้ 0 คะแนนแต่มันก็ยังดีกว่าการถูกหักคะแนนอย่างแน่นอน แต่งูเหลือมตัวนั้นเคลื่อนที่ได้เร็วมากและฉันก็พลาดถูกมันรัดร่างโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันเลยพยายามจะผลักร่างของมันออกไป แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะตายหลังจากที่ฉันได้ออกแรงไปแค่นั้นเอง” ชายอ้วนยังคงบ่นไม่หยุดแต่มันก็ไม่มีใครสนใจว่าเขาได้พูดความจริงหรือเปล่า
เมื่อมีสัตว์อสูรเสียชีวิตร่างของงูหลามเกล็ดทองก็ถูกนำออกไปแทนที่ด้วยสัตว์อสูรตัวใหม่ที่ถูกนำเข้ามาภายในกรง
“นั่นมันปีศาจสายลม!”
“สัตว์อสูรที่ถูกเอาเข้ามาแทนคือปีศาจสายลมงั้นเหรอ?”
“โอ้แม่เจ้า! มันเป็นปีศาจสายลมจริง ๆ นี่ถ้าหากใครถูกส่งเข้าไปในกรงนั้นก็เตรียมตัวถูกหักคะแนนได้เลย”
ทุกคนต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะในขณะที่การประเมินในครั้งนี้กำลังจะจบลงสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้นมา
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะการประเมินเหลือรอบเก็บตกอีกเพียงแค่รอบเดียวเท่านั้น และมันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปล่อยสัตว์อสูรที่ทรงพลังออกมาในตอนนี้เลย
สัตว์อสูรรูปร่างคล้ายตัวนิ่มนอนอยู่ในกรง โดยทั่วทั้งร่างของมันมีขนสีเขียวยาว เวลาลมพัดขนบนร่างของมันจะโอนอ่อนไปตามแรงลมเบา ๆ ราวกับว่าขนพวกนั้นเป็นทุ่งหญ้าที่กำลังถูกพัดพาไปตามสายลม
“อยู่ ๆ ไอ้ตัวเขียวนั่นมันมาที่นี่ได้ยังไง?” อันธถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“มันชื่อปีศาจสายลม” เซี่ยเฟยบอกชื่อของสัตว์อสูรตัวนั้นให้อันธฟัง
“มันเก่งไหม?”
“มันคือราชาสัตว์อสูรที่ใกล้เคียงกับอสูรเทวะมากที่สุด นายคิดว่ามันเก่งไหมล่ะ?”
“ราชาสัตว์อสูรที่ใกล้จะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับอสูรเทวะเนี่ยนะ! นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
“ปกติระดับสูงสุดของราชาอสูรจะถูกกำหนดเอาไว้ที่ระดับ 9 หลังจากนั้นมันจะกลายเป็นอสูรเทวะในทันที แต่ระดับของอสูรตัวนี้ถูกขนานนามว่าอยู่ในระดับ 9.5 หรืออาจจะเรียกได้ว่ามันอ่อนแอกว่าอสูรเทวะเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางอันจริงจัง
“ราชาอสูรระดับ 9.5 มันมีการให้คะแนนแบบนี้อยู่ด้วยงั้นเหรอ?” อันธอุทานอย่างสับสน
“ความจริงถ้าหากปีศาจสายลมมีสติปัญญามันก็คงจะถูกจัดอันดับให้เป็นอสูรเทวะไปแล้ว ดังนั้นหากวัดที่ระดับพลังเพียงอย่างเดียวมันย่อมมีพลังเทียบเท่ากับอสูรเทวะอย่างแน่นอน เพียงแต่มันเป็นสัตว์อสูรที่ไม่มีสติปัญญา มันเลยไม่ถูกจัดอันดับให้อยู่ในระดับอสูรเทวะ”
“ไม่มีสติปัญญา... แบบนี้มันก็หมายความว่าวิชามนตราอสูรของนายใช้กับมันไม่ได้ใช่ไหม?” อันธถาม
“ฉันลองแล้ว มันใช้กับเจ้านี่ไม่ได้จริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงอันจริงจัง
ทั่วทั้งห้องสอบมีสัตว์อสูรอยู่ทั้งหมด 120 ตัว แต่จู่ ๆ มันกลับได้มีสัตว์อสูรที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นมา
—
ชิลลี่กับเคดิร่าคอยอยู่ใกล้ ๆ กับเนอร่าอย่างใกล้ชิด เพราะเหตุการณ์ที่น่าสนใจกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว และพวกเขาก็อยากจะรู้ว่าชายชราคนนี้จะจัดการกับผู้ก่อความวุ่นวายยังไงกันแน่
“ท่านอาจารย์ คนคนนั้นสามารถควบคุมสัตว์อสูรได้ทั้ง 120 ตัว ในเวลาเดียวกันปีศาจสายลมจะสามารถต้านทานการควบคุมของเขาได้งั้นเหรอ?” เคดิร่ากล่าวถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก
“นี่นายคิดว่าฉันไม่รู้วิธีจัดการกับเรื่องนี้หรือยังไง?” เนอร่ากล่าวพร้อมกับกรอกตา ก่อนที่เขาจะเริ่มอธิบายต่อว่า
“วิชาการควบคุมสัตว์อสูรของเด็กคนนั้นแข็งแกร่งมาก ถ้ามีโอกาสฉันก็อยากจะเรียนรู้วิชานั้นจากเขาอยู่เหมือนกัน”
ขอเรียนรู้!?
คำ ๆ นี้คงจะสามารถอธิบายความชื่นชมที่เนอร่ามีให้กับวิชามนตราอสูรเป็นอย่างดี เพราะท้ายที่สุดชายชราคนนี้ก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญการฝึกสัตว์อสูรภายในกลุ่มมังกรฟ้า แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังออกปากว่าต้องการเรียนรู้วิชาจากเซี่ยเฟย
ในความเป็นจริงถ้าหากเนอร่าได้รู้ว่าเซี่ยเฟยยังสำเร็จวิชามนตราอสูรไม่ถึงขีดสุด เขาก็คงจะต้องรู้สึกประหลาดใจมากกว่านี้อย่างแน่นอน
“วิธีที่เขาใช้คือการใช้กระแสพลังจิตเข้าควบคุมสัตว์อสูรแทนที่จะใช้พลังกฎ และเพื่อปกป้องไม่ให้ปีศาจสายลมถูกเขาเข้ามาควบคุม ฉันเลยจำเป็นจะต้องใช้กฎหมอกอสูรคลุมร่างปีศาจสายลมเอาไว้” เนอร่ากล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ชิลลี่ไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการควบคุมสัตว์อสูรมากนัก เธอจึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรจากคำอธิบายของชายชรา แต่ในกรณีของเคดิร่ากลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะทันทีที่เขาได้ฟังคำอธิบายเขาก็รีบกล่าวถามออกไปด้วยความตกใจ
“กฏแห่งหมอกอสูร!! ถ้าอาจารย์ใช้พลังกฎออกมาแบบนี้ มันก็หมายความว่า…”
“ใช่ วิชาควบคุมสัตว์อสูรของฉันสู้วิชาการควบคุมสัตว์อสูรของเขาไม่ได้ ดังนั้นฉันเลยต้องใช้พลังของกฎเข้ามาช่วย” เนอร่ากล่าวตอบ
เคดิร่าถึงกับหน้าซีดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะท้ายที่สุดการที่ผู้สมัครคนหนึ่งสามารถบังคับให้เนอร่าใช้พลังของกฎออกมา มันก็แสดงว่าวิชาควบคุมสัตว์อสูรของผู้สมัครคนนั้นจะต้องอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมาก
ในฐานะศิษย์ของเนอร่าแล้วเคดิร่ารู้ถึงความแข็งแกร่งของชายชราคนนี้เป็นอย่างดี แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยได้ยินว่ามีวิชาควบคุมสัตว์อสูรวิชาไหนแข็งแกร่งกว่าวิชาควบคุมสัตว์อสูรของเนอร่ามาก่อนเลย และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกตกใจมากขนาดนี้
“เอาล่ะไม่ว่ายังไงที่นี่ก็คือดินแดนของผู้ใช้กฎ ถึงแม้ว่าวิชานั่นจะเป็นวิชาที่ทรงพลังในดินแดนชั้นต่ำ แต่มันก็ยังสู้กฎแห่งหมอกอสูรไม่ได้อยู่ดี คราวนี้เราต้องสั่งสอนบทเรียนให้เขาได้รู้ว่าการที่เขาได้มาก่อกวนในงานชุมนุมมังกรฟ้า มันจะต้องทำให้เขาได้พบเจอกับอะไร” เคดิร่ากล่าวหลังจากที่เขาพยายามสงบสติอารมณ์ได้แล้ว
“ผู้ฝึกสัตว์อสูรจะต้องมีจิตใจที่บริสุทธิ์ห้ามมีสภาวะจิตใจที่ชั่วร้ายอย่างเด็ดขาด ตอนนี้นายกำลังเดินออกนอกเส้นทาง แล้วมันจะส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าในการฝึกวิชาของนายอย่างแน่นอน” เนอร่ากล่าวเตือนสติลูกศิษย์ของตัวเอง
เคดิร่าชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลงโดยไม่กล้าพูดอะไร
“สิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุดคือเจ้าหนุ่มนั่นมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังมากกว่าปีศาจสายลมตัวนี้ แต่ฉันก็อดใจรอให้พวกเขาเผชิญหน้ากันไม่ไหวแล้ว” เนอร่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เขามีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่าปีศาจสายลมงั้นเหรอคะ?” ชิลลี่กล่าวถามขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่ต้องห่วง สัตว์อสูรของเขาไม่ใช่อสูรเทวะหรอก” เนอร่ากล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“นั่นสินะ เขาจะมีอสูรเทวะเป็นอสูรในพันธสัญญาได้ยังไง” เคดิร่ากล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“มันก็จริงที่สัตว์อสูรของเขาไม่ใช่อสูรเทวะ แต่มันเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ต่างหาก”
***************