ตอนที่แล้วบทที่ 72: หากปราศจากสถานการณ์บีบคั้น เจ้าคงมิรู้ได้ว่าบิดามารดาของเจ้ารวยเพียงใด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 74: สวรรค์ลงสู่ห้วงท้องทะเล ฝันใต้ร่มเงาข้าว

บทที่ 73: ความไม่พอใจปรากฏ เหล่าขุนนางรวมตัวกล่าวโทษ!


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 73: ความไม่พอใจปรากฏ เหล่าขุนนางรวมตัวกล่าวโทษ!

เพียงตีครั้งเดียว ผิวหนังของเกาเทียนหยูก็เปิดออกอีกครั้ง ตัวเขากลิ้งเกลือกไปมาด้วยความเจ็บปวด

ถ้าอีกสองเดือนจากนี้เขาไม่ต้องนอนพักรักษาตัว เขาคงไม่กรีดร้องออกมาอย่างน่าสงสารเช่นนี้หรอก!

นายน้อยคนอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ทั้งในหัวใจและก้นของพวกเขา มันโหดร้ายเกินไปแล้ว!

โหดร้าย…มากเหลือเกิน!

นี่มันถึงขั้นประหารชีวิตแล้วด้วยซ้ำ!

ขณะที่พวกเขามองไปทางหลินเป่ยฟาน สายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

หลังจากฟาดไปแล้ว หลินเป่ยฟานก็มองไปที่นายน้อยคนอื่นๆ และกล่าวว่า “พวกเจ้าทุกคนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและมีส่วนร่วมในการสมรู้ร่วมคิดที่จะสังหารขุนนางหลวงด้วย ตามกฎของสถาบันจักรวรรดิ พวกเจ้าจะถูกเฆี่ยนตี 100 ครั้งและไล่ออกจากสถาบัน จากนั้นจึงส่งต่อให้เหล่าขุนนางตัดสินโทษพวกเจ้า! ทว่าเมื่อพิจารณาว่านี่เป็นความผิดครั้งแรกของพวกเจ้า ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าทุกคนได้แก้ตัว พวกเจ้าจะเลือกอะไรระหว่างเงินหรือชีวิต?”

เหล่านายน้อยต่างได้แต่คร่ำครวญ “อะไรกัน? เราต้องถูกลงโทษอีกเหรอ? แต่เรายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!”

หลินเป่ยฟานกล่าวออกมาด้วยความโกรธ “ถ้าหากพวกเจ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ คิดว่าข้าจะพูดกับพวกเจ้าอย่างมีเหตุมีผลเช่นนี้หรือ?”

เหล่านายน้อยบัณฑิตต่างก็โกรธมากจนอยากกระอักเลือด เหตุผลบ้าบออะไรสิ้นดี!? เห็นชัดว่ามันเป็นเพียงการขู่กรรโชก!

เขาโบกมือไปมาพร้อมกับแท่งไม้หนา เช่นนี้มันจะเรียกว่ามีเหตุมีผลได้เช่นไร?

ปีศาจ!

“ผู้อำนวยการหลิน เราไม่มีเงินอีกแล้วจริงๆ นะขอรับ!”

“ใช่ เราถังแตกแล้วจริงๆ! ข้าถึงขั้นต้องขโมยเงินสินสอดของท่านแม่ด้วยซ้ำ และเมื่อข้ากลับไป ข้าคงต้องถูกทุบตีแน่!”

“เราไม่มีเงินมาจ่ายให้ท่านเลยสักตำลึงเดียวขอรับ!”

ท่าทางของหลินเป่ยฟานพลันอ่อนลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็วางไม้เท้าออกไป “ข้าเข้าใจความยากลำบากของเจ้า ซึ่งข้าเองก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล เช่นนั้นนี้คือสิ่งที่พวกเจ้าจะทำได้ ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าสามวัน หากเจ้าหาเงินไม่ทัน เราจะปฏิบัติตามกฎทุกอย่าง แต่หากเจ้าหาเงินได้ เจ้าก็จะได้รับการอภัยในสิ่งที่พวกเจ้าก่อ”

“ขอรับผู้อำนวยการหลิน!” เหล่านายน้อยได้แต่เดินกลับไปอย่างสิ้นหวัง

พวกเขาต้องขอเงินพ่อแม่อีกครั้ง เพื่อนำเงินมาจ่ายให้ผู้อำนวยการหลิน

ณ เรือนของเสนาบดีเจ้ากรมคลัง เฉียน หยวนเซิน:

บุตรชายของเขา เฉียนโต่วไคกำลังมองไปทางบิดาชราผู้มีท่าทางภูมิฐานแล้วพูดออกมาอย่างติดอ่าง “ท่านพ่อ ข้าขอเงินหน่อยได้หรือไม่ขอรับ?”

“ทำไมเจ้าถึงต้องการเงิน?” เสนาบดีเฉียนหยวนเซินตะคอกออกมา

กล่าวด้วยความสัตย์จริง ตัวเขาไม่พอใจบุตรชายของเขามาก เป็นเด็กที่ไม่เคยทำถูกต้องสักอย่าง ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการกิน ดื่ม เล่นการพนันและผิดจารีตประเพณี นอกจากนี้ยังมีแต่จะขอเงิน

หากเจ้าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนในสายเลือดของเขา เขาคงจะทุบตีมันให้ตายจนสิ้นแล้ว

เฉียนโต่วไคก้มหัวแล้วกล่าวด้วยความกลัวว่า “ท่านพ่อ ข้าทำผิดพลาดที่สถาบันจักรพรรดิและถูกผู้อำนวยการหลินให้โทษ เขาต้องการจะทุบตีข้า ดังนั้นข้าจึง…”

"เจ้าทำผิด? เจ้าทำอะไรผิดอีกแล้ว?" เฉียนหยวนเซินโกรธมาก

เขารู้ว่าหลินเป่ยฟานเป็นพวกฉ้อราษฎร์บังหลวง อีกทั้งยังชอบรีดไถเงินจากลูกๆ ของพวกเขาอีก

ทว่ามันกลับฉลาดพอๆ กับลิง แม้ว่าเขาจะฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่เขาก็มีเหตุผลที่ถูกต้องตามกฎหมายในการกระทำเช่นนั้นเสมอ ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ต้องเป็นเพราะลูกชายของเขาทำผิดพลาดอีกครั้งแน่ จึงถูกอีกฝ่ายลงโทษเช่นนี้ได้

“จ้างคนมาสังหารขุนนาง ข้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด แต่เราล้มเหลวและถูกรู้ตัวก่อน เรื่องทั้งหมดเป็นเช่นนี้ขอรับ” เฉียนโต่วไคกระซิบ

เฉียนหยวนเซินโกรธมากจนตัวสั่น “เจ้าเด็กสารเลวเนรคุณ…”

เขายกมือขึ้นอยากจะตบอีกฝ่าย แต่ก็ถูกหญิงชราห้ามไว้

“พอได้แล้ว มันจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรกัน? ยังไงเขาก็เป็นลูกของท่านนะ อย่าตีเขาเลย ถ้าท่านหักกระดูกเขาไป ข้าคงรู้สึกตรอมใจมาก”

เฉียนหยวนเซินยิ่งรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น “เจ้าดูสิ เพราะเจ้าเป็นห่วงเขามากเกินไป จึงทำให้เขาเสียคนเช่นนี้!”

หญิงชราและเฉียนโต่วไคต่างเงียบไป

“ทว่าเจ้าหลินเป่ยฟานก็เป็นตัวสารเลวเช่นกัน!” เฉียนหยวนเซินกัดฟัน “เขาเอาเงินไปมากมายแล้วมันยังไม่พออีกเหรอ? ความโลภของเขาไม่มีขอบเขตจริงๆ! พรุ่งนี้ข้าจะไปฟ้องเรื่องเขาอย่างแน่นอน!”

ที่เรือนของเสนาบดีกรมโยธา หวังหยวนชาน

เมื่อหวังรัวเฟิง บุตรชายของเขากลับมาถึงเรือน เขาก็คุกเข่าต่อหน้าหญิงชราผู้หนึ่งทันทีและร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น “ท่านแม่ ท่านต้องช่วยข้าด้วย! ถ้าไม่ช่วยข้า ข้าคงจะถูกฆ่าแน่…”

“ลูกรัก เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?” หญิงชราถามด้วยความเป็นห่วง

"ข้าจบสิ้นแล้ว! หากข้าไม่สามารถหาเงิน 100,000 ตำลึงได้ภายในสามวัน ข้าจะถูกทุบตีจนตาย! ท่านแม่ ได้โปรดช่วยข้าขอท่านเพิ่ม 100,000 ตำลึงให้ข้าด้วย!”

คืนนั้นเมื่อเขากลับมายังเรือน หวังหยวนชานก็โกรธเป็นอย่างมาก

เขาไม่เพียงแต่โกรธลูกชายของเขาเท่านั้น แต่ยังโกรธหลินเป่ยฟานด้วย “บัดซบ หลินเป่ยฟานมันคิดว่าลูกชายของข้าเหมือนกระเทียมหอมที่ตัดได้ง่ายตามใจชอบหรือไง? นักปราชญ์ย่อมปล่อยวางทุกสิ่งได้ แต่ก็มีบางสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจสามารถทนได้ พรุ่งนี้ข้าจะต้องฟ้องเรื่องเขาอย่างแน่นอน!”

เหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ได้เกิดขึ้นในทุกเรือนของเหล่าขุนนางคนอื่นๆ ด้วย

ทว่าคนที่โกรธมากที่สุดคงเป็นเสนาบดีเจ้ากรมครัวเรือน เกาเทียนเย่า

เพราะลูกชายสุดที่รักของเขาถูกทุบตีอีกแล้ว

อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ขู่กรรโชกเงินจากเขาเท่านั้น แต่ยังทุบตีลูกชายของเขาจนผิวหนังของเขาผลิแตก ใจของเขาแทบสลาย

“ควรตีเพียงข้อมือก็พอแล้วไม่ใช่หรือไงกัน?” ในคืนเดียวกันนั้น เกาเทียนเย่า เสนาบดีเจ้ากรมครัวเรือนได้รีบไปที่เรือนของหลินเป่ยฟานทันที

“เสนาบดีเกา ท่านมาทำอะไรที่นี่หรือ?” หลินเป่ยฟานเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มออกมา

"เจ้าก็รู้ว่าข้ามาทำไม!" เกาเทียนเย่าตะเบ็งเสียง

“หลินเป่ยฟาน เจ้าทุบตีลูกชายของข้าจนอยู่ในสภาพนั้น เพราะเจ้าคิดว่าจะรอดพ้นจากเรื่องนี้ได้ด้วยความโปรดปรานของจักรพรรดินีงั้นเหรอ?”

“เสนาบดีเกา ทำไมท่านไม่ถามว่าลูกชายของท่านจะทำอะไรกันเล่า?”

“เขาเป็นแค่เด็ก เขาจะทำอะไรได้? เจ้าแค่ต้องการแก้แค้นสินะ!”

รอยยิ้มของหลินเป่ยฟานพลันเลือนหายไปทันที ใบหน้าของเขาดูจริงจังเป็นอย่างมาก

“เสนาบดีเกา ลูกชายของท่านเกาเทียนหยู ประกาศต่อสาธารณะว่าเขาต้องการจ้างคนมาสังหารข้า! นี่เป็นกฎต้องห้าม ท่านเข้าใจใช่ไหม? ข้าได้แสดงความเมตตาต่อเขาแล้วโดยไม่ไล่เขาออก ท่านยังมาเรียกร้องความยุติธรรม นี่มันตรรกะอะไรกัน?”

ใบหน้าของเกาเทียนเย่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะมันมีกฎเกณฑ์ในระบบขุนนางว่าห้ามจ้างนักฆ่ามาลอบสังหารผู้คน ไม่เช่นนั้นมันคงจะเกิดความวุ่นวาย

ข้อพิพาททั้งหมดจะต้องถูกแก้ไขในราชสำนัก ในระบบขุนนาง จึงไม่ค่อยมีใครคิดจ้างมือสังหารนัก เพราะผลกระทบหากจับได้มันร้ายแรงยิ่ง

“แม้ว่าเจ้าจะพูดเช่นนั้น แต่มันก็ยังไม่เกิดขึ้นไม่ใช่หรือ?” เกาเทียนเย่ากล่าวต่อ

“การป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าการแก้ไขทีหลังไม่ใช่หรือ?” หลินเป่ยฟานถามออกมาอย่างจริงจัง

“ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาของชาติ ข้ายิ่งต้องระวัง! หากพบปัญหา ต้องแก้ไขให้ทันเวลา! สิ่งที่ข้าทำมันผิดไปหรือเปล่า?” ท่าทางของเกาเทียนเย่าได้เปลี่ยนไป เขาได้แต่เดินจากไปด้วยความหงุดหงิด

"เหอะ! ข้าไม่สามารถโต้เถียงกับเจ้าได้หรอก เชิญเจ้าชนะไปเลย แต่บัญชีหนี้แค้นของเรายังไม่จบ!”

“เดินทางกลับเรือนดีๆ เล่า ท่านเสนาบดีเกา” หลินเป่ยฟานโบกมือพร้อมกับยิ้มออกมา

หลังจากกลับเรือนไป เกาเทียนเย่าก็มองไปยังอาการอันน่าสมเพชของบุตรชายเขา ความโกรธของเขายิ่งเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

“ลูกเอ๋ย ไม่ต้องกังวล พ่อผู้นี้จะล้างแค้นให้เจ้าเอง!” วันรุ่งขึ้นในราชสำนัก มีฉากหนึ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจและพร้อมเพรียงกันอย่างมากปรากฏขึ้น

“ฝ่าบาท ข้าขอรายงานหลินเป่ยฟาน ผู้อำนวยการสถาบันจักรพรรดิที่ประพฤติมิชอบ!”

“ฝ่าบาท ข้าขอรายงานหลินเป่ยฟาน ผู้อำนวยการสถาบันจักรพรรดิที่ประพฤติมิชอบ!”

… จักรพรรดินีรู้สึกสับสนเล็กน้อย เจ้าคนผู้นี้ทำอะไรถึงทำให้ขุนนางทุกคนหันมาต่อต้านเขากัน?

“ทำไมพวกท่านต้องฟ้องเรื่องผู้อำนวยการหลินด้วยเล่า?” จักรพรรดินีเอ่ยถามออกมา

เสนาบดีเกาเทียนเย่ายืนขึ้นและกล่าวเสียงดัง "ฝ่าบาท ในระหว่างดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของสถาบันจักรพรรดิ หลินเป่ยฟานได้กระทำการโดยประมาท มีศีลธรรมเสื่อมทราม สนับสนุนให้บัณฑิตหมกมุ่นอยู่กับการปฏิบัติที่แปลกประหลาดและวิปริต ละเลยการศึกษาของพวกเขาและทำลายรากฐานของการศึกษา ข้าขอให้ฝ่าบาทไต่สวนเขาด้วย!”

"ข้าขอให้ฝ่าบาทไต่สวนเขาด้วย!” เหล่าขุนนางพูดพร้อมเพรียงกัน เนื่องจากมีเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวงของพวกเขาด้วย พวกเขาจึงได้แต่ต้องหาเหตุผลอันชอบธรรมในการกล่าวฟ้อง

“ผู้อำนวยการหลิน นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?” จักรพรรดินีเอ่ยถามออกมา หลินเป่ยฟานลุกขึ้นยืนด้วยความสงบและกล่าวตอบว่า “ฝ่าบาท นี่เป็นเรื่องเท็จโดยสิ้นเชิง พวกเขากล่าวหาอย่างไม่มีมูล!”

เกาเทียนเย่าหัวเราะเยาะ “หลินเป่ยฟาน ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องปฏิเสธ! นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าเชิญผู้อำนวยการใหญ่หลิวและผู้อำนวยการอีกคนมาเป็นพยานให้ข้า!”

"เบิกตัวมา!" จักรพรรดินีสั่งออกมาทันที

ขันทีเฒ่าตะโกนเสียงดัง “ขอเชิญผู้อำนวยการใหญ่ของสถาบันจักรพรรดิ หลิวฮัวเย่และผู้อำนวยการของสถาบันจักรพรรดิซุนเทียนเทามาพบจักรพรรดินี!”

ในไม่ช้า หัวหน้าของหลินเป่ยฟานอย่างหลิวฮัวเย่ และสหายร่วมงานของเขา ซุนเทียนเทาก็เดินเข้ามาในพระราชวังทองคำ

“คำนับองค์จักรพรรดินี! ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี!”

“เชิญท่านลุกเถิด”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

ใบหน้าของจักรพรรดินีเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก นางกล่าวถามออกมาว่า "เมื่อครู่นี้ เสนาบดีเจ้ากรมครัวเรือนเกาได้กล่าวว่าในช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่สถาบันจักรพรรดิ หลินเป่ยฟานมีศีลธรรมเสื่อมทราม สนับสนุนให้บัณฑิตหมกมุ่นอยู่กับวิถีปฏิบัติที่แปลกประหลาดและวิปริต ละเลยการศึกษาของพวกเขาและทำลายรากฐานของการศึกษา เป็นความจริงหรือไม่?”

ทั้งสองมองหน้ากันและตอบพร้อมกันว่า "จริงขอรับ!"

หลิวฮัวเย่หายใจเข้าลึกและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในระหว่างดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการหลินได้กระทำการโดยประมาท…”

เขาเล่าต่อถึงเรื่อง “อาชญากรรม” ทั้งหมดที่หลินเป่ยฟานทำไป

หลินเป่ยฟานได้แต่มองดูชายชราคนนี้ด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยาม ไม่เพียงแต่จะไม่ปกป้องเขาในราชสำนัก ทั้งยังใช้โอกาสนี้ในการขจัดเขาอีกด้วย เช่นนี้เขาจะกลายเป็นขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ได้เช่นไร?

หลังจากที่หลิวฮัวเย่กล่าวจบ เขาก็ก้าวถอยหลัง และถึงคราวของซุนเทียนเทาอธิบาย

“ท่านหลินเป่ยฟาน ท่านมีอะไรจะพูดหรือไม่?” จักรพรรดินีเริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อย

หากสิ่งที่หลินเป่ยฟานทำนั้นเป็นอย่างที่หลิวฮัวเย่กล่าวจริงๆ ด้วยแรงกดดันของราชสำนัก นางคงจะต้องถอดตำแหน่งของเขาออกชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤติ

นางได้แต่ถอนหายใจ เจ้าคนผู้นี้ ช่วยให้นางพักสักหน่อยไม่ได้หรือไง? เขาเป็นผู้มีความสามารถมาก แต่เขาก็เป็นตัวสร้างปัญหาเช่นเดียวกัน นางคล้ายกับถูกเขาใช้เป็นคนทำความสะอาดอยู่เสมอก็ไม่ปาน

เมื่อมาถึงจุดนี้ หลินเป่ยฟานได้ยกมือขึ้นด้วยความใจเย็นและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ข้อกล่าวหาของผู้อำนวยการใหญ่ไม่ถูกต้องเลย! ข้าสนับสนุนให้เหล่าบัณฑิตศึกษาวิถีแปลกประหลาดและออกนอกลู่นอกทาง แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อฝ่าบาท เพื่ออาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ เพื่อประเทศชาติและราษฎร!”

“ไร้สาระ! ข้าไม่เคยได้ยินว่าการศึกษาวิถีแปลกประหลาดและออกนอกลู่นอกทางจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่าพระบาท เป็นประโยชน์ต่อ อาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่และเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน! บัณฑิตหลายคนถึงขั้นสูญเสียความทะเยอทะยานของตนไปเพราะสิ่งรบกวนสมาธิเหล่านี้ มันไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง!”

"ถูกต้องแล้ว! ในฐานะบัณฑิต เราควรมุ่งสู่ความสำเร็จ ทำหน้าที่ให้เป็นประโยชน์ต่อราษฎรและขยันหมั่นเพียรร่ำเรียน เราไม่ควรเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้!”

“ท่านหลิน ความตั้งใจที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คืออะไรกัน?”

“ฝ่าบาท ผู้อำนวยการหลินเป็นเพียงคนชั่วช้า ใช้ประโยชน์จากความกรุณาของฝ่าบาทที่ทรงกระทำการโดยประมาท ฝ่าบาท ได้โปรดออกพระราชกฤษฎีกาลงโทษเขาด้วย!”

ขุนนางทุกคนตะโกนออกมาและชี้นิ้วไปทางหลินเป่ยฟาน

หลินเป่ยฟานยังคงกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าอยากจะขอให้ฝ่าบาทและเสนาบดีทุกท่านติดตามข้าไปยังสถาบันจักรพรรดิ! เมื่อเราไปถึงที่นั่น ทุกอย่างจะชัดเจนเอง!”

จักรพรรดินีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ตกลง”

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด